วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2011, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

เปิดใจ...พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม (สุขธนะ)
“ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”



วันที่ 31 มีนาคม 2554 ณ ห้องรับรองรัฐสภา พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม (สุขธนะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมามอบหนังสือ “ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก” ให้แก่ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ซึ่งเขียนขึ้นหลังออกจากคุกและได้ถือบวช เพื่อมอบต่อให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นอุทาหรณ์ในการดำเนินชีวิต

“พระรักเกียรติ รักขิตธัมโม” ในอดีตคือ “นายรักเกียรติ สุขธนะ” นักการเมืองดาวรุ่งแห่งภาคอีสาน เคยเป็น ส.ส. 7 สมัย รัฐมนตรีอีก 5 สมัย
และมีความเชื่อว่า สักวันเขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนอีสาน

ในยามรุ่งโรจน์เขามีบริวารห้อมล้อม ใช้ชีวิตเสพสุขเต็มที่ ทั้งสุรา นารี และการพนัน มีเงินอู้ฟู่เป็นพันล้าน !

แต่หลังจากเจอคดีทุจริตรับสินบน 5 ล้านบาท ชีวิตอดีตรัฐมนตรีเปลี่ยนทันที เหมือนตกนรกทั้งเป็น ต้องหนีคดี ติดคุก ครอบครัวแตกแยก กระทั่งเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยการหันหน้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ หลังได้รับพระทานอภัยโทษ

ปัจจุบัน พระรักเกียรติ ใช้ชีวิตอยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมวังพญานาค วัดใหม่สุขธนะศรีนคราราม บ้านวังชัย ต.เวียงคำ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งวัดแห่งนี้ไม่ใช่อื่นไกลเพราะที่นี่คือ สำนักงานของ ส.ส. “รักเกียรติ” ที่เคยใช้ต้อนรับหัวคะแนนและนักการเมือง แต่ปัจจุบันกลายสภาพเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมไปเรียบร้อยแล้ว

ก่อนหน้านี้ มติชนออนไลน์เดินทางไปสนทนาธรรมกับพระรักเกียรติในหลายประเด็น โดยเฉพาะทุนกับการเมืองไทย...บทสนทนาจากนี้ไปนักการเมืองถือเป็นเรื่องลับสุดยอด

• หลังออกจากคุก ท่านตัดสินใจบวชได้อย่างไร

จริงๆ ตั้งใจบวชตั้งแต่อยู่ในคุก แต่คิดว่าจะบวชสัก 30 วันถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าเราต้องโทษ 15 ปี แต่ได้รับพระทานอภัยโทษลดโทษให้ 6 ปี 7 เดือน เราเองก็ช่วยเหลือราชการ กรมราชทัณฑ์ ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ก็เข้าเกณฑ์การพักการลงโทษ

• ท่านตั้งใจจะบวชตลอดไปหรือไม่

พอมาบวชได้ครบเดือน ก็ขออนุญาตบวชต่อเพราะคิดว่าพบทางที่สงบ ความสงบทำให้เกิดปัญญา ตอนเราเคยมีตำแหน่งทางการเมือง เราพบทางแห่งความเสื่อม ชีวิตถูกครอบงำด้วยอบายมุข แต่พอมาบวชก็พบความสงบ และตั้งใจว่าจะบวชตลอดชีวิต

• จุดเปลี่ยนชีวิตหลวงพ่อ คือการเข้าไปอยู่ในคุก

ใช่ ในคุกเข้าไปก็ลำบาก เราเคยเป็นถึงรัฐมนตรี ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ แต่วันหนึ่งเราถูกจองจำ ซึ่งอยู่ในคุกสิ่งที่ต้องทำ ก็คือ รักษาชีวิตไม่ให้ตายและไม่ให้เป็นบ้า

รักษาชีวิตไม่ให้ตาย ก็คือ ต้องรักษาชีวิตตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย เพราะมีโรคประจำตัวอยู่คือเบาหวานและความดัน ก็ทำทุกอย่างที่จะไม่ให้ป่วย ไม่ให้ตาย เพราะมีคนตายในคุกเยอะ ระบบการรักษาไม่ดี

ส่วน การรักษาตัวเองไม่ให้บ้า เพราะว่ามันมีความกดดันทั้งภายในคุก ทั้งเรื่องภายนอก เรื่องครอบครัว เรื่องทรัพย์สิน ชีวิตไม่ได้ติดคุกอย่างเดียว (นะ) แต่มีคดีแพ่งยึดทรัพย์ 233 ล้าน เขาก็ตามยึด ครอบครัวก็แตกแยก คนที่รักกันบางคน พอเราติดคุกเขาก็ไม่สนใจ ไม่เหลียวแล บางคนเราเคยช่วยเหลือ แต่พอเราติดคุกเขาก็ทอดทิ้งเรา

อยู่ในคุกก็คิดมาก จิตใจปั่นป่วนไม่สงบ เขาก็บอกว่าอาจทำให้คนเป็นบ้าในคุกได้ ในคุกคนเป็นบ้าเยอะ หลายคนนั่งคุยกับต้นไม้คนเดียว บางคนญาติมาบอกว่า เมียไปมีสามีใหม่ ก็เสียใจร้องไห้ ต้องกินยาระงับประสาท ซึ่งเราก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้า

เรารักษาจิตใจโดยเรียนธรรมะของพระพุทธเจ้า ในคุกเขามีสอน มีพระเข้าไปสอนทั้งปริยัติและปฏิบัติ เราก็ไปเรียนจนได้นักธรรมโท แล้วก็ปฏิบัติ เริ่มจากสวดมนต์ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ทำอย่างนี้ทุกวัน

แล้วก็นั่งสมาธิวิปัสสนาเพื่อพัฒนาจิตใจ ซึ่งก็ช่วยได้ ทำให้เรามีจุดเริ่มต้น ได้เข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้าตอนอยู่ในเรือนจำ นักข่าวเคยไปสัมภาษณ์ตอนพ้นโทษ ก็ตอบไปว่า ถ้ารู้จักธรรมะของพระพุทธเจ้าก่อนหน้านี้ คงไม่ติดคุก แต่วันนี้เรามารู้จักในคุก ไปสำนึกความผิดตัวเองในคุก นั่งนึกว่าเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 เป็นดาวรุ่งการทางการเมืองภาคอีสาน แต่แล้ววันหนึ่งเราก็พลาด เมื่อพลาด ผลกรรมที่ตามก็มหาศาล

• อะไรคือสิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตช่วงเป็นนักการเมือง

อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็มี ใช้ชีวิตสนุกสนาน ประมาท ตอนตกอยู่ในอบายมุขซึ่งก็มีความสุข (นะ) สุขที่ได้กินเหล้า สุขที่ได้เล่นการพนัน ช่วงรุ่งๆ ไปเล่นพนันมาหมดทั่วโลก ที่ลาสเวกัส อังกฤษ มาเก๊า ตอนเล่นได้เยอะๆ มีเงินเป็นพันล้าน เงินที่ ป.ป.ช. ไปตรวจพบตอนเป็นรัฐมนตรีก็คือ เงินส่วนหนึ่งที่เล่นการพนัน ก็โอนเข้าบัญชี

ระบบการเมืองเมื่อก่อน ถ้าจับว่านักการเมืองทุจริต ต้องมีใบเสร็จมีหลักฐาน ฉะนั้น เมื่อก่อนจึงไม่ค่อยมีนักการเมืองถูกลงโทษทางอาญาเพราะหาหลักฐานไม่ได้ พอปฏิรูปการเมืองปี 2540 ก็มี ป.ป.ช. ตอนนั้นศาลก็ให้โอกาสเรานำพยานหลักฐานไปพิสูจน์ เมื่อเราสู้ไม่ได้ ศาลก็ลงโทษทั้งคดีแพ่งและอาญา หลวงพ่อโดน 3 คดี คือ คดีอาญาโทษจำคุก 15 ปี คดีแพ่งยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233 ล้านบาท และห้ามเล่นการเมือง 5 ปี

• ทำไมท่านไม่หนีแบบกำนันเป๊าะ หรือวัฒนา อัศวเหม

ต้องขอบคุณที่เราไม่หนี ถ้าหนีก็ไม่มีวันนี้ ไม่มีวันได้ถูกปล่อยตัว แต่ตอนศาลตัดสินก็หนีอยู่ 1 ปี ชีวิตเป็นทุกข์ ทรมานมาก แต่พอถูกควบคุมตัวกลับรู้สึกโล่งอก เพราะตอนที่หนีติดต่อใครก็ไม่ได้ ไปไหนคนจำได้หมด แม้แต่ขับรถจราจรเห็นยังจำได้ ถามว่าท่านมาทำไม ออกมาจากคุกทำไม แล้ววันที่ถูกจำ ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ มีคนจำได้ เขาก็ไปบอกตำรวจมาจับ ก็โล่งใจ ชีวิตไม่ต้องหนีแล้ว เหมือนชีวิตได้นับหนึ่งใหม่

• เจ้าพนักงานฯ ยึดทรัพย์ 200 กว่าล้าน ครบหรือยัง

ทรัพย์สินมีไม่ถึง ยึดไปบางส่วน ตอนนี้ก็ตามยึดอยู่ยังไม่ครบ

รูปภาพ

รูปภาพ

• ชีวิตตอนมีทรัพย์สินมั่งคั่งที่สุด จำได้มั๊ยว่ามีเงินเท่าไหร่

มีเป็นพันล้าน แต่นั่นคือตอนเราตกอยู่ในอบายมุข ตอนเป็นรัฐมนตรีก็มีคนห้อมล้อม

• พอจะเล่าให้ฟังเป็นข้อมูลได้ไหมว่า สมัยก่อนนักการเมืองใช้เงินกันอย่างไร

สมัยนั้นใช้เงินสด ใช้วิธีเก็บเงินสดที่บ้าน หรืออาจจะใช้บัญชีคนอื่น แต่มันก็อยู่ที่ว่าเงินนั้นมาจากไหน อย่างหลวงพ่อ เงินทุกส่วนมาจากการเล่นการพนันในต่างประเทศ ฉะนั้น เวลาเงินเข้ามาในบัญชี พอเล่นได้เขาก็โอนให้

การเมืองเมื่อก่อนเป็นระบบอุปถัมภ์ นักการเมืองมีค่าใช้จ่าย ก่อนเป็น ส.ส. หรือเป็น ส.ส. แล้วก็มีค่าใช้จ่าย ค่าหาเสียงสมัยปี 2526 หลวงพ่อได้เงินพรรค 1 แสนบาท แต่เมื่อก่อนหาเสียงจากนโยบายเงินผันของอาจารย์คึกฤทธิ์ (ปราโมช)

พอปี 2529 พรรคการเมืองก็จะมีกลุ่มทุนอุดหนุนการเงิน มีเงินทุนสำหรับส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ก็จะมีเกรดว่า ผู้สมัครแต่ละคนได้เท่าไหร่ ตัวเก็ง ตัวกลาง ได้เท่านั้นเท่านี้ ปีนั้น 2.5 ล้าน เป็นเกรดเอ เกรดกลางๆ ก็ 2-1.5 ล้าน

ปี 2531 คือ 3,5,7 3 ล้าน 5 ล้าน 7 ล้าน เหมือนเป็นตลาดนักการเมือง มีการขึ้นราคากัน แต่กิจสังคมไม่ได้ไปเร่กับเขาหรอกนะ รุ่นเดียวกันก็มีสุวิทย์ คุณกิตติ สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กระทั่งท่านมนตรี (พงษ์พานิช) เสียชีวิตเมื่อปี 2542 ปี 2544 มีเลือกตั้ง ก็ไปไทยรักไทย อยู่กับท่านทักษิณ (ชินวัตร) หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายทางการเมืองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปี 2535/2 เป็น 10 ล้าน 15 ล้าน 20 ล้าน พอปี 2544 ท่านทักษิณใช้อย่างต่ำคนละ 20 ล้าน 20 ล้านคูณ 400 เขตก็ 8,000 ล้าน ส่วนกลางอีก 2,000 พันล้าน ก็เป็นหมื่นล้าน นี่คือเรื่องจริงของความจำเป็นของเงินทางการเมือง

ถามว่า นักการเมืองโกงใช้วิธีไหนบ้าง อันนี้หลวงพ่อไม่รู้ชัด แต่หลวงพ่อรู้ว่าเขามีค่าใช้จ่ายทางการเมือง พรรคการเมืองนอกจากหาเงินมาใช้จ่ายช่วงเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองยังต้องหาเงินมาใช้จ่ายในช่วงที่เขาเป็น ส.ส. ออกไปเยี่ยมประชาชน เมื่อเป็นแบบนี้กลุ่มทุนทางการเมืองของแต่ละพรรคก็ต้องมี

สมัยอาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านเอานักธุรกิจมาเป็นนักการเมือง เช่น อาจารย์บุญชู โรจนเสถียร ท่านพงษ์ สารสิน ท่านสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ แทนที่จะไปเอาเงินกลุ่มทุน ก็เอากลุ่มทุนมาเป็นรัฐมนตรีเลย

พอถึงยุคคุณทักษิณ ยุคท่านชาติชาย (ชุณหะวัณ) ยุคท่านชวลิต (ยงใจยุทธ) ยุคท่านบรรหาร (ศิลปอาชา) ทักษิณก็ซัพพอร์ตทางการเมืองให้ เวลาเขาชนะเลือกตั้ง ตั้งรัฐมนตรี ทักษิณก็ส่งลูกน้องไปเป็นรัฐมนตรี เช่น พรรคความหวังใหม่ ท่านชวลิตเป็นนายกฯ ปี 2539 ท่านทักษิณก็ส่งลูกน้องไปเป็นรัฐมนตรีหลายคน เช่น รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีคมนาคม เป็นต้น

คือลงทุนให้พรรคการเมืองไปหาเสียง เมื่อชนะเลือกตั้ง ก็เอาคนตัวเองไปนั่งในกระทรวง ที่พูดนี่ ไม่ต้องการให้ใครเสียหายหรอกนะ แต่พูดเป็นวิชาการ

นอกจากนี้ เมื่อพรรคต้องใช้ทุนในการหาเสียง ก็เอาเงินจากกลุ่มทุน กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ซัพพอร์ตทางการเมือง พอพรรคที่กลุ่มทุนเอาเงินให้ได้เป็นรัฐบาล ก็มาอาศัยให้ช่วยเหลือ เช่น ให้ได้ประมูลงาน ได้สิทธิพิเศษ นี่คือเมื่อก่อน แต่ช่วงหลัง เอาเงินให้ แล้วก็เอาคนไปนั่งทำงานด้วย

ท่านทักษิณ บางทีไปดึงกลุ่มทุนมาร่วม ไม่ให้ใช้เงิน ไม่ต้องออก ผมออกเอง อย่างสุริยะมาเนี่ย ไม่ต้องออกเลย เอาเงินเก็บไว้ อย่าเอาเงินไปให้คู่ต่อสู้ ผมไม่ต้องการเงิน แต่มาอยู่กับผม ผมให้คุณเป็นรัฐมนตรี คุณสุริยะก็เป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ถามว่ารู้ได้อย่างไร ก็คุณสุริยะเป็นเพื่อนหลวงพ่อ อยู่พรรคเดียวกัน ก็เคยมาชวนอาตมา

คือคุณทักษิณไปดูระบบจากสิงคโปร์มา ความคิดของทักษิณคือ รัฐบาลจะประสบความสำเร็จหรือไม่ รัฐบาลต้องเข้มแข็ง เพราะถ้าเสียงปริ่มน้ำจะเป็นทาสของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนวิธีการโกง เขาทำเขาไม่บอกกัน ไม่สอนกัน เขาปิดบัง เขาต้องทำแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้

• สมัยก่อนมีเรื่องเล่าว่าเวลาพ่อค้าเข้าไปหารัฐมนตรี รัฐมนตรีเขียนตัวเลขขอเงินใส่มือ แล้วก็ลบทิ้งทันที

มันต้องเป็นโครงการที่เป็นโปรเจ็กต์ แต่ก็ไม่เคยเห็นด้วยตานะ ได้ยินแต่เขาเล่ากัน

• มีนักการเมืองไปเล่นการพนันเหมือนท่านเยอะมั๊ยครับ

ก็ได้ยินว่ามีไป แต่ก็ไม่รู้ว่าใครบ้าง เพราะพวกนี้เวลาไปจะแอบหลบไปไม่ให้ใครรู้หรอก ไม่ให้ใครเห็น ต่างคนต่างแอบ อย่างหลวงพ่อไปปุ๊บก็ไปเปิดห้องพิเศษเลย นักการเมืองเขาไม่ชวนกันไป เพราะเวลาเราไปประชาชนก็รู้จัก เราก็ไม่อยากให้ใครรู้ ก็ต้องไปเล่นไกลๆ

• เทศน์อะไรให้ชาวบ้านฟังบ้าง

เราเจอมาเยอะแล้ว ทั้งสูงสุดและต่ำสุด อย่างไปเที่ยวที่ลาสเวกัส มีสุรา นารี ครบทุกอย่าง มันเหมือนสวรรค์ มีความสุขที่ได้เที่ยวผู้หญิง มีความสุขที่ได้กินเหล้า แต่สุดท้ายก็เจอความเสื่อม ฉะนั้น เวลาเดินทางไปเทศน์ที่ไหน ก็จะยกตัวอย่างแบบนี้ให้ชาวบ้านเห็น

หลังพ้นโทษ หลายคนถามหลวงพ่อว่าจะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือเปล่า เราก็บอกเลยว่า ไม่เล่น คือ คิดตั้งแต่ตอนขอให้ชี้มูลเมื่อครั้งเกิดคดี ทุกวันนี้แม้แต่โทรทัศน์ก็ไม่ดู หนังสือพิมพ์ก็ไม่อ่าน บางครั้งชาวบ้านถามเรื่องการเมือง ก็อดทนไม่พูด แต่บางทีก็มีหลุดไปเหมือนกัน (ยิ้ม)

ทุกวันนี้เวลาใครเชิญไปนิมนต์ที่ไหน เราก็ไปหมด ก็ไปอธิบายให้เขาฟังว่าชีวิตหลวงพ่อ เป็นถึงรัฐมนตรีก็พลาดได้ และใช้บริเวณบ้านเดิมเป็นวัด พัฒนาเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ซึ่งสมัยก่อนใช้ต้อนรับหัวคะแนน ต้อนรับนักการเมือง

• ทุกวันนี้ยังโกรธมติชน โกรธคุณรสนา (โตสิตระกูล) หรือเปล่า

ไม่โกรธหรอก หลวงพ่ออโหสิให้หมดตั้งแต่บวชแล้ว คุณรสนาเขาเขียนจดหมายมาหาว่า เขาก็อโหสิให้หลวงพ่อ (ยิ้ม)

รูปภาพ
หนังสือ “ถ้ารู้ธรรมะพระพุทธเจ้า อาตมาคงไม่ติดคุก”


หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ออนไลน์
วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14:14:49 น.


:b44: อดีต รมว.กระทรวงสาธารณสุข “รักเกียรติ” อุปสมบทแล้ว
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=28341

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2011, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: เรื่องราวจากชีวิตจริงที่เจอจุดเปลี่ยนจนได้ธรรมะนี่น่าสนใจและน่าเผยแพร่มากค่ะ สาธุค่ะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2011, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2011, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ :b8: :b8:

:b41: :b44: :b41:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2016, 07:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2022, 12:34 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร