วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 01:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 169 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ค่ะ อาจารย์ อย่างไรก็ตามจะขอเรียกคำนี้
เพราะไม่ทราบว่าจะเรียกคำไหนที่จะเหมาะสม คนที่ให้ความรู้แก่เรา
ในทางโลกแค่สอนให้รู้ ก.ไก่ ข.ไข่ เราก็ยังต้องเคารพนับถือเป็นครู
นี่อาจารย์แนะนำทางที่ดิฉันเสาะแสวงหามาเป็นสิบปีแล้ว ไปปฏิบัติที่วัด
ก็ไปมาก็ตั้งหลายครั้ง ก็ยังคงย่ำอยู่ที่เดิม ถอยหลังบ้าง เดินหน้าบ้าง
แต่ก็ยังไม่ไปถึงไหน
แล้วอะไรที่ทำให้ดิฉันมาเจอเวบบ์นี้ ไม่ได้มีใครแนะนำเลย เปิดหาเพลง
ไปๆมา เข้ามาได้อย่างไร?ก็ยังนึกไม่ออกเลย ปกติเป็นคนที่สมัครอะไร?
ก็ไม่เป็น ก็สมัครเป็นสมาชิกที่นี่ได้แบบไม่ต้องถามใคร แล้วที่สำคัญไม่เคย
โพสต์ในเวบบ์ไหนๆเลย เพราะทำไม่เป็น แต่มาทำเป็นที่นี่หมดทุกอย่าง
ยังไม่ทราบเลยว่าทำได้อย่างไร? ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ยังนึกไม่ออกเลยค่ะ
ว่ามีวันไหนบ้าง?ที่ไม่ได้เปิดเข้ามาอ่านกระทู้ต่างๆ แล้วที่สำคัญกัลยณมิตร
มี่ตั้่งเยอะ ทุกท่านมีความรู้ทั้งนั้น ทำไม?ดิฉันถึงเลือกอาจารย์ ดิฉันก็ไม่
ทราบเหมือนกัน แล้วที่สำคัญ ลองปฏิบัติมาหลายปีแล้วโดยจากหนังสือบ้าง
ตามความรู้ที่มีติดตัวตอนที่เคยไปปฏิบัติที่วัดมาบ้าง ก็ได้แบบล้มลุกคลุกคลาน
ไม่ไปถึงไหน? แล้วทำไมอาจารย์สอนแค่ไม่ถึงอาทิตย์ ดิฉันถึงได้ก้าวหน้า
ได้ขนาดนี้ (ตามที่อาจารย์ตอบมาว่าดิฉันเร็ว) ถ้าไม่ให้เรียกอาจารย์แล้ว
ไม่คิดหรือค่ะ ว่าดิฉันจะเจริญในธรรมได้อย่างไร? ศิษย์ต้องมีครูถึงจะได้ดี

คำแนะนำของผู้รู้ท่านอื่นดิฉันก็ไม่ได้ละเลย แต่ต้องถือคำแนะนำของอาจารย์
เป็นหลัก ลองแบบนั้นบ้าง แบบนี้บ้าง โดยที่ไม่มีระเบียบควบคุมเลย จะเป็น
รูปเป็นร่างได้อย่างไร? กลายเป็นคนไข้หลายหมอ เดี๋ยวลองยานั้น เดี๋ยวลองยานี้
อาจารย์คิดว่าดีหรือค่ะ? ตรงไหนที่อาจารย์แนะนำแล้วยังไม่เข้าใจ ก็อ่านคำแนะนำ
ของท่านผู้รู้ท่านอื่น ของท่านไหนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็ปฏิบัติตามดู ผสมกันไป
แต่ต้องอยู่ในขอบเขตค่ะ หวังว่าอาจารย์คงกรุณาต่อไปนะค่ะ(บอกแล้วว่าเป็นคนหัวดื้อ)
อาจารย์บอกว่าสอนใครไม่ได้ ก็เช่นกันค่ะ ดิฉันก็ไม่ค่อยมีใครสอนได้ เพราะทั้ง
ดื้อและฉลาดน้อย แต่อาจารย์สอนให้เข้าใจได้ง่าย เป็นเพราะอะไรค่ะ? อย่าห้าม
เลยนะค่ะ การปฏิบัติจะมีอุปสรรคเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าค่ะ?

รายงานต่อนะค่ะ

เพิ่งเสร็จจากการปฏิบัติ เดินสี่สิบ การเดินวันนี้ ไม่มีสภาวะอะไรเลย เดินยกย่างเหยียบ
รู้ทุกระยะ จะหายไปก็ไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์ ก็กำหนดตาม แล้วที่เพิ่มมาคือกระพริบตาชัด
มากพอๆกับยกย่างเหยียบเลยค่ะ ยกหนอ ก็รู้กระพริบตาตรงหนอ ย่างหนอ ก็รู้กระพริบตา
ตรงหนอ พอเหยียบหนอ กระพริบตามตอนเหยียบ ก็รู้ว่าไม่ตรงหนอค่ะ วันนี้รู้อยู่ที่เท้ากับ
กระพริบตาสองอย่างเท่านั้นค่ะ

ส่วนการนั่งยี่สิบเท่าเดิม พองยุบ เป็นรูปตัววี คือเวลาพอง พองออกด้านข้างแบบเฉออก
แล้วยุบก็ยุบลงมาแบบเฉเข้ามาหาจนสิ้นสุดตรงจุดที่ชนก้นตรงปลายตัววีค่ะ เป็นตลอดการนั่ง
เลย มีปวดหลัง พอกำหนดก็หายไป แต่ก็มาปวดมากๆตอนที่ออกจากสมาธิแล้วค่ะ
ยังมีคิดหนอ สองครั้งใหญ่ที่พองยุบหายไป ต้องมาเริ่มต้นใหม่ตามที่แนะนำค่ะ
มีเบื่อ อยากออกทั้งเดินและนั่งแป๊ปหนึ่งค่ะ ก็กำหนดไปตามนั้น
อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2009, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อาการที่สติสมาธิก้าวหน้าได้เร็ว ส่วนหนึ่งมาจากเหตุปัจจัยที่เคยสั่งสมอบรมมาแต่อดีต
หาใช่เป็นเพราะคนแนะนำส่วนเดียวไม่ ในหลายคนที่เคยแนะนำมา บางคนไวบ้าง ช้าบ้าง
บางคนวันนี้อยู่แค่นี้ อีกวันสภาวะกระโดดไปหลายขั้นเลย วันถัดมา สภาวะก็ตกมาตามระดับ
ปกติ วันถัดมาไม่มีอะไรเลย แบบนี้ก็มี ทั้งนี้บุรพกรรมก็มีส่วน รายละเอียดเรื่องเหตุปัจจัยใน
อดีตเรายากที่จะค้นหา เราต้องคว้าปัจจุบันอย่างเดียว เพราะเป็นอุปการกับการปฏิบัติวิปัสสนา
มากกว่า

ในเรื่องสติสมาธิของคุณทักทายที่เร็ว คงเนื่องจากมีความมุ่งมันดี ตั้งใจปฏิบัติ มีศรัทธาพร้อม
ในการปฏิบัติ ที่ผมสังเกตก็คือ วิปัสสนูปกิเลสที่หลายๆคนที่ปฏิบัติแล้วติดนั้น เกิดกับคุณอย่าง
รวดเร็ว และถี่ขึ้น วิปัสสนูปกิเลสนี้ จะไม่มีเลยก็ไม่ใช่ที่ จะติดอยู่ก็ไม่ได้ ประโยชน์ของวิปัสสนู-
-ปกิเลสก็พอมี คือช่วยในการประเมิณสติสมาธิง่าย และเหมือนป้ายบอกทางว่าถึงเขตไหนแล้ว
การไม่ติดก็อุปมาว่า เมื่อเราเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง เราดูป้ายชีทางแล้ว เราก็ไม่ติดอยู่ที่ป้าย
นั้น ไม่นั่งเฝ้านอนเฝ้าป้าย เราต้องทิ้งป้ายแล้วเดินทางต่อ ถ้าเราเฝ้าป้ายบอกทาง อาลัยไม่อยาก
จากป้ายบอกทาง เราก็อยู่เช่นนั้นเอง และการถึงป้ายบอกทาง ก็ไม่ใช่ว่าเราถึงแล้ว อุปมาเหมือน
เราเดินทางไปบ้านที่กรุงเทพ เมื่อพบป้ายว่า ที่นี่กรุงเทพ ก็หาใช่ว่าเป็นที่กรุงเทพที่เราประสงค์
จริงๆไม่ เพราะตรงป้ายนั้นไม่ใช่บ้านเรา เราต้องละป้ายนั้นแล้วดำเนินต่อไป อุปมาก็ฉันนั้น

การที่ผมประเมิณว่าคุณเร็ว ก็เพราะว่าผมเคยแนะนำคนอื่นแล้วยังไม่เจอที่เร็วเช่นคุณ แม้บาง
คนที่อยู่ไกล้ผมเอง พูดคุยแนะนำบ่อยๆ สภาวะไม่ออกไวขนาดนี้ ทั้งที่บางคนทำมากกว่าคุณอีก
คุณเพียงแค่วันละประมาณชั่วโมงที่ทำเต็มๆ นั่นเพราะเหตุปัจจัยคุณทำมาดีแล้ว


วิธีที่คุณจะประเมิณว่าคุณก้าวหน้าหรือไม่ คุณลองเทียบเคียงดูว่า สภาวะเช่นที่คุณผ่านมา
หลายวันนี้ คุณเคยประสพหรือไม่ ถ้าไม่เคย ก็อาจเป็นได้ว่าคุณมาถึงสภาวะวิปัสสนาที่คุณไม่เคย
ประสบมาก่อน และคุณได้อะไรจากการปฏิบัติช่วงนี้บ้าง เช่น รู้ทันอารมณ์ของตัวเองดีขึ้นหรือ
ไม่ เพราะถ้ารู้ทันดีขึ้น เป็นด้วยสติที่ดีขึ้น มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้น
นั่นเป็นด้วยสมาธิที่ฝึก และรู้จักตัวเองดีขึ้นหรือไม่ เช่น เข้าใจได้เลยว่า เราเองมีข้อไม่ดีทาง
อารมณ์ จิตใจ และการประพฤติที่ต้องแก้ไข ต้องละทิ้งอีกมาก ถ้าข้อนี้ตรง ก็แสดงว่าดำเนินมา
ไม่ผิดทาง วิปัสสนานั้น เมื่อปฏิบัติแล้ว อานิสงส์ที่เห็นง่ายคือ คุณภาพกายใจดีขึ้น เนื่องจากว่า
โลภ โกรธ หลง จะเริ่มเบาลงในทุกขณะที่เรากำหนด เพราะเราได้รู้ แต่ไม่เข้าไปพัวพัน
เราเป็นกลาง


คุณทักทายครับ เหตุผลที่คุณจะเรียกผมอย่างไรนั้น ผมเข้าใจ สมัยก่อนเองผมเคยเรียน
วิชาโหราศาสตร์มา ตั้งแต่หมอดูไพ่ธรรมดา จนถึงยูเรเนี่ยนซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงของโหราศาสตร์
เยอรมัน วิชาไสยศาสตร์ก็เคยได้เล่าเรียนมา การบำบวงสรวงของพรามณ์ก็เคยเรียนเคยทำมา
เมื่อมาปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว รู้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตามหลักเหตุผล เข้าใจว่าสิ่งที่ผมได้เล่าเรียน
ก่อนนั้น ไม่ใช่ทางที่ถูก กลับเป็นทางที่ต้องวิ่งไปพร้อมกับทุกข์และทางที่มีแต่เกิดไม่สิ้นสุด
ผมเลิกในวิชาการเหล่านั้น ไม่ได้สนใจอีกเลย แต่ ทุกวันนี้เมื่อพบกับผู้ที่เคยสอนที่เคยแนะ
นำ ผมก็ยังเคารพนับถือเช่นเดิม ก็ด้วยเหตุผลที่คล้ายกับคุณ


taktay เขียน:
คำแนะนำของผู้รู้ท่านอื่นดิฉันก็ไม่ได้ละเลย แต่ต้องถือคำแนะนำของอาจารย์
เป็นหลัก ลองแบบนั้นบ้าง แบบนี้บ้าง โดยที่ไม่มีระเบียบควบคุมเลย จะเป็น
รูปเป็นร่างได้อย่างไร? กลายเป็นคนไข้หลายหมอ เดี๋ยวลองยานั้น เดี๋ยวลองยานี้
อาจารย์คิดว่าดีหรือค่ะ? ตรงไหนที่อาจารย์แนะนำแล้วยังไม่เข้าใจ ก็อ่านคำแนะนำ
ของท่านผู้รู้ท่านอื่น ของท่านไหนที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ก็ปฏิบัติตามดู ผสมกันไป
แต่ต้องอยู่ในขอบเขตค่ะ หวังว่าอาจารย์คงกรุณาต่อไปนะค่ะ(บอกแล้วว่าเป็นคนหัวดื้อ)
อาจารย์บอกว่าสอนใครไม่ได้ ก็เช่นกันค่ะ ดิฉันก็ไม่ค่อยมีใครสอนได้ เพราะทั้ง
ดื้อและฉลาดน้อย แต่อาจารย์สอนให้เข้าใจได้ง่าย เป็นเพราะอะไรค่ะ? อย่าห้าม
เลยนะค่ะ การปฏิบัติจะมีอุปสรรคเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าค่ะ?


ข้อนี้ผมจนมุมในเหตุผลของคุณจริงๆ คำว่าขอบเขต คนไข้หลายหมอ ทำผมจนมุมได้
ผมละนับถือเลยเหตุผลคุณ :b12:


taktay เขียน:
รายงานต่อนะค่ะ
เพิ่งเสร็จจากการปฏิบัติ เดินสี่สิบ การเดินวันนี้ ไม่มีสภาวะอะไรเลย เดินยกย่างเหยียบ
รู้ทุกระยะ จะหายไปก็ไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์ ก็กำหนดตาม แล้วที่เพิ่มมาคือกระพริบตาชัด
มากพอๆกับยกย่างเหยียบเลยค่ะ ยกหนอ ก็รู้กระพริบตาตรงหนอ ย่างหนอ ก็รู้กระพริบตา
ตรงหนอ พอเหยียบหนอ กระพริบตามตอนเหยียบ ก็รู้ว่าไม่ตรงหนอค่ะ วันนี้รู้อยู่ที่เท้ากับ
กระพริบตาสองอย่างเท่านั้นค่ะ


ข้อนี้แนะนำว่า อย่าใส่ใจการกระพริบตาพร้อมกับการกำหนดที่เท้า จะเป็นสองอารมณ์คือ
จิตจะไปรับรู้ที่การกระพริบตาสลับกับที่เท้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่ได้ปัจจุบันที่เท้า เป็นข้อเสีย
การกำหนดหนอของแต่ละขณะทั้งเดินทั้งนั่ง สำคัญมาก ถ้าได้ปัจจุบันจะก้าวหน้าไปได้มาก

taktay เขียน:
ส่วนการนั่งยี่สิบเท่าเดิม พองยุบ เป็นรูปตัววี คือเวลาพอง พองออกด้านข้างแบบเฉออก
แล้วยุบก็ยุบลงมาแบบเฉเข้ามาหาจนสิ้นสุดตรงจุดที่ชนก้นตรงปลายตัววีค่ะ
เป็นตลอดการนั่ง
เลย มีปวดหลัง พอกำหนดก็หายไป แต่ก็มาปวดมากๆตอนที่ออกจากสมาธิแล้วค่ะ
ยังมีคิดหนอ สองครั้งใหญ่ที่พองยุบหายไป ต้องมาเริ่มต้นใหม่ตามที่แนะนำค่ะ
มีเบื่อ อยากออกทั้งเดินและนั่งแป๊ปหนึ่งค่ะ ก็กำหนดไปตามนั้น
อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ
:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:


ที่ขีดเส้นไว้เป็นเพราะยังจับปัจจุบันของอาการพองยุบไม่ได้ และสติด้อยกว่าสมาธิ หากเกิดขึ้นอีก ให้
กำหนดรู้สภาวะนั้น โดยกำหนด รู้หนอๆ จนกว่าอาการนั้นจะหายไป แล้วกำหนพองยุบตามปกติ
ต่อไป การรู้คือ รู้อาการนั้น ไม่ต้องใส่ใจพองยุบขณะที่กำลังแก้อาการนั้นอยู่

อาการปวด ต้องมีแน่ เป็นธรรมดา เราปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อเห็นทุกข์โทษภัยของสังขาร ถ้าเราไม่
พบ ก็เท่ากับเรายังปฏิบัติไม่ตรง ต้องทำใจครับ ให้กำลังใจตัวเองเสมอๆว่า การปฏิบัติวิปัสสนาด้วย
วิธีนี้ เราต้องเผชิญกับทุกข์ยากลำบากกายใจ ต้องต่อสู้กับอุปสรรคทางกายใจ เช่น เบื่อ ท้อ
ความรู้สึกว่าสภาวะไม่ก้าวหน้า ถ้าเราจะพ้นทุกข์ เราต้องรู้จักทุกข์เห็นทุกข์เสียก่อน เราจึงจะรู้ทาง
ดับทุกข์ได้

สังเกตนะครับ ก่อนคิดจะเกิด พองยุบเราจะค่อยๆ เบาๆ จางๆ แล้วคิดจะเกิด ความจริงไม่ได้
เบา จาง ค่อย เลย เพียงแต่สติเราไม่ใส่ใจกำหนดตรงพองยุบ ก็ดูเหมือนอาการจะเป็นเช่นนั้น

แนะนำ.........

๑.อาการพองยุบผิดรูป แนะนำแล้ว
๒.อื่นๆนั้น เป็นเรื่องปกติของการปฏิบัติ จิตเราไวกว่าที่เราจ้องดู ทั้งเข้าใจยากกว่าคนอื่นที่ไม่ใช่เรา
ให้ปฏิบัติตามปกติก่อน สติเพิ่มได้สมดุลย์กับสมาธิแล้วจะดีขึ้นเป็นลำดับเอง

อนุโมทนาใครความพยายามครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 00:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เข้าใจแล้วค่ะ จะปฏิบัติตามที่แนะนำ
อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 05:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



ตรงนี้นำมาฝากค่ะ จะลองทำตามดูก็ได้นะคะ

เมื่อเวลาเวทนาเกิด หรือ ความคิดเกิดขึ้น

ให้เอาจิตผูกไว้กับองค์กรรมฐาน คือ เอาจิตจดจ่ออยู่กับอาการของกาย พองยุบ

เพราะพองยุบจะจับได้ชัดเจนมากๆ ยกเว้น สติ สัมปชัญญะไม่มากพอ จะจับได้ไม่ทัน

ถ้าเราจับได้ทัน ผูกจิตไว้แบบนั้น ส่วนเวทนาที่เกิดขึ้น ให้รู้ลงไปอย่างเดียว

ไม่ต้องไปกำหนดปวดหนอๆๆๆ การที่เราไปกำหนดปวดหนอ ทำให้เกิดสมาธิขึ้นมาได้

เพราะจิตเกิดบริกรรมขึ้นมา แล้วทำให้เวทนานั้นหายไป เสร็จแล้วก็เกิดขึ้นมาอีก

แต่การที่เราเอาจิตผูกไว้กับองค์กรรมฐาน มีส่วนดีคือ ทำให้เห็นเวทนานั้นเกิดขึ้นอย่างชัดเจนมากๆ

แต่จิตเราแค่รู้ จิตมันไม่ไปยึดติดกับอาการเวทนาที่เกิดขึ้น แล้วเวทนานั้นจะค่อยๆหายไปเอง

เราจะเห็นตั้งแต่เกิดขึ้น เกิดขึ้นอยู่ และหายไป มันจะเก็บรายละเอียดได้หมด

นี่แหละคือไตรลักษณ์ของแท้ เมื่อเราเห็นบ่อยๆเข้าจิตมันจะคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน

ที่เราคิดว่าร่างกายนี้เป็นของเรา มันจะดับตรงนี้ไป ถ้าถามว่าแล้วยังจะเกิดอีกไหม

เกิดอีกแน่นอน เพียงแต่เราแค่รู้ แต่ไม่ไปทุกข์กับมัน เราจะเป็นเพียงผู้ดูอย่างเดียว

ความคิดก็เหมือนกัน ทำแบบเดียวกัน เอาจิตผูกไว้กับองค์กรรมฐานไว้ อย่าให้หลุดออกมา

ถือว่ามาร่วมแบ่งปันกันนะคะ จานกาม :b32:


พอดีเพิ่งออกจากกรรมฐานมาน่ะค่ะ แล้วมันเกิดการทบทวนสภาวะของเวทนาเอง

เลยได้ประโยชน์จากตรงนี้มา นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 06:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วิธีของคุณวลัยพร อ่านแล้วเข้าใจเห็นภาพชัดเจนดี
ขอบคุณมากค่ะ อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ
tongue

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 09:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นเท้าและกายกะลังเคลื่อน อาการเห็นคือรูป
อาการกายเคลื่อนแล้วเรารู้อาการจับจดจ่ออยู่ที่อาการ เป็น นาม ครับ

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 11:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อาจารย์ค่ะ เดินสี่สิบวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
คิดนิดเดียว ยกย่างเหยียบ กำหนดได้เก้าสิบเปอร์เซนต์ หายไปสองครั้ง
ก็กำหนดตามอาการ แล้วทำต่อจนครบสี่สิบนาที ถึงแม้จะไม่ค่อยว่อกแว่ก
แต่บางครั้งยกย่างเหยียบก็จางๆไป มีคิดเข้ามาแทรกแต่ก็รู้ตัวก่อนค่ะ

นั่งวันนี้พองยุบไม่เป็นตัววีแล้ว พองยุบแบบลูกโป่งธรรมดา วันนี้ค่อนข้างชัดมาก
ยังมีหายไปสองครั้ง ก็กำหนดตามอาการ มีกระตุกที่แขนเหมือนเราดีดหนังสะติ๊ก
แต่ไม่แรงนะค่ะ แล้วก็เหมือนไฟฟ้าแล่นที่ขา ปวดหลังแต่ไม่มาก เป็นแล้วหายเองสองครั้ง
ใกล้จะครบเวลา มีอาการเหมือนสับปะโหงกไปข้างหน้า ต่อมาก็มีเหมือนโยกตัว
ไปข้างหน้าเหมือนจังหวะเต้นของหัวใจเลย แต่รู้สึกน้อยมากนิดเดียวจริงๆค่ะแค่ชั่วพองยุบ
สองครั้งในขณะที่รู้สึก ยังกำหนดพองยุบอยู่ค่ะ เรียนมาเพื่อให้อาจารย์พิจารณาค่ะ

ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2009, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิด อะไรตรง ไหน รู้ตรงนั้น ไม่ต้อง กังวลเรื่องกำหนดมาก เกิน
การ ปฏิบัติ ต้องไม่เคร่งเครียด จน ปวด
สบายๆ รู้ ตลอดการ ปฏิบัติ ใช้ได้แล้ว :b6:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะคุณบุญชัย จะปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ
เจริญในธรรมค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมแวะมาดูแล้ว แต่ทำไมผมไม่เห็นข้อความนี้เลย กรรมจริงๆ
เมื่อวานผมปฏิบัติมาก ไม่ได้ทำอะไรมากเลย เดินนั่ง เช้า กลางวัน
และเย็น และไม่ได้แวะมาดูเท่าที่ควร

taktay เขียน:
อาจารย์ค่ะ เดินสี่สิบวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
คิดนิดเดียว ยกย่างเหยียบ กำหนดได้เก้าสิบเปอร์เซนต์ หายไปสองครั้ง
ก็กำหนดตามอาการ แล้วทำต่อจนครบสี่สิบนาที ถึงแม้จะไม่ค่อยว่อกแว่ก
แต่บางครั้งยกย่างเหยียบก็จางๆไป มีคิดเข้ามาแทรกแต่ก็รู้ตัวก่อนค่ะ


อนุโมทนาด้วย ที่ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดิน การที่เราจะหยุดเพื่อกำหนดนั้น ก็ไม่สะดวก
เท่าไร ถ้าเป็นความคิดที่มาแว๊บเดียว จะรู้เฉยๆก็ได้ ถ้าเป็นความคิดที่รุนแรง นาน ต้องหยุด กำหนด
จนกว่าจะหาย ละสติที่เท้าก่อน มากำหนดอารมณ์ ผมคิดว่าสติสมาธิน่าจะไม่ห่างกันมากแล้ว
ปรับได้ดีพอสมควร
แนะนำ....ให้เดิน นั่ง อย่างละเท่าๆกัน สะดวกเท่าไรลองปฏิบัติดู เช่น เดิน ๓๐ นั่ง ๓๐ ก็ได้


taktay เขียน:
นั่งวันนี้พองยุบไม่เป็นตัววีแล้ว พองยุบแบบลูกโป่งธรรมดา วันนี้ค่อนข้างชัดมาก
ยังมีหายไปสองครั้ง ก็กำหนดตามอาการ มีกระตุกที่แขนเหมือนเราดีดหนังสะติ๊ก
แต่ไม่แรงนะค่ะ แล้วก็เหมือนไฟฟ้าแล่นที่ขา ปวดหลังแต่ไม่มาก เป็นแล้วหายเองสองครั้ง
ใกล้จะครบเวลา มีอาการเหมือนสับปะโหงกไปข้างหน้า ต่อมาก็มีเหมือนโยกตัว
ไปข้างหน้าเหมือนจังหวะเต้นของหัวใจเลย แต่รู้สึกน้อยมากนิดเดียวจริงๆค่ะแค่ชั่วพองยุบ
สองครั้งในขณะที่รู้สึก ยังกำหนดพองยุบอยู่ค่ะ เรียนมาเพื่อให้อาจารย์พิจารณาค่ะ
ขอบคุณค่ะ อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ
:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:


ข้อนี้คุณทักทายจำไว้ใช้นะครับ มีประโยชน์มาก เอาไว้ดูแลสภาวะตัวเอง
อาการพอง-ยุบ ที่ไม่น่าจะเป็นปกติที่ควรจะเป็น ให้เรากำหนดรู้อาการที่เป็นนั้นก่อนว่า รู้หนอๆ
คือรู้อาการตอนนั้น ไม่ต้องอยู่ที่ท้องพองยุบ เอาสติไปดูที่อาการที่แปลกไป เมื่อปกติแล้ว และ
ไม่มีอาการอื่นอีก ก็กลับมาที่ท้องอย่างเดิม หากมีอาการอื่น ไปกำหนดที่อาการอื่นต่อไป


อาการพองยุบที่ว่าชัด ชัดกี่ระยะครับ เริ่มพอง ขณะพอง และ สุดพอง , เริ่มยุบ ขณะยุบ สุดยุบ
ถ้าไม่ลืม บอกด้วยนะครับ ของครั้งนี้ไม่ต้องแล้ว เอาไว้บอกอาการล่าสุด

อาการกระตุกที่แขน(บางครั้งคล้ายปลาตอด เป็นได้ทุกที่ บางทีละบัลลังค์แล้วก็ยังเป็น)
อาการไฟฟ้าแล่นที่ขา อาการตัวโยก ที่บอกมาทั้งหมดเป็นอาการของปีติ เมื่อเกิดทางกาย
เราก็เอาสติไปรู้ กำหนดง่ายๆว่า รู้หนอๆ หรือกำหนดตามอาการ ถ้าเราเรียกชื่อได้ถูก เช่น โยกหนอ
กำหนดโดยไม่ต้องอยากให้หาย ใจวางเฉย อาการโยกถ้าเป็นนานไม่หาย ให้กำหนดจิตว่า
อยากฝืนหนอๆ จากนั้น ตั้งตรงหนอๆ ในขณะที่กำหนดตั้งตรงหนอ ให้ค่อยๆช้าๆ หน่วงกายให้กลับมา
อยู่กับที่ให้ตรงตามเดิม อย่าปล่อยนาน อาการโยก บางคนติดแก้ไม่หาย เรียกว่าติดปีติ นั่งเมื่อไร
โยกเมื่อนั้น ข้อนี้ถ้ากำหนดหาย ก็ไม่ต้องฝืน ตามรู้เขาไป

ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีอาการของวิปัสสนูปกิเลสมาก(สภาวะที่ทำให้วิปัสสนาก้าวหน้าช้า)
จะเกิดขึ้นบ่อยๆ และถี่ มีแทบทุกบัลลังค์เลยก็ว่าได้ เป็นช่วงที่อินทรีย์ทั้ง ๕ ต้องปรับให้พร้อม
จริงๆ เพื่อเข้าสู่ลำดับต่อไป


ทบทวนการกำหนดดังนี้

อิริยาบถทางกาย ยืน เดิน นั่ง นอน กำหนดปกติ อิริยาบถย่อยอื่นๆ ในระหว่างวันที่นึกได้ ก็กำหนด

เวทนา ในขณะปฏิบัติ เมื่อเวทนาเกิด ให้ละสติที่ท้องพองยุบ หรือ ที่กำลังเดิน ไปรู้เวทนาก่อนเลย
กำหนดรู้หนอๆ หรือถ้าจะไม่กำหนดก็ได้ ถ้าไม่กำหนดแล้วฟุ้ง ต้องกำหนด เวทนาจะหายไปเอง
บางเวทนายิ่งกำหนดดูเหมือนยิ่งกล้าขึ้น เป็นด้วยสมาธิสติเราดี เลยเห็นชัด ไม่ต้องกลัว ถ้าไม่ไหว
ให้ลองกลับมาที่ท้องพองยุบซักระยะ แล้วลองกลับไปรู้ที่เวทนาใหม่ กลับมาเพิ่มสติสมาธิที่ท้องก่อน
ไม่นานเวทนาจะหายไป อย่าทิ้งการกำหนดที่เวทนาไปโดยที่เวทนายังไม่หาย(เว้นขณะเดิน อนุโลม)

ส่วนจิตและธัมมารมณ์นั้น คุณทักทายเข้าใจดีอยู่แล้ว จากที่แจ้งมา ถ้าสงสัยให้ถาม
ถ้าด่วน ให้ข้อความที่ msn ได้ ถึงผมไม่ออนไลน์ เวลาผมออน ข้อความจะดีดให้ผมเอง
แล้วผมจะตอบไป เมื่อคุณออนไลน์ ก็จะเจอทันที

อนุโมทนาครับ
คุณเองก็มีส่วนให้ผมเร่งตัวเองเช่นกัน เจริญในธรรมครับ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรียนอาจารย์ทราบค่ะ เมื่อคืนนี้ก่อนที่จะปฏิบัติ
เปิดดูไม่เห็นคำแนะนำ ก็เลยปฏิบัติตามเดิมก่อน

ขณะเดินแทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยค่ะ ยกย่างเหยียบรู้แทบทุกขณะตลอดระยะ
การเดิน ชัดทั้งยก(เท้ายก) หนอ(ขณะหยุด) ย่างเหยียบก็เช่นกัน สักพักก็เกิด
อาการอึดอัด เหมือนจะหายใจไม่ออก กำหนดจนหาย และเดินต่อ ไปเรื่อยๆ
จางๆไปบ้าง พอรู้ก็กลับมาที่เดิมได้อย่างเร็ว จนใกล้หมดเวลา พื้นนูนขึ้นมา
กำหนดแล้ว หายไป สักแป๊ปก็เป็นอีก บางครั้งนูนขึ้นมาพอเราเหยียบไปถึงตรงนั้น
มันก็เลื่อนออกไป ก็กำหนดไปตามนั้น แล้วก็เห็นพื้นเคลื่อนได้อีกค่ะ อาการอึดอัด
หายใจไม่ออกเป็นสองสามครั้ง ถ้าจิตอยู่ที่เท้าชัดๆสักระยะหนึ่งจะเป็นค่ะ ต้องหยุดเดิน
แล้วกำหนด ถึงหาย

ตอนนั่ง ครั้งนี้พองยุบชัดแบบค่อยๆพอง พองขึ้น พองสุดๆ ยุบก็เช่นกัน แต่ก็ยังมี
คิดอยู่ ถ้าคิดน้อยก็ไม่กำหนดเพราะพอเริ่มรู้ตัวว่าคิดปุ๊ป ก็จะกลับมาที่พองยุบทันที
ก็เลยปล่อยไป แต่พอเยอะจนพองยุบหายไปเลย ก็จะกำหนดค่ะ ใกล้จะหมดเวลามีความ
รู้สึกว่า หน้าผากกำลังจะพองบ้าง ตัวกำลังจะโยกบ้าง กำลังจะเอนบ้าง คือจะรู้ก่อนที่
มันจะเกิด หรือกำลังเกิดนิดเดียวก็จะรู้ก่อน ก็กำหนดรู้หนอ ก็หายไป ส่วนเวทนา
เกิดน้อยมากๆ คือปวดหลัง ปล่อยให้เป็นเยอะๆก่อน พอรู้สึกปวดมากก็กำหนด พอกำหนด
แป๊ปเดียวก็หาย แล้วชาแทนค่ะ ก็กำหนดแป๊ปเดียวก็หาย ไม่เป็นอีก แต่พอออกจากสมาธิ
แล้ว จะปวดมากๆเลยค่ะ จำได้แค่นี้ ปกติแล้วพอเสร็จการปฏิบัติปุ๊ปจะรายงานทันทีเพราะ
กลัวลืมรายละเอียด แต่เมื่อคืนนี้ ไม่ค่อยสบายกาย ปวดหัวทั้งวัน เพราะอากาศอ้าวมากๆ
ขนาดเปิดแอร์เย็นสุดๆแล้ว ก็ยังมีความรุ้สึกว่าร้อนอยู่ ก็เลยไม่ได้รายงานค่ะหลังปฏิบัติ

ปกติระหว่างวันก็กำหนดค่ะ แต่น้อยมาก อยากกินหนอ หิวหนอ พองหนอ แล้วแต่จะ
นึกได้ ได้แป๊บๆเท่านั้นเองค่ะ เมื่อวานมีอาการท้อค่ะ เพราะมีความรู้สึกว่าการปฏิบัติชะลอตัว
เริ่มมีอาการไม่อยากปฏิบัติขึ้นในใจนิดๆ แต่อีกใจรีบปฏิเสธว่าหยุดไม่ได้ เพราะถ้าหยุด
จะทำให้ขี้เกียจแล้วจะพาลเลิก กำลังสู้กันอยู่แม้ฝ่ายต่ำจะยังไม่ชัด แต่กลัวมันแข็งขึ้นมาจังค่ะ

จะปฏิบัติตามที่อาจารย์แนะนำนะค่ะ งั้นคืนนี้ขอเป็นเดินนั่งอย่างละสามสิบนะค่ะ

อนุโมทนาค่ะที่มีส่วนให้อาจารย์เร่งปฏิบัติ ซาบซึ้งในความกรุณาของอาจาย์มากค่ะ
ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็จะ เอ็มไปตามที่อาจารย์บอกนะค่ะ ขอรบกวนหน่อยนะค่ะ เจริญในธรรมค่ะ
:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:




.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ถูกแล้วครับ ที่แก้สภาวะด้วยการกำหนดรู้ แต่ข้อพึงระวังคือ ให้รู้เท่านั้น ไม่ต้องอยาก
ให้อาการเหล่านั้นหายไป เราจะอยากหรือไม่ เขาจะหายไปเอง ที่ให้กำหนด เพื่อให้
ประจักข์อาการของไตรลักษณ์

อาการอึดอัด มีหลายสาเหตุ จากที่รายงาย ลองรู้อาการเท้าแบบปกติครับ อาจไปเพ่งจิต
หรือปักจิตลงสู่เท้าแน่นเกินไป ลองเดินธรรมดา รับรู้อาการธรรมดาๆ ไม่ต้องเกร็งหรือ
ปักจิตลงไปที่เท้าเพื่อให้ชัด ลองดูนะครับ
อาการพื้นูนที่เห็น เป็นอาการปีติ ถูกแล้วครับที่กำหยดจนหายแล้วเดินต่อ เริ่มจะดูแลตัวเองได้แล้ว


ตอนนั่ง ครั้งนี้พองยุบชัดแบบค่อยๆพอง พองขึ้น พองสุดๆ ยุบก็เช่นกัน แต่ก็ยังมี
คิดอยู่ ถ้าคิดน้อยก็ไม่กำหนดเพราะพอเริ่มรู้ตัวว่าคิดปุ๊ป ก็จะกลับมาที่พองยุบทันที
ก็เลยปล่อยไป แต่พอเยอะจนพองยุบหายไปเลย ก็จะกำหนดค่ะ

จะเล็กจะน้อยกำหนดตามจริง ถ้าความคิดดึงให้เรารู้สึกได้ แสดงว่า ไม่เล็ก โทษของการ
ไม่กำหนดคือ จะไม่เห็นไตรลักษณ์


ใกล้จะหมดเวลามีความ
รู้สึกว่า หน้าผากกำลังจะพองบ้าง ตัวกำลังจะโยกบ้าง กำลังจะเอนบ้าง คือจะรู้ก่อนที่
มันจะเกิด หรือกำลังเกิดนิดเดียวก็จะรู้ก่อน ก็กำหนดรู้หนอ ก็หายไป

ปีติธรรมดา ไม่มีอะไร กำหนดถูกแล้ว อนุโมทนา


ส่วนเวทนา
เกิดน้อยมากๆ คือปวดหลัง ปล่อยให้เป็นเยอะๆก่อน พอรู้สึกปวดมากก็กำหนด พอกำหนด
แป๊ปเดียวก็หาย แล้วชาแทนค่ะ ก็กำหนดแป๊ปเดียวก็หาย ไม่เป็นอีก

กำหนดตั้งแต่รุ้สึกว่าปวดเลยครับ จนกว่าจะหาย ถ้ามีอันใหม่มา ก็กำหนดเลย จนกว่าจะหายไป
ถ้าไม่กำหนดตั้งแต่แรก เราจะไม่เห็นสัจจธรรมนะครับ ระวัง ของดีอยู่ในนั้นเยอะเลย
เอาสติรู้อาการปวดเลย ทิ้งพองยุบก่อน ถ้าปวดจนทนไม่ไหว ลองกลับมาดูพองยุบซักระยะ
แล้วกลับไปดูเวทนาใหม่ อย่าทิ้งครับ รุ้ตั้งแต่เริ่มเกิดเลย


แต่พอออกจากสมาธิ
แล้ว จะปวดมากๆเลยค่ะ จำได้แค่นี้ ปกติแล้วพอเสร็จการปฏิบัติปุ๊ปจะรายงานทันทีเพราะ
กลัวลืมรายละเอียด แต่เมื่อคืนนี้ ไม่ค่อยสบายกาย ปวดหัวทั้งวัน เพราะอากาศอ้าวมากๆ
ขนาดเปิดแอร์เย็นสุดๆแล้ว ก็ยังมีความรุ้สึกว่าร้อนอยู่ ก็เลยไม่ได้รายงานค่ะหลังปฏิบัติ

ถ้ามีสภาวะที่ไม่สงสัย หรือสภาวะปกติ จะไม่แจ้งทุกวันก็ได้ เว้นก็ได้ แจ้งบางวันก็ได้
เพราะตอนนี้จะวนๆอยู่เรื่อยๆอย่างนี้ ปฏิบัติตามปกติ แล้วรวมมา ๒-๓ วันก็ได้ถ้าไม่มีอะไรแปลกไป
โน๊ตหรือจำไว้ก็ได้ แล้วค่อยมาส่ง


อนุโมทนาที่ในระหว่างวันยังพอทำได้ ทำได้เท่าที่สามารถนะครับ เรายังต้องทำมาหากิน
ควรทำให้ถูกกาล อย่าให้แปลกไปจากสังคมมาก รู้ในใจเราก็พอ คนเราสมัยนี้แปลกไปมาก
คนปฏิบัติเริ่มเป็นของแปลก ทั้งที่น่าจะมองว่าดี ก็ว่าแปลกไป
อาการท้อที่เกิดขึ้น เป็นแทบทุกคน ยิ่งระยะนี้แล้ว มักเลิกลาง่ายๆ ช่วงนี้ต้องทน เพราะสภาวะ
ไม่มีอะไรมาก นอกจากปีติหรือสภาวะเก่าๆวนอยู่อย่างนี้ อาการท้อ เป็นอาการเล็กๆเท่านั้น
ยิ่งสูงไปจะมียิ่งกว่านี้ สารพัดที่ทำให้เราเอียนการปฏิบัติ ข้อสำคัญ สติ สมาธิ ถ้าสมบูรณ์ดี
เราจะรู้ว่าท้อ แต่เราจะสู้ได้อย่างมั่นคง คือท้อแต่จะทำ ท้อก็ท้อไป ฉันจะทำซะอย่าง

การจะขึ้นสู่ลำดับต่อไป อินทรีย์คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ต้องกล้าจริงๆ อาการ
ที่เป็นอยู่ก็คืออาการของอินทรีย์ไม่สมดุลกัน ที่ทำทุกวัน แจ้งมา แนะนำไป กำลังปรับอินทรีย์
ให้สมดุลกัน ถ้าสมดุลย์กันดี นิวรณ์ ๕ คือ ความอยาก พยาบาท สงสัย ฟุ้งซ่าน ความมึนชาของ
กายและใจ จะหายไป เมื่อนิวรณ์เครื่องกั้นอันนี้หายไป เราจะเห็นสภาวะของรูปนามที่ชัดขึ้นเอง
และจะเห็นความจริงของรูปนามได้ง่าย


แนะนำ เวทนา เมื่อเห็นตั้งแต่เริ่ม กำหนดเลย จนกว่าจะหายไป ทิ้งพองยุบก่อน เมื่อหายแล้ว
และไม่มีสภาวะอื่นให้กำหนดต่อจึงกลับมาที่พองยุบ พองยุบเป็นหลักที่อยู่ที่กาย ความจริงเรามี
หลักถึง ๔ ที่ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม เมื่อมีสภาวะที่อื่น เราก็ไปรู้ที่อื่นได้ ไม่ต้องกังวลพองยุบ
เมื่อไม่มีที่อื่น จึงกลับมาที่พองยุบ ที่สำคัญ อย่ากำหนดทิ้งขว้าง กำหนดสภาวะต่างๆจนหายไป
เว้นแต่สภาวะที่เกิดนาน เช่น เสียงแอร์เป็นต้น
กำหนดนั้น ต้องเอาสติรู้ที่อาการที่กำหนดอยู่ เช่นปวดก็กำหนดที่อาการปวด ไม่ใช่เอาใจผูกที่คำกำหนด
คำกำหนดเช่น ปวดหนอ เป็นอุปกรณ์ช่วยให้สติ สมาธิ ตั้งมั่นขณะรู้อาการ ถ้าสติสมาธิดีแล้ว ไม่กำหนดก็ได้
การกำหนด ต้องให้ได้ปัจจุบัน เช่น เมื่อกำหนดเหยียบหนอ ก็ลงหนอพร้อมฝ่าเท้าเหยียบสุดระยะที่พื้นพอดี
เมื่อพองหนอ หนอก็สุดพอดีกับสุดพอง ไม่ก่อนไม่หลัง ถ้าไม่ได้ปัจจุบันจริงๆจะไม่เห็นอาการดับของรูปนาม


อนุโมทนาครับ ขอให้อดทน ถ้าอดทนตรงนี้ได้ จะรู้สึกสบายขึ้นเยอะ ปฏิบัติได้แบบไม่ต้องบังคับใจตัวเองเลย
สงสัยเรื่องวิธีการ เมื่อมีโอกาสต้องถามทันที วิธีถ้าไม่ถูกต้อง ก็ได้รับผลคือไม่ถูกต้องนะครับ
ช่วงนี้ เดินนั่งอย่างละ ๓๐ นาที ยึดไว้ที่ ๑ ชั่วโมงต่อวันก่อน

smiley

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ค่ะ จะพยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้ท้อ
ประคองไว้แค่วันละหนึ่งชั่วโมง ไม่กล้ามากไปกว่านี้ กลัวจิตเตลิดค่ะ
ถ้าเข้มไป เกิดฝ่ายอธรรมเด่นชัดขึ้นมากลัวสู้ไม่ได้ค่ะ

ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้า ก็จะไม่โพสต์มารบกวนอาจารย์ตามที่แนะนำมานะค่ะ
ดีเหมือนกันเพราะรู้สึกปวดตามาก อยู่กับคอมมากไปก็ไม่ค่อยไหว สาวน้อย
ก็อย่างนี้แหละค่ะ อนุโมทนา เจริญในธรรมนะค่ะ

tongue

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ

พองยุบนี้ เท่าที่อ่านกระทู้ จับใจความได้ว่า
สมถะนำวิปัสนาใช่หรือเปล่าครับ

คือเอา "ตั้งมั่นให้ได้เสียก่อน" แล้วค่อยว่ากัน อย่างนั้นหรือเปล่าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ
พองยุบนี้ เท่าที่อ่านกระทู้ จับใจความได้ว่า
สมถะนำวิปัสนาใช่หรือเปล่าครับ
คือเอา "ตั้งมั่นให้ได้เสียก่อน" แล้วค่อยว่ากัน อย่างนั้นหรือเปล่าครับ


cool

ไม่ใช่สมถะนำหน้าโดยสิ้นเชิง และไม่ใช่วิปัสสนานำหน้าโดยสิ้งเชิงครับ
เป็นการเจริญทั้งสมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานสลับกันไปในขณะเดียวกัน
อย่างรวดเร็ว

เช่น เมื่อกำหนด ขวาย่างหนอ
การกำหนดคำบริกรรมว่า ขวาย่างหนอ จัดเป็นสมถะ
ส่วนจิตที่รู้ลักษณะหรืออาการของเท้าที่ยกขึ้น กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าและเหยียบที่พื้น
การรู้ลักษณะหรืออาการของเท้าจัดเป็นวิปัสสนา

โดยสังเขปคือ สมถะมีการรู้หรือจดจ่ออยู่ที่องค์บริกรรม เรียกว่า อารมณ์
วิปัสสนามีการรู้หรือจดจ่อที่ลักษณะหรืออาการ เรียกว่า ลักษณะ
ตามนัยของฌาน ๒ (แปลว่าจดจ่อนะครับ แปลว่าเพ่งแล้วมากความ)
อารัมมณูปนิสัชฌาน (สมถะ) และ ลักขณูปนิสัชฌาน (วิปัสสนา) หรือ
มีบัญญัติเป็นอารมณ์(บริกรรม) และ มีปรมัตถ์ (ลักษณะหรืออาการ) เป็นอารมณ์

ในขณะที่บริกรรม อาศัยเพียงขณิกสมาธิ ซึ่งสมาธิระดับนี้ไม่รบกวนการตามรู้ของจิต
ที่จะเข้าไปรับรู้สภาวะปรมัตถ์(ลักษณะ) จิตสามารถรู้ลักษณะไป ในขณะเดียวกัน ก็ทำ
อารมณ์บัญญัติไปด้วย จิตที่รับรู้สภาวะอยู่ ปรับให้สมาธิที่เกิดจากบริกรรมสมดุล ไม่ขัดขวาง
ต่อการรับรู้สภาวะปรมัตถ์ และบริกรรม ก็ช่วยให้สติและสมาธิตั้งมั่นดีเป็นขณะๆไป ทำให้การ
ตามรู้ลักษณะของรูปนามได้ชัดเจน โดยไม่มีอารมณ์อื่นมารบกวน

บางครั้งเมื่อใจไม่สงบ สมาธิจากบริกรรมที่เกิดเป็นขณะ (ขณิกะ) จะช่วยระงับความไม่สงบ
เมื่อสงบแล้ว จิตที่พร้อมด้วยสติ ก็ตามรู้สภาวะรูปนามได้อย่างชัดเจน
บางครั้งใจสงบดีอยู่แล้ว จิตและสติตามรู้สภาวะรูปนามอยู่เป็นขณะๆสืบต่อไป เมื่อความไม่
สงบเกินขึ้นแก่จิต สมาธิจากบริกรรมจะเข้ามาช่วยให้จิตสงบไป

ถ้าสังเกตจะเห็นว่า บางครั้งสมาธิจากบริกรรมก็ทำงานก่อน บางครั้งก็ดำเนินตามรู้รูปนาม
ของวิปัสสนาไปเลย แล้วเมื่อต้องการสมาธิเข้าช่วยเรื่องความสงบแห่งจิต ก็จะใช้ได้ทันที
ข้อนี้เป็นความสมดุลของอินทรีย์ ๕ ครับ ศรัทธา หมดสงสัยเรื่องปฏิบัติ วิริยะ จดจ่อกับ
สภาวะปัจจุบัน สติ ช่วยให้จิตรู้สภาวะทันปัจจุบันของรูปนาม สมาธิ(ขณิกะ) ช่วยให้จิต
ไม่ฟุ้งสืบต่อไปเป็นขณะ ปัญญาทำให้เห็นสภาวะของไตลักษณ์ที่ปรากฏพร้อมรูปนาม
ไม่จัดว่าอย่างไรก่อนอย่างไรหลัง สลับกันไปมาตามสภาวะที่เป็นไปในขณะปฏิบัติ
ต่อเมื่อเข้าเขตอารัทธวิปัสสนาแล้ว (วิปัสสนาอย่างกล้า) จะเป็นวิปัสสนาโดยเต็มส่วน
ในเบื้อต้น เป็นลักษณะผสม เพราะจิตผู้ปฏิบัติ ไม่ประกอบด้วยสติสมาธิที่กล้าพอ จำเป็นต้อง
นำสมถะเข้ามาช่วยบ้าง ในผู้ปฏิบัติบางท่าน สติสมาธิที่ดีแล้ว บางครั้งไม่ต้องกำหนดเลย รับ
รู้อาการเฉยๆ ก็เห็นปรมัตถ์ของรูปนามได้อย่างดี

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 169 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร