ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุข
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=57766
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 07 ม.ค. 2011, 15:20 ]
หัวข้อกระทู้:  เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุข

รูปภาพ

เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุข

หวังว่า ด้วยวิถีทางแห่งการเฉลิมฉลองวันเดือนปีโดยมีธรรมนำหน้า
จะทำให้คำว่า 7 วันอันตราย กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุขได้
ภายในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน


เรื่อง : ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

เมื่อเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาเยือน
ใครต่อใครต่างก็รอคอยที่จะเฉลิมฉลอง ท่องเที่ยว รื่นเริงบันเทิงใจกันอย่างเต็มที่
ในเมืองไทยของเรา รัฐบาลก็ประกาศให้ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
เป็นเทศกาลแห่งความสุขที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน
และเจ้าวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวันนี่เอง ที่รัฐบาล
และสื่อมวลชนเรียกว่าเป็นช่วงเวลา “7 วันอันตราย” มาหลายปี
ทำไมเทศกาลแห่งความสุขจึงกลายเป็น “7 วันอันตราย”


คำตอบก็เพราะว่า ในช่วงดังกล่าวนี้ มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก
อันเนื่องมาจากการจราจรที่คับคั่ง
เนื่องมาแต่การออกเดินทางท่องเที่ยวของประชาชน
แต่สาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ การดื่มสุรา ของนักท่องเที่ยวนั่นเอง


คนไทยขึ้นชื่อในเรื่องการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ว่ากันว่า ติดอันดับโลกเสียด้วยซ้ำ แต่ละปี บริษัทที่ขายสุรา ขายเบียร์
ล้วนมีกำไรมหาศาล แต่สิ่งที่ต้องแลกมากับกำไรมหาศาล
ก็คือ การบาดเจ็บ ล้มตาย ของคนไทยอย่างมากมายชนิดที่ว่า
ถ้าเป็นต่างประเทศ ผู้คน บาดเจ็บ ล้มตายขนาดนี้
ต้องถือว่าอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองเท่านั้น
แต่ในเมืองไทยของเรานั้น ทุกปีจะมีคนบาดเจ็บ ล้มตาย
เพราะสุราเป็นสาเหตุกว่า 100 คนขึ้นไป
โดยเทศกาลใหญ่ๆ ที่มีคนบาดเจ็บ ล้มตาย มากที่สุดก็คือ
ช่วงปีใหม่สากล (1 ม.ค.) และปีใหม่ไทย (13 เม.ย.)
ด้วยเหตุที่ทุกปีมีคนตายมากมายจากอุบัติเหตุเช่นที่กล่าวมา
วันเวลาแห่งความสุข จึงถูกเรียกขานเป็น “7 วันอันตราย” อย่างที่กล่าวแล้ว


หลายฝ่ายที่ไม่อยากเห็นเทศกาลแห่งความสุข
กลายเป็นเทศกาลแห่งโศกนาฏกรรม
จึงพากันรณรงค์ให้การเฉลิมฉลองปีใหม่ไม่ถูกนำไปพ่วงกับสุรา เบียร์
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด องค์กรเหล่านี้มีทั้งรัฐบาล สสส.
และวัดต่างๆ สสส.เองก็ทุ่มเทกับเรื่องนี้มาหลายปี
จนปีล่าสุดก็มีแคมเปญโฆษณาที่ชื่อ “ให้เหล้า = แช่ง”
ออกมาเตือนสติผู้คนที่มีค่านิยมให้เหล้าเป็นของขวัญ
หรือแคมเปญ “เมาไม่ขับ” ที่ช่วยกระตุ้นให้คนลดพฤติกรรมเสี่ยง
จากการขับรถตอนเมามาย ในส่วนของวัดต่างๆ
ก็พยายามชักชวนคนไทยให้หันหน้าเข้าวัดด้วยการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี


ในปี 2553 นี้ สถาบันวิมุตตยาลัย ที่ผู้เขียนเป็นผู้อำนวยการอยู่
ก็จัดกิจกรรมเตือนสติคนไทย
ให้หันมาเฉลิมฉลองปีใหม่โดยใช้ธรรมนำทางเหมือนกัน
เช่น วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็จัดงาน “ส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล”
เพื่อแนะนำศิลปะการเฉลิมฉลองปีใหม่สไตล์ชาวพุทธ
ที่เน้นกิจกรรมการเฉลิมฉลองโดยเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิต
แทนการตกเป็น ทาสอบายมุขอย่างไม่ลืมหูลืมตากระทั่งว่า
เมามายข้ามปีอย่างน่าสมเพช


นอกจากนั้นในวันที่ 31 ธ.ค. 2553 และวันที่ 1 ม.ค. 2554
ก็จัดกิจกรรม “ส่งท้ายด้วยธรรม ต้อนรับด้วยศีล”
อีกครั้งหนึ่งที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน
โดยกิจกรรมทั้งหมดเน้นไปที่การรู้จักเฉลิมฉลองด้วยการปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่การกิน ดื่ม หลับนอนจนสาแก่ใจ แล้วเมามายขาดสติ
จนเป็นเหตุให้บาดเจ็บ ล้มตาย เหมือนการเฉลิมฉลองของปุถุชนทั่วไป


กิจกรรมที่น่าสนใจในช่วงดังกล่าวก็เช่น


:b48: 1.การสมาทานศีล 8
เพื่อเป็นการจำกัดกรอบผู้สมาทานศีล
ให้ขีดเส้นเว้นวรรคจากอบายมุขอย่างสิ้นเชิง
อย่างน้อยที่สุดในช่วงรอยต่อระหว่างปีเก่า กับ ปีใหม่


:b48: 2.การสวดมนต์ข้ามปี
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเริงรำขับร้องอย่างมีสติ
ก่อให้เกิดบุญกุศลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ไม่ใช่การร้องห่มร้องไห้อย่างขาดสติของผู้ที่เมามาย
หรือบาดเจ็บ ล้มตาย จากการฉลองท่ามกลาง
กรุ่นกลิ่นของเครื่องดองของเมาและสารพัดอบายมุข


:b48: 3.การฝึกเจริญมรณัสสติ
เพื่อให้รู้ว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้กันไม่มากนัก
ดังนั้นจึงควรดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
คนในครอบครัวควรได้มีเวลากลับมาดูแลซึ่งกันและกัน
ไม่ทุ่มโถมทำงานหนักจนสุขภาพเสื่อมโทรม
สถาบันครอบครัวแตกร้าว หรือไม่มีเวลาให้กับชีวิตในมิติอื่นๆ


:b48: 4.การเจริญสมาธิภาวนา
เพื่อเรียนรู้ที่จะทบทวนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตในรอบปีที่ผ่านมา
ในลักษณะ “มองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง มองไปข้างหลังอย่างมีบทเรียน”
หรือ “เรียนรู้จากอดีต กำหนดปัจจุบัน เพื่อสร้างสรรค์อนาคต”


:b48: 5.การฟังปฐมเทศนา
เมื่อถึงเวลา 01.00 น. อันถือกันว่า เป็นการต้อนรับปีใหม่
ด้วยกิจกรรมที่เป็นมหากุศล ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งปัญญา
ได้รู้ว่าปีใหม่ควรจะใช้พุทธธรรมนำทางสร้างชีวิตใหม่
ให้เป็นชีวิตที่ดีงามล้ำเลิศได้อย่างไร


:b48: 6.การทำบุญตักบาตร
ในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 1 ม.ค. ตามด้วยการแจกผ้าห่มกันหนาวแก่ประชาชน
และภิกษุสงฆ์กว่า 1,000 คน/รูป เพื่อเป็นการฝึกส่ง “ส.ค.ส.” (สื่อความสุข)
ที่เป็นแก่นสารซึ่งมีคุณค่ากว่าการอวยพรกันด้วยปากเปล่าอย่างเทียบกันไม่ได้


นี่คือ ตัวอย่างกิจกรรมการเฉลิมฉลองปีใหม่สไตล์ชาวพุทธ
ที่ผู้เขียนจัดเป็นประจำทุกปีที่ศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน
อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย และทุกปี
ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมล้วนได้รับแต่บุญ กุศล
และแนวทางการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า
ยังไม่ปรากฏว่ามีคนเมามายจนเป็นอันตรายแก่ชีวิต


ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน สถาบันวิมุตตยาลัย ยังคงจัดกิจกรรมดีๆ เช่นนี้
เพื่อเป็นแนวทางสร้างสันติสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์เหมือนเดิม
ทั้งนี้ เราก็หวังว่า ด้วยวิถีทางแห่งการเฉลิมฉลองวันเดือนปีโดยมีธรรมนำหน้า
จะทำให้คำว่า “7 วันอันตราย” กลายเป็น “7 วันอันเปี่ยมสุข” ได้
ภายในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน


ที่มา... http://www.posttoday.com/lifestyle/heal ... 8%E0%B8%82

:b48: :b8: :b48:

เจ้าของ:  Duangtip [ 26 มิ.ย. 2019, 07:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุข

:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  sirinpho [ 16 ม.ค. 2024, 13:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เปลี่ยน 7 วันอันตราย ให้กลายเป็น 7 วันอันเปี่ยมสุข

:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/