วิธีรักษาสุขภาพจิต
ไม่ว่าใครอยากมีสุขภาพจิตดีกันทุกคน เพราะเมื่อสุขภาพจิตดีย่อมไม่เครียด”
คนไม่เครียดทำอะไรออกมาก็ดูดี ผิดกับคนเครียดทำอะไรมักผิดพลาดบ่อยๆ
ทำอย่างไรให้มีสุขภาพจิตดีขึ้นอยู่กับตัวเองและสภาพแวดล้อมรอบตัว
อย่างไรก็ดีการดูแลตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญ
วันนี้มาว่ากันถึงวิธีดูแลสุขภาพจิต เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด
ซึ่ง มงคล โอมาก รวบรวมไว้ในหนังสือชุดฝึกอบรมผู้บริหารสถานศึกษาชั้นสูง
ผู้มีสุขภาพจิตดี มีความสุข ร่าเริง เบิกบาน ปลอดโปร่ง
แจ่มใส มีอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่ขุ่นมัว
ผู้มีสุขภาพจิตไม่ดี มักหงุดหงิด โกรธง่าย ใจน้อย เจ้าอารมณ์ ท้อแท้
ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อสมหวังก็มักยินดี ลิงโลดใจ
เมื่อผิดหวังก็เสียใจ เศร้าหมอง คับข้อง กระวนกระวาย
เรียกว่า ความเครียดเกิดจากความคาดหวังกับความเป็นจริงสวนทางกัน
ทางการแพทย์พบว่าโรคเครียด หรือโรคสุขภาพจิตเสื่อม ก่อผลเสียต่อร่างกาย
ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากมาย เช่น โรคปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย
เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
อวัยวะหูรูดเสื่อม โรคภูมิแพ้ และโรคมะเร็ง ฯลฯ
ความเครียดเป็นโรคของนักบริหาร ดังนั้นจึงควรหาวิธีรักษาสุขภาพจิต
เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดมีหลายวิธีด้วย กัน เช่น
พักผ่อนหลับนอนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปล่อยวางไม่คิดกังวลกับอดีตหรืออนาคต
นึกถึงกฎแห่งกรรม ไม่ตั้งความหวังไว้สูงเกินไป มีอารมณ์ขัน หัดยิ้มหัวเราะบ้าง ไม่อิจฉาริษยา
รู้สึกยินดีเมื่อเขาได้ดี เลิกนิสัยไม่ดีทั้งหลาย
ยอมรับความจริงเราไม่ดีพร้อมทุกอย่าง หาคนที่ไว้วางใจไว้ปรับทุกข์ ทำสิ่งที่ดีงาม เช่น บำเพ็ญสาธารณกุศล รู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา
ศึกษาธรรมะ ฟังธรรม ช่วยเหลือแบ่งปันสิ่งของ
เป็นตัวของตัวเอง บางครั้งต้องรู้จักปฏิเสธ ไม่เปรียบเทียบแข่งขันกับผู้อื่น ไปพักผ่อนหย่อนใจชมธรรมชาติ รู้จักใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะ บริหารเวลาให้เหมาะสม มีความคิดในเชิงบวก มองโลกในแง่ดี ระลึกถึงโทษของความเครียด รู้จักให้อภัย อยู่ลำพังเงียบๆ อย่างสงบกับธรรมชาติ เอาชนะความกลัว
ทำงานอดิเรก เช่น อ่านหนังสือ วาดภาพ ทำสิ่งประดิษฐ์ เล่นดนตรี รดน้ำต้นไม้ ดูสัตว์เลี้ยง ร้องเพลง สะสมของเก่า ฯลฯ
จากพฤติกรรมศาสตร์ที่กล่าวมา บางท่านคิดว่าทำไม่ได้
เพราะจิตของคนกวัดแกว่งรักษายาก ไม่อยู่นิ่ง ไม่สงบ
เหมือนเด็กทารกที่ไม่หยุดยิ่งในอิริยาบถได้นาน
เราสามารถฝึกได้ ควบคุมได้ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
จบวิธีรักษาสุขภาพจิตเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดเพียงแค่นี้
ใครรู้ตัวว่าความเครียดถามหาลองไปทำดู
ที่มา...หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ฉบับวันที่ 11 มีนาคม 2548 หน้า 3
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
