| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| Lucid dreaming http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=47411 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
| เจ้าของ: | eragon_joe [ 08 มี.ค. 2014, 14:13 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Lucid dreaming |
บันทึกนี้เป็นส่วนที่ขยายความของบันทึก มหัศจรรย์ฝันรู้ตัว (Lucid Dreaming) โปรดอ่านบทความดังกล่าวนี้ก่อน http://www.gotoknow.org/posts/91444 เทคนิคในการทำให้เกิดความฝันรู้ตัว แม้ว่าความฝันรู้ตัวจะเกิดขึ้นได้เองเป็นบางครั้ง แต่หากต้องการจะฝันรู้ตัวโดยตั้งใจแล้วละก็ คุณจะต้องมุ่งมั่น โดยมีแรงบันดาลใจหนุนหลัง อีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามพอสมควรทีเดียว หากไม่นับเทคนิคที่เป็นภูมิปัญญาโบราณแล้ว ตัวอย่างเทคนิคสมัยใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ การหวนระลึกถึงความฝัน (Dream Recall) : ผู้เชี่ยวชาญด้านความฝันรู้ตัวบอกว่า เงื่อนไขสำคัญอย่างแรกสุดที่คุณจะต้องทำให้ได้ก็คือ สามารถจดจำความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี คุณอาจสงสัยทำไมต้องจำความฝันได้ด้วย? คำตอบก็คือ หากคุณจำความฝันได้อย่างแม่นยำ คุณก็จะคุ้นเคยกับความฝันของคุณเองจนสามารถจดจำรูปแบบและลักษณะเด่นๆ ได้ รูปแบบและลักษณะเด่นๆ ที่ว่านี้แหละที่จะช่วยให้คุณรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ในการฝันครั้งต่อๆ ไป ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่จำความฝันไม่แม่น ก็เป็นไปได้ว่า แม้คุณจะฝันรู้ตัว (ตอนกำลังนอน) แต่พอตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด อย่างนี้ก็เท่ากับเสียของนั่นเอง เรื่องการฝึกจำความฝันนี้ อาจใช้การจดบันทึกลงใน สมุดบันทึกฝัน (ฝรั่งเรียกว่า dream journal) ซึ่งจะช่วยให้คุณจำได้แม่นยำขึ้นเรื่อยๆ การทดสอบว่าสภาวะที่เป็นอยู่นั้นว่าจริงหรือเปล่า (Reality Testing) : เทคนิคนี้คล้ายๆ กับที่สอนกันว่า ถ้าไปเจออะไรที่แปลกๆ หรือไม่ชอบมาพากล แล้วให้ลองหยิกตัวเองดูสักที ถ้าเจ็บก็จะได้รู้ว่าจริงนะ ไม่ได้ฝัน แต่นักวิจัยบอกว่า เทคนิคนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักฝันมือใหม่ โดยคุณจะต้องปฏิบัติหลายๆ ครั้งในวันๆ หนึ่ง วิธีการง่ายๆ เช่น ลองอ่านหนังสือสักข้อความหนึ่ง จากนั้นให้หันไปมองที่อื่น แล้วกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งว่าข้อความในหนังสือยังเหมือนเดิมไหม หรือ ลองเพ่งจิตให้ข้อความในหนังสือเปลี่ยนแปลงไป ฟังดูแปลกๆ พิลึก แต่เชื่อไหมว่า จากการวิจัยพบว่า หากคุณกำลังฝันรู้ตัวอยู่ ข้อความบนหน้าหนังสือนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึง 75% ในการอ่านซ้ำครั้งแรก และอาจถึง 95% ในการอ่านซ้ำครั้งที่สอง สัญลักษณ์ที่บ่งว่ากำลังฝัน (Dreamsigns) : สิ่งที่ปรากฏในความฝันที่ทำให้ผู้ฝันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แน่ๆ เช่น รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหาะเหินเดินอากาศอยู่อย่างเพลิดเพลิน เห็นสัตว์ที่มีรูปร่างหรือสีสันแปลกๆ พบเจอกับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว หรือ รัฐบาลประกาศว่า หวยใต้ดินได้หมดไปจากเมืองไทยแล้ว อะไรทำนองนี้ คุณต้องศึกษาความฝันของตัวเองจนกระทั่งคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ที่บ่งว่าคุณกำลังฝัน สัญลักษณ์นี้แตกต่างกันไป ของใครของมัน โดยหากเจ้าสัญลักษณ์นี้โผล่ขึ้นมาอีกเมื่อไร คุณก็จะมั่นใจว่ากำลังฝันอยู่แน่ๆ การเหนี่ยวนำความฝันรู้ตัวโดยใช้เครื่องมือช่วยจำ (Mnemonic Induction of Lucid Dreams - MILD) : เทคนิคนี้เรียกย่อๆ ว่า ไมลด์ (MILD) และมีขั้นตอนหลัก 4 ขั้น ดังนี้ ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะตื่นขึ้นในระหว่างที่กำลังนอนอยู่ และหากกำลังฝัน ก็จะจดจำความฝันนั้นไว้ ก่อนล้มตัวลงนอนใหม่ ให้ตั้งใจว่าจะต้องรู้ตัวให้ได้ว่ากำลังฝันในระหว่างหลับครั้งต่อไป โดยอาจบอกตัวเองว่า “คราวหน้าหากฝัน ฉันจะรู้ตัวว่ากำลังฝัน” ดร. ลาเบิร์จบอกว่าให้ท่องประโยคนี้ซ้ำๆ เหมือนท่องบ่นมนตรา โดยมีสมาธิแน่วแน่ ขณะที่กำลังท่องมนตร์อยู่นั้น ก็ให้จินตนาการพร้อมๆ กันไปด้วยว่า ได้กลับเข้าไปในฝันที่เพิ่งฝันก่อนตื่นขึ้นมา (หรืออาจจะเป็นฝันอื่นที่จดจำได้) และแสร้งทำเป็นรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ โดยมองหาสัญลักษณ์ที่บ่งว่าคุณกำลังฝันไปด้วยพร้อมๆ กัน ทำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำจนคุณผล็อยหลับไป หรือจนกระทั่งความตั้งใจแน่วแน่เข้าที่ คือคิดแต่ว่าจะต้องรู้ตัวขณะกำลังฝันให้จงได้ เทคนิค MILD นี้คิดค้นโดยตัว สตีเฟน ลาเบิร์จ เอง และเป็นส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของเขา การงีบหลับ (Napping) : จากการศึกษาพบว่า การตื่นขึ้นมาระหว่างที่กำลังหลับเพลินๆ อยู่นั้นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการฝันรู้ตัวได้ หากใช้เทคนิคนี้ คุณต้องตื่นก่อนเวลาตื่นปกติราวๆ 1 ชั่วโมง แล้วอยู่ต่อสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปนอนต่อ ผลจากการศึกษาครั้งหนึ่งพบว่า วิธีนี้จะเพิ่มโอกาสในการฝันรู้ตัวได้ราว 15-20 เท่า เมื่อเทียบกับการไม่ใช้เทคนิคใดๆ เลย โดยในระหว่างที่ตื่นอยู่นี้ ดร. ลาเบิร์จ แนะนำว่า คุณควรอ่านบทความเกี่ยวกับการฝันรู้ตัว (ต้องเป็นหนังสือของเขาหรือเปล่าหว่า?) จากนั้นก็ทำการทดสอบความเป็นจริง และต่อด้วยเทคนิค MILD ในขณะที่ค่อยๆ ผล็อยหลับไป ประวัติของบทความ : บันทึกนี้เดิมเป็นส่วนหนึ่งของบทความ มหัศจรรย์...ฝันรู้ตัว ซึ่งเคยตีพิมพ์ในนิตยสาร สารคดี ฉบับเดือนมกราคม 2550 : บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย บัญชา ธนบุญสมบัติ
|
|
| เจ้าของ: | SOAMUSA [ 09 มี.ค. 2014, 10:55 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
เมื่อก่อนดิฉันเคยเล่นหวยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ตอนนี้เลิกเล่นแล้วค่ะ เคยฝันมีคนมาบอกให้ท่องหวย เลข 3 ตัว ในฝันก็ฝันอยู่ในห้องนอนนั่นแหละ แต่มีกระดานดำเหมือนห้องเรียน และก็มีผู้ชายตัวใหญ่ๆ ดำๆ เสื้อไม่ใส่เห็นกล้ามเป็นมัดๆ เลยค่ะ มีเขียนตัวเลขเขียนไว้บนกระดาน 3 ตัวแล้วคุณผู้ชายคนนี้แกก็ยืนเอาไม้ชี้ตัวเลขให้เราท่อง เหมือนครูกับนักเรียนอย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ ดิฉันก็เป็นนักเรียนที่ดีค่ะ ท่องตามไม่ดื้อท่องไปท่องมาอยู่พักหนึ่งในฝัน พอตื่นมาตอนเช้าก็จำตัวเลขได้แม่นยำ เป๊ะๆ แล้วก็ซื้อหวยที่ทำงาน เรียกว่าทุ่มสุดตัวแบบคนจน ถ้าถูกก็ได้หลายหมื่นค่ะ ปรากฏว่าเลขที่ออกนั้น เลข 3 ตัวเรียงมาถูก 2 ตัวแรก แต่ตัวสุดท้าย มันลดมาหนึ่งคลิ๊ก ตอนนั้นก็คิดว่าทำไมคนหมุนไม่ออกแรงอีกจี๊ดหนึ่ง (จำตัวเลขไม่ได้แล้วหลายปีแล้ว) ยกตัวอย่างให้เข้าใจคือเลข 3 ตัวที่ท่องในฝันสมมุติคือ 589 แต่หวยออก 588 มันเป็นอย่างนี้แหละค่ะ แต่ที่น่าทึ่งมากกว่าเรื่องหวย คือเรื่องนี้ค่ะ ในบริเวณนั้น สมัยก่อนโน้นๆๆๆ มีคนเคยตกต้นหมากตายค่ะ คนที่ตายเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ผิวดำตกต้นหมากลงมาตายคาที่ ปัจจุบันนี้เค้าไปทั่วบริเวณนั้นแหละค่ะ เมื่อเร็วๆ นี้ก็ไปเดินอยู่ในบ้านคนแถวนั้น เรียกว่าเห็นกันสดๆ คนเค้าก็ทำบุญไปให้แกค่ะ มีคนเห็นแกเยอะ ทั้งเห็นสดๆ และเห็นในฝัน มาเล่าสู่กันฟังก็คนเดียวกันนี้แหละค่ะ แหม๋ มีการแวะมาห้องนอนของดิฉันด้วย มาบอกหวยตอนดึก แต่ทำไมไม่บอกให้ลดตัวหลังด้วย มีป้าแกที่บ้านอยู่บริเวณนั้นมาถามว่า ดิฉันเคยเห็นผู้ชายคนนี้มั้ย แล้วป้าแกก็บอกรูปร่างผิวพรรณให้ฟัง ดิฉันก็บอกว่ารู้จัก เคยเจอในฝัน ก็เค้านั่นแหละเจ้าถิ่นที่ตกต้นหมากตายค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | eragon_joe [ 09 มี.ค. 2014, 16:02 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
ทำไมผีต้องบอกหวยให้ไม่ตรงด้วยล่ะ... เน๊อะ แค่แต้มเดียวเอง จะบอกให้ตรง ๆ หน่อยก็ไม่ได้เน๊อะ... เรื่องร่างดำ ๆ จริง ๆ มีช่วงหนึ่ง แม่อยู่บ้านคนเดียว แม่เอกอนกำลังนอนเคลิ้ม ๆ อยู่ ๆ ก็ถูกเงาสัตว์ตัวดำ ๆ กระโดดเข้าใส่ แม่ก็ท่องมนต์สู้ และมันก็ทำเสียงงู๊งี๊ และหายไป และในช่วงนั้นเอกอนก็ปิดเทอม กลับมาบ้าน ก็มีวันหนึ่ง เอกอนกำลังหลับ แต่เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เอกอนรู้สึกถึงมีเงาสัตว์สีดำ ๆ เดินย่องขึ้นบันไดมาและมาแอบจ้องอยู่ตรงประตู เอกอนก็จ้องไปที่มัน เมื่อมันเห็นเราไม่เผลอ มันก็หลบฉากไป เอกอนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา และทบทวนสิ่งที่รู้สึกเมื่อตะกี๊ คือ ในนั้นเอกอนรู้สึกเหมือนว่า มันเป็นจิตของคนที่เล่นของแล้วของเข้าตัวน่ะ ซึ่งมันก็จะเข้ามาจัดการกับคนที่จิตตกน่ะ ถ้าจิตแข็ง ไม่เผลอมันก็เข้ามาทำอะไรไม่ได้ เอกอนก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอตอนเย็นก็ไปงานเลี้ยงกับแม่ แม่ก็เล่าเรื่องเงาสัตว์สีดำให้เพื่อน ๆ ในวงฟัง เอกอนก็บอกว่า เอกอนก็เจอ ...
|
|
| เจ้าของ: | SOAMUSA [ 09 มี.ค. 2014, 20:43 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
คือเราไม่ใช่คนเล่นหวยมืออาชีพ จึงไม่รู้เคล็ดวิชาเค้าค่ะ เรามันแค่มือสมัครเล่นจึงไม่รู้ว่าถ้าผู้หญิงฝัน เค้าให้ลดตัวสุดท้ายลง 1 .....แหม๋ มารู้เอาเมื่อสายเสียแล้ว เคยถูกหวยด้วยครั้งหนึ่ง แต่บังเอิญเจ้ามือหวยถูกตำรวจจับ เป็นอันว่าถูกหวยแต่เป็นโมฆะเพราะเจ้ามือโดนตำรวจจับ ...อาภัพจริงๆ เรื่องนี้ ที่เอกอนเล่าว่าเงาสัตว์สีดำๆ นี่ขอบอกว่าสยองมาก เอกอนกับแม่ก็เก่งไม่เบาเหมือนกันนะคะ คุณไสยทำอะไรแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้
|
|
| เจ้าของ: | eragon_joe [ 10 มี.ค. 2014, 13:24 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
SOAMUSA เขียน: ที่เอกอนเล่าว่าเงาสัตว์สีดำๆ นี่ขอบอกว่าสยองมาก เอกอนกับแม่ก็เก่งไม่เบาเหมือนกันนะคะ คุณไสยทำอะไรแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้ ![]() น่ากลัวจริง ๆ ด้วย ...เมื่อวานเอกอนก็เข้ามาตอบกระทู้เพิ่มเติมรอบนึง แต่...ก็เปลี่ยนใจลบ เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่เล่านัก สำหรับแม่ แม่เป็นคนใจเด็ด ใจแข็ง และแม่ก็สวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แม่เชื่อถืออย่างหมดใจไว้ตลอด แต่ตอนนั้นห่วงหลุด แม่ต้องถอดเอาไปซ่อมที่ร้านทอง เหลือแต่หลวงพ่อวัดปากน้ำ... พอเกิดเหตุการณ์นั้น แม่ก็รีบกลับไปเร่งร้านทองให้ซ่อมให้เสร็จและเอากลับมาสวมทันที ส่วนเอกอน ไม่มีอะไร ไม่ได้มีวิชาความรู้ความสามารถอะไร เพียงแต่...ก่อนที่จะเกิดเหตุ อาจารย์มาหาเอกอนและบอกว่า แถวละแวกบ้าน มีคนเล่นคุณไสยมาอาศัยอยู่ในละแวก และเขาจะใช้วิชาเข้าไปครอบงำ จะทำให้ผู้ที่โดน เกิดจิตวิปริต วิปลาส จิตจะร้อนรุ่ม อาจจะป่วย ฉุนเฉียว และชีวิตโดยรวมของเขาร้อนเป็นไฟ ประสบปัญหาประดังเข้ามา ซึ่งเราจะได้เจอเขาส่งของมาหาแน่ ... อาจารย์ก็ไม่ได้สอนวิชาอะไรให้ป้องกันตัวสักอย่าง ... อาจารย์บอกว่า การสู้ ไม่ว่าจะสู้ด้วยวิธีไหน คือการสู้ ผลที่ออกมามันไม่เป็นคุณต่อทั้งผู้แพ้ และผู้ชนะ จิตที่คิดทำอะไรลงไปเพื่อป้องกันตัวเอง บางครั้งใจเราอาจจะก้าวไปสู่การสู้อย่างไร้ความเมตตาปราณีได้ และมันก็จะเป็นวังวนแห่งอารมณ์ที่เราอาจจะหลุดออกมาจากมันได้ยาก ถ้าจะสู้ ก็คือ...จงทำใจ ให้ใช้ความดีของเรา ให้ผู้ที่คิดจะทำร้ายเรานั้น ปราณีกับเราเถอะ อาจารย์บอกว่า ความกลัว-กิเลส ในตัวเราจะเป็นแรงดึงดูด อาจารย์บอกว่า ให้วางใจในคุณธรรมที่เราได้สะสมมา พยายามทรงจิตตัวเองเอาไว้ อย่าหวั่นไหว ความกลัว/กิเลส จะเป็นแรงดึงดูดพลังงาน ถ้ามันไม่ปรากฎในจิตเรา หรือกำลังมันไม่เพียงพอที่จะดึงดูดพลังที่เขาส่งมา สิ่งนั้นก็จะไม่เข้ามา เข้ามาไม่ได้ เพราะถ้าเข้ามาจิตเขาก็จะกระทบกับกระแสพลังงานที่ทำให้จิตเขาอ่อนลง ... ให้มั่นใจว่า แม้แต่อสูรที่ชั่วร้ายที่สุด ก็จะไม่เข้ามาข้องกับจิตลักษณะหนึ่ง ให้อสูรที่ว่าร้ายที่สุด ก็มี ใจอ่อน ละอาย ยั้งมือ สำนึกในศีล และด้วยอารมณ์นี้ จะทำให้เขาละอายจนต้องหนี อยู่ในละแวกต่อไปไม่ได้ ... เอกอนก็ทำใจไว้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจารย์มาเตือนอยู่แล้ว ซึ่งพอเห็น ก็เลยวางใจตามที่อาจารย์บอก คือ พยายามทรงจิตให้นิ่งเฝ้ามองสิ่งนั้น ให้สิ่งนั้นตัดสินใจเอง ... ... ...เขาจึงหันหลังกลับไป...ไม่เข้ามา... คืออาจารย์เอกอนท่านนี้ ตั้งแต่ต้น ท่านสอนให้เอกอนวางใจให้เหมือนตนเองเป็นเพียงขี้ดิน ที่...เชื่อใจ ไว้ใจ วางใจ แล้วแต่ธรรม(แวดล้อม)จะปราณี... อาจารย์บอกว่า ลองทำใจดู ถ้าเราไม่สร้างแรงกดดันให้กับสิ่งแวดล้อม(ธรรม) สิ่งแวดล้อม(ธรรม)ก็จะไม่สะท้อนแรงกดดันกับเรา ![]() คือเอกอนก็เลยไม่เคยคิดว่าเอกอนเก่ง เพราะ ... ไม่ใช่ว่าเอกอนทำการต่อสู้กับเขา เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายละเว้นปราณีเราเอง ซึ่งหลังจากนั้น 3 วัน ก็มีข่าวหญิงคนหนึ่งย้ายกลับไปอยู่บ้านนอก ... ทันที หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับลูกเป็นเวลาหลายเดือน ไม่มีวี่แววว่าจะไป แต่อยู่ ๆ ลูกเขาก็บอกว่า แม่ดื้อจะไปท่าเดียว ไม่ยอมอยู่ บอกว่า อยู่ไม่ได้แล้ว ซึ่งแม่เขาคนนี้ล่ะ ที่ชาวบ้านต่างซุบซิบกันในหมู่บ้าน ว่าคือคนเล่นของที่เที่ยวปล่อยของใส่คนในหมู่บ้าน
|
|
| เจ้าของ: | eragon_joe [ 16 มี.ค. 2014, 13:26 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสมองที่น่าสนใจ... เอามาแบ่งปัน บางส่วนจากหนังสือ "โลกจิต" เขียนโดย แทนไท ประเสริฐกุล 10 อันดับอาการบาดเจ็บทางสมองยอดเยี่ยม (ตอน2) .... อันดับที่ 5 อันนี้ไม่ใช่โรคนะครับ แต่เป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้เรามักจะคิดกันว่า อาการบาดเจ็บทางสมองจะต้องนำมาแต่เรื่องร้าย ๆ เท่านั้น แต่ปรากฏว่าเมื่อต้นปี 2007 ทีมวิจัยของด๊อกเตอร์เบชาร่า(Antoine Bechara) ที่มหาวิทยาลัย เซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย เพิ่งจะค้นพบเป็นครั้งแรกว่า การที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน บางทีก็สามารถก่อให้เกิดผลดีได้เหมือนกัน กลุ่มผู้ป่วยที่ด็อกเตอร์เขาศึกษา เดิมล้วนเป็นคนที่สูบบุหรี่มาก่อนทั้งสิ้น ทว่าพอหลังจากเกิดเรื่อง ขึ้นกับสมอง ผลปรากฏว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย ที่สามารถเลิกบุหรี่ได้เองอย่างฉับพลันโดยอัตโนมัติ เลิกแล้วเลิกเลยเป็นปลิดทิ้ง ราวกับเป็นปาฏิหาริย์ก็ว่าได้ ……คนไข้คนหนึ่งวัยกลางคน สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 สูบมากถึงวันละ 40 มวน แต่พอได้รับการผ่าตัดปุ๊บ ฟื้นมาวันรุ่งขึ้นปรากฏว่าตั้งแต่นั้นมาแกก็ไม่สูบบุหรี่อีกเลย เรียกว่า เลิกได้อย่างถาวร ลุงแกให้สัมภาษณ์ว่า จริง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลิกด้วยซ้ำ เพียงแต่อยู่ๆร่างกายมันก็เหมือนกับ ลืมไปเอง.... ว่าไอ้ความรู้สึกอยากยานี้มันเป็นยังไง เรื่องราวของคนไข้อื่นอีก 10 กว่าคนก็เป็นทำนองเดียวกัน ทุกคนได้รับความเสียหายที่บริเวณสมองส่วนเดียวกันหมด นั่นก็คือ ส่วนที่มีชื่อว่า Insula ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปนิดหน่อยตรงตำแหน่งขมับเหนือหูขึ้นมานิดนึง ..... ส่วนคนที่จะเลิกนิสัยเสพติดอย่างอื่น อย่างเช่น ติดเหล้า หรือติดโค้ก จะทดลองวิธีนี้ด้วยก็ได้ เพราะ อินซูล่าจริง ๆ แล้วดูเหมือนจะรับผิดชอบเรื่องความรู้สึกอยาก ความรู้สึกติดหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่เพียงแค่บุหรี่อย่างเดียวมันเป็นสมองส่วนที่คอยเรียนรู้ที่จะจดจำความสบายของร่างกาย หลังจากได้รับอะไรบางอย่าง(หรือไม่ก็ ความไม่สบายหลังจากขาดอะไรบางอย่าง) จากนั้นจะค่อย ส่งสัญญาณไปกระตุ้นสมองส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งเป็นตัวกำหนดสติความรับรู้ของคนเรา ให้เกิดความลงแดง ความอยากได้ความรู้สึกเหล่านั้นขึ้นมา เหตุนี้เอง คนที่วงจรในส่วนนี้ขาดไป ไม่มีอินซูล่าคอยกระตุ้นจึงไม่รู้สึกหงุดหงิด ไม่อยากเสพใด ๆ ทั้งสิ้น ..... นอกจากความอยากแล้ว ตัณหาที่กลับด้านกันคือ “ความไม่อยาก” ก็เกี่ยวข้องกับการทำงานของอินซูล่าด้วย เช่น ความกลัวเจ็บ ความขยะแขยง ความอับอาย ไม่กล้าสู้หน้าคน ฯลฯ ที่ผ่านมามีงานวิจัยน่าสนใจมากพบว่า ในผู้ที่นั่งสมาธิเป็นประจำจะมีอินซูล่าที่หนาและหยักกว่าปกติ นั่นอาจจะสะท้อนถึงการมีสติรู้ทันสภาวะกายใจตนเองมากกว่าคนทั่วไป และอาจรวมไปถึงอำนาจ ควบคุมที่จะดับกิเลสตัณหาต่าง ๆ สนับสนุนเด็กไทย และนักปฏิบัติธรรม ให้รักการอ่านค่ะ... งานวิจัยที่เอื้อและมีคุณประโยชน์ต่อการศึกษาปฏิบัติธรรม ต่อผู้ที่สนใจค้นหาความจริงเกี่ยวกับความเป็นไปแห่งชีวิต ให้ได้มีความรู้ความเข้าใจอยู่บนหลักพื้นฐานความเป็นจริงของร่างกายและจิตใจก็มีอยู่เยอะค่ะ |
|
| เจ้าของ: | eragon_joe [ 16 มี.ค. 2014, 23:55 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: Lucid dreaming |
จริง ๆ ในหนังสือเรื่อง "โลกจิต" มีภาวะทางจิตที่น่าสนใจอีกมากมาย อย่างเช่น อาการของ Synesthesia Synesthesia เป็นลักษณะอาการที่มีการโยงสัมผัสหนึ่งเข้ากับอีกสัมผัสหนึ่ง อย่างเช่น ได้ยินเสียงแหลม ๆ ก็จะนึกเห็นภาพวัสดุรูปทรงแหลม ๆ แต่ที่เป็นเคสที่น่าสนใจ คือ การเห็นตัวเลข และเห็นสี อย่างเห็นเลข 1 เป็นสีแดง 2 เป็นสีน้ำเงิน 3 เป็นสี... ประกอบการเห็นไปทุกครั้ง ไม่ว่าอักษรนั้นจะเขียนด้วยสีใดก็ตาม คนที่สามารถเห็นแสง เห็นออร่า ได้ก็ด้วย อาการที่ว่านี้ และก็พบว่า คนตาบอดสี ก็ปรากฎอาการซินเนสเตเซียได้ และแม้แต่คนตาบอด ก็ปรากฎอาการซินเนสเตเซียได้ เป็นการเห็นที่สมองสร้างขึ้น ... Idiot Savant หรือ อัจฉริยะปัญญาอ่อน คือ เป็นผู้ที่มีพัฒนาการหรือสติปัญญาที่ต่ำกว่าคนทั่วไป แต่กลับมีพรสวรรค์เป็นอัจฉริยะระดับสุดยอดในด้านแคบ ๆ ปัจจุบัน ใช้คำว่า Savant เฉย ๆ ซึ่ง Savant ส่วนใหญ่จะเกิดมาพร้อมก้บอาการออทิสติก Savant ที่น่าสนใจคนหนึ่งคือ แดเนียล แทมเม็ต เป็นออทิสติกอ่อน ๆ มีพรสวรรค์ในด้านความจำ และเขามีอาการของ ซินเนสเตเซีย ... เขาเป็นคนที่คิดเลขได้ไว และการคิดเลขของเขาก็ไม่ปกติ ตรงที่ว่า เขาเองก็อธิบายไม่ถูก เขาบอกว่าเขามองเห็นตัวเลขขึ้นมา และเห็นเป็นภาพ เป็นสี เป็นรูปร่าง เป็นไฟ เป็นแสง ๆ ต่าง ๆ นานา เสร็จแล้วพอจับมาชนๆ จิ้มๆ ผสมๆกัน สุดท้ายก็ออกมาเป็นคำตอบเอง ... นักปฏิบัติธรรม คุ้น ๆ อาการเหล่านี้กันบ้างหรือไม่ ... นักวิจัยทดสอบอาการของกลุ่ม Savant พบว่า พวก Savant จะมีความผิดปกติที่สมองซีกซ้ายส่วนหน้า ทำให้ความสามารถของสมองส่วนนี้อ่อนกว่าคนธรรมดา ซึ่งทำให้สมองอีกส่วนที่ปกติจะถูกสมองส่วนนี้ข่ม แสดงตัวแข็งแรงออกมาอย่างเด่นชัด คือการคิดแบบสมองซีกขวานำ การค้นพบนี้มาพร้อมกับทฤษฏี "ปลดปล่อยซีกขวาให้เป็นอิสระจากซีกซ้าย" เอกอนเคยเห็นลักษณะการปรากฎของอาการ ซินเนสเตเซีย และ Savant ยังจำการปรากฎของมันได้ และเฝ้าตั้งข้อสังเกตสิ่งที่ปรากฎมาโดยตลอด มีช่วงหนึ่ง สายตาเอกอนแปลกไป อ่านพระไตรปิฎก และเห็นเป็นเลขฐาน เป็น code ที่มีท่วงทำนองจังหวะที่สอดคล้องกับจังหวะของจักรวาล และเห็นรูปทรง สี แสง และก็เห็นการจับนั่น ชนนี่ เชื่อมโน่น และมันก็เป็นความเข้าใจของมันขึ้นมาเอง ... ไม่ได้เป็นเช่นนั้นได้ตลอด ... ยังมีอีกหลายอาการทางจิต ที่น่าสนใจ ... บางทีเอกอนคิดว่า นักปฏิบัติธรรมได้มีความรู้ไว้บ้างก็ดี เพราะ...การปฏิบัติธรรมบางอย่าง มันเป็นการไปยุ่งวุ่นวายกับการทำงานต่าง ๆ ของสมอง ทำให้เกิดกระแสลัดวงจรในสมองขึ้นได้... ...ซึ่งกระแสที่ลัดวงจร ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปรากฎบางอย่างขึ้นมาได้... ... ยิ่งนักปฏิบัติเป็นผู้ที่ชอบสังเกตปรากฎการณ์ต่าง ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติ และยิ่งมีความรู้เรื่อง "จิต" มากเท่าไร ก็อาจจะยิ่งเชื่อมโยง ศาสนากับวิทยาศาสตร์ ให้เข้าใกล้กับได้มากยิ่งขึ้น
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|