ใช่ค่ะ....ตอนแรกเราคิดว่าไปกันไม่กี่คน....ที่ไหนได้คนโน้นจะไปคนนี้จะไป
เราเลยตอนนี้งงๆคนแก่ก็มี
เราก็เลยบอกว่าให้ไปติดต่อที่ทัวร์ดีกว่า.....เพราะหลายคนเรารับผิดชอบไม่ไหวค่ะ

คุณอมิตาพุทธค่ะ...ถ้าหากว่าเราไปจุดธูป
ตั้งปณิธานว่า เราจะทานเจตลอดชีวิตน่ะค่ะ....แล้วถ้าเรา ต้องทำอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ล่ะค่ะ
เราจะทำได้หรือปล่าว....แล้วถ้าต้องซื้อเนื้อสัตว์ล่ะค่ะ....จะเป็นยังไงค่ะ
เพราะเพื่อนๆเรา ที่เค้าทานเจนี่...เค้าบอกว่า เค้าไม่ทำอาหารเนื้อสัตว์เลย
เค้าให้ลูกกับสามีของเค้าไปทานบ้านแม่เค้า
แต่เราไม่มี แล้วเราสามารถทำอาหารเนื้อได้หรือปล่าวค่ะ

มีหลายคนพูดให้เราฟังว่า....ถ้าทานเจแล้วจุดธูปตั้งปณิธานทานเจนี่....จะดีมากๆค่ะ
เราไม่รู้จะพูดว่ายังไงอีกพูดไม่ถูกค่ะ
ขนาดพระไทย...บางครั้งฟังเราพูดพระยังงงเลยค่ะ....ท่านยังถามว่า
ทำไมเวลาโยมพูดภาษาไทย ทำไมโยมพูดติดๆขัดๆล่ะ
เวลาพูดภาษาจีน ทำไมไม่เห็นต้องนึกเลย!....เราก็คิดว่าเราก็แปลกน่ะ
แค่นี้ก่อนแล้วกันค่ะ!

นี่ผมแซวกำลังจะแซวอีกแล้ว แต่อดไม่ได้ที่จะต้องยั้งมือไว้ ที่จะแซวเพราะเห็นคุณน่ารัก
แล้วผมจะผิดอีกมั๊ยนี่ที่แซวว่าคุณน่ารัก ok ผมคงไม่เหมาะกับห้องอาหาร เพราะที่นี่มีแต่กัลยาณมิตรที่น่ารัก ซึ่งผมเป็นคนโผงผาง แข็งกระด้างเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งข้างนอกข้างใน ผมไปที่ชอบ ๆ ของผมดีกว่า ลาล่ะครับ ไม่ก่อความวุ่นวายในครัวแล้วครับ ทุกคนจะได้โล่งใจสักที ขอให้ในครัวเป็นแหล่งที่อุดมสุขของทุก ๆ คนในที่นี้นะครับ สาธุ

ผมติดตามอ่านมาตลอดแหละครับ

แต่ครั้งนี้ ถือโอกาสแวะทักทายครับ

เพราะบางครั้งก็อยากเข้าครัวทำกับข้าวเองบ้าง

ขอสักครั้งในชีวิตที่จะได้ทำอาหารเจ

ผมว่าผมก็เป็นคนชอบคิดลึก
แต่บางเรื่องผมก็ไม่อยากคิดให้ลึก


หากคุณ ชิชะเป็นคนตรง ชอบอะไรตรงๆ
หรือชอบหยอกตามแบบของคุณ ก็ไม่มีใครตำหนิคุณหรอกครับ
ผมรู้สึกยินดีซะด้วยซ้ำ ที่มีผู้มีปัญญามาหยอกเย้ากันด้วยเชิงทางปัญญา
มันทำให้ผมรู้สึกสดชื่น และได้ถือเป็นโอกาสใช้ยืดเส้นยืดสาย
สร้างความสุขบันเทิงให้ชีวิตผมด้วย ในวันหนึ่งคืนหนึ่ง

การกล่าวถ้อยคำของผม ผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อน กับสิ่งที่ผมกล่าวออกไป
และไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับคำกล่าวของคุณ

เหตุที่ผมยังไม่เดือดร้อน เพราะผมยังไม่ได้คิดลึก และผมก็ไม่ได้คิดลบ
บางเรื่องผมขี้เกียจเอาใจไปคิดลึก
และทุกเรื่องผมจะพยายามระวัง กลัวว่าใจตัวเองจะไปคิดลบ

เพียงแต่ผมเห็นว่า หากเนื้อความมันยังมีช่องว่าง
ก็ควรเติมเต็มให้มันครบถ้วนซะ เพื่อที่ถ้อยคำของผมจะได้ไม่เกิดโทษกับใครๆ


คุณก็เป็นผู้ใฝ่ธรรม ก็อย่ารีบด่วนสรุป ว่าใครเป็นอย่างไร
ถึงแม้บางครั้งเราอาจรู้จริงว่าเขาเป็นอย่างไร

ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องกล่าว ให้ใครเขารู้ว่าเรารู้
หรือกล่าวเพื่อให้ใครเขาต้องรู้สึกเจ็บปวด


และผมก็หวังว่า การกล่าวของผม ที่มาจากใจของผม
จะไม่ได้ทำให้คุณเจ็บปวด

เพราะผมคิดว่า เมื่อคุณเข้ามาสนทนาด้วย
นั่นหมายถึงคุณ ให้เกียรติแล้วอย่างสหาย


ขอให้คุณเดินเที่ยวชมเที่ยวหยอกตามแบบของคุณตามปกติเถอะครับ
ผมคิดว่านักปฏิบัติธรรมที่ดี คงไม่มีใครไปคิดเล็กคิดน้อยกับคุณ

เพราะนักปฏิบัติธรรมที่ดี เขาคงจะคิดเล็กคิดน้อยกับตัวเองมากกว่า
และกลัวนักหนายามมันเผลอไปคิดกับคนอื่น

สวัสดีครับ

วนเวียนเข้าๆออกห้องครัวอยู่หลายรอบ
จะมาแวะทานข้าวอยู่อย่างเดียวก็เกรงใจ
เลยนำกับข้าวมาร่วมโต๊ะด้วยคนค่ะ
ถือเป็นการส่งการบ้านไปด้วยเลยนะคะ


ผัดสายบัวค่ะ ขออภัยที่จานนี้ไม่เจเต็มร้อยค่ะ
เนื่องจากมีกระเทียม กับผักชี (ผักชีเค้าไม่ใส่กันในอาหารเจด้วยรึปล่าวคะไม่แน่ใจ)
ไม่ค่อยได้เป็นคนจ่ายตลาดเองค่ะ แต่ครั้งนี้ทำเองทั้งหมดเลยน๊า ได้แรงบันดาลใจจากห้องนี้น่ะค่ะ
พอดีไปเจอสายบัวขายในตลาด ไม่ได้ทานนานแล้วด้วย
ซื้อมากำนึง แบ่งผัดสองรอบ เพราะมันดูเยอะๆ
ไม่เคยผัดสายบัวมาก่อนเลยค่ะ ผัดครั้งแรกในชีวิตเลย
เครื่องก็มั่วๆเอาค่ะ หาเท่าที่มี

เครื่อง

ใส่เห็ด เต้าหู้ แล้วก็พริกเขียวแดงเพิ่มสีสันหน่อย

ขั้นตอนการทำ

เอาน้ำมันตั้งไฟร้อน แล้วเอาเต้าหู้ที่หั่นแฉลบๆ (เรียกว่ายังไง หั่นสไลท์ๆเฉียงๆค่ะ)
ไปรวนกับน้ำมันให้พอเหลืองหน่อยๆ พักไว้ ตรงนี้เลียนแบบจากหลายๆสูตรในห้องนี้ค่ะ

จากนั้นผัดกระเทียมพอหอม (เจไม่ใส่ค่ะ) ใส่เต้าหู้ที่รวนน้ำมันแล้ว แล้วก็ใส่เห็ดกับสายบัวลงผัด

ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส เราใช้ซอสถั่วเหลืองเจค่ะ ที่เค้าทำมาคล้ายๆน้ำมันหอย (เรียกไม่ถูก)

ใส่พริกเขียวแดงลงผัด แล้วตักใส่จานได้เลย

ผลออกมา

ผัดสายบัวจานแรกในชีวิต จากสายบัวเต่งๆดูกรุงกรอบ มันเหี่ยวเหลือนิดเดียวเองค่ะ
เลยไม่กล้าจะถ่ายภาพไปอวดใครได้ แต่ก็ทานจนหมด เหี่ยวก็กิน ฝีมือตัวเองนี่นา

ได้บทเรียนว่า ผัดแบบนี้คงต้องใช้ไฟแรงและผัดเร็วๆ
จานที่สองเลยผัดใช้ไฟแรงขึ้น ผัดเร็วขึ้น ผลออกมาอย่างที่เห็นค่ะ
ดีกว่ารอบแรกมากมาย ถึงจะยังดูสลดๆไปนิดหน่อย แต่อร่อยน๊า

คุณน้ำอธิบายมาซะยาวเลย

มีสุภาษิตกล่าวว่า"ผู้บำเพ็ญธรรมมีมากดั่งขนวัว แต่ที่บรรลุธรรมได้มีแค่เขาวัว"
ถ้าหากพิจารณาพระโอวาทของพระโพธิสัตว์กวนอิม อันนี้ให้ดีๆ ด้วยใจเป็นกลาง
ก็จะเห็นได้ครับ

มีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อน มีเจ้าชายแห่งแคว้นหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายในชีวิต เพราะถึงแม้จะเป็นเจ้าชาย
มีทรัพย์สมบัติ มีลาภ ยศ แต่ก็มีเรื่องไม่สมหวังในชีวิตอีกหลายอย่าง จึงได้ปลงต่อชะตาชีวิต
ของตัวเอง และได้หันหน้าเข้าหาศึกษาธรรม โดยออกบวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
เมื่อไปเสาะหาวัดที่เงียบสงบกราบพระอาจารย์และได้ออกบวชแล้ว ท่านก็ได้ไปปลีกวิเวก ไป
ทำความเพียร อยู่ในกระท่อมหลังเล็กบนภูเขา โดยในแต่ละวันก็จะสวดมนต์ นั่งสมาธิ โดยหันหน้า
เข้าหากำแพง ผ่านไปหลายปี ก็ยังไม่บรรลุธรรมสักที

ครานั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมได้จาริกผ่านมา ใกล้รุ่งเช้าขณะที่พระโพธิสัตว์กวนอิม
กำลังแผ่พระญาณออกไปเพื่อจะโปรดสัตว์ ก็ได้เห็นพระภิกษุรูปนี้อยู่ในข่ายพระญาณ
และทรงรู้ถึงความในใจว่าพระภิกษุรูปนี้ปรารถนาอะไร

ในคืนต่อมาพระสงฆ์รูปนั้นกำลังนั่งสมาธิ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงได้เข้าไปในนิมิต โดยปรากฏพระองค์
ทรงอยู่บนหลังม้า และพลันเกิดแสงสว่างขึ้น ม้าเหล่านั้นก็วิ่งออกไปทั้งสี่ทิศ
พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงตรัสว่า การบำเพ็ญธรรมมิใช่แต่ทำความเพียรอยู่กับที่ แต่จำเป็นต้องจาริก
ไปตามที่ต่างๆ เพื่อโปรดผู้คนด้วยจึงจะมีมรรคผลและเข้าถึงธรรม
หลังจากนั้นพระภิกษุรูปนี้ จึงได้ออกจาริกไปตาที่ต่างๆ ออกโปรดผู้คน สั่งสอนเทศนาธรรม
ให้แก่ชาวบ้านที่สนใจ และพร้อมทั้งกระทำความเพียรอย่างยิ่งยวด ไม่นานท่านก็ได้
สำเร็จธรรมบรรลุเป็นพระอรหันต์.

เราเองถึงแม้จะเป็นฆราวาส บำเพ็ญอยู่ที่บ้าน ก็ช่วยส่งเสริม
ให้ผู้อื่นเข้าหาธรรม เข้ามาปฏิบัติธรรมได้ เหมือนกัน ส่งเสริมตามความรู้ที่เรามี
รู้แค่ไหน ก็ส่งเสริมไปแค่นั้น ที่เหลือก็แนะแนวทางให้เขาไปต่อยอดเอาเอง
ก็เหมือนเราได้โปรดผู้คนเหมือนกัน

ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท่านเองก็มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะ
นั่นก็คือการโปรดสัตว์ของท่านเหมือนกันครับ

ส่วนคำว่า ปัจเจกบุคคล นั้น เป็นเพียงคำเปรียบเทียบครับ
มิใช่ พระปัจเจกพุทธ นะครับ
เพราะว่า พระปัจเจกพุทธ นั้น ท่านเอง
ก็โปรดสัตว์เหมือนกัน เพียงแต่อาจโปรดสัตว์ได้น้อยหรือาจจะเป็นเพราะ
ในช่วงที่ท่านได้ตรัสรู้ เวไนยสัตว์ในสมัยนั้นมีปัญญาน้อย ไม่สามารถจะเข้าใจ
พระธรรมคำสอนของท่านได้ และท่านไม่ได้ประกาศศาสนา
เพราะท่านมิได้ตั้งปณิธานที่จะโปรดสรรพสัตว์โดยทั่วถึง

ขอเพียงผู้คนมีจิตเป็นกุศล ไม่ว่าเขาจะทำเพื่อตัวเอง
นั่นก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งแล้วล่ะครับ

ขอบคุณครับคุณน้ำ ที่ได้เมตตาชี้แนะมาครับ
และต้องขออภัยคุณน้ำด้วยเช่นกันครับ
สาธุ สาธุ

ถึงคุณเต้ ครับ
เรื่องการตั้งปณิธาน ทานเจ
ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความเห็นของคุณน้ำ
ไม่น่าเชื่อเลยครับคุณน้ำ สิ่งที่คิดว่าจะพูด คุณน้ำพูดออกมาหมดเลย
คิดเหมือนกันเด๊ะ อันนี้พูดจริงนะครับเนี่ย

การตั้งปณิธานทานเจจะรวมถึงการไม่ส่งเสริมให้คนฆ่าสัตว์หรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันด้วย
คือถ้าหากเรายังต้องทำอาหารเนื้อสัตว์ให้สามีหรือคนในครอบครับทานอยู่
ซึ่งเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีต้องดูแลสามี แต่ก็เป็นไปได้ง่ายที่เราจะ
เจขาด เพราะการทำอาหารเราต้องชิมดูรสชาติด้วยใช่ไหมครับ

ตอนนี้คุณเต้ ยังไม่ต้องตั้งปณิธาน หรอกครับ ทำแบบปกติไปก่อน
รอเหตุปัจจัยพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยตั้งปณิธานก็ได้ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยนะครับคุณเต้

ผู้ที่ทานเจได้ถือว่าเป็นผู้มีเมตตา แต่ผู้ที่สามารถส่งเสริมให้ผู้อื่นทานเจได้ ถือเป็นมหาเมตตา.

โอ้โห จะมาเป็นหมู่คณะแบบนี้น่ายินดีจังครับ
แบบนี้ คุณน้ำ เธอคงจะกลายเป็นผู้คุมคณะทัวร์ปฏฺิบัติธรรมไปเลยนะครับเนี่ย
สาธุด้วยครับคุณเต้

ขออนุโมทนา กับ แทนขวัญ ด้วยครับ
ที่นำเมนูลงมือทำเอง มานำเสนอ
ถ้ามีเมนูใหม่ ๆ เอามาลงอีกเยอะๆ ก็ได้นะครับ

อาหารเจ จะไม่ปรุงด้วย ผักฉุน 5 อย่าง ซึ่งกระทบกับธาตุทั้ง 5
1. กระเทียม (เพราะบำรุงกำหนัด ทำให้ใจไม่สงบ)
2.หัวหอม
3.กระเทียมโทน
4.กุ้ยช่าย
5.ใบยาสูบ (รวมถึงห้ามสูบบุหรี่ด้วย)

และยังรวมถึงการดื่มสุรา เสพของมึนเมาด้วยนะครับ เป็นข้อห้ามด้วย

ผักที่นอกเหนือจากนี้ ทำอาหารเจได้หมดครับ

แต่ถ้าใครเป็นมังสวิรัต ก็ยังทานผักที่กล่าวมาได้
รวมถึงทานไข่ได้ครับ

ครับสวัสดี
เห็นคุณร่ายตั้งยาว ว่าจะไม่เข้ามาตอบก็กระไร ดังนั้นผมขอตอบแค่นี้ล่ะว่า ผมขี้เกียจจะคุยแล้ว
แต่ถ้าคุณยังอยากจะคุยกับผม ก็ไปตามหาข้างนอกครัวเอาเอง แถว ๆ นี้ไม่ใช่ที่ที่ผมชื่นชอบ
เหมือนจะกำกวมอีกแล้ว เดี๋ยวจะว่าผมไม่ชอบคนแถวนี้
คือผมดีแต่กินครับ ไม่ได้สนใจเรื่องการทำอาหาร

จริง ๆ ไม่คุยแล้ว แต่อดไม่ได้ที่จะต้องไขความกระจ่างในการกระทำของผม
ก็เลยต้องกลับมาแก้ไขเพิ่มข้อความ
คราวหลังระวังไว้หน่อยละกันครับ ไอ้ประเภทคำกำกวม ยังไงคุณต้องรอบคอบในการใช้
ดูด้วยว่าใช้กับใคร ใช้ที่ไหน สถานการณ์อย่างไร
อันนี้ผมกล่าวให้ฟังเฉย ๆ เพราะผมก็รู้สึกว่าผมแหย่พวกคุณแรงไปจริง ๆ
เพราะผมเคยประสบกับเรื่องราวทำนองนี้ และเพราะความกำกวมของผมทำให้ผมต้องสูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่างไป ชนิดที่เรียกได้ว่า ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมได้สูญเสียเขาไปแล้ว เพราะผมคิดไม่ลึก ผมจึงไม่ได้นึกถึงคลื่นใต้น้ำที่ปะทุอยู่เงียบ ๆ
สิ่งที่เห็นได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว ตามแก้ตามเช็ดได้ แต่สิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้จนมิดนี่สิ มันไม่มีนัยอะไรเลย มันไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีสัญญาณใด ๆ มันจะเกิดก็เกิด
เหมือนไวรัสคอมพิวเตอร์ที่นอนนิ่งรอคอยระหัสสั่งให้มันทำงาน
พอเจอคำกำกวมประเภทที่ผมเคยใช้มันก็เลยไปกระตุกต่อมความทรงจำเก่า ๆ ให้ผุดขึ้นมา ผมก็เลยอดไม่ได้ที่ต้องสะกิด ยังไงก็ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ผมเผลอสะกิด

ครับสวัสดี

ไม่ไหวค่ะคุณน้ำ-คุณอมิตาพุทธ....ตอนแรกคิดว่าจะไปด้วยกัน4คนเองค่ะ
แต่พอตอนหลัง ญาติพี่น้องเพื่อนของญาติ...จะไปด้วยเราก็เลยโทรติดต่อกับญาติเรา
ที่ทำทัวร์แต่เราจะไปด้วย....ญาติเราบอกว่าไม่คุ้ม

เพราะไม่ใช่ไปที่วัดทั้งหมด....บางคนจะเที่ยวบางคนจะซื้อ
ปัญหาจะเยอะ....ตอนนี้เราลยต้องเฉยๆค่ะ...ไม่กล้าพูดว่าจะไปเมืองไทย

พูดถึงเมืองไทยแล้ว....อยากกลับไปมากๆเลยน่ะค่ะ
มีความรู้สึกว่าใกล้ๆแค่นี้เอง
แต่ทำไมถึงไปไม่ได้....ก็ยังไม่เข้าใจเลยค่ะ

เราไม่กล้าพาลูกสาวเราไปเมืองไทย...เพราะเรากลัว
เวลาอ่านข่าวแล้วน่ากลัวจริงๆ!
ขอบคุณน่ะค่ะคุณน้ำ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ