วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2008, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ต.ค. 2008, 15:05
โพสต์: 11


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา สาธุ ท่านอาจารย์กรัชกาย :b8:

ขอให้ท่านเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะท่าน

เมื่อก่อนKeiko ก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นและศรัทธา คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังหรอกค่ะ
เพราะคิดว่า มันทำยาก แล้วคนสมัยนี้ก็มีปัญหาเรื่องเลี้ยงปากท้องกันซะส่วนมาก
แค่ปัญหาที่เจอที่ทำงานก็จะประสาทกินอยู่แล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วยังปัญหาคนในครอบครัวฯลฯ
บางทีทำงานดี ขยันแล้ว ก็มีคนขี้เกียจ ซึ่งเป็นหัวหน้างาน หาเรื่องทะเลอะกับเราอีก
ทำให้รู้สึกว่า การทำความดีนั้น มันไม่ช่วยอะไรเลย ก็คิดว่าน่าจะเป็นโชคร้าย เราต้องไปทำการสะเดาะเคราะห์บ้าง ถวายสังฆทานบ้าง ตามที่หมอดูทักมา แต่พอนานวันไป พอเริ่มคิดได้ว่า เวลาเราปฏิบัติสติปฐาน 4 นั้น ทำไมพระพุทธเจ้าถึงให้เรากำหนดอารมณ์ที่เกิดขึ้น กับตัวเราหล่ะ แล้วก็ให้ดูลมหายใจของตัวเองอีก แล้วมันคืออะไร :b10:

แต่พอฝึกจิตได้ระยะหนึ่ง ก็ได้คำตอบมาแล้วค่ะ
เมื่ออ่านบทความที่คุณกรัชกายส่งมาเพิ่ม ยิ่งรู้ว่า ตัวเองมาได้ถูกทางจริงๆค่ะ

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่ะ
:b48: Keiko


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2008, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


จิต ตก ภวังแบบลืมตัว เลยแขน ขา ปาก ขยับ อาการ
ธรรมดา ของจิต ตามสมาธิไม่ทัน

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศึกษาเกี่ยวกับความดี –ชั่ว –บุญ-บาป-กุศล –อกุศล ที่

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15732

ซึ่งตัดมาจากหัวข้อใหญ่ที่ท่านแสดงเรื่อง กรรม

อนึ่ง กรัชกายกำลังโพสต์หัวข้อกรรมหรือกฎแห่งกรรมตั้งแต่เริ่มต้นที่
viewtopic.php?f=4&t=19058

ว่างๆ คุณ keiko ติดตามอ่านดูครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(ผู้กำลังเดินทางในนี้มีหลายระดับ ทางพุทธยังมีข้อคิดอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่ทำให้เพียรพยายามของมนุษย์ไป
เรียกว่า “สัจกิริยา” ดูสาระครับ )

สำหรับชาวพุทธในระยะพัฒนาขั้นต้น ผู้ยังห่วง ยังหวัง หรือยังมีเยื่อใย ที่ตัดไม่ค่อยขาด ในเรื่องแรงดลบันดาล หรืออำนาจอัศจรรย์ต่างๆ ประเพณีพุทธแต่เดิมมา ยังมีวิธีปฏิบัติที่เป็นทางออกให้อีกอย่างหนึ่ง คือ "สัจกิริยา" แปลว่า การกระทำสัจจะ หมายถึงการอ้างพลังสัจจะ หรือการอ้างเอาความจริงเป็นพลังบันดาล คือ ยกเอาคุณธรรมที่ตนได้ประพฤติ ปฏิบัติบำเพ็ญมา หรือมีอยู่ตามความจริง หรือแม้แต่สภาพของตนเอง
ที่เป็นอยู่จริงในเวลานั้นขึ้นมาอ้าง เป็นพลังอำนาจสำหรับขจัดปัดเป่าภยันตราย ที่ได้ประสบในเมื่อหมดทางแก้ไข
อย่างอื่น

วิธีนี้ ไม่กระทบกระเทือนต่อความเพียรพยายาม และไม่เป็นการขอร้องวิงวอนต่ออำนาจดลบันดาลจาก
ภายนอกอย่างใดๆ ตรงข้าม กลับเป็นการเสริมย้ำความมั่นใจในคุณธรรม และ ความเพียรพยายามของตน
และทำให้มีกำลังใจเข็มแข็งยิ่งขึ้น อีกทั้งไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับวัตถุ หรือ พิธีที่จะเป็นช่องให้ขยายกลายรูปฟั่นเฝือ
ออกไปได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2009, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ธ.ค. 2008, 11:56
โพสต์: 9


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าไปอ่านคำตอบได้ที่ http://www.plarnkhoi.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2009, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
รออีกหน่อยครับ...เดี๋ยวท่านกรัชกายจะแนะนำท่านได้แน่นอนครับ.... :b12: :b12:

พอดีว่าตัวกระผมเองยังไม่กล้าจะสอนใครครับ กลัวสอนผิดๆ เดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่ รอให้คนที่เขาเก่งแล้ว
สอนให้จะดีกว่า ผมเหมือนคนพึ่งจะขับรถเป็นน่ะครับ ยังไม่ชำนาญ ขืนไปสอนคนอื่นเดี๋ยวพากันตกเหวอ่ะครับ :b9:


:b13: ธรรมะสวัสดี ทุกท่าน

เห็นหัวข้อกระทู้ แล้วรู้สีกว่าน่าสนใจมาก
ต้องแปลกแน่ๆ เลยเข้ามาอ่าน
ท่าน "natdanai" แซว ท่าน "กรัชกาย" เหมือนใจข้าพเจ้าคิดเลย

ดีนะที่รู้สึกขยัยแต่ปาก เพราะ "บัวไฉน" เคยนั่งแล้วรู้สึกเหมือนตนเองยิ้ม
เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแกยิ้มจริง ๆ ยังสงสัยเลยว่า ทำไมนั่งยิ้มอยู่ได้
เห็นอะไรหรือ ตอนนั้น ยังไม่เห็นอะไร แค่มีความสุขกับสีสรรค์เท่านั้น
(ยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์) ส่วนบางท่าน สิ น่ากลัว นั่งกำมือ ตัวโยกตัว
ไปหน้า-มาหลัง กลัวจะคว่ำเอา ที่ทราบเพราะ นั่งใกล้กัน จนเรารู้สึก
อดไม่ได้ ต้องลืมตามาดู แค่เล่าประสบการณ์ สมัยเริ่มฝึกสมาธิ เท่านั้น
ไม่มีภูมิที่จะสอน อย่างท่านกรัชกาย หรอก คนละระดับกัน

:b8: ขอให้เจริญในธรรม ยิ่งๆ ขึ้นไป

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นกับชนิดของสมาธิด้วยนะครับ
ถ้าเป็นมิจฉาสมาธิ นั่งเอาสงบเคลิบเคลิ้ม
หรือเที่ยวรู้เที่ยวเห็นร่อนเร่ออกไปภายนอก
ก็ไม่ใช่ต้นทางของปัญญา
แต่ถ้าเป็นสัมมาสมาธิ นั่งเพื่อความมีสติสัมปชัญญะ มีความตั้งมั่นของจิต
แล้วเอาจิตนั้นไปรู้ความเกิดดับของรูปนามอย่างเป็นปัจจุบัน
ก็เป็นทางแห่งปัญญาครับ

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่งสมาธิเกิดปัญญาได้อย่างไร นั่งสมาธิก็เกิดภาวะจิตสงบจากนิวรณ์สิครับ แต่ถ้าจะเจริญปัญญาก็ต้องเข้าใจการเจริญสติปัฏฐานเสียก่อน การเจริญสมาธินั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้จุดประสงค์ ๔ อย่าง คือ เป็นไปเพื่อสุขวิหาร ๒ เป็นไปเพื่อญาณทรรศนะ ๓ เป็นไปเพื่อสติ สัมปชัญญะและ ๔ เป็นไปเพื่ออาสวขยญาณ อันหลังนี้แหละสำหรับผู้ที่จะอาศัยสมาธิ (ที่หมายถึงกระมังครับ คือ อัปณาสมาธิ) ก็ต้องเจริญสติระลึกรู้ที่องค์ฌาน ต้องรู้ว่า องค์ที่จะเป็นอารมณ์ของวิปัสสนานั้นคือปรมัตถธรรมอะไรครับ ถึงจะรู้ว่าเห็นอะไรตามความเป็นจริง ขณะที่เป็นอัปณาสมาธินั้น พระพุทะเจ้าตรัสว่า ในบรรดาโลกียสุขที่เป็นกุศลแล้ว สมาธิเป็นเลิศครับ แต่ถ้าเป็นสมาธิที่เป็นสัมมาแล้ว ถ้าเป็นโลกุตระนั้น ต้องทราบว่าขณะนั้น จิตที่เป็นสมาธิ นั้นมีอะไรเป็นอารมณ์ที่จิตรู้ ก็ต้องทราบให้ถูกต้องตามความเป็นจริงครับ
ตอนนี้ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นอธิบายครับ เลยขออณุญาติ เชิญชวนการบรรยายธรรม เรื่อง "อะไรเป็นสิ่งหลง อะไรเป็นสิ่งลวง อะไรเป็นสิ่งเท็จและอะไรเป็นสิ่งจริง ของผุ้ปฏิบัติ"ธรรม"(เพื่อรู้ตามความเป็นจริง ) อาจจะคาดไม่ถึงเชียวครับว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องรู้ตามความจริงอะไร ว่าอย่างไร บรรยายในวันที่ ๔ มิถุนายนอาทิตย์ต้นเดือนนี้ครับ ที่ธรรมสถานจุฬาลงกรณ์ เวลา ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น ห้องแอร์ มีอาหารเบรค ฟรีทุกรายการครับ ลองไป เซิฟๆดูท่าน

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบนิดเดียวครับว่า กว่าจะสงบเป็นสมาธิได้นั้น ต้องใช้ปัญญาพอตัวทีเดียวล่ะครับ

พอจิตสงบเป็นสมาธิ จิตจะมีพลังต่อเนื่อง ให้ใช้ปัญญาต่อๆกันไป หาเหตุของเหตุของทุกข์ แล้วใช้ปัญญาดับทุกข์ให้ได้ครับ

กว่าจะสงบเป็นสมาธิ ต้องใช้ปัญญาฝ่าฟันทุกข์ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้สมถะหรือวิปัสสนา ย่อมมุ่งสู่ความสงบและสว่างไสวของจิตเช่นเดียวกัน กว่าจะสู้ฝ่ามาได้ ต้องใช้ วิริยะ อย่างแรง กล้ามากๆๆๆ เหมือน ถูกคน ด่า เราต้องทน ฟังจนกว่า เขาจะละไป เป็นเรื่องยากมากๆ

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


สอนบริกรรมภาวนา ของหลวงปู่เทศน์ ครับ
เมื่อปลูกศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตใจแล้ว จึงเข้าไปเรียนกับพระอาจารย์ที่ชำนาญ พระกรรมฐาน นั้น ๆ พระอาจารย์บางท่าน ชำนาญบริกรรม สัมมาอะระหัง ท่านก็จะสอนให้เราบริกรรมภาวนา สัมมาอะระหังๆๆๆๆ และให้ กำหนดดวงแก้วใสๆ อยู่เหนือสะดือขึ้นไปประมาณ 2 นิ้ว แล้วเอาจิตไปตั้งไว้ตรงนั้น ภาวนาไปเรื่อยๆ อย่าให้จิตหนีไปจากดวงแก้ว หรือพระอาจารย์บางท่าน ชำนาญด้านภาวนา ยุบหนอ พองหนอ ท่านก็จะสอนให้เรากำหนดจิต ไปไว้ที่อริยาบถ ก้าวยกเท้าขึ้นว่า ยกหนอ เมื่อเหยียบลง ก็ว่า เหยียบหนอ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อเข้าเรียนกับพระอาจารย์ ที่ชำนาญด้านภาวนาพุทโธ ท่านจะสอนให้เราบริกรรม พุทโธๆๆๆๆ และให้เอาจิตไปตั้งมั่นอยู่ในคำบริกรรมนั้น

บุพพกิจเบื้องต้น
ก่อนจะทำกรรมฐานภาวนาพุทโธ พึงทำบุพพกิจเบื้องต้นก่อน คือ ตั้งจิตศรัทธาเลื่อมใสให้เต็มที่ ดังได้อธิบายแล้ว และจึงกราบ 3 หน

ท่อง นโม 3 จบ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งพ้นจากทุกข์จากกิเลสทั้งปวง ( กราบลง 1 ครั้ง )

อรหัง สัมมาสัมพุทโธ ภควา พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง
พุททัง ภควันตัง อภิวาเทมิ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ( กราบลง 1 ครั้ง )

สวากขาโต ภควตา ธรรมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว
ธรรมมัง นมสามิ ข้าพเจ้านมัสการ กราบไหว้ ซึ่งพระธรรมนั้น ( กราบลง 1 ครั้ง )

สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ พระสงฆ์ สาวกของพระผู้ มีพระภาคเจ้า ที่ท่านปฏิบัตดีแล้ว
สังฆัง นะมามิ ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ซึ่งพระสงฆ์ ( กราบ 1 ครั้ง และนั่งสมาธิ )

การทำ บุพพกิจ ต้องไหว้ ก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง การนั่งสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งตัวให้ตรง แล้วบริกรรมพุทโธๆๆๆ ไว้ที่หัวใจ อย่าให้จิตส่งส่ายไปมา พึงตั้งสติ สำรวมจิตให้แน่วแน่ จิตก็จะเข้าถึงสมาธิได้เลย บางครั้งเมื่อจิตเข้าถึงสมาธิแล้ว เราจะไม่รู้เลยว่า เรานั่งนานเท่าไร บางครั้งนั่งได้นานเป็นชั่วโมง ดังนั้น การนั่งสมาธิ จึงไม่ควรกำหนดเวลา ให้ปล่อยไปตามสบาย

หลักของการทำสมาธิภาวนา
เมื่อเราฝึกเอาสติไปควบคุมให้อยู่ในพุทโธ เป็นอารมณ์อันเดียวและไม่ส่งส่ายไปในที่ต่าง ๆ คำบริกรรมนั้นก็จะหายไปโดยไม่รู้ตัว จะมีความสงบเยือกเย็นเป็นสุข เป็นความสุขสงบที่ไม่สามารถบรรยายได้ แต่อธิบายให้ตัวเองฟังได้

ผู้บริกรรมภาวนาพุทโธ พึงทำใจเย็นๆ อย่าได้รีบร้อน ขอให้เชื่อมั่นในคำบริกรรมพุทโธ มีสติควบคุมจิตของตนให้อยู่ในพุทโธ ก็แล้วกัน ความเชื่อมั่นเป็นเหตุให้จิตตั้งมั่นไม่คลอนแคลน ปล่อยวางความลังเลสงสัย แล้วรวบรวมจิตเข้ามาอยู่ในคำบริกรรม จะยืน เดิน นั่ง นอน หรือประกอบกิจการงานอะไร จงมีสติรู้เท่ากับพุทโธอย่างเดียว

สมาธิเป็นของละเอียดอ่อนมาก เราจะบังคับให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าใจร้อนยิ่งไปกันใหญ่ เราต้องทำใจเย็นๆ จะเป็นสมาธิหรือไม่ก็ตาม เราภาวนาพุทโธไปเรื่อยๆ ทำใจให้เป็นกลาง วางจิตให้เสมอ แล้วผ่อนลมหายใจเบาๆ เอาสติไปกำหนดจิต ให้พุทโธอย่างเดียว

ผู้บริกรรมภาวนาพุทโธ ต้องทำให้ชำนาญคล่องแคล่ว ในขณะที่อารมณ์ดีและชั่วมากระทบเข้า ต้องทำสมาธิให้ได้ในทันทีทันใด อย่าให้จิตหวั่นไหวไปตามอารมณ์นั้นได้ กิเลสความยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งทั้งปวง มันจะค่อยหายไปเอง

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาคุณบุญชัยด้วยนะคับ

อย่างไรก้ตาม ขอเสริมนิดนึงว่าศีลก็สำคัญมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น

เพราะเป้นการฝึกพลังใจให้รู้จักตั้งเจตนาเอาไว้ ว่าจะทำ- หรือไม่ทำ- สิ่งต่างๆ
เป้นวินัย เป้นสัจจะบารมี เมื่อหัดถือศีลแล้วก็จะค่อยๆมีความอดทนอดกลั้น
มีพลังเอาชนะอกุศลเล็กๆน้อย แล้วพัฒนาพลังอันนี้ขึ้น

ต่อมาเมื่อมาเจริญสมาธิ ก็จะมีพลังใจเพียงพอ มีเจตน์จำนงค์ทีมีกำลังเพียงพอ
ที่จะเอาใจให้ผูกสัมพันธ์กับอารมณ์เดียวได้ เช่นการเพียรบริกรรมพุทธโธอยู่ได้ ไม่ให้ใจพรากออกจากคำภาวนา เป็นต้น

อนุโมทนาครับ จู๊บๆ
:b8:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2009, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าเสียดายสำนักหรือวิชาที่คุณกรัชกาย และ K. Natdanai ปฏิบัติ เป็นสำนักที่เน้นทางวิปัสสนาอย่างเดียว จึงไม่รู้ความจริงถ่องแท้ว่า อาการต่างๆที่ผู้ทำสมาธิประสพ คือ วิญญาณธาตุหรือเจตภูตพยายามแยกหลุดออกจากกายเนื้อ

ไม่ได้บอกว่าที่ท่านพูดมาไม่จริงนะครับ แต่เมื่อท่านใช้วิธีไม่ต้องสนใจอาการต่างๆ อาการต่างๆมันก็จะหายไปเอง นั่นคือท่านกำลังปฏิเสทที่จะรู้ความจริงว่า มนุษย์เรามี 2 ร่าง คือร่างกายเนื้อ และร่างกายทิพย์ ก็ดีครับทำให้จิตไม่วอกแวก ซึ่งผิดวิสัยของการวิปัสสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


keiko เขียน:
อนุโมทนา สาธุ ท่านอาจารย์กรัชกาย :b8:

ขอให้ท่านเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะท่าน

เมื่อก่อนKeiko ก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นและศรัทธา คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังหรอกค่ะ
เพราะคิดว่า มันทำยาก แล้วคนสมัยนี้ก็มีปัญหาเรื่องเลี้ยงปากท้องกันซะส่วนมาก
แค่ปัญหาที่เจอที่ทำงานก็จะประสาทกินอยู่แล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วยังปัญหาคนในครอบครัวฯลฯ
บางทีทำงานดี ขยันแล้ว ก็มีคนขี้เกียจ ซึ่งเป็นหัวหน้างาน หาเรื่องทะเลอะกับเราอีก
ทำให้รู้สึกว่า การทำความดีนั้น มันไม่ช่วยอะไรเลย ก็คิดว่าน่าจะเป็นโชคร้าย เราต้องไปทำการสะเดาะเคราะห์บ้าง ถวายสังฆทานบ้าง ตามที่หมอดูทักมา แต่พอนานวันไป พอเริ่มคิดได้ว่า เวลาเราปฏิบัติสติปฐาน 4 นั้น ทำไมพระพุทธเจ้าถึงให้เรากำหนดอารมณ์ที่เกิดขึ้น กับตัวเราหล่ะ แล้วก็ให้ดูลมหายใจของตัวเองอีก แล้วมันคืออะไร :b10:

แต่พอฝึกจิตได้ระยะหนึ่ง ก็ได้คำตอบมาแล้วค่ะ
เมื่ออ่านบทความที่คุณกรัชกายส่งมาเพิ่ม ยิ่งรู้ว่า ตัวเองมาได้ถูกทางจริงๆค่ะ

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างค่ะ
:b48: Keiko

ท่านเลยเหรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 21:25
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุๆนะค่ะ

.....................................................
ศัตรูของคนเราที่แท้จริงแล้ว คือ โลภ โกรธ หลง
ต้องแก้ด้วยมี ศีล สมาธิ ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
:b8: สาธุค่ะอ.กรัชกาย :b9:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร