ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
กินอยู่อย่างปลอดภัย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=48353 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 27 ก.ย. 2014, 06:44 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
ใครๆ ก็อยากที่จะควบคุมไขมัน และคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่เป็นเบาหวาน หัวใจ ความดันโลหิตสูง และสารเลซิตินก็คือสารอัศจรรย์ ในกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สามารถทำลายไขมัน และคอเลสเตอรอลในร่างกายลงได้ นอกจากนั้นเลซิตินยังส่งผลถึงระบบประสาท ให้มีความจำที่ดีได้อีกด้วย สารเลซิตินที่ว่านี้หาไม่ยากเลย เพียงคุณใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว น้ำมันดอกทานตะวันในการปรุงอาหาร คุณก็จะได้รับสารเลซิตินไปกำจัด ในส่วนที่ร่างกายไม่ต้องการได้อย่างแน่นอน
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 28 ก.ย. 2014, 06:18 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
ไขมันไม่อันตราย ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของเราเช่นกัน การที่เราหลีกเลี่ยงโดยไม่ทานไขมันเลยเนื่องจากกลัวอ้วนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรปฏิบัติเอาเสียเลย ทานไขมันในปริมาณที่เหมาะสมคือไม่เกิน ๓๐% ของพลังงานที่ได้รับจากอาหารต่อวัน จะทำให้ร่างกายอบอุ่นและมีพลังงาน ถ้าหากบริโภคเกิน ๓๐% ต่อวันแล้วละก็ ไขมันที่เป็นประโยชน์กลับเป็นพิษเป็นบ่อเกิดของการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ และอีกสาเหตุหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ก็คือ งดบริโภคของหมักดอง รวมไปถึงของปิ้งของย่างบ่อยๆ เพราะอาหารเหล่านี้จะมีสารมีอันตรายต่างๆ นั่นเอง ที่จะเร่งให้เกิดสารก่อมะเร็ง ทั้ง carcinogen ไนไตรต์หรือสารประกอบในโตรเจน ทางที่ดีคุณควรหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลมะเร็งคุณควรหลีกเลี่ยงอาหารผ่านกรรมวิธีเหล่านี้จะดีที่สุด ก็คือในทุกมื้อของคุณควรจะมีผักและผลไม้ร่วมด้วยทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเป็นแครอต มะเขือเทศ มะละกอ ผักกาดขาว ข้าวโพด หรือผักผลไม้อื่นๆ ที่อุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน วิตามินอี และวิตามินชี จะช่วยให้คุณหลีกเลิ่ยงได้แน่นอน นอกเหนือจากนั้น ในน้ำมันพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินอี อย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะพร้าว ก็สามารถลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ต.ค. 2014, 07:00 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
กินอย่างรู้คุณค่า
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ต.ค. 2014, 07:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
กินให้เป็น
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 09 ต.ค. 2014, 04:27 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
1.กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีมีธาตุเหล็กสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคโลหิตจาง กะหล่ำปลีเป็นผักต้านมะเร็ง และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้ที่มีความเครียดมาก ๆ หรือนำกะหล่ำปลีไปต้มกับน้ำ นำน้ำมาดื่มช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ ส่วนการนำกะหล่ำปลีมารับประทานแนะนำ ว่าควรจะทำให้สุกเสียก่อน เพราะในกะหล่ำปลีดิบ มีเอนไซม์ไธอามีเนสซึ่งจะไปทำลายไวตามินบี 2.ขิง ขิงเป็นส่วนผสมของอาหารที่ให้ความหอม เผ็ดร้อนแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งสามารถนำมาช่วยบรรเทาอาการป่วยต่าง ๆ ได้ เช่น แก้คลื่นไส้ ช่วยย่อยอาหาร หรือถ้าเป็นน้ำขิงร้อน ๆ ผสมน้ำนาวหรือน้ำผึ้งเพิ่มความหอมหวาน จะช่วยบรรเทา อาการหวัด จะได้ไม่คัดจมูก 3.งา งา 100 กรัม มีโปรตีนถึง 26 กรัม เหล็ก 7 มิลลิกรัม และสังกะสี 10.3 มิลลิกรัม เกลือแร่ และกรดไขมันไม่อิ่มตัว อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่ให้ประโยชน์ต่อตับและไต และยังมีสารอาหาร ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ถ้ารับประทานควบคู่ไปกับผักหรือผลไม้ที่มีไวตามินซีสูง จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.น้ำอ้อย ในเมืองไทยเราหาซื้อน้ำอ้อยรับประทานได้ไม่ยาก น้ำอ้อยมีสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย หลายชนิด น้ำอ้อยมีแคลเซียมสูงกว่านม และมีธาตุเหล็กสูงกว่าไข่ และมีโพแทสเซียมสูง น้ำอ้อยให้พลังงานสูง แต่ความหวานของน้ำอ้อย ให้ผลเสียต่อเหงือกและฟัน 5.ผักชีฝรั่ง ผักชีฝรั่งที่คนไทยชอบใส่ในลาบนั่นล่ะ มีประโยชน์ไม่น้อยหน้าผักชนิดอื่น ๆ เหมือนกัน เพราะในผักชีฝรั่งอุดมไปด้วยแคลเซียม ไวตามินเอ ซี และโพแทสเซียม ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในกองทัพจะนำผักชีฝรั่งมาต้มกับน้ำ แล้วให้ทหารที่เป็นโรคไตดื่ม ก็จะช่วยบรรเทาได้ และยังช่วยขับกรดยูริกในร่างกายอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยโรคโรคเกาต์และโรคไขข้ออักเสบ 6.พริกหวาน พริกหวานมีเบตาแคโรทีนสูง มีไวตามินซี เหล็ก และโพแทสเซียม ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีไวตามิน มากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า ในพริกสีเขียว 100 กรัมก็จะมีไวตามินซี 100 กรัมเช่นกัน 7.หอมหัวใหญ่ เป็นพืชวงศ์เดียวกับกระเทียม ช่วยลดโคเลสเตอรอลและลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยรักษา โรคโลหิตจาง โรคหืด ไขข้ออักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ และช่วยลดความแก่ชราได้อีกด้วย ซึ่งข้อหลังนี้ อาจจะทำให้หลายคนหันไปรับประทานหอมหัวใหญ่มากขึ้นเชียวล่ะ 8.เมล็ดทานตะวัน เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยโปรตีน ไวตามินบีรวม เกลือแร่ และไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งข้อหลังนี้ จึงได้มีการสกัดออกมาเป็นน้ำมันเมล็ดทานตะวัน นำออกมาขายมากมาย เมล็ดทานตะวันมีประโยชน์ ต่อร่างกายไม่แพ้เมล็ดฟักทอง สามารถช่วยขจัดความอ่อนเพลีย ความเหนื่อยล้า ปัญหาความเครียดลงได้ 9. แครอท รักษาโรคมะเร็งได้ดีเยี่ยม เพราะอุดมไปด้วย โปตัสเชี่ยมและเส้นใยอาหารมาก เป็นที่สรุปจากการวิจัยของแพทย์แล้วว่า ผู้ที่ไม่บริโภคแครอทเลย มีโอกาสเป็นเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่า ผู้ที่รับประทานเป็นประจำสม่ำเสมอ 10. ฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี รับประทานบ่อยๆ จะช่วยต้านโรคพยาธิ โรคหลอดลมอักเสพ บรรเทาปัสสวะขัด
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 09 ต.ค. 2014, 05:12 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย | ||
ขึ้นฉ่าย ผักที่มีลำต้นและใบคล้ายผักชี แต่มีขนาดใหญ่กว่า ขึ้นฉ่ายในท้องตลาดมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ ขึ้นฉ่ายจีนและขึ้นฉ่ายฝรั่ง ขึ้นฉ่ายจีน มีก้านใบเรียวเล็ก ใบสีเขียวเข้มและกลิ่นฉุนกว่า ใช้ประกอบอาหารประเภทยำ ผัด แกงจืด ส่วนขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือเซเลอรี มีก้านใบอวบหนาสีอ่อนกว่าพันธุ์จีน เนื้อกรอบ นิยมใส่ในสลัด ซุป ขึ้นฉ่ายฝรั่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ โดยขึ้นฉ่ายฝรั่ง 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 13 กิโลแคลอรี เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะกาบใบอวบหนานั้นมีน้ำและเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เส้นใยเหล่านี้ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารในลำไส้ ทำให้อิ่มได้นาน ขึ้นฉ่ายฝรั่งมีแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น แคลเซียมสูงเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์และเด็กที่เป็นโรคกระดูกอ่อน มีโซเดียมต่ำเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต มีโพแทสเซียมซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อน ๆ ช่วยลดอาการบวมน้ำและปรับระดับความดันโลหิตช่วยเร่งกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย รวมถึงกำจัดกรดยูริกที่สะสมตามข้อ อันเป็นสาเหตุของโรคเกาต์ด้วย ขึ้นฉ่ายฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค โดยเฉพาะเมื่อกินเป็นผักสด หากนำไปผัดน้ำมันก็จะได้รับเบตาแคโรทีนอย่างเต็มที่ เพราะน้ำมันไปช่วยให้เบตาแคโรทีนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ขึ้นฉ่ายฝรั่งยังมีสารฟลาโวนอยด์ชื่อ เอพิจีนิน (Epigenin) ที่มีคุณสมบัติในการลดสารที่ก่อให้การอักเสบในเลือด ลดภาระของระบบภูมิคุ้มกัน และจากผลการทดลองของนักวิจัยพบว่า ขึ้นฉ่ายฝรั่งอาจมีส่วนในการลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้ กลิ่นหอมชื่นใจของขึ้นฉ่ายฝรั่งมาจากน้ำมันหอมระเหยลิโมนีน (Limonene) และซีลินีน (Selinene) มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการจุกเสียด ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังมีสารประกอบ 3 เอ็น-บิวทิล ฟทาไลด์ (3 n-butyl phthalide) หรือสารทาไลด์ เป็นสารอีกชนิดที่ทำให้ขึ้นฉ่ายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท ช่วยให้หลับสบาย ลดปริมาณคอเลสเตอรอลและช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วย โดยกินวันละ 6 ช้อนโต๊ะพูนความดันโลหิตจะลดลง
|
เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 26 ม.ค. 2015, 23:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กินอยู่อย่างปลอดภัย |
อโรคยา ปรมาลาภา ....ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |