วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อันตราย


อย่ารับโทรศัพท์ขณะกำลังชาร์จแบต เมื่อไม่กี่วันก่อน ชายคนหนึ่งชาร์จโทรศัพท์ไว้ ที่บ้าน มีโทรศัพท์เข้ามา เขารับโทรศัพท์ทั้งๆที่โทรศัพท์ยังเสียบปลั๊กอยู่ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที

กระแสไฟฟ้าได้ไหลผ่านโทรศัพท์เข้าสู่ตัวเขา

เขาล้มลง กับพื้นเสียงดังมาก พ่อแม่ของเขารีบมาที่ห้องและพบเขาหมดสติ ชีพจรเต้นอ่อน และนิ้วมือเป็นรอยไหม้ เขาถูกส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างด่วน แต่หมอบอกว่า เสียชีวิตระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือเป็นนวตกรรมที่มีประโยชน์มาก แต่ขณะเดียวกันก็อาจเป็น เครื่องมือที่นำไปสู่ความตายได้เช่นกัน ไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะกำลังเสียบปลั๊ก อยู่ กรุณาส่งข้อความนี้ให้คนที่คุณรัก



:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


พอดีได้รับ FW. มาจากน้องคนหนึ่ง อ่านแล้วก็ตกใจเล็กน้อยโดยไม่ทราบหรอกนะคะว่าเรื่องที่ได้อ่านจริงหรือเท็จแต่ด้วยความที่ตนเองเป็นคนชอบคุยโทรศัพท์ทีละนานๆ พอแบตหมดกลางคันสนทนาก็จะ เสียบปลั๊กแล้วคุยต่อทันที

ที่ผ่านมากลัวอยู่เรื่องเดียวคือแบตระเบิดระหว่างที่ "สนทนาไปด้วยชาร์ทแบตไปด้วย " แต่เพิ่งทราบว่ามีกระแสไฟไหลเข้ามาสู่ร่างกายเราได้ด้วย

อ่านไว้นะคะเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงค่ะ.......... :b3:


แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 17 มี.ค. 2010, 23:15, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ขอบคุณนะครับ

สำหรับข่าวสาร


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อันตราย !!!

อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ ( แอร์ ) ทันทีที่คุณขึ้นรถ !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดไว้ ให้เปิดหน้าต่างหลังจากขึ้นรถ
และอย่าเปิดแอร์ทันที

ตามผลการวิจัย

แผงหน้าปัทม์ ( คอนโซล ) เบาะที่นั่ง และน้ำหอมปรับอากาศ จะสร้างสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งขึ้น ( อย่างที่คุณได้กลิ่นเหมือนพลาสติคจาง ๆ ในรถ " โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถใหม่ "

นอกจากเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งแล้ว สารดังกล่าวยังเป็นพิษต่อกระดูก ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง และลดจำนวนเม็ดเลือดขาว ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคลูคีเมีย และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มารดาได้

ระดับของสารเบนซีนที่ยอมรับได้ในอาคาร / ในรถ< FONT color=red size=4> คือ 50 มิลลิกรัม ต่อ ตารางฟุต แต่ระดับของสารเบนซีนในรถที่จอดอยู่ในร่มม ีค่าอยู่ที่ 400 - 800 มิลลิกรัม หากรถจอดอยู่กลางแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 60 องศาฟาร์เรนไฮท์ ( 15.5 องศาเซลเซียส " ในเมืองไทยจอดในร่มอุณหภูมิก็สูงเกินแล้ว " : ผู้แปล ) ระดับของสารเบนซีนจะสูงขึ้นถึง 2000 -4000 มิลลิกรัม คือสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง 40 เท่า คนที่อยู่ในรถจะหายใจเอาสารพิษที่สูงเกินมาตรฐานดังกล่าวเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ดังนั้นจึงขอแนะนำ
ว่าให้คุณเปิดประตู หน้าต่างรถ ไว้สักระยะเพื่อให้อากาศที่อยู่ในตัวรถออกมาก่อนจะเข้าไปนั่ง สารพิษที่ร่างกายคุณไม่สามารถขับออกได้โดยง่าย ซึ่งส่งผลร้ายต่อ ตับ ไต ไส้ พุง (" สองอันหลังเพิ่มเอง " : ผู้แปล ) จะได้ลดปริมาณลง


" เมื่อใครบางคนแบ่งปันบางสิ่ งที่มีค่ากับคุณ และคุณได้รับประโยชน์จากมัน คุณก็ควรจะแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับผู้อื่นด้วย "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องของคนขี้แพ้
รายงานโดย :หนูดี-วนิษา เรซ




เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หนูดีเพิ่งรู้ตัวค่ะว่าเป็นคนขี้แพ้อย่างหนัก

เพราะที่ผ่านมามีคุณหมอหลายรายพยายามบอกหนูดีแล้วว่า

หนูดีเป็น “ภูมิแพ้” แต่หนูดีก็ไม่เคยตั้งใจฟัง

ให้ยาอะไรมาหนูดีก็ไม่เคยยอมกิน แค่รับยามาพอให้คุณหมอสบายใจ

พอถึงบ้านก็วางไว้อย่างนั้นจนอาการหายไปเอง


เรียกว่าอยู่ในภาวะ “ปฏิเสธ ความจริง” และ ดื้อเงียบแบบสุดขีด เพราะใครเลยจะนึกว่า

คนที่ใช้ชีวิตปกติได้ เดินทางไปไหนมาไหนได้ ป่วยก็ไม่ค่อยบ่อย เกสรดอกไม้ก็ไม่เคยแพ้

จะเป็น “คนขี้แพ้” กับเขาได้ด้วย

แต่ก็เป็นไปแล้วค่ะ และแพ้ในสิ่งที่ไม่น่าแพ้ได้ คือ อาหารโปรดที่ชอบกินรวมถึง

โทรศัพท์มือถือ และ คอมพิวเตอร์ของตัวเองด้วย



เมื่อต้องมาศึกษาข้อมูลเพื่อดูแลตัวเอง ก็เลยตกใจว่าหนูดีใช้ชีวิตมาได้ตั้ง 30 ปีเข้านี่แล้ว โดยกิน

อาหารที่ตัวเองแพ้มาเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นคือ “อาหารสุขภาพ” ที่ใครๆ ก็ยอมรับกันทั่วโลก แต่หนูดี

ก็เพิ่งทราบว่า อาหารก็เหมือนแฟชั่นนะคะ คือ อะไรที่ซูเปอร์โมเดลใส่แล้วสวย ก็ไม่ได้หมายความว่า

เราจะใส่สวยเหมือนเขาเสมอไป
อาหารสุขภาพก็เช่นเดียวกันค่ะ



อาหารที่ดีโดยสากลไม่ได้หมายความว่าจะดีกับร่างกายทุกคน

บางทีอาหารที่เราคิดว่าดี กินเข้าไปแล้วกลับเป็นโทษกับร่างกายของเราเต็มๆ

เลยไม่รู้ว่าเป็นอาหารหรือว่ายาพิษกันแน่



ต้องเท้าความก่อนว่า เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

หนูดีโชคดีที่ได้ไปพบกับแพทย์ทางเลือกท่านหนึ่ง ที่ไม่สั่งยา

แต่สั่งเป็นวิตามินแทน และมีวิธีตรวจร่างกายแบบใหม่ต่างจากการตรวจร่างกายประจำปีในโรงพยาบาล

ซึ่งหนูดีตรวจทุกปีอย่างละเอียดเทียบเท่ากับคนอายุ 60 เสมอ

และไม่เคยพบอะไรผิดปกติเลย



แต่สิ่งหนึ่งที่งงก็คือ ทั้งๆ ที่ร่างกายดี

แต่ทำไมบางครั้งกินอาหารเสร็จแล้วง่วงรู้สึกไม่มีแรง อยากกินของหวานช่วงบ่ายๆ

และเป็นไมเกรนเป็นระยะๆ ด้วย ทั้งที่ผลเลือดก็แสนปกติ



หนนี้หนูดีเลยลองตรวจเซลล์เลือดสดที่เจาะและเอาขึ้นจอดูสภาพเม็ดเลือดกันเดี๋ยวนั้น

ในเวลาไม่เกิน 2 นาทีก่อนที่เลือดจะแปรสภาพ ตอนแรกหมอเอาภาพเม็ดเลือดที่สุขภาพดีให้ดู

จะเห็นเม็ดเลือดแดงกระจายตัวและเห็นเม็ดเลือดขาวเกาะกันอยู่อย่างแข็งแรง

ส่วนเลือดที่ไม่ค่อยดีจะเห็นเม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นกระจุก แสดงว่าเลือดข้นไป



ก่อนตรวจหนูดีก็มั่นใจว่าเลือดเราดีแน่เพราะเราก็เลือกวิธีดูแลสุขภาพแม้จะชอบกินขนม

ก็ไม่น่าจะส่งผลเสียกับภาพรวมได้มากมาย ที่ไหนได้ เจาะออกมาแล้ว พอเอาสไลด์เลือดขึ้นหน้าจอ

เห็นสภาพเลือดตัวเองแล้วแทบเป็นลม ไม่นึกไม่ฝัน เพราะเม็ดเลือดแดงหนูดีเกาะตัวกันเป็นพวง

เม็ดเลือดขาวแตกกระจายเป็นหย่อมๆ แถมเห็นโลหะหนักต่างๆ ลอยตัวปะปนในเลือดอีกเต็ม

คนอ่านค่าบอกว่าเลือดหนูดีมีสารปนเปื้อนเยอะ


ดื่มน้ำน้อยไป (โอ้โห ขนาดนี้ยังว่าน้อยปกติหนูดีดื่มจนโดนเรียกว่าอูฐอยู่แล้ว)

นอนดึกไป (หนูดีนอนก่อนเที่ยงคืนยังเรียกว่าดึกหรือคะ) และอีกสารพัด


ต่อจากนั้นยังต้องเจาะเลือดเพื่อไปตรวจดูว่าหนูดีอาจแพ้อาหารอะไรได้บ้างอีก 170 ชนิด

ผลออกมาอีกสัปดาห์หนึ่ง เชื่อหรือไม่ว่าในอาหารท็อปเทนของโปรดตัวเองนั้น

หนูดีแพ้เกือบครบทุกตัว แต่หมายเลขหนึ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเลยคือ บลูเบอร์รี


โดยคุณหมอแจ้งว่าหมอเสียใจด้วยนะครับ

แต่ว่าคุณหนูดีคงต้องเปลี่ยนวิตามินตัวที่กินอยู่แล้วล่ะ

เพราะว่าหนูดีกินวิตามินต้านอนุมูลอิสระที่ทำจากผลบลูเบอร์รี

(อ้าว ก็ตำราทางสมองของหนูดีเขาบอกว่ามันเป็น “เบรนเบอร์รี” นี่นา)

แถมวิตามินตัวที่สองที่กินทุกวัน ก็คือ น้ำมันปลา


ผลออกมาว่า หนูดีแพ้ปลาทูน่าค่ะ ฉะนั้นน้ำมันปลาที่กินบำรุงสมองมาเป็นปีๆ ก็เท่ากับ

กำลังหยอดยาพิษให้ตัวเองทุกวัน ต้องเปลี่ยนแบบฉับพลัน เป็นน้ำมันจากปลาแซลมอน

หรือน้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ที่มีโอเมก้า 3 เหมือนกัน


ส่วนคุณแม่ของหนูดีแพ้ปลาแซลมอนค่ะ เลยได้มรดกน้ำมันปลาขวดที่เหลือของหนูดีไปกิน

และคุณหมอสั่งวิตามินสำหรับลำไส้และข้อต่อ ชื่อแปลกๆ ที่หนูดีไม่มีวันซื้อมากินเองเป็นแน่

แต่เหมาะกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายหนูดีมากให้แทน


ส่วนอาหารประจำวันก็ปรากฏว่าหนูดีไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตเยอะไป

เพราะลักษณะร่างกายย่อยแป้งได้ไม่เก่ง ควรเน้นกินผักต้มมากกว่าผักสด เน้นอาหารทะเล วุ้นเส้น

โดยงดพวกเบเกอรีเพิ่งตาสว่างเลยว่า ทำไมหนูดีกิน “อาหารสุขภาพ” ก็แล้ว

แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะไป “เติมน้ำมันผิดประเภท” ให้ร่างกายตัวเองนั่นเอง

พอกระบวนการย่อยทำงานได้ไม่ดี เครื่องยนต์ก็รวนแถมเหลือสารตกค้างเยอะ

ให้เป็นสารปนเปื้อนในเลือดแบบที่เห็นนั่นเอง ตามมาด้วยอาการเพลีย

ไม่มีแรงโดยไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่เป็นคนไฮเปอร์ขนาดนี้



เรื่องการแพ้ของหนูดียังลามปามไปถึงแพ้โทรศัพท์มือถือ และที่หนักกว่านั้นคือแพ้แล็ปท็อปอีกด้วย

ตอนแรกหนูดีก็ยังไม่เชื่อคุณหมอ เพราะเกิดมาไม่เคยได้ยินคนแพ้มือถือ

แต่คุณหมออธิบายให้ฟังว่า ร่างกายหนูดีดูอ่อนแอกว่าที่ควร

เพราะสนามแม่เหล็กธรรมชาติของร่างกายโดนรบกวนด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารอบตัว

ว่าแล้วคุณหมอก็หยิบเครื่องมือเล็กๆ ที่ใช้วัดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาซึ่งตอนถือก็ดูปกติดี

แต่พอเอามาจี้กับเครื่องแบล็คเบอร์รี่ของหนูดีเข้าก็ส่งแสงสีแดงแวบๆ ไม่หยุด
และแสงนี้ยิ่งแรงเมื่อไปจี้ที่เครื่องส่งสัญญาณตรงด้านหลัง พ้นไปจากบีบีไม่พอ

หนูดีหยิบเครื่องโนเกียรุ่นใหม่สีเงินส่งให้ ปรากฏว่าแรงไม่แพ้กัน

เห็นแล้วสยอง อันที่ค่อยยังชั่วหน่อยคือ โทรศัพท์เครื่องละพันห้าที่สัญญาณรบกวนร่างกายต่ำ

จนตอนนี้หนูดีกับบีบีต้องวางไว้ไกลๆ กันเลยค่ะ หนูดีกลัว ใครใช้ก็ระวังกันด้วยนะคะ

โชคดีที่ไม่ติดมาตั้งแต่ซื้อแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ แป้นพิมพ์ตรงหน้าจอแล็ปท็อป

ซึ่งต้องบอกว่าเครื่องวัดสัญญาณ “เสียสติไปเลย” เพราะส่งแสงแดงๆ ไม่หยุด เหมือนสัญญาณเตือนภัยทีเดียว

คุณหมอบอกว่า นี่ล่ะอันตรายมาก และหนูดีก็เลยหายสงสัยว่าทำไมเวลาหนูดีพิมพ์ต้นฉบับนานๆ ตอนกลางคืน

พอพิมพ์เสร็จจะล้าไปหมด ปวดหัว และนอนไม่ค่อยหลับจนต้องเลิกทำงานหน้าจอตอนกลางคืนไป

ทั้งๆ ที่ท่านั่งพิมพ์ก็จัดให้ถูกสุขลักษณะแล้วนะนี่

แต่พอมาเห็นแบบนี้เลยเข้า

ใจว่า อ๋อ ก็มือเราวางอยู่ตรงจุดอันตรายที่สุดเป็นชั่วโมงๆ แล้วจะให้ร่างกายทนทานไหวได้อย่างไร

พอรู้อย่างนี้เลยเปลี่ยนมาใช้แป้นพิมพ์แบบเสียบสายแล้วลากมาเสียห่างหน้าจอ แถมไปถามเพื่อนฝรั่ง

เขาเลยแนะนำว่า

เพื่อนอีกคนมีสายเสียบคอมพิวเตอร์เข้ากับโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ที่บ้าน

แล้วลากเอาแป้นมานั่งทำงานที่โซฟา เรียกว่าไกลกันที่สุดเท่าที่ทำได้ ฟังแล้วชักอยากทำตามบ้าง



ตั้งแต่ยอมรับได้ว่า ตัวเองเป็น “คนขี้แพ้” และเริ่มปรับชีวิตแบบผู้แพ้ได้

หนูดีก็พบว่า เพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับพลังงานของหนูดีเพิ่มขึ้นมากมาย

เริ่มกินอาหารเสร็จแล้วสบายท้อง ไม่อึดอัด ไม่ปวดหัว

ไม่อยากของหวานตอนบ่ายเหมือนที่เคย

รวมถึงพอเปลี่ยนลักษณะการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และแล็ปท็อปให้เป็นของไกลตัวขึ้น ก็พบว่าอาการปวดมึนหัว

รวมทั้งปวดไหล่แบบแปลกๆ หายไปด้วย


วันนี้ใครยังกินอาหารสุขภาพอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ ลองเช็กสักนิดไหมคะว่า

เราแพ้อาหารนั้นหรือเปล่า เพราะของดีสากล อาจไม่เหมาะกับเราก็เป็นได้ จะได้ไม่ต้องติดกับดักของ “คนขี้แพ้”

แบบที่หนูดีติดมาเป็นปีโดยไม่รู้ตัว



โชคดีนะคะ




:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b41:



เมล์ FW.อันนี้ต้องบอกว่าโดนใจสุดๆเพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องขอบอกว่า "สาวกอาหารเสริม" หรือจะเรียกว่า "เจ้าแม่อาหารเสริมก็ดี"

ชอบแสวงหาสิ่งที่ดีๆใส่ตัว (ยัดมันเข้าไปให้ร่างกายเรากินๆๆ) อะไรที่ดีๆ แพงๆต้องเป็นอันสรรหา มาบำรุงบำเรอตนเอง(ก็รักอสุภะก่อนเน่าตนนี้นี่หว่า..อย่างไรก็ต้องห่วงแหนดูแลกันสุดฤทธิ์เดช เรียกว่า ฝืนธรรมชาติกันสุดๆ)

สุดท้ายก็ไม่เห็นมันจะดีขึ้นเท่าไหร่ อาการของร่างกายก็ชอบมีอาการตื่นมาตอนเช้ามึนๆหัวไม่โล่ง ไม่กระฉับกระเฉงงั้นๆเอง (เว้นวิตามินซี ที่ทำให้ไม่ค่อยเป็นหวัดกับเค้าได้บ้างอันนี้เห็นๆต้องยอมรับ).....

แต่คงไม่มีเงินทองไปเช็คโดยละเอียดอย่าง คุณหนูดีแน่ๆ เอาเป็นว่าสิ่งที่ดีสำหรับการวิจัยมันก็
อาจจะไม่ใช่สำหรับเราก็ได้ เข้าใจแร่ะ


ขอบคุณมากๆ เจ้าของเมล์ฉบับนี้

(เผื่อจะได้เพลาๆบ้าอาหารเสริมซะบ้าง เพราะกินอาหารเสริมหรูมากๆ แต่กินอาหารหลัก
ไม่หรูเลย ยยย )..........คุคุ :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 17 มี.ค. 2010, 23:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 23:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


นี่เป็นข้อยืนยันว่า..อะไรก็ตาม
มากเกินก็ไม่ดี...น้อยเกินก็ไม่ดี...ทุกสิ่งทุกอย่างมีโทษ
ย่อมมีประโยชน์...มีประโยชน์ก็ย่อมมีโทษเช่นกัน
ความไม่รู้ทำให้...ประโยชน์กลับกลายเป็นโทษได้
อนุโมทนา กับข้อความดีๆมีประโยชน์นะค่ะคุณดุฯ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 01:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 23:16
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่าง มีเหตุ มีผล อย่าเชื่อมงคลตื่นข่าว-----

ไฟ ปกติ 12 โวลท์ ชาร์จแบตเตอรี่ ชอร์ตคนปกติไม่ตาย
(เว้นไฟรั่ว หรือคนไม่ปกติ)
..............

งานวิจัย เพื่อขายของมีมากมาย เป็นเรื่องการตลาด


อยากขายชาเขียว มีนักวิจัยประโยชน์ชาเขียวเต็มตลาดโผล่ ซักพักมีของขาย
สาหร่ายเกลียวทอง,น้ำลูกยอ,น้ำมังคุด,ข้าวกล้องงอก,โอเมก้า 3 ,โอเมก้า 6,ชาขาว,วีตกราส,
สารสกัดต่าง ๆ เม็ดองุ่น,เห็ดหลินจือ,โสม, ร้อยแปดครับ


กินใหม่ ๆ เหมือนจะดี ร่างกายจะปรับสถาพรับของแปลก มันจะกระตุ้น
สักพักเหมียนเดิม พอปรับสภาพได้ อิอิ

เคยเป็นที่ปรึกษาบริษัทอาหารเสริมจากอเมริกา
เคยขายอาหารเสริมมากมายหลายแบบ บางเดือนเคยได้หลายล้าน

เครื่องมือทดสอบ เพื่ออ้างให้เชื่อ เพื่อขายของมีมากมาย

หมอที่ขายยาแพงมีเยอะแยะ เพราะได้หัวคิวจากบริษัทยา




มารู้อีกอย่างหนึ่ง "ให้ร่างกายมันสร้างเสริมตัวเองดีที่สุด"

ไม่ต้องให้อาหารร่างกายจนล้นเหลือ (เป็นภาระในการย่อย ทำลาย ขับทิ้ง ตกค้าง ต่อมไร้ท่อไม่ทำงาน)

ให้อาหารพอให้ร่างกายอยู่ได้ ร่างกายจะแข็งแรง
(กินอาหารหลากหลาย หมุนเวียน เน้นพืชผักสด อาหารเสริมเล็กน้อย
อาหารเสริมทุกชนิด ไม่ควรกินติดกันเกิน 3 เดือน ร่างกายจะปรับสภาพ ผลิตเองไม่เป็น)

อย่าสุดโต่ง ทางสายกลาง ปลอดภัยที่สุด

ประชาชนทั่วไป อยากให้เป็นอย่างนี้

กินอย่างเดียว ไม่ได้ทำให้สุขภาพดี

"อาหาร อากาศ อารมณ์ ออกกำลังกาย พักผ่อน อนามัย น้ำ บุญกุศล"

เป็นห่วงประชาชน


แก้ไขล่าสุดโดย ประชาชนทั่วไป เมื่อ 18 มี.ค. 2010, 01:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ประชาชนทั่วไป เขียน:
ทุกอย่าง มีเหตุ มีผล อย่าเชื่อมงคลตื่นข่าว-----

ไฟ ปกติ 12 โวลท์ ชาร์จแบตเตอรี่ ชอร์ตคนปกติไม่ตาย
(เว้นไฟรั่ว หรือคนไม่ปกติ)
..............




tongue ขอบพระคุณเจ้าค่ะ นานาทัศนะแบ่งปันความรู้กัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สาธุครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2010, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝากแจมครับคุณป้ามด...

จากการอบรม เรื่องเกี่ยวกับการทำ GMP ของโรงงานผลิตอาหารต่างๆ
> วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน clean food มีเกร็ดต่างๆมาเล่าให้ฟัง
> เลยสรุปมาเล่าสู่กันฟัง พอเป็นสังเขป จริงๆมีมากกว่านี้
>
> 1. พวกขนมปังปี๊บ กระบวนการผลิตบางแห่งไม่ดี ไส้สับปะรด
> เป็นมันแกวหรือพืชอื่น ๆ กวนใส่น้ำตาล และใส่กลิ่นกับแกนสัปปะรดไปนิดหน่อย
>
> 2. เชอรี่บนขนมเค้กราคาถูกตามตลาดสด คือ มะเขือเปาะฟอกสีจนใสเป็นวุ้น
แล้วย้อมสีแดง
> (ผงฟอกสีทำให้เป็นโรคไต) พวกที่ใช้สารฟอกสีอื่นๆ เช่น มะม่วงกวน (แผ่นใส
ๆ) ยอดมะพร้าวขาว ๆ
>
> 3. ซูชิในตลาดนัดที่อากาศร้อน แบคทีเรียจะเจริญเติบโตเร็ว
> ชูชิต้องเสริฟเย็นเท่านั้น
>
> 4. เอแคลร์กับลูกชุบ หรือข นมอะไรที่ต้องมีการปั้น ๆ ถู ๆ
> ต้องพึงระวังสุขอนามัย ควรซื้อกับร้านค้า ที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงเท่านั้น
>
> 5. ลูกอมสีอื่น ๆ เช่น ฟ้า เขียว ม่วง
> เป็นสีที่ขายไม่ดีไม่ควรซื้อเพราะใช้สีที่เก็บไว้นาน ทานลูกอมสี แดง ขาว ได้
>
> 6. ปลายหน้าร้อนต่อต้นหน้าฝน ไม่ควรกินอาหารทะเล
> เพราะฝนเริ่มตกจะชะฝุ่นบนพื้นดินลงทะเล ซึ่งสัตว์ทะเลจะกินเข้าไป
> จะมีแต่ไวรัส แบคทีเรีย โอกาสท้องเสียมีสูง
>
> 7. พวกอาหาร Pack สำเร็จมา wave ที่บ้าน wave ได้
> ครั้งเดียวเท่านั้นไม่ควรล้าง Package มาใส่ wave ซ้ำเพราะสารพิษจะออกมา
>
> 8. โยเกิริ์ตต่างๆ จะมีแป้งผสมอยู่ประมาณ 20% ควรทานโยเกิริ์ต Home made
ถ้วยเล็ก ๆ (ลองหยดไอโอดีนพิสูจน์ดูก็ได้ จะพบว่าโยเกริ์ตเป็นสีน้ำเงิน)
>
> 9. น้ำปลาเปิดขวดแล้ว ควรมีอายุการใช้ไม่เกิน 1 เดือน
>
> 10. ระวังเชื้อราตามคอขวดที่เปิดแล้วต่าง ๆ
>
> 11. กระดาษหนังสือพิมพ์ อย่าเอามาห่อผักแช่ตู้เย็น (มีสารพิษ จากหมึกพิมพ์)
>
> 12. อาหารกระป๋องถ้าใช้ไม่หมดควรเอาออกจากกระป๋องใส่ภาชนะอื่นแช่ตู้เย็น
>
> 13. ฟองน้ำล้างจานที่มีน้ำยาผสมน้ำทิ้งไว้ (เป็นน้ำๆ) ทิ้งไว้ได้ไม่เกิน 1
ชั่วโมง แบคทีเรียจะขึ้น ควรเททิ้งไป
>
> 14. อาหารหมักดองต้องระวังมีไวรัสที่ทำลายกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผักกาดดองตามท้องตลาด
> ในโรงงานบางแห่งจะมีกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด ( ใช้คนลงไปในอ่างดอง
เราไม่แน่ใจว่าคนนั้นๆมีโรคหรือไม่)
> ควรใช้ผักกาดดองกระป๋องที่เชื่อถือได้
>
> 15. เบียร์สดจะไม่ถูกกรองยีสต์ที่ตายแล้วออก เราจะกินศพยีสต์เข้าไปด้วย (
เบียร์ขวดจะถูกกรองไปแล้ว) แต่กินได้ ไม่เป็นไร
>
> 16. ใช้ขวดน้ำดื่มซ้ำ ๆ อีกซึ่งจะได้รับอันตรายจากสารฟอกสีในพลาสติก
ที่เสื่อมสภาพแล้ว แม้แต่ในน้ำดื่มชนิดแก้ว ที่มีไว้แจกลูกค้า
> ก็มีกลิ่นพลาสติก ทุกท่านลองสังเกตุดูนะครับว่ามีจริงมั๊ย
>
> 17. แถมให้อีกอย่าง มันกุ้ง แท้จริงคือ สารพิษที่กุ้งขับออกมา
> อาจมีสารตะกั่วปนด้วย รวมถึงไขมันที่ไม่ดีเป็นโทษกับร่างกาย
> คือคอเลสเตอรอลที่ร่างกายไม่ต้องการและเป็นตัวร้ายกับร่างกายนั่นเอง
..

from forward mail...ครับ :b12:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2010, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
ฝากแจมครับคุณป้ามด...




นำนานาทัศนะ ที่เห็นว่าดีมาจอยกันค่ะ

และหากว่า ท่านใดเห็นว่า "เป็นข่าวโคมลอย" ก็เสนอแนะกันด้วยก็จะดีนะเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เตือนภัย


การวางจานอาหารจองโต๊ะที่ Food Center ไว้
แล้วไปซื้ออย่างอื่นเพิ่มเติม อาจเป็นอันตราย

เนื่องจากมิจฉาชีพจะทำทีมาหยิบทิชชู แล้วแอบใส่ยานอนหลับอย่างแรงแล้วออกไป

จากนั้นแกล้งเข้ามาถามทาง เมื่อเห็นอาการเราแล้วสงสาร
จึงอาสาพาส่งโรงพยาบาลประคองขึ้นรถไปปลดทรัพย์ และข่มขืน เน้นว่าต้องข่มขืน เพื่อให้อับอายไม่กล้าแจ้งตำรวจ

---------------------------------------------------------------

นางผาสุก อายุ ๒๘ ปี เข้าไปจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อรู้สึกหิว
จึงแวะที่ศูนย์อาหารของห้าง ที่นั่นมีผู้คนพลุกพล่าน

เธอจึงไม่ทันสังเกตถึงสายตาประสงค์ร้ายสองคู่กำลังจับจ้องตนเองอยู่
โดยมีเครื่องประดับมีค่าบนตัวเป็นเป้าหมา ย ผาสุกทิ้งอาหารไว้บนโต๊ะเพื่อไปซื้อเครื่องดื่ม
จึงเป็นโอกาสของคนร้ายที่จะลงมือปฏิบัติการ

จริยา(นางนกต่อ) 1 ในแก็งฟ้าสฟู้ด
ซึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกลนักรีบเดินมาที่โต๊ะของผาสุกทำทีเป็นหยิบทิชชูบนโต๊ะ
ด้วยความรวดเร็วแอบเทยานอนหลับอย่างแรง ใส่ลงไปในอาหารที่ผาสุกวางทิ้งไว้

แล้วทำทีเป็นเดินเลือกซื้ออาหารตามร้าน ผาสุกกลับมาที่โต๊ะพร้อมน้ำดื่มและเริ่มต้นรับประทานอาหาร
ขณะที่จริยาก็หาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด....ทำทีดื่มน้ำ

' ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไร ที่ผู้หญิงคนนั้นเขามานั่งใกล้ๆ
เพราะ Food Center มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
อีกอย่างเห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงด้วยกัน ' ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพียงเวลาไม่นานที่ผาสุกรับประทานอาหารผสมยานอนหลับเข้าไป
เธอก็เริ่มง่วงและมึนศีรษะ และนั่นคือโอกาสของแก็งมิจฉาชีพ
จริยาตรงรี่เข้าไปทันที
' ขอโทษคะ คืออยากจะถามว่าแผนกเครื่องสำอางนี่อยู่ชั้นไหน'
ผาสุกพยายามตั้งสติแต่ความง่วงมึนงงมั นก่อตัวขึ้นรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้

' คุณเป็นอะไรไปคะ...ไม่สบายหรือคะ '
จริยารีบเข้าประคองผาสุกให้ลุกขึ้น ซึ่งเธอก็หมดแรงจะขัดขืน
' ฉันจะพยุงไปนะคะ สงสัยต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ '
จริยา (นกต่อ) ประคองกึ่งลากผาสุกออกไปจากบริเวณนั้น
โดยมีสายตาหลายคู่จ้องตามไป แต่ไม่มีใครสงสัย
เพราะภาพที่เห็นทำให้คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งไม่สบายและเพื่อนกำลังพาออกไปเท่านั้น
ไม่มีใครสังเกตก่อนหน้านี้ว่าใครเป็นใคร มาคนเดียวหรือมากับใคร นอกจากมิจฉาชีพเท่านั้น!

ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปว่า
' ตอนนั้นเท่าที่จำได้ก็คือรู้สึกมึนงง เวียนหัว คล้ายจะเป็นลม หนังตามันจะปิดซะให้ได้
ฉันพยายามสู้กับมัน พยายามจะไม่หลับ แต่ก็ไม่มีแรง รู้แต่ว่ามีคนประคอง '
จริยานางนกต่อพยายามพยุงเหยื่อที่ใกล้หมดสติไปยังจุดนัดพบ
ซึ่งที่นั้นไกรสร สมาชิกร่วมแก็งทำทีเป็นคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง คอยท่าอยู่แล้ว

ไกรสรตะโกนถาม “มอเตอร ์ไซค์มั้ยพี่” จริยารีบตอบ “ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด”
เพียงเท่านี้ก็ขจัดความสงสัยของคนรอบๆ ไปได้
แล้วจริยาก็พยุงผาสุกขึ้นรถจักรยานยนต์ซ้อนสามไปด้วยกัน
(บางแก็งก็เป็นรถโดยสารประเภทอื่น) แน่นอน คนร้ายมิได้นำเธอส่งโรงพยาบาล
แต่กลับพาไปยังบ้านพักของตนเองที่ถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน
เมื่อมาถึงผาสุกพยายามลืมตามองรอบๆ ก่อนจะอาเจียนออกมาจนหมด
สองมิจฉาชีพรีบประคองผาสุกเข้าไปภายใน
มงคลหัวหน้าแก็งซึ่งรออยู่แล้วละลายยานอนหลับให้หญิงสาวดื่มอีก
แต่คราวเธอปัดป้องจึงถูกจับกรอกแทน ทั้งคู่ช่วยกันปลดทรัพย์
จริยา(นางนกต่อ) หยิบกระเป๋าสตางค์ของผาสุกออกดูบัตรประชาชน
“อยู่ไหน” เสียงมงคลถาม
“แถวเยาวราช” จริยาตอบ มงคลพยักเพยิกให้จริยาออกไป
แล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อผาสุกหมายจะข่มขืน
ซึ่งพวกมันมักจะทำเป็นประจำภายหลังจากรูดทรัพย์แล้ว
แต่ครั้งนี้เหยื่อไม่มีท่าทีจะหมดสติเอาง่ายๆ


“ที่ฉันจำสถานที่ได้ เพราะฉันเคยไปมาก่อน และ คงเป็นเพราะฉันอาเจียนออกมาหมดด้วย”

ผาสุกให้การต่อไป “ตอนที่มาถึงบ้านคนร้าย ก็พยายามสำรวจว่าเราอยู่ที่ไหน
รู้สึกว่ามันผิดปกติแล้ว แต่ไม่มีแรง พวกมันเอาน้ำมาให้กิน
แต่คิดว่าเป็นยานอนหลับอีก ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าพยายามลวนลาม
ฉันเลยรวบรวมสติขัดขืน มันก็คงร้อนตัว ' เมื่อเห็นว่าเหยื่อยังมีสติ
คนร้ายจึงรีบร้อนพาเหยื่อออกจากบ้านโดยเร็ว คราวนี้ด้วยรถแท๊กซี่ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน
นำเธอไปทิ้งไว้ไม่ไกลจากบ้านของเธอเอง
“ตอนนั้นฉันเกือบจะไม่ได้สติแล้ว แต่ยังจำได้ว่าเป็นซอยบ้าน
จึงพยายามเดินไปให้ถึง พอถึงบ้าน ก็หลับเป็นตายเลย”
ผาสุกสรุปคำให้การ.......เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ภายหลังจากที่พยายามทบทวนเหตุการณ์อย่างหนัก
เธอก็จำได้ว่าสถานที่ที่ถูกพาไปรูดทรัพย์นั้น ตนเองเคยไปทำธุระมาก่อนเมื่อไม่นานมานี้
เธอจึงชวนน้องสาวไปแอบดูสถานที่เพื่อความแน่ใจ

“ใช่ ใช่ แน่แน่ นั่นไงมอเตอร์ไซค์ คันนั้น นั่นไงรอยอ้วกของพี่”

พฤติกรรมของมิจฉาชีพเหล่านี้ จะยังสามารถกระทำกับเหยื่อรายอื่นต่อไปได้อีกหลายครั้ง

ถ้านางผาสุกไม่ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แก็งคนร้ายพวกนี้ความจริง
ตำรวจกำลังตามจับ เพราะก็ได้ข้อมูลพฤติกรรมพวกนี้อยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งความ
บางคนเป็นพยาบาล บางคนเป็นนักธุรกิจ ยิ่งถ้าโดนข่มขืนด้วยก็คงรู้สึกอับอาย เลยไม่มาแจ้งความ

คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้ทั้งแก็ง พร้อมคำสารภาพ

“ผมจะคอยเฝ้าดูอยู่ที่ Food Center ตามห้างต่างๆ
คอยดูคนที่มีทองเยอะ ๆ ท่าทางฐานะดี ทำมาหลายครั้ง กว่า ๒๐ ครั้งได้ ยานอนหลับจะใช้อย่างแรงเลย
ซื้อจากร้านขายยาที่บางแค เอามาบดผสมน้ำ

ที่ผ่านมามักจะเป็นผู้หญิง รูดทรัพย์แล้วก็ข่มขืนด้วย เพื่อให้เขาไม่กล้าแจ้งความ”


++ กรุณาส่งต่อให้กับคนที่คุณรัก ++

.................................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กด ATM แล้วไฟดับ ทำยังไงดี (มีประโยชน์มาก)

ผู้ชายคนหนึ่งไปกดเอทีเอ็มที่ธนาคารไทยพาณิชย์ประมาณ 6 โมงเย็น ธนาคารปิดแล้ว ขณะนั้นเขากด 5000 บาท ขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อย จนถึงขั้นตอนรอรับเงิน ไฟเกิดดับ บัตรเอทีเอ็มตีคืนมาแต่เงินไม่ออก เขารอสักครู่ไฟก็ยังไม่มา จึงขับรถไปตู้อื่นที่ไฟไม่ดับ

ปรากฏว่ายอดเงินได้ถูกตัดไปแล้ว

วันรุ่งขึ้นเขามาทำเรื่องแจ้งธนาคาร ๆ ได้ตรวจสอบและบอกว่าเงินได้ถูกจ่ายออกมาแล้วแน่นอน ทางธนาคารไม่สามารถรับผิดชอบได้ แต่ถ้าเงินไม่ออกมาธนาคารก็จะคืนเงินให้

เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้เงิน ทางธนาคารก็บอกว่าช่วยไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ให้โทรเช็คยอดกับศูนย์บัตรเอทีเอ็ม ถ้ายอดเงินถูกตัดไปแล้ว ต้องรอตรงนั้นเลย
จนกว่าไฟจะมา พอไฟ! มาเงินจะออกมา

เงินของเขาก็คงมีคนที่มากดคนแรกหลังจากไฟมาได้เอาไปแล้ว ธนาคารแจ้งเพิ่มเติมว่า ถ้าไฟดับจังหวะอื่นที่ไม่ใช่ช่วงรอรับเง ิน เงินจะไม่ถูกตัด ยอดเงินจะคงเดิม หากยอดเงินถูกตัด ธนาคารจะคืนเงินให้ เรื่องนี้เป็นเรื่องเตือนใจว่า กดเอทีเอ็มแล้ว ถ้าไม่ได้เงิน อย่ารีบออกจากบริเวณนั้น โทรเช็คธนาคารให้ได้รับคำตอบแน่นอนเสียก่อน ถ้าเงินถูกตัดแล้วต้องรอจนไฟมาอย่างเดียว
ช่วยส่งต่อยังเพื่อนของท่านด้วย



-------------------------------------


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


โ ปรดระวังรูปแบบการตบทรัพย์แบบใหม่ เตือนๆกันไว้

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังจากเพื่อนอีกที เธอและสามีผู้ รอบคอบไม่โลภ จึงไม่ตกเป็นเหยื่อ

มีอยู่วันหนึ่งเอาเงินไปเข้าแบงก์กรุงไทย อ่าวอุดม แล้วขากลับลงมา
สามีเจอบัตร ATM ใส่ซอง และด้านหลังบัตร บอกรหัส ATM เบ็ดเสร็จ

ทีแรกสามีไม่รู้ก็เก็บมา แล้วก็ขึ้นมาบนรถ เราก็เอามาดูเห็นมีรหัส
ก็เลยบอกสามีว่า ! ลองดูซิว่าเขามียอดเงินเท่าไร
สามีบอก เธอลองเอาไปกดรหัสซิ ตำรวจมาแน่เพราะตู้ ATM มีกล้องบันทึกไว้ว่าใครกด เวลาอะไร
สามีบอกเราว่า ถ้าเราไม่คิดอยากได้เงินเขาเราจะไปกดดูทำไม
เราก็ เออ จริงซิ แล้วเราก็เอาบัตรนั้นมาตัดทิ้ง
แล้วก็เล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายฟัง พี่ชายเราบอกว่า
มีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นเรา ที่ไม่ตกเป็นเหยื่อ
เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อนพี่ชายก็เกิดเหตุการณ์นี้ในทำนองเดียวกัน

ที่ ธ.กรุงเทพฯ สาขา อ่าวอุดม
และสังเกตุได้จะเป็นเฉพาะศุกร์แรกของทุกเดื อน หลังจากแบงก์ปิดแล้ว
คล้ายกับแกล้งทำบัตร ATM ตกอะไรทำนองนี้
แล้วเพื่อนพี่ชายก็ไปกดตอนนั้นประมาณ 6 โมงเย็น

กดได้ไม่นาน ตำรวจก็เข้าไปจับพร้อมกับมีเจ้าของบัตรไปยืนยันตัว เรียกค่าเสียหาย กับเพื่อนพี่ชาย
ไป 3 หมื่น ถ้าไม่อยากติดคุก คืนวันศุกร์ เสาร์ ;อาทิตย์ 3 คืน
เราคิดว่า เขาต้องทำการเป็นขบวนการ รวมทั้งตำรวจด้วย คงเอาไปแบ่งกัน
เพื่อนๆ ต้องระวังนะจ๊ะ เราเองก็เกือบไปแล้วดีที่สามีเตือนสติ


รักเพื่อนๆ


แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 22 มี.ค. 2010, 15:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2007, 17:49
โพสต์: 1721

ที่อยู่: สุโขทัยธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างว่าลูกค้าโอนเงินผิด มาที่บัญชีเรา

ศุกร์ที่ 28 มี นา มีคนโทรเข้ามาบอกว่าเป็นพนักงานแบงค์กรุงเทพฯ บอกว่ามีลูกค้าโอนเงิน เข้ามาที่บัญชีเราผิด บอกเลขบัญชีทุกอย่างถูกหมด แล้วก็บอกให้โอนเงินกลับด้วย เพ ราะว่าลูกค้าคนนั้น เดือดร้อนมาก เราก็บอกว่าขอไปเช็คก่อน

พอวันเสาร์เราไปกดตังค์ก็พบว่ามีเงินเข้ามาบัญชีเราผิดตามจำนวนที่เค้าบอกจริงๆ ก็เลยโอนคืนไปให้... ก็ไม่คิดว่ามีอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่เงินเราจริง....
จนมาวัน นี้ได้รับใบ แจ้งหนี้ CITIBANK มี ยอด Call for cash ให้ผ่อนจ่ายรายเดือน ก็เลยโทรไปเช็คที่ call center เค้าบอกว่าเราโทรไปขอเบิกเงินสดเข้าบัญชีเราเอง เมื่อวันที่ 25 มีนา เราก็บอกว่าไม่ได้ทำ.. .อย่างนี้ก็โดนหลอกแล้วซิ พนักงาน call center ก็ได้แต่บอกให้ไปแจ้งความ ซึ่งก็ยังดีที่เราเก็บ slip ที่เราโอน เงินไว้นะ......

จะรบกวนผู้รู้ค่ะ ว่าจะทำอย่างไรต่อดี จะไปแจ้งความที่ไหน แล้วตำรวจจะช่วยเราได้ไหม เพราะจำนวนเงินนั้นก็หลายหมื่นเลยค่ะ
จากคุณ : jupjib - [ 19 เม .ย. 51 14:36:15 ]



วิธีแก้ไข

หากเจอแบบนี้ ไม่ต้องทำรายการโอนครับ ถึงจะมีการโอนเข้ามาผิดจริง
ทางธนาคารสามารถทำรายการแก้ไขได้เองอยู่แล้ว การทำรายการโอนเงิน
เท่ากับเ ราเป็นผู้สั่งโอน การแก้ไขจะทำได้ลำบากขึ้น

หรือหากเป็นการโอนจาก ATM หรือ CDM ให้ขอหลักฐานเป็นหนังสือออก โดยธนาคารมาให้เราก่อน ( ตัวจริงนะครับ)
แล้ว เช็คข้อมูลกับธนาคารต้นทางก่อนจนแน่ใจ
อีก 4-5 วันค่อยโอนก้อไม่เสียหาย เพราะไม่ได้มีเจตนาโกง ฟ้องมาก้อชนะแน่นอน

ถ้า เป็นการทำรายการ โอนผิด ธนาคารแค่แจ้งลูกค้าปลายทาง แล้วจัดการเองได้เลยแน่นอน

นี่เป็นวิธีหลอกลวงแบบใหม่ เพื่อนๆ โปรดระวัง แจ้งเตือนกันให้ทั่ว
คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นคนดี...อยากคืนเงินคนที่เดือดร้อนแน่อยู่แล้ว ดังนั้นมีโอกาสตกหลุมนี้ได้ไม่ยากเลย
เจ้าของบัญชีที่รับโอนกลับคงเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก
ถูกจ้างให้เปิดบัญชีี พร้อมบัตร ATM ได้ เงิน 200-300 บาทก็เอาแล้ว
คนโกงก็กด ATM เชิดไปแล้วหลายหมื่น



ข้อควรระวังเรื่องนี้
1. ถ้าโอนผิดจริง แบงก์สาขาจะสามารถจัดการได้เองเลย เราไม่ต้องทำอะไรครับ
2. เบอร์โทรเข้ามา ถ้าแปลกๆ แบบไม่แสดงเบอร์ หรือ เป็นแบบโทรจาก internet ให้ระวังไว้ก่อนเลยครับ
3. ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต ควรทำลายอย่าให้เหลือเห็นข้อมูลต่างๆ เช่น วงเงินสินเชื่อ หรือ
เลขบัญชีธนาคารที่ตัดอัตโนมัติ




s001 โปรดกระจาย! ข่าวเรื่องนี้ไปยังเพื่อนและญาติๆ โดย ด่วน เพื่อป้องกันการหลอกลวงเช่นนี้




:b44:


แก้ไขล่าสุดโดย ดุสิตธานี เมื่อ 26 เม.ย. 2010, 22:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: tongue :b20: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ ป้ามด
แจ่มเลยกระทู้นี้ :b1: smiley :b17: :b4:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร