วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 20:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:40
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


ตามล่าหาความสุข

ปัจจุบัน มนุษย์พากันไล่ล่าหาความสุขให้กับตัวเองต่างๆ นานา ตามความคิดความเชื่อของแต่ละคน คนมีเงินก็ไปพักผ่อนด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศ หรือการไปเที่ยวไกลๆ ภายในประเทศ คนเหนือก็ไปดูทะเล คนใต้ก็มาสัมผัสหนาวบนดอยสูง หากจะแบ่งประเภทการพักผ่อนหาความสุขของผู้คนในสังคมแล้ว ก็พอจำแนกได้ดังนี้
1. ท่องเที่ยว ทัศนาจร
2. ดูหนัง ฟังเพลง
3. ดูกีฬา เช่น ฟุตบอล มวย
4. เที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา เต้นรำ
5. เล่นกีฬา เช่น กีฬายิงนก ตกปลา
6. เที่ยวธรรมชาติ เช่น เข้าป่า ปีนเขา
7. เที่ยวแบบเดินสายทัวร์บุญ 9 วัด
8. เล่นการพนัน เล่นไพ่ เล่นบอล เล่นมวย
9. เล่นเกมอินเตอร์เน็ต
10. แชต ชู้สาว อินเตอร์เน็ต
11. ดูทีวีอยู่บ้าน
12. ไปประท้วงรัฐบาล
13. ไปเป็นกองเชียร์รัฐบาล
14. หางานอดิเรกทำ เช่น เข้าป่าหาเห็ด ทำสวน
15. ไปเรียนอะไรเพิ่มเติม
16. เข้าวัดทำสมาธิ
17. ไปตระเวณเยี่ยมเจ้าแม่ เจ้าพ่อ เพื่อขอหวย
18. ไปหาหมอดูดวง
19. ไปหาหมอนวดคลายเส้น
20. ไปร้องเพลงคาราโอเกะ
21. ไปประกวดร้องเพลง เต้นรำ นายแบบ นางแบบ
22. ไปหาดูสาวตามที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า
23. ไปเดินเล่นชอบปิ้ง และเดินโชว์หนุ่มไปในตัวด้วย
24. ไปเป็น เอ็นจีโอ
25. ไปแสดงออกเพื่อให้คนรู้ว่าก็มีกูอยู่ในโลก เช่น ซิ่งรถ เด็กแว้น สปอยเกริล์ ฯ
26. ไปมั่วสุมเสพยาเสพติด
27. มุ่งหาเสพกาม
28. ออกเดินธุดงค์ แสวงหาบุญ
29. แสวงหาสำนักปฏิบัติธรรม บวชชีพราหม์
ฯลฯ ช่วยนึกต่อบ้าง ดิ

จะเห็นว่า การไล่ล่าหาความสุขของมนุษย์ บางอย่างก็เสียเงินทอง จึงมีหลายคนกอบโกยจนร่ำรวยจากการไล่ล่าหาความสุขของมนุษย์มากมาย เช่น บริษัทเกี่ยวกับเพลง ทีวี ภาพยนตร์ เกมส์ อินเตอรเน็ต ฯ บางกิจกรรม ก็เสียทั้งเงินและสุขภาพ บางอย่างก็เสียนิสัย บางอย่างก็อันตราย บางอย่างก็เป็นภัยต่อสังคมและตนเอง แต่ที่ทุกคนต้องเสียแน่นอน ก็คือ เสียเวลา และโอกาส ในชีวิต ที่จะพบเจอความสุขที่แท้จริง เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งนานมาแล้ว ที่พูดถึงคนที่พยายามตามหาความสุข สุดท้ายก็พบว่า แท้จริงความสุขอยู่ในใจ อยู่ภายในใจนี่เอง การที่มนุษย์ คิดว่าความสุขอยู่ที่นั่นทึ่นี่ เช่น ต้องมีเงินเยอะๆ มีบ้านหลังใหญ่ๆ ไปเที่ยวทั่วโลก มีเมียร้อยคน มีรถรุ่นใหม่ ใหม่เท่ห์กว่าใคร ทำให้มนุษย์ต้องเหน็ดเหนื่อยทุ่มเท ทำงานหนัก ร่ำเรียนกันหามรุ่งหามค่ำตั้งแต่เด็กอนุบาลจนโต จบมาทำงาน ก็ต้องแข่งขัน เพื่อสร้างโอกาส บางครั้งก็ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สุดท้ายเมื่อไปถึงจุดหมายที่คิดว่า ใช่ ความสุข หลายคนเริ่มรู้สึกผิดหวัง จะเห็นว่า แม้เป็นนายกแล้วก็ไม่เห็นมีความสุขเลย บ้านใหญ่แล้ว ไปเที่ยวมาหมดแล้ว เมียก็มีสวยสุดๆ แล้ว แต่ความสุขมันหายไปไหน เคยสงสัยไหม ทำไมคนทึ่สำเร็จแล้ว ต้องใช้ยาเสพติด หรือคิดสั้นฆ่าตัวตาย
หลายคนก็หันไปปฏิบัติธรรม มีกรรมวิธีต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ ไปทำสมาธิ จะเพ่งอะไรก็แล้วแต่ เพ่งคำภาวนา เพ่งลมหายใจ เพ่งกายเคลื่อนไหว เพ่งสิ่งของภายนอก หรือสวดมนต์ภาวนา ก็ล้วนแต่เป็นการทำสมาธิ ส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ คิดว่านี่คือการค้นพบความสุขที่แท้จริง คือความสงบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ เพราะเราไม่สามารถทำให้มันสงบเย็นได้อยู่ตลอดเวลา สมาธิเหล่านี้ไม่ใช่สัมมาสมาธิ สุขไม่เที่ยง ไม่เกิดปัญญา นอกจากกิเลสไม่ได้ลดลงแล้ว แต่ยังอาจเพิ่มพูนปะทุขึ้นมาได้อีก การรักษาศีล กินเจ ก็ไม่ใช่ทางที่ใช่เลย เสียทีเดียวเพราะ สุดท้าย จิตใจก็ยังสับส่ายดิ้นรน ไม่สามารถอดทน ต่อการผิดหวังในเรื่องราวต่างๆ ของชีวิตได้
แล้วทำอย่างไรดีล่ะ แกะรอยพระพุทธเจ้าสิครับ ท่านเสพสุขทางกามมาเท่าไร ในฐานะเจ้าชายสุดรักของเสด็จพ่อ และมาออกป่าธุดงต์ตามล่าหาอาจารย์ จนสำเร็จวิชาสมาธิขั้นสูงสุด ก็ยังไม่ใช่ ตัดสินใจทรมานร่างกายเพื่ออุทิศชีวิตให้กับการตามล่าหาความสุขแท้ ก็ยังไม่เป็นผล
สุดท้าย ท่านค้นพบว่า ปล่อยวาง ใช้เกียร์ว่าง ไม่ต้องกดคันเร่ง และก็ไม่เหยียบเบรค ชีวิตมันดำเนินไปของมันเอง ไม่ต้องไปทำอะไรสักอย่าง มันจะไปของมันเอง เป็นของมันเอง ถอยออกมานิดๆ อยู่ตรงกลางไม่ต้องเร่ง(แสวงกินกามเกียรติ) และไม่ต้องฝืน(ศีล-สมาธิ) แค่เพียงเฝ้าดูรู้ปล่อย ลองหลับตา แล้วลืมตา บ่อยๆ จะรู้ว่า สิ่งที่ตารู้ คือสี ไม่ต้องสนใจความหมายของสิ่งที่เห็น รู้ว่าหลับตา กับลืมตา ต่างกันอย่างไร เห็น แต่ไม่ต้องตามหาความหมาย เหมือนยามนั่งเฝ้าประตู มีคนผ่านเข้ามา ก็รู้ว่าผ่าน แต่ไม่ต้องถามชื่อว่าเป็นคนหรือเป็นใคร ไม่ต้องสนด้วยว่าร้ายหรือดี ไม่ต้องใส่อารมณ์ว่าชอบหรือเกลียด แค่รู้ว่ามีการผ่านเข้ามาก็พอ ช่องหู ก็เสียงที่ปรากฏ ช่องจมูก ก็กลิ่นที่รู้ ช่องลิ้น ก็รสที่ลิ้น ช่องกายก็สัมผัส ทางกาย ลองขยับกายแล้วสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้น รู้ปล่อยๆ ช่องใจ ก็อารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด แต่ไม่ต้องไปตามความคิด ทั้งหมดนี้เรียกว่า สติ
แค่ปล่อยความคิด แต่ให้สติ เป็นยาม แรกๆ ยามก็ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ว่ามีใครเข้าใครออก เพราะยามมีคนเดียว แต่ประตูมีตั้ง 6 ช่อง เป็นธรรมดา อย่าไปกังวลใจ ทำใจให้สบายๆ เราต้องการอิสระภาพ ความสุข ที่แท้จริงไม่ใช่หรือ ยิ้มๆ น้อย คอยสังเกต ระลึกรู้ ก็รู้ รู้ก็ปล่อย ไม่รู้ก็ต้องปล่อยเหมือนกัน ทำไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ทำเพื่อได้ เพื่อมี เพื่อเป็น จริงๆ แล้ว เป็นการปล่อยมากกว่า ไม่ใช่การทำ ทำมาเยอะแล้ว ไม่เคยหยุดทำ คิดมาเยอะแล้ว ไม่ใช่การคิด การปล่อยจึงยาก แต่ถ้าใครปล่อยได้ ความสุขก็อยู่ภายในนี่เอง ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องเหนื่อยยาก และผิดหวังในที่สุด แถมเป็นความสุขที่เที่ยงแท้แน่จริงอีกด้วย หากต้องการผู้ชี้แนะ บอกเลยว่าพระหรือครูบาอาจารย์ที่รู้จริงมีไม่กี่คนในโลก เท่าที่ผมรู้จัก และชัวร์ มีอยู่สองคน แม้ผมจะไม่เคยพบท่าน แต่เท่าที่ได้ฟังธรรม อ่านหนังสือของท่าน ก็มั่นใจ ได้แก่ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขอขอบพระคุณอาจารย์ ผมแอบฟังธรรมของอาจารย์อยู่บ่อยๆ เดี๋ยวนี้สบายหาได้ง่ายในอินเตอร์เน็ต และอีกอาจารย์ เพิ่งค้นพบ คือ พระอาจารย์ปราโมช ปราโมชโช สักวันอยากจะไปกราบนมัสการท่าน ที่จริงอาจมีอาจารย์ที่สอนได้ถูกต้อง อยู่อีก แต่คิดว่าคงไม่มากและนับตัวได้ แต่ผมไม่ค่อยทราบ เพราะคิดว่าเจอทางแล้ว เลยไม่ค่อยวิ่งหาเท่าไร ความสุขอยู่ภายใน เหลืออยู่ปล่อยให้มันวิวัฒนาการของมันไปเอง แต่ขอบอกสำนักที่ใหญ่ๆ ดังๆ น่ะไม่ใช่แน่นอน ที่จริงไม่อยากตำหนิใคร แต่ถ้าไม่กระตุกกันบ้าง สังคมคงหลงทาง กันหมดทั้งประเทศ อาเมน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษยแสวงหาทุกอย่างเพื่อ ให้ พ้นความทุกข์
แม้กระทั่ง นั่งหลับตาหา ความพ้นทุกข์
แม้ยามหลับก็ ละเมอเพ้อ พก ความุสุข
ผมเองยอม รับว่าทุกๆวันนี้ดิ้นรนหาทางพ้นทุกขหลับตาภาวนา
เพื่อพ้นทุกข์ :b20: :b30:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2008, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ต.ค. 2008, 22:41
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบว่าทั้ง 2 ท่านนี้อยู่ที่ใหนเหรอคะ ดิฉันก็อยากไปกราบนมัสการบ้าง กรุณาบอกให้ทราบด้วยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลาครับ แถวๆ บ.ข.ส ขนส่ง
สอนสมาธิ ที่ วัด ป่าสักอยู่ครับ มีปัญหาก็โทรก้ได้ครับ 0897374513 :b20: :b30:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร