วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 146 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ปรัชญา ที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต
(chinese tantra totem for good luck)



1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน

2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุ น้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน

3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน

4. เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ

5. เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขา ด้วย

6. ก่อนจะตัดสินใจแต่ง งาน อย่าหมั้น เกิน 6 เดือน

7. จงเชื่อในรักแรกพบ

8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้ อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มี อะไร

9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่ นั่นคือหนทางเดียวที่

ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม

10. ในเหตุการณ์ขัด แย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มี การตะโกนใส่กัน

11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะ ญาติๆของเขา

12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว

13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไป ทำไม

14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการ เสี่ยง

15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม

16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสีย และจำเป็นบทเรียนไปด้วย

17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเอง ทำ

18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่

19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไข ทันที

20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของ เรา

21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

:b48: :b48: :b48: :b48: คงทำให้ทุกคนมีความสุขได้บ้างนะคะ :b48: :b48: :b48: :b48:
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเป็นมาชีวิตของมนุษย์

รูปภาพ

ในวันแรกที่พระเจ้าสร้างโลกพระเจ้าได้สร้างวัวขึ้นคู่หนึ่ง

และบอกกับวัวว่า

“วันนี้เราได้สร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของวัว เพื่อทำงานหนักกลางทุ่งนา

ท่ามกลางแสงแดดจ้าทั้งวัน แล้วเราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว 50 ปี”

วัวย้อนกลับว่า “ชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ จะให้มีอายุยาวถึง50ปีน่ะหรือ?

ฮึ! เมินเสียเถอะ ขอแค่มีอายุเพียง 20 ปี ก็พอแล้วล่ะ

เอาคืนไปเลย 30 ปีถ้าได้ก็โอเค และพระเจ้าตอบตกลง วันต่อมา

พระเจ้าสร้างสุนัขขึ้น และบอกกับมันว่า

“เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของสุนัข หน้าที่ของเจ้าคือ

นั่งอยู่ที่ประตูบ้านและเห่าเมื่อมีคนเข้ามา

แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืนถึง 20 ปี”

สุนัขได้ฟัง ก็พูดขึ้นว่า

“นั่งเฝ้าหน้าประตูบ้าน 20 ปี! ช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่ออะไรเช่นนี้

ขอคืนชีวิต 10 ปีก็แล้วกัน” พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างลิงขึ้น และบอกกับลิงว่า

“เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของลิง หน้าที่ของเจ้าคือ สร้างความสนุกสนาน

และใช้เล่ห์เหลี่ยมของลิง หลอกล่อคนให้หัวเราะ

แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืน 20 ปี”

ลิงได้ฟัง จึงตอบว่า “อะไรนะ..ทำให้คนหัวเราะ ทำหน้าลิง และเล่ห์กลต่างๆ

ตั้ง 20ปี นะเหรอ?ไม่เอาด้วยหรอก ขอคืนชีวิตไป 10 ปี เหลือแค่10 ปีก็แล้วกัน”

พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น และบอกว่า

“เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์ หน้าที่ของเจ้าคือ กิน นอน เที่ยว เล่นสนุกสนาน

โดยไม่ต้องทำงานใดๆ เราจะให้เจ้ามีชีวิต 20 ปี”

มนุษย์ได้ฟัง ก็ต่อรองว่า

“ชีวิตที่สบายเช่นนี้ แล้วท่านจะให้เรามีชีวิตแค่ 20 ปีนะเหรอ

เอาอย่างนี้ดีกว่า เราขอชีวิตที่วัวคืนชีวิตให้ท่าน 30 ปี สุนัข 10 ปี

และลิง 10 ปี มาเป็นของเรา เพื่อให้เรามีอายุยืนถึง 70 ปี ตกลงไหม?”

พระเจ้าตอบตกลง

นั่นเป็นเหตุผลว่า...ทำไมชีวิตของเราในช่วง 20 ปีแรก

จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กิน นอน

เล่นและไม่ต้องทำอะไรมากมาย

30 ปี ต่อมา ต้องทำงานหนักทั้งวัน เพื่อสร้างครอบครัว

10 ปี ต่อมา เกษียณอยู่ที่บ้าน เฝ้าหน้าบ้าน และตะคอกคนที่ผ่านไปมา

10 ปี ต่อมา เป็นปู่/ย่า ตา/ยาย ที่ต้องทำหน้าลิง

และเล่ห์กลต่างๆ เพื่อหลอกล่อหลาน ๆ

***มันก็เป็นเช่นนี้แล รูปภาพ :b16: :b16: :b16: ***
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


cool คุณ ณ มรณา :b4: :b35: :b32: หาธรรมะดีๆมาให้อ่าน
อ่านเพลิน...สนุก....จำง่ายดีค่ะ โพสต์เข้ามานะคะ ชอบอ่านค่ะ
tongue

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รูปภาพ


:b48: ของบางชิ้นอาจไม่เหมาะกับคนทุกคน ขอให้เลือกเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับตัวเองนะคะ ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :b48:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: คุณลืมผู้หญิงคนนี้แล้วหรือยัง :b39:


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b46: :b53: "เขาว่ากันว่า ” ผู้หญิงเข้าใจกันยาก” :b53: :b46:

รูปภาพ

เขาว่ากันว่า ” ผู้หญิงเข้าใจกันยาก”เวลาทะเลาะกัน อย่าเชื่อสิ่งที่ผู้หญิงพูดนักเวลาทะเลาะกับแฟน คุณผู้ชายอย่าตีความตรงนักน่ะค่ะ เพราะสิ่งที่คุณได้ยินมันอาจจะแปลว่า อีกอย่างหนึ่ง นี่แหละ เขาว่า ผู้หญิงเข้าใจยากไปไกลๆเลยไป ““ช่วยมาใกล้ๆ แล้วกอดชั้นหน่อยได้ไหมอย่าเดินหนีไป”” นี่ความผิดชั้นใช่ไหม ““ชั้นเจ็บปวดมากที่คุณโทษชั้น แต่ชั้นอยากให้คุณจำได้ว่า ชั้นเคยทุ่มเทสิ่งต่างๆ ให้คุณมากแค่ไหน”“อยากทำอะไรก็ทำ”“ได้โปรดอย่างทำอย่างนั้นอีกเลยย ชั้นเหนื่อยมากที่จะห้าม และบังคับคุณอีก”” ชั้นมันน่าเบื่อมากใช่ไหม ““ช่วยบอกชั้นหน่อยว่า ชั้นยังเป็นที่รัก และมีค่าในสายตาคุณอยู่(ชั้นกลัวว่าคุณจะ***งเหินชั้นไป)”” งั้นเลิกกันเลยไป ““อย่าเลิกกันเลย และช่วยอยู่เคียงข้างชั้น ยอมชั้นเข้าใจชั้น เหมือนวันก่อนได้ไหม”” ชั้นเกลียดคุณ ““ชั้นรักคุณมากมาย จึงเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดคำนี้ตอนที่คุณทำให้ชั้นผิดหวังและเจ็บปวด
เวลาทะเลาะกัน อย่าเชื่อสิ่งที่ผู้หญิงพูดนัก เวลาทะเลาะกับแฟน คุณผู้ชายอย่าตีความตรงนักน่ะค่ะ เพราะสิ่งที่คุณได้ยิน มันอาจจะแปลว่า อีกอย่างหนึ่ง นี่แหละ เขาว่า ผู้หญิงเข้าใจยาก

:b48: “ไปไกลๆเลยไป ”
“ช่วยมาใกล้ๆ แล้วกอดชั้นหน่อยได้ไหมอย่าเดินหนีไป”

:b48: ” นี่ความผิดชั้นใช่ไหม ”
“ชั้นเจ็บปวดมากที่คุณโทษชั้น แต่ชั้นอยากให้คุณจำได้ว่า ชั้นเคยทุ่มเทสิ่งต่างๆ ให้คุณมากแค่ไหน”

:b48: “อยากทำอะไรก็ทำ”
“ได้โปรดอย่างทำอย่างนั้นอีกเลยย ชั้นเหนื่อยมากที่จะห้าม และบังคับคุณอีก”

:b48: ” ชั้นมันน่าเบื่อมากใช่ไหม ”
“ช่วยบอกชั้นหน่อยว่า ชั้นยังเป็นที่รัก และมีค่าในสายตาคุณอยู่(ชั้นกลัวว่าคุณจะ***งเหินชั้นไป)”

:b48: ” งั้นเลิกกันเลยไป ”
“อย่าเลิกกันเลย และช่วยอยู่เคียงข้างชั้น ยอมชั้นเข้าใจชั้น เหมือนวันก่อนได้ไหม”

:b48: ” ชั้นเกลียดคุณ ”
“ชั้นรักคุณมากมาย จึงเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดคำนี้ตอนที่คุณทำให้ชั้นผิดหวังและเจ็บปวด

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


..มาอ่านเรื่องของผู้ชายกันบ้าง...

:b54: เหตุผลที่ผู้ชายโกหก :b54:

บ่ายวันหนึ่งระหว่างคนตัดไม้กำลังตัดไม้อยู่ริมน้ำนั้น ขวานคู่มือก็หลุดมือจมลงน้ำไป
คนตัดไม้ก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำ
ทันใดนั้นเองเทวดาก็ลอยขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วถามว่า
"มีปัญหาอะไรรึ”
"ขวานผมตกลงไปในน้ำแล้ว และตรงนี้น้ำลึกมาก ต่อไปผมจะเอาอะไรไปตัดไม้หาเลี้ยงลูกเมียได้หละท่าน ”
เทวดาได้ยินดังนั้นก็ดำน้ำลงไปสักพัก แล้วขึ้นมาพร้อมกับขวานทองคำ

“เอ้าขวานนี้ใช่ขวานของเจ้าใช่รึไม่ ?” เทวดาถามคนตัดไม้
“ไม่ใช่ครับ ”
เทวดาก็ดำน้ำลงไปอีกครั้งกลับขึ้นมากับขวานเงิน
“เอ้าแล้วขวานนี้หละใช่ของเจ้ารึไม่ ?”
“ไม่ใช่ครับขวานของผมทำจากเหล็กมีด้ามไม้เก่าๆ ไม่ใช่ขวานเงิน ขวานทอง ”
เทวดาจึงดำลงน้ำไปอีกครั้งแล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับขวานเหล็กคู่มือคนตัดไม้
“เอ้าขวานของเจ้า แต่เราเห็นเจ้าเป็นคนดีซื่อสัตย์ไม่โกหก
เราจะให้ขวานเงิน กับขวานทองคำแก่เจ้าไปด้วย
เพื่อตอบแทนในการที่เจ้าเป็นคนดี ”
คนตัดไม้จึงรับขวานไว้แล้วกลับบ้านด้วยความสุข

หนึ่งเดือนต่อมา …………
ระหว่างที่คนตัดไม้กำลังเดินเล่นอยู่ริมน้ำพร้อมกับภรรยาของเขาอยู่นั้น
ภรรยาก็ลื่นตกน้ำไป คนตัดไม้ทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งร้องไห้ริมน้ำ
ทันใดนั้นเทวดาองค์เดิมก็ปรากฏกายออกมาอีกครั้ง
“เอ้าคราวนี้เจ้ามีปัญหาอะไรรึ ”
“ภรรยาผมลื่นตกน้ำไปเมื่อกี้นี้ครับ ”
ได้ยินดังนั้นเทวดาจึงดำน้ำลงไป และขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่เหมือนกันกับเจนิเฟอร์ โลเปซ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผู้หญิงคนนี้ใช่ภรรยาเจ้ารึไม่ ?”
“ใช่แล้วครับ ” คนตัดไม้ตอบทันที
เทวดาจึงโกรธมาก เพราะเห็นว่าคนตัดไม้โกหก และไม่ซื่อสัตย์เหมือนก่อน

“ขออภัยด้วยครับท่านเทวดา มันเป็นการเข้าใจผิดครับ ”
คนตัดไม้รีบชี้แจงทันใด
“ถ้าเกิดผมตอบว่าไม่ใช่ ผมเดาว่าท่านก็คงจะลงไปในน้ำอีกครั้ง
แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกับผู้หญิงที่เหมือนกับ แคทธลีน ซีต้าโจนส์
และเมื่อผมปฏิเสธอีก ท่านก็คงจำดำลงไปอีกครั้งแล้วนำภรรยาผมตัวจริงขึ้นมา
สุดท้ายท่านก็คงจะให้ผู้หญิงอีก 2 คนผมด้วย เพื่อตอบแทนที่ผมไม่โกหก
แต่ว่า …. ผมเป็นแค่คนตัดไม้จะมีปัญญาอะไรไปหาเงินเลี้ยงเมียพร้อมกัน
3 คนได้หละครับ ผมจึงจำเป็นต้องตอบว่าใช่ตั้งแต่แรก ”

:b48: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เมื่อใดที่ผู้ชายโกหก แสดงว่าชายผู้นั้นจะต้องมีเหตุผลจำเป็นในการโกหก
มีเจตนาดีอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นคนตัดไม้รายนี้.รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b47: ข้อคิดดีๆ :b47:

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกแง่คิดดีๆ เกี่ยวกับความรัก


รูปภาพ

1.คนดีๆ... ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว (เหมือนที่จอดรถ) :b7:
2.ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่... มันก็ต้องมีเหตุผลหละนะ (ไม่เหมือนที่จอดรถ) :b1: :b16:
3.อะไรที่คุณเอะใจว่า มันจะดีเกินจริง... เป็นไปได้มากว่า มันไม่จริง :b10:
4.ความรัก ก็เหมือนการรอรถเมล์....สายที่ไม่อยากขึ้น ก็มาจัง ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ก็รอไปเถอะ, พอมา ก็ไม่จอด, พอจอด ก็คนแน่น ขึ้นไม่ได้, พอขึ้นได้ รถก็ไปตายกลางทางอีก :b7:
5.ความรักก็เหมือนกับเหรียญ แหวน หรือชิ้นส่วนเล็กๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดมือตกลงพื้น มันจะต้องกลิ้งไปยังซอกที่มืดที่สุด
และลึกที่สุด จนเรามองไม่เห็น และเอื้อมไม่ถึง
6.รถไฟอาจจะวิ่งบนราง แต่อย่าด่วนสรุปว่า มันวิ่งไปทางไหน โดยดูจากราง เพราะเมื่อเหลียวกลับมามองอีกที รถไฟขบวนนั้นอาจจะวิ่งผ่านคุณไปแล้วก็ได้ :b32: ...อ้าวไปซะแระ ขบวนสุดท้าย...
7.สวย หรือหล่อ ไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความ แต่อยู่ที่จินตนาการ
8.ความรัก สวนทางกับกฎฟิสิกส์ นั่นคือ เมื่อเราให้ความรักกับใครมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับตอบแทนกลับมาเป็นสัดส่วนผกผันกลับ :b6:
9.เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'เป็นเพื่อนกัน' แปลว่า 'ต้องการจะเลิกคบกัน' :b20:
10.เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า 'มีอะไรต้องคุยกัน' แปลว่า 'ไม่ต้องการคุยกันอีกแล้ว' :b5:
11.ความรักทำให้คนตาบอด, การแต่งงานช่วยให้คนตาสว่าง :b53: :b51: :b53: :b51: :b53:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b43: กะปิในใจ :b43:

รูปภาพ

จะให้อะไรแก่ลิงก็ให้เถิด ขออย่างเดียวอย่าให้กะปิก็แล้วกัน
ลิงนั้นเกลียดกะปิยิ่งนัก ถ้ากะปิติดมือมันเมื่อไหร่
เป็นได้เรื่องเมื่อนั้น โลกจะแตก แผ่นดินจะไหวมันไม่สนใจแล้ว
สนใจอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรกลิ่นกะปิจะหลุดไปจากมือ
มันจะเอามือถู ๆ แล้วก็ดมดูว่ากลิ่นยังติดมืออยู่หรือไม่
ถ้ายังติดอยู่ มันจะถู ๆ ๆ อีก และถูแรงขึ้น ๆ จนเนื้อถลอก
ถ้าดมมือแล้วยังไม่พอใจ ก็ถูต่อไปแม้เลือดไหลซิบ ๆ
ก็ยังไม่หยุดจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายไป
กว่าลิงจะเลิกถูและเลิกดม มือก็แดงไปด้วยเลือดแล้ว
มันไม่เฉลียวใจเลยว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ทำร้ายมันไม่ใช่กะปิ

หากได้แก่การกระทำของมันเอง กะปิทำความรำคาญแก่มันก็จริง
แต่ที่มันเลือดตกยางออกก็เพราะทำร้ายตัวเอง
แล้วอะไรที่ทำให้มันรุนแรงกับตัวเองอย่างนั้น กะปิหรือ?
ไม่ใช่หรอก ความเกลียดกะปิอย่างเข้ากระดูกดำต่างหาก
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับลิงแล้ว สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่กะปิ
แต่ได้แก่ความเกลียดกะปิต่างหาก จะว่าไป ปัญหาของเจ้าจ๋อนั้น
ก็เป็นปัญหาของคนเราเหมือนกัน สิ่งที่เราโกรธหรือเกลียดนั้น
ไม่ร้ายเท่ากับความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นในใจเรา ถึงเขาจะดูถูกเรา กลั่นแกล้งเรา
แต่การหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับคนคนนั้น และการกระทำของ เขาวันแล้ววันเล่าต่างหาก
ที่มีสิทธิ์ทำให้เราเป็นโรคหัวใจ หรือเส้นโลหิตในสมองแตกได้..................

ในทำนองเดียวกัน ความตายก็น่ากลัวน้อยกว่าความกลัวตาย
คนเป็นอันมากทุกข์เพราะความกลัวตาย ยิ่งกว่าเพราะความตายจริง ๆ เสียอีก
ทันทีที่ความกลัวตายจางคลายไปความตายกลับจะเป็นมิตรที่นำความสงบและปัญญามาสู่จิตใจ..................
เราทุกข์เพราะความกลัวและเรากลัวทุกครั้งที่คิดถึงพวกนั้นพูดง่าย ๆ ก็คือ
จริง ๆ แล้วเรากลัวความคิดของเราเองต่างหากเราทุกข์เพราะสิ่งที่อยู่ในใจเรายิ่งกว่าอะไรอื่น
จะเรียกว่าทุกข์เพราะตัวเราเองก็ได้ สิ่งอื่น คนอื่นเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เวลาเดือดเนื้อร้อนใจอย่าไปโทษหรือเล่นงานคนอื่นจนลืมจัดการกับใจของตนเอง

รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b46: ยางลบ กับการแก้สิ่งผิดพลาด :b46:

รูปภาพ

สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่าเวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ

เราห้ามใช้ยางลบ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่า

เวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากจะให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้ง

ที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ

สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆ นั้นไปตามจินตนาการ เช่น

ถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคนแต่ฉันอาจเผลอวาดตากลมโตเกินไป

ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน แม้นตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่า

ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบและแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูป

หน้าคนใส่แว่นมาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า

สามารถวาดภาพๆ นั้นด้วยความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง

เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น แท้จริงแล้วมันปลูกฝัง

นิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด ความผิดพลาด

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน และในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมัน

โดยไม่ตั้งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น และรวบรวมสติเพื่อ

แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด

คือ การที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่ถาวร ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ

ลบความผิดพลาดแต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉัน

ให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว

การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไป

แก้ไขมันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไข

สิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวัง

มากยิ่งขึ้น ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อที่จะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม

แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้

ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น ถึงแม้ภาพที่เราวาดออกมา

จะไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา

เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง

เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้างเพราะถึงอย่างไร ฉันยังเชื่อว่าถ้าสมอง

และหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ภาพชีวิตเราก็งดงามได้โดยไม่ต้องใช้ยางลบ
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2009, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


*~นิทานแมลงปอ~*

รูปภาพ

มีเมืองเล็กๆ ที่สวยและสงบสุขเมืองหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมาก
ทุกวันพวกเขาจะพากันไป ดู ชม พระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด
และไปส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดตอนโพล้เพล้
ทุกคนที่เคยพวกเขาพบเจอจะมองด้วยสายตาอิจฉาในความรักของคนคู่นี้เสมอ..

แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น
หญิงสาวผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
เธอนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เธอก็ยังคงไม่ฟื้นคืนมา

ตอนกลางวัน
ชายหนุ่มจะมาเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง
ร้องเรียกคนรักของเขาเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ตอบสนองใดๆ เลย

ตกกลางคืน
ชายหนุ่มจะไปสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์นอกเมือง
เขาร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว

ผ่านไป 1 เดือน
หญิงสาวยังคงหลับใหลไม่ฟื้นเหมือนเดิม
ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะซูบเซียวขึ้นทุกวัน
แต่ก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอไม่หยุด

แต่แล้ววันหนึ่ง
พระผู้เจ้าก็เกิดเห็นใจในรักของชายหนุ่ม
และตกลงที่จะ(ประทาน)พรให้แก่เข า
พระผู้เป็นเจ้าได้ถามชายหนุ่มว่า
“เจ้ายอมที่จะแลกพรนี้ด้วยชีวิตของเจ้าไหม”
ชายหนุ่มตอบโดยไม่ลังเลว่า “ ผมยอมครับ”
พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า “งั้นดีฉันจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมา
แต่เจ้าต้องแลกกับการกลายเป็นแมลงปอเป็นเวลา 3 ปี เจ้าจะตกลงยอมไหม”
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น แต่ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม “ผมยอมครับ”

ฟ้าสางแล้ว
ชายหนุ่มได้กลายเป็นแมลงปอสวยงามตัวหนึ่ง
เขาบอกลาพระผู้เป็นเจ้าแล้วรีบบินกลับไปที่โรงพยาบาล
หญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ
มีนายแพทย์หนุ่มยืนอยู่ข้างๆ เธอ คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างหนึ่ง
แต่ช่างเสียดายที่เขาไม่สามารถที่จะได้ยิน..

หลายวันผ่านไป
หญิงสาวแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
แต่เธอดูไม่มีความสุขเลย เธอออกตระเวนหาข่าวคราวของชายหนุ่ม
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มหายไปอยู่ที่ไหน
หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะตามหาชายคนรักของเธอ
ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างของเจ้าแมลงปอได้(แต่)บินวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงสาวไม่ห่าง
(ทว่า)เขาไม่สามารถที่ส่งเสียง ไม่สามารถโอบกอด(เธอ)
เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดูหญิงสาวไม่ให้คาดสายตาเท่านั้น

ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่
เจ้าแมลงปอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว
เขาอยากใช้ปีกของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาว
อยากใช้ปากเล็กๆ จูบที่หน้าผาก
แต่อย่างไรก็ดีร่างเล็กบอบบางในคราบของแมลงปอ
ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวได้

แค่พริบตา ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือน
เจ้าแมลงปอรีบบินกลับมาหาคนรักของเขา
เพื่อจะพบว่าร่างอันคุ้นตานั้น บัดนี้ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับชายรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง
ภาพๆ นั้นทำให้เจ้าแมลงปอเกือบจะบินตกลงมาจากอากาศเลยทีเดียว
ชาวบ้านต่างกล่าวขานถึงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทำให้ได้พบกับแพทย์หนุ่มที่น่ารัก และ ใจดี คนนั้น
และยังกล่าวถึงความรักของคนทั้งคู่ที่เหมือนถูกกำหนดมาอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนพวกเขายังคงพูดถึงหญิงสาวที่สดใสร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก
เจ้าแมลงปอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

หลังจากนั้นไม่กี่วัน
แมลงปอเห็นแพทย์หนุ่มผู้นั้นพาคนรักของตนไปชายทะเลเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น
พลบค่ำก็อยู่(ที่)ชายหาดเพื่อดูพระอาทิตย์ตก

แต่สำหรับเขาแล้ว
นอกจากบินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาวแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หน้าร้อนของปีนี้ช่างยาวนานนัก
เจ้าแมลงปอบินต่ำลงๆ ทุกวันด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด
เขาไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะบินเข้าใกล้ หญิงอันเป็นที่รัก
ท่าทางการพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งคู่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก

ย่างเข้าฤดูร้อนของปีที่ 3
เจ้าแมลงปอไม่ค่อยไปเฝ้าดูคนรักของเขาแล้ว
บ่าของเธอบัดนี้ถูกโอบกอดด้วยมือของแพทย์หนุ่ม
ใบหน้าถูกประทับจูบอย่างเบาๆ จากเขาผู้นั้น
ดูท่าทางแล้วไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะมีเวลาที่จะไปคิดถึงแมลงปอที่เจ็บปวดตัวหนึ่ง
ยิ่งไม่มีทางที่จะไปคิดถึงอดีตสิ่งที่ผ่านไป
วันครบรอบปีที่ 3 ที่พระผู้เป็นกำหนดไว้ใกล้มาถึงแล้ว
คนรักของเจ้าแมลงปอกับนายแพทย์หนุ่มได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันสุดท้ายนั้นเอง
เจ้าแมลงปอค่อยๆ บินเข้าไปในโบสถ์ และไปเกาะที่บ่าของพระผู้เป็นเจ้า
เขาได้ยินเสียงของคนรักที่ดังมาจากข้างล่างตอบรับคำสาบานของพระผู้เป็นเจ้าว่า
“ฉันยอมรับ”
เขาเห็นแพทย์หนุ่มคนนั้นสวมแหวนให้คนรักของเขา
ตามด้วยจุมพิตที่แสนหวานของคนทั้งคู่
เจ้าแมลงปอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา
พระผู้เป็นเจ้าถามแมลงปอว่า “เจ้ารู้สึกเสียใจไหม”
เจ้าแมลงปอเช็ดน้ำตาแล้วตอบว่า “เปล่า”
พระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า
“งั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ได้กลับเป็นเจ้าคนเดิมแล้ว”
เจ้าแมลงปอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนตอบว่า
“ขอผมเป็นแมลงปออย่างนี้ไปตลอดชีวิตเถอะครับ”

รูปภาพ

บางบุพเพ(ชะตา) ถูกกำหนดมาเพื่อที่ต้องสูญเสียไป
บางบุพเพ ตอนจบไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
รักคน ๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับรักตอบ แต่
เมื่อได้รับรักจากใครคนหนึ่งเราต้องดูแลรักษามันไว้อย่างดี

บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม....
รูปภาพ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 146 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร