วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 05:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 105 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2009, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




ling001.jpg
ling001.jpg [ 25.35 KiB | เปิดดู 5339 ครั้ง ]
cool หวัดดีค่ะ คุณลุงมะตูม หายไปไหน
ก็ไม่ทราบ :b7:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนไร้สาระ เขียน:
cool หวัดดีค่ะ คุณลุงมะตูม หายไปไหน
ก็ไม่ทราบ :b7:

หวัดดีครับ..ไม่หายไปไหนหรอก...พึ่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวาน..นึกว่าจะได้เจอ..หนูที่แอร์พอล...เสียอีก
ลุงพาพระอาจารย์ไปแอร์พอล...เมื่อวาน...พึ่งรู้ว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับพ่อหนูฟ้า....เค้า
ท่านมาส่ง....มีพระติดตามมา 7 องค์...นอกนั้นท่านมาเอง อีก 9 องค์...
แต่ขากลับคุณเพลิงไปส่งที่น้ำหนาวเหลือแค่ 3 องค์
นอกนั้นท่าน..ให้คุณลอย...ไปส่งหมอชิตหมดเลย... :b12: :b12:

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 14:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ลุงมะตูม เขียน:
คนไร้สาระ เขียน:
cool หวัดดีค่ะ คุณลุงมะตูม หายไปไหน
ก็ไม่ทราบ :b7:

หวัดดีครับ..ไม่หายไปไหนหรอก...พึ่งเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวาน..นึกว่าจะได้เจอ..หนูที่แอร์พอล...เสียอีก
ลุงพาพระอาจารย์ไปแอร์พอล...เมื่อวาน...พึ่งรู้ว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับพ่อหนูฟ้า....เค้า
ท่านมาส่ง....มีพระติดตามมา 7 องค์...นอกนั้นท่านมาเอง อีก 9 องค์...
แต่ขากลับคุณเพลิงไปส่งที่น้ำหนาวเหลือแค่ 3 องค์
นอกนั้นท่าน..ให้คุณลอย...ไปส่งหมอชิตหมดเลย... :b12: :b12:


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณลุงมะตูม คุณเพลิง และคุณลอย
ที่ได้ทำบุญร่วมกัน...อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ไม่ทราบว่าพระอาจารย์รูปไหนเหรอคะ


:b48: ระลึกถึงนะคะ :b48:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="ลูกโป่ง"]สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณลุงมะตูม คุณเพลิง และคุณลอย
ที่ได้ทำบุญร่วมกัน...อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ไม่ทราบว่าพระอาจารย์รูปไหนเหรอคะ

:b48: ระลึกถึงนะคะ :b48:

เป็นพระป่า...ไม่มีชื่อเสียงหรอกครับ...รู้จักกันเฉพาะึผู้ชอบเดินป่าเท่านั้น....
จริยวัตรสง่าน่าเลื่อมใส...อายุมากพอควร...24 พรรษาแล้ว
จะกราบท่านได้ก็ช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น...
ออกพรรษาท่านรับกฐินแล้ว...ท่านจะธุดงค์เข้าไปในป่าลึกครับ

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 09 ต.ค. 2009, 15:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ลุงมะตูม เขียน:
ลูกโป่ง เขียน:
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณลุงมะตูม คุณเพลิง และคุณลอย
ที่ได้ทำบุญร่วมกัน...อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ไม่ทราบว่าพระอาจารย์รูปไหนเหรอคะ

:b48: ระลึกถึงนะคะ :b48:

เป็นพระป่า...ไม่มีชื่อเสียงหรอกครับ...รู้จักกันเฉพาะึผู้ชอบเดินป่าเท่านั้น....
จริยวัตรสง่าน่าเลื่อมใส...อายุมากพอควร...24 พรรษาแล้ว
จะกราบท่านได้ก็ช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น...
ออกพรรษาท่านรับกฐินแล้ว...ท่านจะธุดงค์เข้าไปในป่าลึกครับ


ขอบคุณมากค่ะ...คุณลุงมะตูม
เป็นบุญของคุณลุงนะึคะ ที่ได้กราบท่าน...ช่วงเข้าพรรษา...
อนุโมทนาสาธุค่ะคุณลุงมะตูม...ที่น่ารักและแสนดี


:b48: ดูแลสุขภาพนะคะคุณลุง :b48:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2009, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 15:37
โพสต์: 112

ชื่อเล่น: ดอกพุทธ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกเรื่องของลุมมะตูมนะคะ ดีมากๆ เลย อ่านทุกตอน เพราะช่วงนี้เครียดมาก ทำให้เกิดกรด
ในร่างกาย รู้วิธีแก้ไขแล้วค่ะ คงต้องเริ่มให้ถูกวิธีตั้งแต่วันนี้แล้วล่ะ งั้นเดี๋ยววันนี้กลับไปกินสลัดผักดีกว่า
กินทุกเย็น ขอบคุณนะค๊า :b1:

.....................................................
หลอมจิตบรรจง สู่แสงแห่งธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b38: อาหารแสลงที่ห้ามกินเมื่อป่วย

เคยไหมที่เวลาเราไม่สบาย บางทีจะได้ยินคุณยาย หรือคุณแม่บอกว่าห้ามรับประทานโน่นห้ามรับประทานนี่ เพราะว่ามันเป็นของแสลง
ของแสลง ก็คือบรรดาอาหารที่ไม่ถูกกับโรคทั้งหลายแหล่ แต่บางทีก็ทำให้เรางงเหมือนกันว่าเกี่ยวกันยังไง
แต่ของอย่างนี้อย่าลบหลู่ เพราะขึ้นชื่อว่าภูมิปัญญาชาวบ้านแล้วไซร้ ฟังหูไว้หูก็ดีเหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 โรคที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้

:b38: เป็นไข้หวัด มีไข้สูง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก อาหารที่เย็นมากๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยยาก
จะทำให้เกิดความร้อนสะสม เปรียบเสมือนอาหารเชื้อเพลิงหรือเป็นการเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟ

:b38: โรคกระเพาะ
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชาแก่ๆ กาแฟ ของเผ็ด ของทอด ของมัน เพราะอาหารเหล่านี้
ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้โรคหายยาก ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารปริมาณน้อยๆ
แต่บ่อยครั้ง รับประทานอาหารให้ตรงเวลา และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย

:b38: โรคความดันเลือดสูง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารที่มีคอเรสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โกโก้ รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมในร่างกาย และความชื้นก็มีผล
ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวียนทุกระบบในร่างกาย และความร้อนก็จะไปกระตุ้นทำให้ความดันสูง
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวานมาก รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน

:b38: โรคตับและถุงน้ำดี
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารมัน เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์ อาหารทอด อาหารหวานจัด
เพราะแพทย์จีนถือว่าตับและถุงน้ำดีมีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร
การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไป จะทำให้สมรรถภาพของการย่อยอาหารอ่อนแอลง
และเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอีกต่อหนึ่ง

:b38: โรคหัวใจและโรคไต
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เพราะจะทำให้มีการเก็บกักน้ำ การไหลเวียนเลือดจะช้า
ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควรหลีกเลี่ยง
เพราะทำให้กระตุ้นการไหลเวียนสูญเสียพลังงานและหัวใจก็ทำงานหนักขึ้นเช่นกัน

:b38: โรคเบาหวาน
หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานหรือแป้งที่มีแคลอรี่สูง เช่น มันฝรั่ง มันเทศ ควรรับประทานอาหารพวกถั่ว
เช่น เต้าหู้ นมวัว เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสด

:b38: นอนไม่หลับ
หลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่ เพราะอาหารเหล่านี้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท
ทำให้ไม่ง่วงนอนหรือนอนไม่หลับสนิท

:b38: โรคริดสีดวงทวาร หรือท้องผูก
หลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม กระเทียม ขิงสด พริกไทย พริก
เพราะอาหารเหล่านี้อาจทะให้ท้องผูก หลอดเลือดแตก และอาการริดสีดวงทวารกำเริบ

:b38: ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด
ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ด
เพราะจะไปกระตุ้นและทำให้อาหารผิวหนังกำเริบ

:b38: สิว หรือต่อมไขมันอักเสบ
งดอาหารเผ็ดและมัน เพราะทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้นของกระเพาะอาหาร ม้าม
มีผลต่อความร้อนชื้นไปอุดตันพลังของปอด ควบคุมผิวหนัง ขนตามร่างกาย ทำให้เกิดสิว

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"


แก้ไขล่าสุดโดย ป่าอ้อ เมื่อ 10 ต.ค. 2009, 13:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b39: เลือดออกแบบไหนต้องไปหาหมอ

ไม่ว่าใครหากได้เห็นเลือดออกจากส่วนไหนของร่างกายเป็นต้องตกใจ กลัว วิตกกังวล คิดไปสารพัดต่างๆ นานา บางคนแพ้เลือดยิ่งอาการหนัก อาจพาลเป็นลมเป็นแล้งไปเลยก็ได้ พยายามตั้งสติไว้นะคะ เพราะยิ่งมีสติและสามารถสังเกตความผิดปกติได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งปลอดภัยและเลือดหยุดไหลได้เร็วเท่านั้น

สำหรับกรณีเลือดออกตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมีทั้งแบบเล็กน้อยไม่ต้องกังวล และแบบที่เข้าข่ายอันตรายควรรีบพบแพทย์ แล้วเลือดออกที่ส่วนไหน ลักษณะยังไง คือปกติ แล้วแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ ลองไปไล่ดูทีละส่วนกันเลย

:b39: ผิวหนัง
หากเป็นแค่แผลถลอก เลือดออกซิบๆ ก็ไม่ต้องกังวล นั่นเป็นแค่เส้นเลือดเล็กที่อยู่ใกล้ผิวหนังฉีกขาด
เลือดจึงซึมออกมา ยกเว้นว่า เมื่อคุณทำความสะอาดแผล ใส่ยาไปสักพักแล้วแผลไม่หาย
แต่กลับลุกลามขึ้นค่อยไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดการดื้อยาต้านเชื้อไวรัส

แต่ถ้าเป็นแผลมีดบาด หรือปากแผลมีการฉีกขาดเยอะ ให้ดูว่าบาดแผลลึกไหม หากไม่ลึกก็สามารถทำความสะอาดแผลเอง แล้วใช้ผ้าก็อชพันปิดบาดแผลและช่วยหยุดเลือดได้ แต่ถ้าบาดแผลลึกมากและเลือดออกไม่ยอมหยุดไหล ให้รีบไปพบแพทย์ อาจต้องทำการเย็บปิดปากแผลค่ะ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ในรายที่เป็นโรคเบาหวาน ที่แม้บาดแผลแค่นิดหน่อยเลือดก็จะไหลเยอะ และหยุดไหลยาก ยิ่งถ้าเป็นการเกิดบาดแผลบริเวณเท้าหรือขา ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

:b39: เหงือก
เลือดไหลซึมออกมาทางเหงือก หรือที่เรียกว่า ลักปิดลักเปิด นั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจเป็นโรคเหงือก หรือสุขภาพช่องปากเริ่มไม่ดีแล้ว เช่น อาจจะมีหินปูนเกาะสะสมอยู่ตามซอกฟัน เป็นต้น

ซึ่งบางคนมองว่าแค่เลือดไหลนิดๆ หน่อยๆ แป๊บเดียวก็หายไม่เห็นเป็นไร แท้จริงแล้วหลังจากนั้นจะมีผลตามมาอีกมากมาย เช่น สุขภาพช่องปากจะยิ่งแย่และลุกลามขึ้นทุกวัน ส่งผลเสียต่อเหงือกและฟัน หรือแม้แต่เลือดที่ซึมออกมาแล้วไปเจือปนกับเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก สุดท้ายเราก็กลืนน้ำเลือดนั้นเข้าไป ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ระบบอวัยวะภายในต่างๆ ทั่วร่างกาย

ฉะนั้นเมื่อพบเลือดไหลซึมออกมาจากเหงือก คุณจึงควรรีบหาเวลาไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและรับการแก้ที่สาเหตุของปัญหา แล้วควรหมั่นแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีคุณภาพ ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปาก เพื่อเพิ่มสุขลักษณะในช่องปาก หรือแม้ยังไม่มีเลือดออกมาส่งสัญญาณเตือน ก็ควรไปตรวจสุขภาพช่องปากทุกๆ 6 เดือนด้วย

:b39: ท้อง
หากอาเจียนออกมาเป็นเลือดย่อมต้องมีความผิดปกติอย่างแน่นอน และถือเป็นความผิดปกติที่นิ่งนอนใจไม่ได้เด็ดขาด เพราะอาจมาจากการเป็นแผลในกระเพาะ หรือเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่อวัยวะภายในซึ่งเรามองไม่เห็นก็เป็นได้

คุณจึงจำเป็นต้องไปพบแพทย์และรับการตรวจอย่างละเอียดเป็นการด่วน โดยแพทย์จะทำการส่องกล้องดูกระเพาะอาหาร เพื่อหาบาดแผลหรือดูการทำงานของระบบการย่อย ฟังดูอาจจะน่ากลัวหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญไปมาก เครื่องมือที่ใช้สอดไปในร่างกายเราเป็นเพียงหลอดเล็กๆ บางจิ๋วที่ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแต่อย่างใด

:b39: หู
ถ้าเลือดที่ซึมออกมาเกิดจากการเผลอไปเกา หรือขีดข่วนใบหูก็ไม่ต้องตกใจไป แค่ซับเลือดแล้วใส่ยาสมานแผลก็เพียงพอแล้ว แต่หากไม่ได้เป็นเลือดซึมอยู่บริเวณแผ่นหูด้านนอก แต่พบจากการใช้คัตตอนบัดเช็ดทำความสะอาดหูด้านในแล้วมีเลือดติดออกมา แบบนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนที่จะเกิดการติดเชื้อและลุกลาม

:b39: ช่องคลอด
เลือดออกทางช่องคลอดมีหลายแบบ หากเป็นเลือดประจำเดือนก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงต้องเป็นทุกเดือน อยู่แล้ว แต่หากเลือดนั้นเกิดออกมามาก หรือมาก่อนกำหนดซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ถือว่าผิดปกติ ควรจะเข้ารับการตรวจทันที

ส่วนในรายที่มีเลือดออกทางช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ควรไปพบสูตินารีแพทย์ เพื่อตรวจละเอียด เนื่องจากอาจเกิดจากการติดเชื้อ และหากปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นบ่อยๆ เข้าอาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้

แต่กรณีที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ในรายที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ว่าเลือดที่ไหลออกมานั้นจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ คุณต้องรีบไปพบแพทย์ที่ฝากครรภ์ไว้ทันที

:b39: จมูก
เลือดออกทางจมูกจะพบมากในวัยเด็ก เนื่องจากเส้นเลือดที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อในโพรงจมูกรวม ทั้งเยื่อจมูกเองยังมีความบอบบางอยู่มาก ฉะนั้นหากความดันเปลี่ยน หรือมีการกระแทกบริเวณจมูกเพียงนิดหน่อยก็จะทำให้เลือดออกได้ง่ายๆ

การแก้ไขอันดับแรกคือ คุณต้องพยายามปลอบโยนเขาให้หยุดร้อง เพราะหากร้องมากจนเหนื่อย หรือกลัวมากๆ จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว เลือดมีการสูบฉีดสูงก็จะยิ่งไหลเยอะ จากนั้นให้จับเขานั่งตัวตรง เอนศีรษะไปด้านหลัง แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้กดเบาๆ ที่ดั้งจมูก ไม่เกิน 5 นาทีเลือดก็จะหยุดไหล แต่หากทำเช่นนี้แล้ว 2-3 ครั้งเลือดยังไม่หยุดให้พาไปพบแพทย์ค่ะ

:b39: หัวนม
หากเป็นคุณแม่ที่เพิ่งคลอด หรืออยู่ระหว่างให้นมลูก การมีเลือดซึมออกมาจากรอยแยกของหัวนมถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากคุณไม่ใช่ทั้ง 2 กรณี แต่ยังมีเลือดไหลซึมออกมาให้รีบไปพบแพทย์ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณจากร่างกายที่ส่งออกมาเตือนถึงการเป็นมะเร็งเต้านม ได้

:b39: ทวารหนัก
เลือดไหลออกมาจากทวารหนักเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เป็นริดสีดวง มีพยาธิ หรือเป็นสัญญาณเตือนของการเป็นมะเร็งลำไส้ ฉะนั้นหากพบเห็นเลือดไหลออกมาจากบริเวณนี้ ทั้งด้วยการซึมออกมาเป็นน้ำเลือด หรือปนเปื้อนออกมากับอุจจาระควรรีบไปพบแพทย์ทันที

รู้แล้วว่าเลือดออกแบบไหนปกติและแบบไหนที่ผิดปกติ คราวหน้าหากตัวคุณเองหรือคนรอบข้างเกิดมีเลือดไหลพยายามตั้งสติให้มั่นเข้า ไว้ แล้วพิจารณาถึงความรุนแรง จากนั้นก็รีบตัดสินใจว่าจะลงมือปฐมพยาบาลเองหรือไปโรงพยาบาลนะคะ

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"


แก้ไขล่าสุดโดย ป่าอ้อ เมื่อ 10 ต.ค. 2009, 13:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b48: สูตรความงามแบบประหยัด (หัวจรดเท้า) :b48:

ครีมบำรุงผิวก็หมด ครีมหมักผมก็เหลือแค่ค่อนขวด เลยไปค้นดูข้าวของในบ้านเราว่ามีอะไร
บำรุงบำเรอความงามโดยไม่ต้องซื้อหา เรามีสูตรเด็ดมาฝากค่ะ

:b48: ใบหน้า มะนาวเพื่อความหมดจด

น้ำมะนาวนี่ละค่ะ นำมาผสมกับไข่ขาวสามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างดี

สำหรับสาวผิวมัน บีบน้ำมะนาวผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง ตีไข่ขาวให้เป็นฟอง และเทลงกระทะพร้อม น้ำมะนาวตั้งไฟอ่อนๆ จนกระทั่งขึ้นฟูหนา ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 2-3 นาที และเช็ดออกด้วยสำลีชุบน้ำหมาดๆ

:b48: ใบบัวบก ชะลอวัย

ใบบัวบกที่แสนดี จะเป็นผู้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ถ้าอยากจะยืดระยะเวลาความเต่งตึงไว้นานหน่อย ไปตลาดซื้อใบบัวบกสดๆ มาปั่นหรือตำให้ละเอียดแล้วกรองเอาแต่น้ำ ใช้สำลีชุบน้ำพอกหรือทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก ทำทุกวันก่อนนอนนะคะ

:b48: ผิวพรรณ ขัดตัวด้วยน้ำตาล

เราใช้น้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ๆ เป็นสครับขัดผิวได้ค่ะ ด้วยน้ำตาลทราย 1 ถ้วยผสมครีมอาบน้ำในบ้าน ประมาณ 2 ช้อนชา นำมานวดให้ทั่วตัว บริเวณไหนแห้งมากก็นวดให้ละเอียดลออกว่าส่วนอื่นหน่อย เช่น ข้อศอก หัวเข่า ล้างออกด้วยน้ำเย็น ผิวพรรณจะสดใสเปล่งประกาย

หรือชโลมผิวด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว ใช้น้ำมะนาว 1 ถ้วย ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ถ้วย หรือ ประมาณเอาเองก็ได้ค่ะว่า อัตราส่วน 1 ต่อ 2 ผสมให้เข้ากันล้างเนื้อล้างตัวพอ สะอาด นำน้ำผึ้งผสมมะนาวให้ทั่วเรือนร่าง ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ เช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูให้แห้ง ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ถ้าเป็นสาวผิวแห้งเติมน้ำในส่วนผสมเสียหน่อยค่ะ

:b48: ผมเงางาม มะพร้าวเพื่อผมเสีย

สำหรับผมแห้งเสีย เพื่อการบำรุงที่ลึกล้ำ ลองผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนชา นวดให้ทั่วศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ก่อนสระด้วยแชมพูอีกครั้ง

:b48: มะกรูด ขจัดรังแค

สระผมด้วยแชมพูให้สะอาดหมดจดแล้ว ใช้มะกรูด 1-2 ลูก ใส่น้ำ 3-5 แก้ว ต้มให้เดือด ทิ้งไว้จนอุ่นแล้วขยำหรือบดลูกมะกรูดที่ต้มแล้วให้ละเอียด กรองเอาเนื้อและกากออก นำน้ำมะกรูดมาชโลมผม ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วจึงล้างออก ทำอาทิตย์ละ 3 ครั้งก็พอค่ะ

:b48: บอระเพ็ด แก้ผมหงอก

นอกจากป้องกันผมหงอกก่อนวัยแล้ว ยังช่วยดูแลผมไม่ให้ร่วง เสีย ใช้บอระเพ็ด สดตำให้แหลก ใส่ในน้ำซาวข้าวกะเอาพอประมาณ ตั้งทิ้งไว้สักครู่ กรองคั้นเอาแต่น้ำ นำมาหมักผมทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออก ทำอาทิตย์ละครั้งค่ะ

:b48: ถนอมมือ มือนุ่มด้วยข้าวโอ๊ต

ใช้ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับนม 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกันพอเข้ากันได้ดีแล้ว นำมาทาถูมือทั้งสองข้าง ล้างออกแล้วทำซ้ำอีกรอบ จะช่วยให้มือทั้งขาวขึ้น และนุ่มขึ้น สำหรับคนที่กลัวแพ้ ก็ทดลองใช้ทีนะนิดก่อนก็ได้ค่ะ

พืช สมุนไพร หรือของก้นครัวที่มีอยู่ในบ้าน มีประโยชน์ต่อเรามากมายกว่าที่คิดนะคะ
ความสวยไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับเครื่องประทินโฉมราคาแพงเสมอไป ถ้าเรารู้จักเลือกใช้อย่างฉลาดนะคะ

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"


แก้ไขล่าสุดโดย ป่าอ้อ เมื่อ 10 ต.ค. 2009, 13:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2009, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m210638.jpg
m210638.jpg [ 25.94 KiB | เปิดดู 5296 ครั้ง ]
สวัสดีค่ะ คุณลุง :b8:
ขอบพระคุณสำหรับสาระความรู้ค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 11 ต.ค. 2009, 02:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

อิ่มอร่อย หลับสบาย

กล้วย
หากใกล้ถึงเวลาตรวจสุขภาพประจำปี คนที่สุขภาพไม่ค่อยจะดีคงรู้สึกหวั่น ๆ กับการตรวจไม่น้อย
จนพาลคิดว่าอาจเป็นโรคนั้นโรคนี้แล้วแต่จิตนาการจะพร่ำเพ้อจนนอนหลับไม่สนิท “กินดี”
ศุกร์นี้ขอพักเมนูอาหารน่าหม่ำไว้ชั่วคราว เพื่อแนะนำผลหมากรากไม้ ที่ช่วยบำรุง (จิตใจ)
ให้ข่มตาหลับสนิทเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายไว้ เจาะเลือด ในวันรุ่งขึ้น ดังนี้

กล้วย ผลไม้ที่เป็นแหล่งสะสมของแมกนีเซียม มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว อีกทั้งในกล้วยมีฤทธิ์ลดการหลั่งสารซีโรโทนิน
หรือฮอร์โมน ควบคุมการนอนหลับ ทำให้ร่างกายถูกกระตุ้นน้อยลง

ชาคาโมไมล์ ใช้ดื่มก่อนนอน ช่วยลดอาการกระสับกระส่ายหรือตื้นเต้นจากอาการหวาดกลัว

นมอุ่น ๆ ผสมน้ำผึ้งหยดเดียว จะช่วยให้สมองลดการหลั่งโอเรซิน หรือสารสื่อประสาทตื่นตัว ให้ตื่นตัวน้อยลง

มันฝรั่งปริมาณน้อย ย้ำ! ปริมาณน้อย เพราะจะไม่รบกวนกระเพาะอาหารมาก
แต่จะช่วยลดกรดที่จะรบกวนการหาว ซึ่งกระตุ้นการหลั่งทริปโตแฟน หรือกรดอะมิโนธรรมชาติ
มีมากในอาหารโปรตีน สมองเปลี่ยนทริปโตแฟนเป็นฮอร์โมนซีโรโทนิน ซึ่งช่วยควบคุมการนอนหลับอีกที
ทานกับนมอุ่น ๆ สักแก้ว เวิร์กสุด ๆ

ข้าวโอ๊ตและอัลมอนด์ อุดมไปด้วยสารที่ช่วยให้นอนหลับสบาย
การทานซีเรียลผสมอัลมอนด์ชามเล็ก ๆ ราดด้วยน้ำเชื่อมเมเปิล จะทำให้หลับสบาย

ขนมปังธัญพืช ทานกับน้ำชาผสมน้ำผึ้งหยดเดียว มีฤทธิ์กระตุ้นสารหลั่งอินสุลิน
ช่วยให้ทริปโตแฟนเข้าสู่สมองได้ดีขึ้น

เห็นไหม หลับฝันดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ
แต่อย่าลืมนะว่า ก่อนตรวจสุขภาพห้ามทานยาทุกชนิดจ้า

ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกท่านนะครับ............
ขอบคุณทุกท่าน..สำหรับทุกคำติชม :b8:

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 15 ต.ค. 2009, 21:40, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

วิธีขับสารพิษด้วยการหายใจ

ทราบหรือไม่ว่า การหายใจสามารถช่วยขับสารพิษได้

วิธีที่ 1 ให้นั่งคุกเข่าเหยียดหลังตรง และหายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออก ท้องยุบ
ให้ได้ 120 ครั้งใน 1 นาที โดยไม่รู้สึกเหนื่อย หลังจากนั้นสมองจะรู้สึกโล่ง

วิธีที่ 2 นั่งสมาธิ ให้ส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง อยู่ในแนวเดียวกัน หงายมือซ้าย ใช้นิ้วโป้ง
และนิ้วกลาง มือขวามาปิดจมูก โดยเริ่มจากนิ้วกลางใช้ปิดรูจมูกซ้าย แล้วหายใจออกรูจมูกขวา
หายใจให้หมดท้อง ให้รู้สึกว่าท้องแฟบ จากนั้นหายใจเข้า
เมื่อหายใจเข้าจนท้องพองแล้วให้ปิดรูจมูกขวาด้วยนิ้วโป้ง แล้วหายใจออกรูจมูกซ้าย จนท้องแฟบ
ให้ทำสลับไปมาจะช่วยขับสารพิษในร่างกายได้

ถ้าอยากขับสารพิษออกจากร่างกาย ลองนำวิธีที่แนะนำไปฝึกหายใจกันดูได้

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 15 ต.ค. 2009, 21:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2009, 06:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




m173940.jpg
m173940.jpg [ 49.88 KiB | เปิดดู 5154 ครั้ง ]
:b8: แวะมาขอบคุณ คุณลุงมะตูม ที่เอาบุญมาฝากกัน
ที่กระทู้ ดูสบายตาฯ สาธุ..สาธุ...สาธุ :b20:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2009, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ขอบคุณเรื่องราวสุขภาพดีดีที่คุณลุงและเพื่อนๆหมั่นนำมาฝากกันนะคะ
สุขภาพดีด้วย “ธรรมชาติบำบัด”...เราทุกคนทำได้ค่ะ ถ้าตั้งใจทำ


:b48: ธรรมจักร...ณ แ่ห่งนี้มีธรรมะและกัลยาณมิตร :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 ต.ค. 2009, 09:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2009, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เด็กอ้วนกลายเป็นปัญหาไม่ธรรมดาของสังคมไทย
เพราะทำให้แต่ละปีประเทศต้องสูญเสียงบประมาณในการรักษาโรค ทั้งที่สามารถป้องกันได้
จาก การรายงานขององค์การอนามัยโลกในปี 2549
พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก 22 ล้านคน มีน้ำหนักเกิน
และในประเทศไทยก็พบแนวโน้มเด็กอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้น เพราะการบริโภคไม่ถูกสุขลักษณะโดยเฉพาะขนมถุง ขนมซอง
ขนมกรุบกรอบทั้งหลาย ที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา
เนื่องจากในขนม กรุบกรอบมีทั้งแป้ง น้ำตาล โซเดียม
ซึ่งหากบริโภคมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคต่างๆ อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
ไขมันในเส้นเลือดอุดตัน กระดูกผุ ฟันผุ เป็นต้น
จากการสำรวจการ บริโภคขนมของเด็กและเยาวชนในปี 2549
พบว่ามีการใช้เงินซื้อขนมกรุบกรอบเฉลี่ย 26 บาท ต่อคน/ต่อวัน
คิดเป็นร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายที่ได้รับต่อวัน หรือคนละ 9,800 บาทต่อปี
เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาซึ่งใช้อยู่ที่เพียงคนละ 3,024 บาทต่อปีเท่านั้น
น.พ.สุริยะเดว ทริปาตี กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
และโฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน

อธิบายว่า ขนมที่มีในปัจจุบันสามารถจำแนกเป็น 5 ประเภท

1.ขนมปังกรอบ ที่ไม่มีการเคลือบน้ำตาล หรือสอดไส้ จำพวกแคล็กเกอร์
2.ขนมปังเคลือบน้ำตาล สอดไส้ต่างๆ อาทิ เวเฟอร์
3.ขนมเหนียวหนึบ ซึ่งจะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก อาทิ ลูกอม ทอฟฟี่ ช็อกโกแลต
4.ประเภทให้โปรตีน หรือเสมือนว่าให้โปรตีน อาทิ ปลาหมึกเส้น มันฝรั่งทอด สาหร่าย
5.ขนมไทยๆ มีด้วยกันหลายประเภท มีทั้งให้ประโยชน์และทำให้บริโภคสารอาหารมากเกิน

คุณหมออธิบายว่า
ขนมไม่ใช่ยาพิษ หากรู้จักเลือกรับประทาน รู้จักวิธีรับประทานไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหาร
จากขนมเหล่านั้นมากเกิน ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
โดยสามารถเรียงลำดับประเภทที่กินไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพดัง นี้
ขนมที่อยู่ในโซนสีแดงหรืออันตรายมากที่สุดในกลุ่ม คือ
ขนมประเภทเหนียวหนึบ มักทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากจนเกินไป
ขนมปังเคลือบชนิดต่างๆ มีทั้งให้น้ำตาล และโซเดียมเกินปริมาณ
และ ขนมที่คล้ายจะให้โปรตีน ทั้งปลาหมึกเส้น มันฝรั่งทอด
ขนมเหล่านี้ มักปรุงแต่งรสมาก ทำให้ร่างกายได้รับไขมันทรานแฟต
จากน้ำมันทอดซ้ำในอุตสาหกรรม และโซเดียมในเครื่องปรุงรสประกอบ
กับการดื่มน้ำอัดลมติดต่อกันเป็นเวลา นาน จะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นระยะยาว
เช่น ฟันผุ โรคกระเพาะ โรคอ้วน ไปจนถึงโรคเรื้อรังรุนแรง
หากรับประทานตั้งแต่ยังเด็กในปริมาณมากเกินกว่า ปกติจะน่าเป็นห่วงมากขึ้น
เพราะจะเกิดอัตราเสี่ยงเทียบเท่าในผู้ใหญ่ ทั้งโรคไต โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง
ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และอาจเกิดภาวะกระดูกพรุนได้เมื่อเป็นผู้ใหญ่

ข้อควรระวังคือ
การเลือกรับประทานอย่างถูกต้องง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงขนมที่มีการปรุงรสมากๆ ทั้งหวาน เค็ม มัน
ทานขนมให้เป็นแค่อาหารว่าง ไม่ใช่อาหารหลัก เช่น กินซองเล็ก และไม่เกินวันละ 1 ห่อ
เพราะในแต่ละวันร่างกายเราได้รับสารอาหารที่พอเพียงจากอาหารมื้อหลักอยู่ แล้ว
แค่นี้ก็ห่างไกลโรคได้

แหล่งที่มา : http://women.kapook.com/baby00296/

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 18 ต.ค. 2009, 14:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 105 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร