วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 14:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 146 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ..สำหรับสาระดีๆ ... tongue

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"


แก้ไขล่าสุดโดย ป่าอ้อ เมื่อ 15 ก.ย. 2009, 15:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b48: เพลงตั้งสติ :b48:
http://radio.sanook.com/music/player/ตั้งสติ/84818/

รูปภาพ

จริงอยู่ที่วันนี้อาจจะพลาดพลั้ง วันนี้อาจจะทำให้เธอผิดหวัง
แต่สุดท้ายมันจะเป็นเพียงความหลัง ทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจ
ความเป็นจริงของเรื่องราวในชีวิต ทุกๆอย่างมักไม่เป็นอย่างที่คิด
ขอเพียงเธอทบทวนมันซักนิด ตั้งสติแล้วสู้กันต่อไป

จะเกิดอะไรฉันไม่ใส่ใจ ปัญหาอะไร เราต้องแก้ต้องฝ่าฟัน
หากเธอล้มลง เราจะช่วยกัน ให้ไปถึงฝัน วันนี้วันไหนก็ไม่กลัว
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b42: :b42: :b42: :b44: :b8: :b8: :b8: :b44: :b42: :b42: :b42:
ท่านทั้งหลาย อย่าเอาแต่ศรัทธา ต้องเอาปัญญาด้วย ทำบุญกุศลใช้ปัญญาญาณพิจารณา
มีสติสัมปชัญญะในการพึ่งกรรมฐานถูกต้อง แต่ท่านไม่เคยใช้กำหนดจิตท่านไม่เคยใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาชีวิตของท่าน ไหนเลยจะรู้ของจริง ท่านจะกลายเป็นคนรู้ของปลอม การเจริญกรรมฐานแก้ไขปัญหาได้แน่ แต่ท่านทำตามที่อาตมาสอนได้ไหม เป็นอะไรหน่อยไปโรงพยาบาล คนโน้นจะตายคนนี้จะตาย ไม่ใช่เลย เป็นกฎแห่งกรรมจากการกำหนดจิตไม่มีสติ
นั่นเอง ขาดสติ นี่อาตมาตั้งหลายปีไม่เคยเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่คอหักมาน่ะ ก่อนคอหักไม่เคยเข้าโรงพยาบาล เพราะไม่เคยไปนอนให้น้ำเกลือกับเขาแบบนั้น เราต้องอดทน ตายให้มันตาย ตั้งสติตั้งปัญญาญาณแก้ไขปัญหา เราจะได้รู้ว่าพรุ่งนี้แล้วหรือ ตายวันที่ ๑๔ ตุลาคม
เวลาเที่ยงสี่สิบห้านาที เราต้องถูกรถชนตาย มันก็รู้อย่างนี้ แต่สติปัญญามันก็จะบอกไปตามขั้นตอนอย่างหนึ่ง นี่คือการเจริญกรรมฐาน จะมีประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย มิใช่น้อย ในวันนี้ขอฝากข้อคิดไว้ การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ทำให้คนมีปัญญา ถ้าผู้ใดเจริญกรรมฐานเข้าขั้นเป็นกุศล
จะไม่มีการทะเลาะกันเลย จะไม่หาเรื่องไม่เปลืองเวลา สามีภรรยาก็ไม่ทะเลาะกัน
ถ้าเป็นบุตรธิดาก็ไม่ข่มเหงทำร้ายกันและกัน ไม่แย่งสมบัติกันแน่นอน
ถ้าท่านปฏิบัติไม่ได้ ท่านก็ไปแย่งสมบัติกันต่อไป ถ้าท่านนั่งกรรมฐานจะแก้ปัญหาได้
ท่านจะรู้ ท่านจะปลงตกว่า อย่างนี้ของนอกกาย เอาไปไม่ได้ นอกเหนือจากการบันทึกเทปเข้าไปในจิตใจ จิตใจรวมเอาความดีเข้าไปได้ถึงสัมปรายภพ


หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

จากหนังสือกฏแห่งกรรมเล่มที่ ๑๑ เรื่อง สมบัติมนุษย์

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
...ไม่มีเอน ไม่มีเอียง...
:b8: :b8: :b8:


"...เรื่องศาสนานี่มีมาดั้งเดิม ของจริงกับของปลอมเคียงข้างกันมาตลอด จะตำหนิอะไรก็ตำหนิไม่ลง เช่นใจของเรากิเลสกับธรรมก็อยู่ในใจดวงเดียวกัน ถ้าตำหนิว่ากิเลสก็พยายามเร่งธรรมที่เป็นมงคลโดยลำดับจนกระทั่งมงคลสูงสุด เข้าในกายวาจาใจฝึกหัดดัดแปลงตนเอง นี่เรียกว่าสายของธรรม สายของกิเลสมันบอกว่าขี้เกียจขี้คร้าน
มันอยู่ในใจเรานี่ละ ขี้เกียจขี้คร้านไม่เชื่อถือ เรียกว่ามันเก่งกว่าศาสดา กิเลสต้องเก่งกว่าศาสดาเสมอ ทั้งๆ ที่ไม่เก่งมันก็ยกเอาว่าเก่งของมันอย่างนั้น อันนี้ก็มีมาดั้งเดิม..."

"...พวกเราทั้งหลายก็เหมือนกันว่าแต่ตัวถือพุทธศาสนาๆ ผีของศาสนามันอยู่ในใจรู้ไหมล่ะ ความขี้เกียจขี้คร้านก็เป็นผีตัวหนึ่ง ความท้อแท้อ่อนแอเป็นผีตัวหนึ่ง ความไม่เอาไหน วันนี้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพักนอนเสียก่อนดีกว่า นี่ก็เป็นผีตัวหนึ่ง ผีมาแทรกอยู่กับเราทุกคนจะไปตำหนิใครไม่ได้นะ แม้ว่าถือพุทธศาสนาผีมันก็แทรกอยู่ในพุทธศาสนา..."

"...คำยอคำติเป็นเรื่องโลกธรรม เป็นสมมุติทั้งหมด ธรรมที่สมบูรณ์แบบแล้วคือธรรมพระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบทุกอย่าง ตรัสออกมาก็เป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบ รื้อขนสัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ไปได้โดยลำดับถึงนิพพาน ด้วยคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้น..."

"...พระพุทธเจ้าเป็นที่แน่ใจของสัตว์โลก คำสอนเป็นที่แน่ใจของสัตว์โลก ให้นำคำสอนมาปฏิบัติตัวเองๆ โดยลำดับลำดาจะเป็นที่อบอุ่นแล้วต่อไปก็แน่ใจๆ ผึงเลย นี่ละคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้มีเอนมีเอียง ลูบๆ คลำๆ คว้าโน้นคว้านี้นะ คำสอนพระพุทธเจ้าขอให้ยึดเถอะจะเป็นหลักของใจ ดีดผึงเลย ..."


หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


คัดลอกจาก http://www.luangta.com

http://artyhouse.blogspot.com/2007/0...post_3709.html
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b43: ทำอย่างไรเมื่อถูกคนอื่นด่า :b43:


ในชีวิตประจำวัน เรามักจะถูกคนด่าว่า หรือนินทาให้เสียหาย ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด บางท่านทนไม่ได้ก็อาจด่าตอบ หรือนินทาตอบเพื่อให้หายแค้น บางท่านก็ทำใจได้ ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็ดีไปอีกอย่าง

มีพระสูตรหนึ่งชื่อว่า “อักโกสกสูตร“ น่าจะนำมาใช้กับชีวืตประจำวันเราได้ไม่มากก็น้อย
เรื่องมีอยู่ว่า…
มีพราหมณ์คนหนึ่งไม่รู้ว่าโกรธแค้นพระพุทธเจ้ามาแต่ปางไหน พบพระพุทธองค์ก็เข้าไปด่า
ในพระสูตรนั้นไม่ได้บอกว่าด่าว่าอะไร แต่บอกว่า “อสพุภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกุโกสติ ปริภาติ” แปลว่า บริภาษด้วยวาจาหยาบคาย มิใช่วาจาของสุภาพบุรุษ

เมื่อพราหมณ์ด่าพระพุทธเจ้าจนพอใจแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า...
“ที่บ้านพราหมณ์มีผู้มาเยี่ยมบ้างไหม? ”
พราหมณ์ตอบว่า “มีสิ ข้าพเจ้าไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร”
พระพุทธองค์ตรัสถามว่า “เวลามีญาติมาเยี่ยมพราหมณ์เอาอะไรต้อนรับ“
พราหมณ์ก็ตอบว่า “ก็เอาน้ำ ของขบเคี้ยวของกินมาต้อนรับ”

“เมื่อแขกมาที่บ้านท่าน ไม่กินไม่ดื่มของต้อนรับเหล่านั้น ของเหล่านั้นจะเป็นของใคร”
พระพุทธองค์ทรงตรัสถาม
“ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าซิ” พราหมณ์ตอบ

พระพุทธองค์ตรัสต่อว่า “เช่นเดียวกันนั่นแหละพราหมณ์ ท่านด่าเรา เราไม่รับคำด่านั้น คำด่านั้นก็ตกเป็นของท่าน” พราหมณ์ได้ยินดังนี้ถึงกับนิ่งเงียบเลย พระพุทธองค์จึงตรัสสอนต่อว่า

“ผู้ใดโกรธตอบคนที่ด่า ผู้นั้นเลวกว่าคนด่าเสียอีก คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่า นับว่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก คนที่มีสติยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธเวลาเขาด่า นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น แต่คนที่ทำได้่่เช่นนี้ คนไม่ถึงธรรมมักจะกล่าวว่า เป็นคนโง่”

พราหมณ์เมื่อได้ฟังดังนี้ สำนึกในความผิดของตน ว่า ตนไม่สมควรด่าคนที่ไม่ควรด่าอย่างยิ่ง
จึงปฏิญาณตนนับถือพระรัตนตรัย ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา
หลังจากบวชได้ไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

ที่มา : ธรรมะนอกธรรมมาสก์ โดย เสถียรพงษ์ วรรณปก
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
ท่านพุทธทาส สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฏร์ธานี
:b44: :b8: :b8: :b8: :b44:



นิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าว่ามีคหบดีคนหนึ่งพร้อมบุตรหลานไปทำบุญที่วัดในวันขึ้นปีใหม่
เสร็จแล้วก็ขอพรจากหลวงพ่อเจ้าอาวาส พระท่านก็เขียนคำอวยพรให้ว่า
“พ่อตาย ลูกตาย หลานตาย” คหบดีเห็นเข้าก็โกรธ
ต่อว่าหลวงพ่อว่าเหตุใดจึงมาแช่งกันในวันมงคลเช่นนั้น หลวงพ่อตอบคหบดีว่า...
การตายตามลำดับอายุขัยเป็นพรอย่างยิ่งแล้ว
เพราะลองคิดดูว่าหากหลานตายก่อนปู่ หรือลูกตายก่อนพ่อ
ตายอย่างไม่เป็นไปตามธรรมดา ธรรมชาติ เขาจะมิยิ่งโศกเศร้าหรอกหรือ

คหบดีได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจในธรรมที่หลวงพ่อให้
จึงขออภัยและคำนับขอบพระคุณด้วยความซาบซึ้งในธรรมที่ได้รับในวันขึ้นปีใหม่


ในวิถีแห่งพุทธนั้น”ความตาย” เป็นของธรรมดาอย่างยิ่ง เป็นสัจธรรมหาใช่ความอัปมงคล ต้องวิ่งหนีแต่อย่างไร กระนั้นก็ตามความเป็นธรรมดานี้ ก็มิใช่จะเป็นสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนจะยอมรับกันได้โดยง่าย เพราะเราทุกคนย่อมมีสัญชาติญาณแห่งการเอาชีวิตรอดด้วย ในด้านหนึ่งความ “กลัวตาย” จึงเป็นสิ่งธรรมดาอีกเช่นกัน ดังนั้น กระบวนการเรียนรู้เพื่อขัดเกลาธรรมชาติอย่างหลัง เพื่อให้คนเรายอมรับสัจธรรมแห่งชีวิตคือความตายนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เราสามารถจัดระเบียบกับความตายในชีวิตของเราได้อย่างเหมาะสม ด้วยความตระหนักรู้ว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา (แม้จะไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนและจะมาเมื่อไร) การสั่งสมการเรียนรู้เพื่อให้ยอมรับว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในยามที่เรายังเป็นหนุ่มสาวและเป็นไม้ใกล้ฝั่ง มิใช่เฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น หรือเมื่อถูกคุกคามด้วยโรคร้ายที่ไม่อาจรักษา ในวัฒนธรรมของชาวพุทธการหมั่นเจริญมรณานุสติคือวิถีหนึ่งที่ช่วยเราไม่ให้ประมาทในชีวิต ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งในการพัฒนาตนเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวตายอย่างทุรนทุราย เสมือนคนวิ่งหนีเงาตนเอง แต่ก็มิใช่ยอมจำนนกับอุปสรรคของชีวิต ด้วยการเอาความตายเป็นทางออกโดยไม่พัฒนาตนเองขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่เผชิญนั้น ในทางตรงข้าม ผู้มีสติซึ่งตระหนักรู้ว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะมาถึงเองในวันหนึ่งข้างหน้า จึงควรอดทนต่อสู้ให้อุปสรรคผ่านพ้นไปตราบที่ยังมีลมหายใจ

กระบวนการเรียนรู้เพื่อจัดระเบียบความตาย จึงเป็นสิ่งที่บุคคลควรได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลาในวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิต ในสมัยเดิมนั้น การที่ครอบครัวอยู่ร่วมกันหลายช่วงอายุ การเปลี่ยนแปลงของกายสังขาร การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยเฉพาะธรรมเนียมการเตรียมตัวตายของผู้สูงอายุ การตั้งศพ – เก็บศพที่บ้าน เพื่อให้ความตาย-คนตายเป็นสิ่งธรรมดา ประเพณีพิธีกรรมของการตายเป็นเครื่องมือสำคัญของการส่งผ่าน “สัจธรรมแห่งการตาย” ให้แก่ผู้อยู่ใกล้ชิดได้เรียนรู้ ไม่ว่าบทสวดต่าง ๆ ของพระซึ่งมุ่งให้เห็นความเป็นธรรมดาของความตาย ประเพณีการอุทิศส่วนกุศล พิธีตัดทางกล้วยเพื่อแยกภพระหว่างผู้อยู่และผู้วายชนม์ ฯลฯ ล้วนส่งผ่านความเชื่อว่าความตายมิใช ่”การสิ้นสุด” หรือจบสิ้น จึงไม่ต้องเศร้าโศกฟูมฟายจนเกินไป โดยเฉพาะธรรมเนียมการเก็บศพแล้วเปิดโลงก่อนเผา เพื่อให้ญาติพี่น้องคลายความเศร้าโศกเพราะศพสภาพเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัว เกิดความปลงสังเวชตัดอาลัยในรูปกาย รำลึกถึงแต่คุณงามความดีของผู้ล่วงลับ การเรียนรู้นี้ มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในครอบครัวผู้ตายเท่านั้น หากยังเป็นบทเรียนมรณานุสติแก่คนทั้งชุมชนด้วย จากการมาร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ได้ร่วมแบ่งปันทั้งความรู้สึกเอื้ออาทรและทรัพยากรที่ตนเองมีเพื่อช่วยจัดการศพ มีการขอขมาและการให้อโหสิกรรมเพื่อละวางความอาฆาตจองเวร และตระหนักรู้ว่ามนุษย์ทำผิดพลาดกันได้ ควรให้อภัยแก่กันและกัน และในขั้นตอนสุดท้ายคือการเผาศพ ก็เป็นโอกาสให้คนในชุมชนทั้งหมดมาร่วมกันเฝ้าดูการสิ้นสุดแห่งรูปกายที่มิอาจพกพาสิ่งใดไปได้ เกิดการปล่อยวางความโลภ ความโกรธ และความหลงประเพณีเกี่ยวกับความตายจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ให้ดีขึ้นอย่างสำคัญ

สังคมสมัยใหม่ได้ทำให้สาระของประเพณีพิธีกรรม ซึ่งทำหน้าที่ส่งผ่านค่านิยมความเชื่อ ในเรื่องเกี่ยวกับความตาย เลือนหายไป ชีวิตสมัยใหม่จึงอยู่กันแบบไม่มีกระบวนการเรียนรู้ทั้งในระดับชีวิตและระดับสังคม ทุกวันนี้ผู้คนไปงานศพตามมารยาทมากกว่าอย่างอื่น คนยุคใหม่จึงมีชีวิตอยู่โดยลืมนึกไปว่าตัวเองต้องตาย จะมานึกถึงต่อเมื่อความตายเข้ามาสะกิดตนเองโดยตรงแล้วเท่านั้น คนสมัยใหม่ปฏิเสธพิธีกรรมว่างมงาย “ไม่เป็นวิทยาศาสตร์” โดยไม่เข้าใจว่า ค่านิยมความเชื่อในทางนามธรรม ไม่อาจส่งผ่านให้สืบเนื่องได้โดยอาศัยการสอนการพูดเพียงประการเดียว หากจะต้องมีรูปแบบหรือโครงสร้างแห่งการเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลได้เข้ามาสัมผัสเรียนรู้ จนเกิดความ “ประจักษ์แก่ใจ” ในสัจธรรมร่วมกัน ไม่ว่าชีวิตหลังความตายจะมีหรือไม่ก็ตาม แต่การคิดเผื่อไว้ว่า ชีวิตเป็นวัฏฏะยังมีการเดินทางต่อหลังการตาย ได้ช่วยเอื้อให้มนุษย์รู้จักใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วยความไม่ประมาท ไม่เบียดเบียนกัน มีความขวนขวายที่จะสะสมความดีงามที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง ผู้อื่น และโลก เพื่อไม่ให้เสียแรงที่เกิดมาใช้ทรัพยากรของผู้อื่นเปล่าๆ ไม่ว่าของมนุษย์ด้วยกันเอง, สังคม, โลก สันติสุขย่อมเกิดขึ้นแก่สรรพชีวิตในภพปัจจุบันอย่างทันตาเห็นมิใช่หรือ

อย่างน้อยที่สุด วิธีคิดดังกล่าว ย่อมดีกว่า มีประโยชน์มากกว่า การคิดว่าชีวิตปิดบัญชีเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว ไม่รู้จะทำความดีไปทำไม ทำความชั่วดีกว่า ทำสิ่งที่ตนเองพอใจ อยากมี อยากเป็นให้สุด ๆ ไปเลย ใครจะหายนะอย่างไรไม่เป็นไร ทรัพยากรหมดโลกก็ช่าง (ใครอยู่ก่อนได้ใช้ก่อน) แต่ขณะเดียวกันตนเองก็ถูกบีบคั้นจากความทุกข์ที่พยายามจะต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งต้องการ และทุรนทุรายจากความพยายามที่จะทำให้ชีวิตหนึ่งเดียวนี้แก่ช้าที่สุด อยู่นานมากที่สุด โลกทัศน์ของมนุษย์ที่มีต่อความตาย จึงทำให้โลกนี้เป็นได้ทั้งนรกและสวรรค์ในเวลาเดียว ขึ้นอยู่กับว่า เราจะตั้งท่าทีต่อความตายอย่างไร การจัดระเบียบความตายให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความคิดและการใช้ชีวิตในสังคม จึงเป็นสิ่งที่เราอาจจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันสร้างให้เกิดมีขึ้นมากกว่านี้

บางทีการได้เจริญมรณานุสติอาจช่วยให้บุคคลตระหนักรู้ว่า ได้มา ๔๐๐ เสียง หรือ ๕๐๐ เสียง ตายแล้วก็เอาอำนาจไปไม่ได้อยู่ดี ทิ้งไว้ข้างหลังไม่ทันข้ามวันก็สิ้นสลาย แต่หากทิ้งความดีงามไว้ แม้เอาไปไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่สิ้นสูญในชั่วข้ามคืน หากจะอยู่เป็นมรดกที่ยั่งยืนแก่ลูกหลานและมนุษยชาติไปเนิ่นนาน ข้ามภพข้ามชาติได้จริงทีเดียว


บทความเนื่องในโอกาสครบรอบ ๙ ปี แห่งการฌาปนกิจศพท่านพุทธทาสมหาเถระ วันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๑๐ (ปีนี้ตรงกับวันที่ ๑๙ กันยายน) วันดังกล่าวในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่จะถือเป็นวันแสดงอาจาริยบูชาประจำปีแด่ท่านอาจารย์ด้วย


โลงศพของอาตมาก็คือ
ความดีที่ทำไว้ในโลกด้วยการเผยแผ่พระธรรม
ป่าช้าสำหรับอาตมา
ก็คือ...บรรดาประโยชน์และคุณทั้งหลาย
ที่ทำไว้ในโลกเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์
และขอชักชวนให้ท่านทั้งหลาย ถือหลักเกณฑ์อย่างเดียวกันว่า
โลงศพของเราก็คือความดีที่ทำไว้ในโลก
ป่าช้าของเราก็คือประโยชน์ทั้งหลายที่เราได้ช่วยกันทำไว้
เพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์

รูปภาพ
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 13:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: :b39: cool tongue :b39: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขออนุโมทนาสาธุกับคุณลูกโป่งค่ะ :b35:
:b43: เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด :b43:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เพื่ออะไร


มีบางครั้งเราอยากโต้เถียง ต้องการเผชิญหน้า
หรือต่อสู้เพื่อสิ่งที่เราเชื่อถือ
แต่จำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพิสูจน์ทุกครั้ง
ว่าเราเป็นคนถูกและเขาเป็นคนผิด
จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องดุด่าว่ากล่าวผู้อื่นอย่างรุนแรง
เพียงเพราะเขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
เขาแต่งตัวไม่เหมือนเรา
หรือชอบฟังเพลงที่เราไม่ชอบ

การเลือกว่าจะไปกินอาหารที่ร้านไหน
หรือจะไปดูหนังเรื่องอะไร
มีความสำคัญเพียงพอที่เราจะทะเลาะกันหรือไม่
หรือเพียงแค่เพื่อนบ้านจอดรถล้ำมาทางหน้าบ้านเรา
เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
จนถึงกับต้องตัดสัมพันธ์กันไปเลย

มีเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้อีกนับร้อยนับพันเรื่อง
ที่คนจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ของชีวิตที่จะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ

เวลาที่มีรถคันอื่นขับแซงไป
นักขับรถมือเก่าที่ใจยังไม่แก่
จะรู้สึกเหมือนกับถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ารถที่แซงเป็นรถที่เก่ากว่า
ต้องเร่งเครื่องตามไปทันที
พยายามจะแซงกลับคืนให้ได้
ทั้งที่ตามปกติ ก็ไม่เคยขับรถเร็วขนาดนั้น

เราต้องยอมรับกับตัวเองว่า
จุดมุ่งหมายหลักของชีวิตเราไม่ได้อยู่ที่
การทำทุกอย่างให้ได้สมบูรณ์ที่สุด
เราจะต้องตัดสินใจอย่างมีสติว่า
สิ่งไหนมีค่าพอที่เราจะต่อสู้
และสิ่งไหนควรจะปล่อยให้ผ่านไป
ถ้าทำได้เช่นนั้น
เราก็สามารถจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความเครียดได้

ถึงเวลาแล้ว ที่จะหันมาดูตัวเองว่า
เราเคยต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ
ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระมาแล้วกี่เรื่อง
ถ้าเราไม่ต้องการเสียเหงื่อ
หรือเสียเลือดเนื้อ กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
เราจะต้องเลือกให้ดีว่า มีสนามรบไหนบ้าง
ที่เราควรจะโดดลงไปสู้
บางทีถ้าเรามีโอกาสนั่งพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
เราอาจจะรู้สึกว่า
เรื่องบางเรื่องที่เราเคยสู้อย่างหัวชนฝา
เป็นเรื่องที่ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ


ฮั่นแน่! คุณเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า
รูปภาพ



.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

::แสงแดดผู้ใจดี::



แสงแดดยามเช้าปลอมตัวเป็นเด็กตัวเล็กที่มีแสงเรืองรองในร่างกาย
เขาลงมาวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ บ้าน วิ่งอยู่บนสะพาน
นั่งอยู่บนเสาไฟฟ้า กระโดดไปมาบนผิวน้ำ ดูมีความสุขมาก


เช้าวันนี้ เขากำลังเดินอยู่บนสนามหญ้า
และได้ยินเสียงเพลงไพเราะมาจากนกตัวหนึ่ง
" สวัสดีจ้ะ " แสงแดดทักทาย
" สวัสดี สวัสดี " นกร้องตอบ
" เธอร้องเพลงเก่งจังเลย " สอนฉันบ้างได้ไหมจ๊ะ "
" เธอมีอะไรมาแลกไหมล่ะ " นกว่า " ถ้ามีสิ่งแลกเปลี่ยน ฉันจะสอนให้ "
แสงแดดไม่มีอะไรแลก จึงเดิน จากนกมาด้วยความเสียใจ

เดินไปไม่นาน เขาก็พบห้องที่มีสีเทียนหลายแท่งกำลังวาด
และระบายสีรูปผีเสื้อแสนสวยกันอยู่อย่าง ขะมักเขม้น
แสงแดดประหลาดใจมากที่สีเทียนวาดรูปได้
" สวัสดีจ้ะ ฉันอยากวาดรูประบายสีได้อย่างพวกเธอจังเลย พวกเธอสอนฉันด้วยได้ไหมจ๊ะ "
" สวัสดีแสงแดด " พวกสีเทียนร้องตอบ
" พวกเราสอนให้เธอวาดรูปก็ได้จ้ะ แต่เธอมีอะไรให้พวกเรา เป็นการตอบแทนหรือเปล่า "
แสงแดดไม่มีอะไรจะมอบให้เป็นสิ่งตอบแทนได้
เขาจึงเดินจากมาด้วยความเศร้าสร้อย

เมื่อเดินต่อไป แสงแดดก็พบกับแว่นตาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่อย่างตั้งใจ
แสงแดดตื่นเต้นมากที่แว่นตาอ่านหนังสือได้
เขาอยากรู้ว่าในหนังสือเล่าถึงเรื่องอะไรบ้าง
" สวัสดี " เขาทักแว่นตาเบา ๆ
" สวัสดี " แว่นตาตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
" กำลังอ่านหนังสือสนุกทีเดียว "
" ฉันอยากอ่านหนังสือได้เหมือนเธอจังเลย เธอพอจะสอนฉันได้ไหมจ๊ะ "
" ได้สิ " แว่นตาตอบ
" แต่เธอมีอะไรตอบแทนให้ฉันหรือเปล่าล่ะ ฉันต้องได้รับสิ่งตอบแทนด้วยนะ "
" ฉันไม่มีสิ่งใดให้กับเธอเลย " แสงแดดพูดด้วยความเศร้าใจ

แสงแดดไม่มีสิ่งใดตอบแทนเช่นเคย จึงต้องเดินจากมาอย่างสิ้นหวัง
เขาเดินไปในที่ต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ ไม่รู้สึกสนุกเหมือนเคย

" สวัสดีแสงแดด ดีจังเลยที่เธอเดินผ่านมาทางนี้ "
ดอกไม้เล็ก ๆ ร้องทักอย่างดีใจมาจากใต้พุ่มไม้
" สวัสดีดอกไม้ " เขายิ้มให้กับดอกไม้
" ฉันกำลังหัดบานอยู่จ้ะ ฉันจึงอยากเจอเธอ
และอยากขอร้องให้เธอมายืนอยู่ใกล้ ๆ ฉัน
ฉันอยากได้แสงแดดที่อบอุ่นพอดีจ้ะ "

ในที่ซึ่งดอกไม้ยืนอยู่นั้น มืดครึ้มเกินกว่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ จะเจริญเติบโตได้เต็มที่
แต่ถึงอย่างไร ดอกไม้เล็ก ๆ ก็มีความตั้งใจที่จะบานให้ได้อย่างสมบูรณ์
แสงแดดดีใจมากที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้อื่น
" ตกลง ฉันจะให้แสงที่อบอุ่นแก่เธอนานเท่าที่เธอต้องการ "
" ขอบใจมากแสงแดด แต่ฉันไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนให้เธอเลยนะจ๊ะ "
ดอกไม้กล่าวเศร้า ๆ แสงแดดรู้ดีว่าดอกไม้จะรู้สึกเศร้าเสียใจเพียงใด
หากเขาปฏิเสธที่จะให้แสงกับเธอ เขาจึงยิ้มและบอกว่า
" ไม่เป็นไรหรอก ฉันเต็มใจช่วยเธอจ้ะ "
แล้วแสงแดดก็เดินไปเปล่งประกายให้แสงสว่างที่อบอุ่นแก่ดอกไม้ที่ใต้พุ่มไม้นั้น
รูปภาพ
รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ
ในที่สุดดอกไม้ก็สามารถเผยอกลีบเป็นดอกไม้บานที่สวยงามได้สมความตั้งใจ
แสงแดดรู้สึกภูมิใจที่ได้ เห็นดอกไม้บาน
เขามีความสุขมาก เขาจึงคิดว่าจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจในทุกครั้งที่มีโอกาส
โดยไม่หวังว่าจะได้รับผลตอบแทนใด ๆ เลย
ตั้งแต่นั้นมา แสงแดดก็เดินทางไปในที่ต่าง ๆ
เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ต้นไม้ ถนน บ้าน เสื้อผ้า ถุงเท้า
แม่น้ำ แมว จักรยาน คน รองเท้า ฯลฯ
ด้วยความสุขใจจนทุกวันนี้

ลองมอบสิ่งที่เรามีอยู่ให้กับผู้อื่น โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนดูสิ
แล้วเราจะรู้สึกดีกับสิ่งที่เราได้ทำลงไป ยังมีความต้องการอีกมากมายจากคนรอบข้าง
ซึ่งเราสามารถช่วยได้ ลองหาดูแล้วเราก็จะพบนะ



รูปภาพ
..จะอยากรุไปทำไมว่า...รักหรือไม่รัก...
...โอ๊ยๆ เจ็บน๊าา...

รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แก้ไขล่าสุดโดย ณ มรณา เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 09:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 04:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




01-08-2008_08.gif
01-08-2008_08.gif [ 176.28 KiB | เปิดดู 4264 ครั้ง ]
cool ขอบคุณ คุณ ณ มรณา สำหรับบทความดีดี
อ่านแล้วสบายใจจัง s003
:b41: :b47: :b41: :b47: :b41: :b47: :b41: :b47:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




m209481.jpg
m209481.jpg [ 33.53 KiB | เปิดดู 4214 ครั้ง ]
สวัสดีค่ะ คุณ ณ มรณา

มาติดตามอ่านต่อค่ะ เอาสมุดมาจดด้วยค่ะ

คุณขยันโพสต์จังนะคะ

อนุโมทนาสาธุค่ะ





ณ มรณา เขียน:
รูปภาพ
..จะอยากรุไปทำไมว่า...รักหรือไม่รัก...
...โอ๊ยๆ เจ็บน๊าา...



ชอบตรงนี้จังค่ะ ประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่น ๆ ก็ได้ tongue

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 16:26, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
ยินดีต้อนรับกัลยาณมิตรทุกๆ ท่านค่ะ
หวังว่าบทความที่คัดสรรนำมาแบ่งปันจะมีประโยชน์ให้กับทุกท่าน
และอย่างน้อยที่สุดชื่อ ณ มรณา จะช่วยตั้งสติใครหลายๆ คนได้ว่า
....เราเกิดมาทำไม....
และควรจะทำอะไรมากที่สุดก่อน วันนั้น มาถึง
...................
ขออนุโมทนานะคะ
ทุกสิ่งในที่แห่งนี้เป็นความปรารถนาดีนำมาฝากกัน
และสามารถหยิบฉวยได้ทั้งหมดค่ะ
tongue
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณ คุณ ณ มรณา มากเลยค่ะ อ่านข้อความของคุณทีไรรู้สึกมีความสุขทุกที และได้ดูรูปสวย ๆ ไปด้วย ครั้งนี้ก็เหมือนกันนอกจากรูปจะสวยมาก ๆ แล้ว บทความพออ่านแล้วได้ครบรสเลยค่ะ...

:b16: :b16: :b16: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2009, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กำลังใจดีดีให้ตัวเอง


...ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง และคนฉลาดที่สุด ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง...

...ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน...

...คนที่ไม่เคยหิว ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว ย่อมหอมหวานกว่าเดิม...

...อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลของคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนนึง
ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร

...ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง...

...คนเรา ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น ที่ได้ทำ...

...หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง...มากกว่า


รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 146 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร