วันเวลาปัจจุบัน 09 ต.ค. 2024, 10:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: สาธุ..ครับคุณnoohmairu :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2010, 02:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


10 วิธีเอาชนะอุปสรรค เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ

เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตและการงาน ที่ต้องพานพบอุปสรรคไม่มากก็น้อยในระหว่างการเดินไปสู่เป้าหมาย และถ้าคุณกำลังทำงานใหญ่ ขอบอกเลยว่า คุณต้องเจอกับปัญหาอุปสรรคนานัปการตลอดเส้นทาง นี่มิใช่การมองโลกในแง่ร้าย มันเป็นความจริงที่คุณต้องยอมรับและเตรียมพร้อมรับมือกับอุปสรรคทุกรูปแบบ ที่คุณต้องจัดการแก้ไข เพื่อข้ามพ้นไปสู่ความสำเร็จให้ได้ เพราะการเอาชนะอุปสรรค เป็นจุดเปลี่ยนที่จะนำไปสู่ความสำเร็จอันงดงาม

แต่คุณก็ไม่ต้องกังวลมากนัก ขอเพียงมีสติตั้งรับอย่างแน่วแน่ เพราะอุปสรรคที่เกิดขึ้นนั้น อาจมาในรูปของปัญหาทางเทคนิค หรือเกี่ยวข้องกับผู้คนมากหน้าหลายตา ดังนั้น คุณต้องรู้จักนำศิลปะการแก้ไขปัญหามาใช้ให้เป็นประโยชน์ และ 10 วิธีเอาชนะอุปสรรค ต่อไปนี้ อาจจะช่วยนำพาคุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง ฝ่าอุปสรรค ขวากหนาม เพื่อไปถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จได้โดยเร็ว

1. ชี้ปัญหาและวิเคราะห์หาสาเหตุ

วิธีที่เร็วที่สุดในการแก้ปัญหาใดๆ ก็คือ ค้นหาต้นตอของสาเหตุ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าผลเกิดจากเหตุ ดังนั้น จงหาดูว่าอะไรคือที่มาของสิ่งที่เป็นประเด็นปัญหา ซึ่งโดยปกติ ต้องอาศัยเวลาในการลงความเห็น แต่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะทันทีที่รู้รากเหง้าของปัญหา คุณก็สามารถจัดการกับมันได้ทันควัน เพื่อเดินหน้าต่อไป

มีบ่อยครั้งที่คนรอบๆ ตัวคุณ มักกลัวและไม่ให้ความร่วมมือ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างแน่ชัดถึงวิธีการที่คุณจะใช้แก้ปัญหา และคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเขา มีข้อแนะนำที่อยากจะบอกก็คือ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น คนรอบๆ ข้างคุณ มักไม่พูดความจริงในครั้งแรกๆ

2. เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง

มีหลายๆคนที่ใช้สัญชาตญาณของตัวเองแก้ปัญหาต่างๆได้สำเร็จ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยที่ฝังอยู่ในห้วและดูไม่สมเหตุผล แต่ท้ายที่สุด มันกลับกลายเป็นวิธีที่ใช้แก้ปัญหาได้ผล ดังนั้น ให้ลองฟังเสียงสัญชาตญาณของตัวเอง มันจะบอกคุณเองว่า ต้องทำอะไร

3. เรียนรู้จากปัญหาของคนอื่น

ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณ อาจเคยเกิดขึ้นกับผู้อื่นและได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงไปแล้วด้วยดี จึงไม่จำเป็นที่คุณต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพียงแค่ค้นหาวิธีที่คนอื่นใช้แก้ปัญหา โดยหาอ่านได้จากบทความในหนังสือ หรือในอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่รวบรวมความรู้ต่างๆมากมายจากทุก มุมโลก และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายๆ นำมาลองปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ของคุณ

4. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

สุภาษิตโบราณสอนไว้ว่า “สองหัวดีกว่าหัวเดียว” เพราะฉะนั้น อย่ามัวแต่นั่งคิดนั่งกลุ้มอยู่เพียงลำพัง จงหันไปปรึกษาคนในครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน ให้พวกเขาช่วยคุณคิดหาวิธีเอาชนะอุปสรรค เพราะมีหลายครั้งที่คนเหล่านี้ มีมุมมองต่างกันในสถานการณ์นั้นๆ ที่จะช่วยฟันฝ่าอุปสรรคได้ในทันที หรือไม่ก็เป็นแรงจูงใจที่ช่วยพาคุณผ่านพ้นอุปสรรคตรงหน้าไปได้

5. จ้างมืออาชีพ

ในบางเวลา คุณต้องอาศัยมืออาชีพเข้ามาช่วย ถ้าปัญหานั้นร้ายแรง และคุณขาดความรู้ความชำนาญในการจัดการ แต่ต้องแน่ใจว่า คนนั้นเคยมีประสบการณ์แก้ไขปัญหาที่คล้ายคลึงกันมาก่อน ลองขอชื่อบุคคลที่อ้างอิงได้ เพื่อคุณจะได้สอบถามผลการแก้ปัญหา แต่ถ้าจะให้ดี ควรมีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ระบุถึงปัญหาและการแก้ไข เป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนลงมือทำงาน

6. เปลี่ยนทัศนคติในการมองปัญหา

คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวหรอกว่า ตัวเองนี่แหละที่เป็นตัวปัญหา เพราะฉะนั้น ต้องหันกลับมาดูตัวเอง และประเมินทัศนคติของตัวคุณเองว่า หากเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาหรือสถานการณ์นั้นแล้ว จะช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคได้หรือไม่ ซึ่งวิธีการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้อื่นเป็นตัวอุปสรรค คุณอาจต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคนคนนั้น เพื่อเขาจะให้ความร่วมมือ และแม้ว่าต้องอาศัยระยะเวลานาน แต่รับรองว่า ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง

7. ลองผิดลองถูก

ถ้าคุณได้ทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ยังล้มเหลว หรืออยู่ในสถานการณ์พิเศษ คุณอาจต้องใช้วิธีลองผิดลองถูก จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเอาชนะอุปสรรค แต่อาจถือเป็นทางเลือกหนึ่ง โดยต้องพยายามทำให้เป็นระบบ ทำช้าๆ และประเมินผลที่ได้แต่ในแต่ละวิธีอย่างระมัดระวัง และบางครั้งการนำผลที่ได้จากการลองผิดลองถูกหลายๆวิธีมารวมกัน ก็นำไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน

8. หยุดพักสมองซะบ้าง

เคยมั้ย เมื่อมีปัญหาหลายๆเรื่องที่แก้ไม่ตก หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงหมกมุ่นคิดค้นหาหนทางแก้ จนถึงทางตัน คุณก็เริ่มถอดใจ แล้วเข้านอน แต่เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า สมองโล่ง กลับคิดวิธีแก้ปัญหาได้ทันที ดังนั้น ในบางครั้ง คุณจำเป็นต้องหยุดพักสมองเสียบ้าง อย่าไปฝืน แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ต้องเดินหนีปัญหา แต่มันกลับเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ควรทำ

9. อย่ายอมแพ้

จำไว้อย่างหนึ่งว่า “ผู้ชนะไม่เคยถ้อถอย และผู้ท้อถอยไม่เคยชนะ” บางเวลาคุณอาจถอยหลังมาตั้งหลัก หันหลังกลับ หรือแม้แต่ใช้แนวทางใหม่ แต่คุณต้องไม่เลิกล้มความพยายามที่จะเอาชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นอยู่ เพราะความอุตสาหะหรือความเพียรพยายาม เป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ มีคนบางคนที่ต่อสู้กับปัญหาชนิดที่เรียกว่า “กัดไม่ปล่อย” พวกเขาจะยืนหยัดสู้กับปัญหาจนกว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง แม้ว่าแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตาม แต่นี่ก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะไปนำสู่ความสำเร็จได้

10. เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

เมื่อลองทำทุกวิธีแล้ว ยังไม่ได้ผล ให้กลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่ อาจเป็นไปได้ว่า คุณตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับอุปสรรคผิดตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ จงประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้งอย่าง ถี่ถ้วนและรอบคอบ และถ้ายังล้มเหลวอีก อาจจะเป็นเพราะคุณยังหาต้นตอของสาเหตุไม่เจอ หรือไม่ก็ยังจับประเด็นไม่ถูกต้อง ฉะนั้น ต้องแน่ใจว่า คุณเข้าใจปัญหาทั้งหมดอย่างถ่องแท้ เพื่อจะหาทางแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 115 มิถุนายน 2553 โดย ประกายรุ้ง)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 28 มิ.ย. 2010, 02:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2010, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


10 รูปแบบการใช้ชีวิตครองเรือน ที่พระพุทธเจ้าทรงตำหนิและสรรเสริญ

ในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเรียกบุคคลผู้ดำรงชีวิตครองเรือนว่า กามโภคี *(ผู้บริโภค เสพกามเป็นปกติ)บ้าง ฆราวาส(ผู้อยู่ครองเรือน)บ้าง คฤหัสถ์ (ผู้มีเหย้าเรือน)บ้าง โดยที่การดำรงชีวิตครองเรือนของบุคคลดังกล่าวนี้มีทั้งปัญหามากน้อยแตกต่าง กัน ไปตามลักษณะการใช้ชีวิต กล่าวคือ พวกที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ พวกที่ดำรงชีวิตในลักษณะทอดทิ้งธรรมะ ส่วนพวกที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมน้อยหรือไม่มีปัญหาเลย ได้แก่ พวกที่นำเอาธรรมะเข้าไปเป็นหลักใจ ในอันที่จะควบคุมความรู้สึกนึกคิด ความคิดเห็น อันเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมในด้านต่างๆ

รูปแบบการใช้ชีวิตของกามโภคีบุคคลนั้น ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงจัดไว้ ๑๐ รูปแบบ ซึ่งมีหลักฐานดังที่ทรงแสดงแก่อนาถปิณฑิกคฤหบดี ในกามโภคีสูตร ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ ข้อที่ ๙๑) ความว่า

“ดูก่อนคฤหบดี กามโภคีบุคคล ๑๐ ประเภทนี้ มีปรากฎอยู่ในโลก กามโภคีบุคคล ๑๐ ประเภทคืออย่างไรบ้าง คือ

๑) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์ โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้ว ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๒) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์ โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แต่ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๓) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แบ่งปันและทำบุญ

๔) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์ทั้งโดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง โดยกรรมชั่วร้ายบ้าง ไม่ชั่วร้ายบ้าง ครั้นแสวงหาได้แล้ว ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๕) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์ทั้งโดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง โดยกรรมชั่วร้ายบ้าง ไม่ชั่วร้ายบ้าง ครั้นแสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แต่ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๖) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์ ทั้งโดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง โดยกรรมชั่วร้ายบ้าง ไม่ชั่วร้ายบ้าง ครั้นแสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แบ่งปัน และทำบุญ

๗) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้ว ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๘) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้ว เลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แต่ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

๙) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาได้แล้วเลี้ยงตัวให้สุขสบายให้อิ่มหนำ แบ่งปันและทำบุญ แต่ยังเป็นคนละโมบ หมกมุ่น พัวพัน ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์นั้นอยู่

๑๐) กามโภคีบุคคลบางคนในโลกนี้ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาแล้วเลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ แบ่งปันและทำบุญ ทั้งไม่ละโมบ ไม่หมกมุ่น ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์นั้นอยู่ “

ในรูปแบบการใช้ชีวิตครองเรือนของกามโภคีบุคคล ทั้ง ๑๐ ประเภทนี้ พระพุทธองค์ทรงตำหนิและสรรเสริญไว้ ดังนี้

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๑ พึงถูกตำหนิ ๓ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย (๒) ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๓) ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๒ พึงถูกตำหนิ ๒ สถานคือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย (๒) ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ พึงได้รับสรรเสริญ ๑ สถาน คือ เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๓ พึงถูกตำหนิ ๑ สถาน คือ แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย พึงได้รับสรรเสริญ ๒ สถาน คือ (๑) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๒) แบ่งปันและทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๔ พึงได้รับสรรเสริญ ๒ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย พึงถูกตำหนิ ๒ สถาน เช่นกัน คือ (๑) ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๒) ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๕ พึงได้รับสรรเสริญ ๒ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ พึงถูกตำหนิ ๒ สถาน เช่นกัน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย (๒) ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๖ พึงได้รับสรรเสริญ ๓ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๓) แบ่งปันและทำบุญ พึงถูกตำหนิ ๑ สถาน คือ แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดยกรรมชั่วร้าย

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๗ พึงได้รับสรรเสริญ ๑ สถาน คือ แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย พึงถูกตำหนิ ๒ สถาน คือ (๑) ไม่เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๒) ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๘ พึงได้รับสรรเสริญ ๒ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ พึงถูกตำหนิ ๑ สถาน คือ ไม่แบ่งปัน ไม่ทำบุญ

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๙ พึงได้รับสรรเสริญ ๓ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๓) แบ่งปันและทำบุญ พึงถูกตำหนิ ๑ สถาน คือ เป็นคนละโมบ หมกมุ่น พัวพัน ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาสลัดออกบริโภคโภคทรัพย์

กามโภคีบุคคลประเภทที่ ๑๐ พึงได้รับสรรเสริญ ๔ สถาน คือ (๑) แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย (๒) เลี้ยงตัวให้สุขสบายอิ่มหนำ (๓) แบ่งปันและทำบุญ (๔) เป็นคนไม่ละโมบ ไม่หมกหมุ่น ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์

ในตอนท้ายแห่งพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ตรัสสรรเสริญรูปแบบการใช้ชีวิตของกามโภคีบุคคลประเภท ๑๐ ว่า “เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่สูงสุด ดีกว่าบรรดากามโภคบุคคลทั้ง ๙ ประเภท เปรียบเหมือนนมสดเกิดจากแม่โค นมข้นเกิดจากนมสด เนยข้นเกิดจากนมสด เนยใสเกิดจากเนยข้น หัวเนยใสเกิดจากเนยใส หัวเนยใสชาวโลกกล่าวกันว่าเป็นเลิศกว่านมสดเป็นต้นเหล่านั้น ฉันใด บรรดากามโภคีบุคคล ๑๐ ประเภทนี้ กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาแล้วเลี้ยงตัวให้สุขสบาย ให้อิ่มหนำ แบ่งปัน ทำบุญ แลไม่ละโมบ ไม่หมกมุ่น ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์นี้ก็จัดว่าเป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่สูงสุด ดีกว่า ฉันนั้นเหมือนกัน”

จากข้อความในกามโภคีสูตรดังกล่าวมานี้ ได้ชี้ให้เห็น ทรรศนะทางพระพุทธศาสนาว่า คนที่สมบูรณ์พูนสุขด้วยทรัพย์สมบัติแล้ว กลับปล่อยตนเองเป็นทาสของทรัพย์ ต้องรับใช้ รักษา ป้องกัน ห่วงใย เอาใจใส่ หมกมุ่นกังวลอยู่ด้วยทรัพย์ ย่อมได้รับการตำหนิในทางพระพุทธศาสนา เพราะนั่นคือความชะงักงันแห่งพัฒนาการแห่งชีวิต

ส่วนคนที่รู้จักการแสวงหาโภคทรัพย์ในทางที่ชอบธรรม โดยไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งแก่ตนและผู้อื่น ทั้งยังรู้จักการบริโภคใช้สอยโภคทรัพย์ให้เหมาะสมแก่ฐานะของผู้ครองเรือนที่ ดี ย่อมได้รับการสรรเสริญในทางพระพุทธศาสนา เพราะบุคคลนี้นอกจากจะได้รับประโยชน์ จากการถือครองทรัพย์สมบัติที่ตนได้มาในทางที่ชอบธรรมแล้ว ยังใช้ทรัพย์ไปในทางที่เหมาะควรตามหลักการใช้จ่ายทรัพย์ หรือหลักการถือเอาประโยชน์จากทรัพย์โดยถูกต้อง (โภคอาทิยะ) ๕ ประการ คือ

(๑) เลี้ยงตนเอง มารดา บิดา บุตรธิดา ภรรยา บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข
(๒) เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข
(๓) บำบัดอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ตนและคนอื่นได้
(๔) ทำพลีกรรม ๕ อย่าง คือ
- ญาติพลี สงเคราะห์ญาติพี่น้องที่ขัดข้อง จำเป็น
- อติถิพลี ต้อนรับ เลี้ยงดูแขกผู้มาเยือน
- ปุพพเปตพลี ทำบุญอุทิศให้แก่ญาติมิตรที่ตายจากไป
- ราชพลี เสียภาษีบำรุงประเทศอันเป็นมาตุภูมิแห่งตน
- เทวตาพลี ทำบุญอุทิศกุศลให้แก่เทพยดาทั้งหลาย
(๕) บริจาคทาน อันเป็นการบำรุงสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ และสาธารณประโยชน์ต่างๆ เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน กามโภคีบุคคลประเภทนี้ยังเป็นผู้ไม่ประมาท คือ สามารถใช้ทรัพย์ที่อาจเป็นอันตรายให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ปล่อยจิตให้สยบ หมกมุ่น กังวล จดจ่ออยู่กับทรัพย์สมบัติเหล่านั้น ใช้ปัญญาในการดำรงชีวิต พิจารณาเห็นทั้งส่วนที่เป็นโทษและเป็นคุณแห่งทรัพย์นั้น แล้วใช้ปัญญาพิจารณาเพื่อสลัดตนเองจากการผูกพันทรัพย์ อันเป็นบ่วงที่ผูกมัดคนไว้อย่างสำคัญใน ๓ บ่วง ดังที่ท่านแต่งไว้เป็นคำโคลงไว้ว่า

มีบุตรบ่วงหนึ่งเกี้ยว พันคอ
ทรัพย์ผูกบาทาคลอ หน่วงไว้
ภรรยาเยี่ยงบ่วงปอ รึงรัด กายเฮย
สามบ่วงใครพ้นได้ จึงพ้นสงสาร

เมื่อมองในแง่ของข้อเท็จจริงแล้ว การพยายามตอบสนองความต้องการของตนอยู่ร่ำไปนั้น หากว่าเป็นความอยากที่เกินพอดีหรือเกินขอบข่ายของศีลธรรมแล้ว มีแต่จะสร้างเวรภัย บาปกรรม และความเดือดร้อนใจ ตลอดถึงประสบความทุกข์ทรมานในลักษณ์ต่างๆ ทั้งนี้เพราะว่าโดยสภาพของจิตแล้วท่านแสดงว่า

• สัตว์โลกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา
• กามทั้งหลายตระการหวานชื่นใจ ย่อมย่ำยีจิตของบุคคลในรูปแบบต่างๆ เสมอ
• ความโลภอันความอยากผูกไว้ จะหยุดได้เพราะกำจัดความอยาก
• ความอยากย่อมชักลากนรชนไป ความอยากเป็นสิ่งที่ละได้ยากในโลก
• กามทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก มีพิษมาก ดังก้อนเหล็กที่ร้อนจัด เป็นต้นเค้าแห่งความคับแค้น
• โลกมีความเพลิดเพลินเป็นเครื่องผูกไว้ มีวิตกเป็น เครื่องนำจิตให้เที่ยวไป
• คนที่เป็นทาสแห่งตัณหา ย่อมประสบความลำบาก เป็นต้น

จากนัยแห่งพุทธศาสนสุภาษิตดังกล่าวนี้ แสดงถึงความจริงที่ใครๆ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า กิจกรรมในการแสวงหา การใช้สอย เป็นต้น เน้นไปเพียงด้านเดียว คือ มุ่งตอบสนองความต้องการของตนที่ไม่จำกัด หากมากไป หรือน้อยไปมีแต่ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะในกรณีที่แสวงหามากเกินพอดี จิตจะส่ายไปหาสิ่งต่างๆ จนหาข้อยุติไม่ได้ว่า เมื่อไรจะอิ่ม เมื่อไรจะพอ ความสุขใจที่ตนต้องการก็ไม่อาจเกิดขึ้น นอกจากบุคคลจะสร้างความสำนึกในทางที่ชอบ รู้จักอิ่ม รู้จักพอเสียบ้างเท่านั้น ดังที่ท่านกล่าวไว้ในอุทานธรรมว่า

ความไม่พอใจจนเป็นคนเข็ญ
พอแล้วเป็นเศรษฐีมหาศาล
จนทั้งนอกทั้งในไม่ได้การ
จงคิดอ่านแก้จนเป็นคนพอ

เศรษฐทรัพย์ทั้งหลายนั้นพระพุทธศาสนาจึงเรียกว่า ปัจจัย เครื่องอาศัยในการดำรงชีวิต เป็นสมบัติของโลกที่คนจะต้องแสวงหา ใช้สอยแลกเปลี่ยนกัน เป็นต้น เพื่อให้อยู่ดีมีสุขตามความจำเป็น ที่จะต้องอาศัยปัจจัยเหล่านั้น เมื่อได้อาศัยปัจจัยเหล่านั้นตามสมควรแล้ว คนเราจะต้องก้าวไปบนขั้นบันไดแห่งชีวิตที่สูงขึ้น นั่นคือการพัฒนาคุณภาพของจิต เพื่อให้จิตที่พัฒนาดีพอสมควรแล้ว เป็นนายบงการชีวิตให้ประกอบด้วยสาระประโยชน์อย่างแท้จริง

หมายเหตุ * กามโภคีบุคคล บุคคลผู้บริโภคกาม หมายถึง บุคคลผู้ร่วมใช้สอยโภคสมบัติพร้อมกับบุตรภรรยาของตนหรือเสพกามครบทั้ง ๒ ประเภท คือ วัตถุกามหรือกามคุณ ๕ และกิเลสกาม (นัยจากคัมภีร์อรรถกถาบาลีพระวินัยปิฎก เล่ม ๑ ข้อ ๒๑๒) โดยปริยาย หมายถึง คฤหัสถ์ผู้มีครอบครัวหรือมีคู่อยู่ครองเรือน ซึ่งต้องยุ่งอยู่กับกามคุณ ๕ ประจำ

(จากส่วนหนึ่งของหนังสือพุทธธรรม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...พี่ธรรมบุตร

ดูแลสุขภาพทั้งกายและใจนะคะ

:b48: รักและคิดถึงเสมอค่ะ :b48:


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2010, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกโป่ง เขียน:
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...พี่ธรรมบุตร

ดูแลสุขภาพทั้งกายและใจนะคะ

:b48: รักและคิดถึงเสมอค่ะ :b48:


รูปภาพ


:b48: คิดถึงเช่นกันจ๊ะ น้องลูกโป่ง ไป expo มาเป็นอย่างไรบ้าง การเดินทางสะดวกดีหรือเปล่า คนเยอะมะ การเดินเหินของน้องเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีนะ อย่าลืม..ดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่รักด้วยนะ รักคิดถึงน้องลูกโป่ง..มั๊ก..มั่ก..มาก ธรรมะคุ้มครองคนดีเสมอนะ น้องรักของพี่.. :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่ก็คือแม่ แม้จะต้องเสี่ยงถึงชีวิตเพื่อปกป้องลูกของเธอ
Mother is mother... Risking her life to save her kid...

แนบไฟล์:
1.jpg
1.jpg [ 19.29 KiB | เปิดดู 7521 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
2.jpg
2.jpg [ 30.04 KiB | เปิดดู 7521 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
3.jpg
3.jpg [ 19.73 KiB | เปิดดู 7521 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
4.jpg
4.jpg [ 19.38 KiB | เปิดดู 7520 ครั้ง ]


Look at the dog's face ...what an expression...!!


Baby Monkey hit by scooter at Jaipur { India }

but monkey mother...... . we already know the Mother history.

แนบไฟล์:
5.jpg
5.jpg [ 25.56 KiB | เปิดดู 7519 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
6.jpg
6.jpg [ 35.42 KiB | เปิดดู 7518 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
7.jpg
7.jpg [ 38.73 KiB | เปิดดู 7519 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
8.jpg
8.jpg [ 43.64 KiB | เปิดดู 7518 ครั้ง ]


แนบไฟล์:
9.jpg
9.jpg [ 35.7 KiB | เปิดดู 7516 ครั้ง ]


... ไม่มีอะไรในโลกนี้จะดีกว่าแม่ ...
...Nothing in this world is better than a Mother...

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ดูภาพแล้ว คิดถึงทั้งแม่ และลูก

อนุโมทนาค่ะท่าน :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ธรรมบุตร เขียน:
ลูกโป่ง เขียน:
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...พี่ธรรมบุตร

ดูแลสุขภาพทั้งกายและใจนะคะ

:b48: รักและคิดถึงเสมอค่ะ :b48:


รูปภาพ


:b48: คิดถึงเช่นกันจ๊ะ น้องลูกโป่ง ไป expo มาเป็นอย่างไรบ้าง การเดินทางสะดวกดีหรือเปล่า คนเยอะมะ การเดินเหินของน้องเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีนะ อย่าลืม..ดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่รักด้วยนะ รักคิดถึงน้องลูกโป่ง..มั๊ก..มั่ก..มาก ธรรมะคุ้มครองคนดีเสมอนะ น้องรักของพี่.. :b8:


tongue สวัสดียามดึกค่ะ...พี่ธรรมบุตร

ขอโทษนะคะที่เพิ่งเห็นกระทู้ที่พี่ถาม...เลยเพิ่งจะตอบจ้า :b3:
ลูกโป่งเดินสะดวกแล้วจ้า ที่งานWorld Explore คนเยอะมากค่ะ
ละลานตาไปหมด ลูกโป่งไปเดิน 2 วัน ยังไม่หมดเลย งานใหญ่มากค่ะ
เซี่ยงไฮ้เจริญมากเลยค่ะ ดูบ้านเมืองเจริญกว่ากรุงเทพฯด้วย
แต่ยังไงลูกโป่งก็รักเมืองไทยที่สุดแล้ว ทั้งอาหารการกิน
ทั้งผู้คน ทั้งความคุ้นเคย ความยิ้มแย้ม ความเป็นมิตรไมตรี
ทั้งอยู่ใกล้วัด ใกล้ศาสนา
ลูกโป่งว่า บ้านเราอบอุ่นที่สุดแล้วค่ะ
เดี๋ยวนี้ลูกโป่งไปเล่น Fitness ค่ะ อาทิตย์ละ 2 วันเป็นอย่างน้อย
วันไหนไม่ได้ไปก็พยายามออกกำลังกายปั่นจักรยาน
เล่น Vibration ที่บ้าน ค่ะ
ก็พยายามดูแลตัวเองให้ดีทั้งกายและใจ
ไม่อยากเป็นภาระของใคร อยากช่วยตัวเองให้ได้
ลูกโป่งว่า การเจ็บป่วยที่ผ่านมา
สอนอะไรลูกโป่งเยอะ เหมือนเกิดใหม่เลยค่ะ
ต้องดูแลตัวเองมากๆ ไม่ประมาทกับชีวิต
ลูกโป่งว่า เหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิต
ไม่ว่าดี ไม่ว่าร้าย
แล้วแต่เป็นบทเรียนให้ชีวิตได้ทั้งนั้น
ขึ้นอยู่กับเราเลือกมอง เลิอกทำ เลือกคิด
ทุกสิ่งก็มีประโยชน์เสมอ....


DO THE BEST EACH DAY, EACH WILL NEVER BE AGAIN.


ธรรมใดๆก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:

ปล.วันจันทร์นี้ วันอาสาฬหบูชา
ลูกโป่งจะไปทำบุญเลี้ยงเพล ถวายสังฆทาน
ให้คุณพ่อ คุณแม่ และญาติๆ
ที่วัดธรรมมงคลนะคะ อย่าลืมอนุโมทนาบุญนะคะ
อาทิตย์ที่ผ่านมา ลูกโป่งทำบุญหลายอย่างเลยค่ะ
ทั้งทำบุญที่ศาลเจ้าที่อุทิศให้วิญญานศพเด็กที่ถูกทำแท้ง
สร้างหม้อไฟฟ้าให้วัด
วันนี้ลูกโป่งก็ทำบุญที่ 7-Eleven
มีทำบุญให้รพ.ศรีธัญญา วัดพระบาทน้ำพุ
วัดพระรามเก้า มูลนิธิคนปัญญาอ่อน
มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ
มูลนิธิสนับสนุนละครธรรมะ มูลนิธิรามาธิบดี
ขอให้พี่ธรรมบุตร และเหล่ากัลยาณมิตรอนุโมทนาบุญได้นะคะ :b36:
พี่ธรรมบุตรค่ะ ลูกโป่งอยากให้พี่ไปทำบุญกับหลวงพ่อเปลียนให้ด้วยนะคะ
ช่วงนี้ลูกโป่งฟังเทศน์ท่านบ่อยๆ พี่อยู่ใกล้ช่วยไปทำบุญกับท่านเผื่อด้วยนะคะ :b8: :b20:

:b1: รักและคิดถึงเสมอค่ะ...หวังว่าพี่สบายดีนะคะ :b55: :b55: :b55:


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 02:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โทรศัพท์มือถือ ย้ายค่าย แต่ใช้ เบอร์เดิม ได้ตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2553 เป็นต้นไป
( ข่าว 13 กรกฎาคม 2553 )

ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถคง รักษาเบอร์เดิม
แต่ ย้ายเครือข่ายผู้ให้บริการได้
โดยเสียค่าดำเนินการ 99 บาท ใช้เวลาดำเนินการ 3 วัน
ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกทช.
ไว้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมปี 2552

ที่ ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.
มีมติให้คิดค่าธรรมเนียม 99 บาทกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ในกรณีที่ต้องการคงหมายเลขโทรศัพท์เดิมไว้
แต่ต้องการเปลี่ยนเครือข่ายผู้ให้บริการ
โดยตั้งเป้าจะเปิดให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ย้ายค่ายโทรศัพท์ได้วันที่ 31 สิงหาคมนี้ และกำหนดให้เครือข่ายย้ายระบบให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน
เบื้องต้นกทช. คาดการณ์ว่าในช่วงแรกจะมีผู้ต้องการใช้บริการนี้จำนวนมาก
จึงเร่งให้ทุกบริษัทผู้ให้บริการเครือข่าย
ทดสอบระบบโครงข่าย ระบบบิลลิ่ง ระบบลูกค้าสัมพันธ์
รวมทั้งระบบเชื่อมต่อระหว่างค่ายมือถือด้วยกัน โดยจะต้องทำให้ระบบทำงานให้เสถียรที่สุด
แนวคิดการเปลี่ยนเครือข่าย โดยไม่เปลี่ยนเลขหมาย
เป็นแนวคิดและถูกบรรจุให้อยู่ในกฏหมายตั้งแต่ปี 2544
แต่ยังไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง จนเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2552
กทช. ประกาศหลักเกณฑ์นี้ ในราชกิจจานุเบกษา

แต่ค่ายโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ ขอขยายเวลาในการดำเนินการ
จนครบกำหนดและกทช. ประกาศให้ดำเนินการให้ได้ภายใน 31 สิงหาคม 2553
ขณะที่สถาบันคุ้มครอง ผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท.
เปิดเผยว่า นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีข้อร้องเรียนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อีก
โดยเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนมากที่สุดคือ คุณภาพและมาตรฐานบริการถึงร้อยละ 45
อันดับ 2คือเรื่องค่าบริการผิดพลาดไม่เป็นธรรมร้อยละ 18 ซึ่ง สบท.
กำลังเร่งผลักดันให้แต่ละเครือข่ายคิดค่าโทร ตามจริง คือคิดเป็นวินาที
ตามค่าเชื่อมต่อโครงข่าย ที่คิดเป็นวินาทีเช่นกัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 04:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร