ไฮโปไกลซีเมียร้ายกว่าที่คิด
นั่นเพราะอาการแต่ละอย่างไม่เกี่ยวข้องกันเลย
จนเมื่อหลายปีผ่านไปคนที่โดนข้อหา โรคสำออย
เกิดป่วยหนักเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
หลังจากรู้จักกับไฮโปไกลซีเมีย
จึงถึงบางอ้อว่าอาการป่วยตั้งห้าอย่างสิบอย่างนั้น
เขาเรียกว่าไฮโปไกลซีเมีย
และถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี
เจ้าอาการร้ายนี้ก็อาจโจมตีเจ้าบ้านอย่างเรา
จนล้มหมอนนอนเสื่อโดยไม่ได้ตั้งตัวได้เหมือนกัน
รู้อีกทีก็ป่วยหนักเข้าให้แล้ว
จากไฮโปไกลซีเมียถึงโรคร้าย
อาจารย์ สาทิส อินทรกำแหง ได้อธิบายถึงไฮโปไกลซีเมียไว้ว่า
hypoglycemia แปลว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ
แต่แท้ที่จริง คือลักษณะของน้ำตาลในเลือดลงต่ำแล้วขึ้นสูง
แล้วก็ต่ำแล้วก็สูงสลับกันอย่างนี้ตลอดทั้งวัน
และทุกครั้งที่น้ำตาลลงต่ำ เราจะมีอาการเพลีย หมดแรง
สาเหตุหลักๆ ของไฮโปไกลซีเมียเกิดจากการกินผิด
ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกายขึ้นๆ ลงๆ
ส่งผลกระทบต่อระบบ Immune System
จึงนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในที่สุด
(อ่านเพิ่มเติมสาเหตุของไฮโปไกลซีเมียเพิ่มเติมที่
นิตยสารชีวจิต คอลัมน์ เรื่องพิเศษ
“เบื่อหน่ายชีวิต พิษไฮโปไกลซีเมีย” ฉบับ 157 (16 เมษายน 2548)
แพทย์รุ่นใหม่จึงได้ให้คำจำกัดความของไฮโปไกลซีเมียว่า
Chronic Fatigue and Immune Dysfunction Syndrome
อาจารย์สาทิสได้ขยายความคำว่า Syndrome ว่า
หมายถึงอาการหลายๆ อย่าง
แต่ไม่ระบุได้แน่ชัดว่าเป็นอาการของโรคใดโดยเฉพาะ
หรือพูดกว้างๆ ก็คือ ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรแน่นั่นเอง
อย่างไรก็ตามก็มีข้อชวนสงสัยว่าไฮโปไกลซีเมีย
สามารถนำไปสู่โรคต่างๆ ได้หรือไม่ อย่างไร
ซึ่งมีผู้พยายามอธิบายไว้เช่นกัน
ดร. พาโว ไอโรลา แพทย์ธรรมชาติบำบัด
และนักโภชนาการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ของไฮโปไกลซีเมียกับโรคต่างๆ ไว้ในหนังสือ
Hypoglycemia: A Better Approach ว่า
ภาวะ น้ำตาลในเลือดต่ำที่เรื้อรัง
อาจเป็นรากเหง้าของปัญหาอาการหัวใจวาย โรคภูมิแพ้
กระเพาะอาหารอักเสบ โรคอ้วน อาการอ่อนเปลี้ย และมะเร็ง
รวมถึงสาเหตุที่ผู้คนเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัว ติดเหล้า
ติดบุหรี่ กาแฟ ยาเสพติด รวมถึงการฆ่าตัวตาย
ประสบการณ์ โรคร้ายจากไฮโปไกลซีเมีย
ต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ของผู้ป่วยไฮโปไกลซีเมียที่ป่วยรุนแรงขึ้น
จนมีอาการบางอย่างเด่นชัด และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต่างๆ
แต่เมื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือเยียวยาไฮโปไกลซีเมียด้วยวิธีธรรมชาติ
เมื่อกายใจแข็งแรงขึ้นก็สามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
คุณ ชนิตา พรกนก (นามสมมติ) อายุ 28 ปี
• อาการไฮโปไกลซีเมีย:
คุณชนิตา เป็นคนหนึ่งที่ทรมานกับอาการภูมิแพ้มานานหลายปี
เธอเล่าถึงอาการเริ่มแรกก่อนจะเป็นภูมิแพ้เต็มขั้น
ซึ่งเธอสันนิษฐานว่าเป็นอาการของไฮโปไกลซีเมีย
“ตอนนั้นเริ่มเข้ามาอยู่ ในกรุงเทพ อาหารการกินจึงเปลี่ยนไปหมด
จากอยู่บ้านต่างจังหวัดติดทะเลได้กิน กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นหลัก
ก็มาเจอแต่หมู เนื้อ ไก่ เข้าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดส์เป็นว่าเล่น
ตามสมัย เอาเร็วเข้าว่า แถมตอนเรียนยิ่งเรียนยิ่งเครียด
ยิ่งเครียดก็ยิ่งกินแต่อาหารขยะพวกนี้
”ไม่นานก็เริ่มมีอาการตอนเช้าไม่อยากตื่น
หนักหัวไปหมด ตื่นมาก็อ่อนเพลียไม่มีแรง ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง
กลางคืนมือเท้าจะเย็น ผิวหนังแห้งและคัน ปวดศีรษะบ่อย”
• เมื่ออาการลุกลามเป็นภูมิแพ้:
“มีอาการอยู่อย่างนั้น แต่เราไม่ได้ปรับอะไร คิดว่าป่วยก็ต้องกินยา
ปวดหัวก็กินยาแก้ปวด ไม่มีแรงก็ซื้ออาหารเสริมมากิน
แต่ไม่ได้ปรับพฤติกรรมการกินอยู่อะไรเลย
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
“ต่อมาจึงมีอาการภูมิแพ้ชัดเจนขึ้น
คือ ตื่นเช้าต้องจามเป็นหลายสิบครั้ง มีน้ำมูกตลอด
อยู่ในที่ที่มีฝุ่นไม่ได้เลย จะทั้งไอ ทั้งจาม ผิวหนังเป็นผื่น
ระคายเคืองตาจนตาแดง เมื่ออากาศเปลี่ยน
หรือโดนแดด โดนฝน ก็จะไม่สบาย
จนต้องกินยาแก้แพ้ทุกวัน จนปากและผิวหนังแห้งมาก
• ชีวจิต พิชิตไฮโปไกลซีเมีย :
หลังจากทรมานกับอาการภูมิแพ้มานานปี
คุณชนิตาได้อ่านหนังสือของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง
จึงได้รู้จักกับอาการไฮโปไกลซีเมีย และวิธีสยบภูมิแพ้แบบชีวจิต
เธอจึงเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเอง
- อาหารชีวจิต:
“หลังจากอ่านหนังสือ ของอาจารย์สาทิส
เราเริ่มเปลี่ยนเรื่องอาหารก่อนเลย
เพราะมองย้อนกลับไปแล้วคิดว่าเป็นต้นตอของปัญหาแน่ๆ
ช่วงแรกพยายามหักดิบอาหารไปหลายต่อหลายอย่าง
ไม่ว่าจะข้าวขาว น้ำอัดลม อาหารฟาสต์ฟู้ดส์ของโปรด
งดหมู เนื้อ ไก่ เพื่อลดทอนอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้
แล้วหันมากินข้าวกล้อง ธัญพืชต่างๆ
กินผักผลไม้สดมากขึ้น และทำน้ำอาร์ซีดื่มเป็นครั้งคราว”
- ดีท็อกซ์:
“ทำดีท็อกซ์ควบคู่ไป กับการปรับอาหาร โดยทำติดต่อกันอยู่ 7 วัน
ครั้งแรกที่ถ่ายออกมามีแต่กลิ่นฉุนของยา
และกลิ่นเค็มที่น่าจะมาจากอาหารที่มีท็อกซิน
หลังจากทำดีท็อกซ์แล้วรู้สึกว่าตัวเบาสบายขึ้นมาก
หน้าตาที่บางวันก็ซีด บางวันก็หมองคล้ำ สดใสขึ้นทันตาเห็น”
- ออกกำลังกาย:
“ตอนนั้นเลือกที่จะวิ่งที่สนามกีฬาใกล้มหาวิทยาลัย
พยายามทำให้ได้ทุกวัน เริ่มจากวันละเล็กละน้อย
แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้น รู้สึกว่าร่างกายตัวเองดีขึ้นผิดหูผิดตา
อาการไฮโปไกลซีเมียที่มักเป็นในช่วงเช้าๆ หายไป
อาการภูมิแพ้เริ่มห่าง นานๆ เป็นที
ตอนนี้ปฏิบัติตัวตามแนวทางชีวจิต อาการภูมิแพ้ก็ไม่เป็นมานานแล้ว”
Tips
สวดมนต์ดูแลกายใจ
การสวดมนต์ช่วยให้จิตใจสงบและมีความสุข
ควรสวดต่อเนื่องประมาณ 30 นาที ขึ้นไป
จะช่วยคลายความเครียดจากการเรียน การงาน
ที่ต้องเผชิญมาตลอดวันได้ดี
ถ้าสวดก่อนนอนทุกคืนจะช่วยให้หลับสนิทขึ้นด้วย
คุณชนิตา พรกนก
นี่คือบทพิสูจน์ว่า 5 เล็กของชีวจิตช่วยให้ Immune System ดีขึ้น
และรักษาไฮโปไกลซีเมียได้ชงัด
ที่มา...นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 278
http://www.cheewajit.com/articleView.as ... cleId=1910
