วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 13:20
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


พีทักทาย
พี่พูดถูกเป๊ะๆเลยค่ะ
หนูพยายามกดจริง
พยายามที่จะกดให้มันนิ่งตลอดเลย :b16:

ขอบคุณนะค่ะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิจหรือหน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทุกข์ในอริยสัจ คือกำหนดรู้ตามที่มันเป็น มิใช่ให้มันเป็นตามที่เราต้องการ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?t ... 950#msg950

ผลเกิดจากเหตุคือการกระทำ มิใช่เกิดจากมีผู้ดลบันดาล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 01:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


samati เขียน:
พี่ student
การพิจารณาธรรมของพี่ ต้องมีตัวอย่างรึเปล่าค๊ะ
เช่น ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
หรือพิจารณาตามความหมายของธรรมนั้น

ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ :b16:


การพิจารณาธรรมนั้นไม่ต้องมีตัวอย่างครับ เห็นก็ต้องรู้ว่าเห็น(เอาวิญญาณเห็นด้วยสติ)คือหมั่นสังเกตุหากจะกำหนดสภาวะธรรมด้วยจักษุวิญญาณ(นาม) ทำไมเริ่มด้วยจักษุวิญญาณ ต่างกับผัสสะอย่างไร เพราะเหตุของธรรมนั้นอาศัยวิญญาณ ผลของธรรมนั้นคือผัสสะ คือการเห็น เริ่มต้นด้วยรวบรวมสติมีสติอยู่กับตัว อาศัยความตั้งมั่น มองที่ใดที่หนึ่งให้เห็นชัด (ห้ามเพ่งสายตานะครับ) เมื่อชัดแล้วเป็นการครบองค์เป็นผัสสะ ตั้งแต่บัดนี้ผัสสะได้เกิดจากการมอง เราพึงพิจารณาว่า(เข้าสู่พระไตรลักษณ์) หากมองไม่ชัดเพราะสายตาสั้นเพราะรูปไม่เที่ยง(ดวงตาเป็นรูป) หรือสายตาปกติมองชัดแล้วก็ไม่เที่ยงอยู่ดีสักวันสายตาก็จะเสื่อมลงเป็นการเริ่มการพิจารณาด้วยปัญญา ทีนี้เมื่อละความสนใจจักษุวิญญาณก็ดับลง ผัสสะก็ดับลงไปด้วย ก็เริ่มขบวนธรรมใหม่ตามวงจรต่อไป

ส่วนเรื่องของอารมณ์นั้นเป็นเรื่องของเวทนา ตัญหา อุปาทานเป็นเรื่องของการอบรมตัวเองตาม มรรคมีองค์8 ที่มีศีล สมาธิ ปัญญา ทิฏฐิ การปฏิบัติตัวต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น มีทิฏฐิว่า เราจะอาศัยความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส เราจักมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อย่างนี้เป็นต้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 33 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร