วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 19:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากขอทราบว่า

ท่าน จขกท นอกจากจะศรัทธาในพระไตรปิฎกแล้ว

ท่าน จขกท ศรัทธาในธรรมของท่านอาจารย์ใดบ้าง???

จะได้ เสวนากันให้ตรงจุดเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ผมนี่แฟนพันธุ์แท้หลวงพ่อปราโมทย์เลยครับ

ฯลฯ

เรื่องที่หลวงพ่ออธิบายเรื่องสมถะ-วิปัสนานั้น
มันลึกซึ้งกว้างขวางเกินปัญญาคนประเภทคุณคุณจะเข้าใจ
แต่ถ้าใครภาวนาเป็น แล้วไปฟังท่านสอน ก็จะทราบว่าไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากครูบาร์อาจารย์ท่านอื่นที่เป็นอุชุปฏิปันโณ ท่านแค่มีสำนวนของท่าน


smiley
ชอบข้อความนี้จังคุณชาติสยาม
ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้เลย หลวงพ่อท่านคงสอนให้เอาจิตเป็นหลัก เหมือนกับที่หลวงพ่อ
สอนผมให้เอากายเป็นหลักแน่ๆ

สุโค่ยๆๆ :b12: :b12: :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
smiley
ชอบข้อความนี้จังคุณชาติสยาม
ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้เลย หลวงพ่อท่านคงสอนให้เอาจิตเป็นหลัก เหมือนกับที่หลวงพ่อ
สอนผมให้เอากายเป็นหลักแน่ๆ

สุโค่ยๆๆ :b12: :b12: :b12:



เท่าที่ผมฟังท่านมานาน ท่านไม่เน้นอะไรเลยนะคุณกาม
เพราะว่ามันไม่มีสูตรสำเร็จของกรรมฐานที่ดีสำหรับทุกคน
ท่านว่า "ทางใคร ทางมัน อย่าทะเลาะกัน"

เวลาท่านเทศน์ ท่านเทศน์ไปกว้างๆ เน้นทั้งหมด
แต่เวลาให้กรรมฐานแต่ละคน ท่านให้ตามจริต
วิหารธรรมสำหรับแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันว่าท่านให้เอาแต่ดูจิต เน้นจิต ..
ใครมาหาก็ให้ดูจิต...ซึ่งไม่ใช่เลย

คนไหนเหมาะจะดุจิต ท่านก้ให้กรรมฐานดูจิต
ใครไม่เหมาะ ท่านก็ให้ทำกรรมฐานอย่างอื่น มีเยอะแยะไป
บางคนต้องเอาสมถะนำ บางคนต้องเอาปัญญานำ บางคนต้องเอาทั้งสองอย่าง
ใครทำอะไรดีอยู่แล้ว ท่านก็ให้ทำอย่างเดิมต่อไป ไม่ให้เปลี่ยนกรรมฐาน

เป็นอาจารย์ที่ดีก้ต้องเป็นอย่างนี้
คือสอนตามสมรรถนะของผู้เรียน ไม่ใช่สอนตามสมรรถนะผู้สอน

ไปพูดว่าท่านเน้นแค่จิต เดี๋ยวคนจะเข้าใจท่านผิดนะ
ใครอยากรู้จักท่านจริงๆ ต้องฟังเทศน์ท่านเยอะๆ
พวกไปโฉบๆมานิดเดียว แล้วเอามาโพสต์อวดเขี้ยวอวดงาชาวบ้านนี่แหล่ะ
ทำเอาเสียหายกันไปหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley

ถ้าเจอแบบคุณชาติสยามก็ดี ที่ผมเจอมา บางทีว่าผมไปแทรกแซงสภาวะอีก
เฮ่อ....กรรม ถ้าเขาเข้าใจแบบคุณ คงไม่มีใครมานั่งว่ากันมั่วซั่วแน่ๆ

อนุโมทนาครับ ที่ปฏิบัติธรรมแบบใจกว้าง......ดีกว่าบางคน สร้างข้อมาจำกัด
กันเอง

สุโค่ยๆๆ

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


จาก ซีรี่ส์กระทู้ เปรตเข้าแทรก

viewtopic.php?f=2&t=24155



อ้างคำพูด:
ปกติผู้ที่ได้อริยมรรคขั้นต้นแล้ว อวิชชาดับไปแล้ว ปัญญาเกิดแล้ว


อวิชชา...นั่น ไม่ใช่การล่ะสังโยชน์เบื้องต่ำของพระโสดาบัน หรือ พระสกิทาคามี น่ะครับ

ถ้า อวิชชาดับไปแล้ว นั่นหมายถึงพระอรหันต์ ต่างหาก

ในสังโยชน์10 นั้น
ถ้าเรียงลำดับ การล่ะสังโยชน์ตามลำดับอริยมรรค จะเป็นดังนี้

จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์

สังโยชน์ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี ๑๐ อย่าง คือ
ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ได้แก่
๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน
๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต
๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ
๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ
ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง ๕ ได้แก่
๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม
๘. มานะ ความถือว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่
๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง;

พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ข้อต้นได้,
พระสกิทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ ๔ และ ๕ ให้เบาบางลงด้วย,
พระอนาคามี ละสังโยชน์ ๕ ข้อต้นได้หมด,
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ข้อ



ถ้า ละอวิชชาได้ ...ก็พระอรหันต์เลยน่ะครับ
ไม่ใช่เพียง ผู้ที่บรรลุอริยมรรคขั้นต้นหรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ส.ค. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ลองไม่ปฏิบัติธรรม (ที่ผิดทาง) สัก 15 วัน มันจะทุบ จะตี จะบีบคั้นทุกวิธีทางที่จะทำให้คุณกลับมาทำสมาธิให้ได้ พอกลับมาทำ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะปกติ เพราะสมาธิที่เป็นมิจฉาสมาธินั้นเสื่อมง่าย พอสมาธิเสื่อมมันก็อยู่ไม่ได้


ไม่น่าจะเกี่ยวกับ เปรตอะไรหรอก

ลักษณะที่ติดตันยินดีในความสงบนี้ ในพระไตรปิฎกท่านแสดงว่า เป็นสมาธิ(ฌาน)ที่พัวพันด้วยสังโยชน์ คือ ติดใจในความสงบจนเป็นเหตุให้เป็นตัณหาในรูปภพ หรือ อรูปภพ




อ้างคำพูด:
หรือเกิดได้ไปฟังธรรมที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า มันก็จะรนหนัก เพราะเหตุปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้คนเราสำเร็จมรรคผลได้ ก็คือ ได้สดับรับฟังธรรมแท้จริงของพระพุทธเจ้า พอมันรู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน มันจะทำทุกวิธีทางที่จะขัดขวางไม่ให้คุณปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม


ไม่น่าจะเกี่ยวกับ เปรตอะไรหรอก

นี่ น่าจะเป็นเพราะ ยินดีในความสงบมากไป จนไม่ขวนขวายเจริญปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 00:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท..ไปไหนซะละ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณท่านสมาชิกทั้งหลายที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น หากท่านสมาชิกทั้งหลายที่กรุณาเข้ามาร่วมอภิปราย เห็นว่าจุดใดที่ผิด สิ่งที่กล่าวมาส่วนใดที่ผิด ก็ขอความอนุเคราะห์แสดงถึงความผิดนั้น และชี้แจงให้เห็นในสิ่งที่ถูก เพื่อประโยชน์อันจะเกิดแก่อีกหลายๆ ท่านที่อาจจะเข้ามาติดตามการอภิปรายนี้ภายหลัง อย่างไรก็อยากให้เห็นเป็นการอภิปราย เป็นการถกไม่ใช่การเถียง หากจะชี้แต่ว่านี่ผิด นี่ไม่ถูก แล้วก็ไม่ได้มีการอภิปรายต่อ ก็ไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาอ่านจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากจะสับสนไปกว่าเดิม ก็ขอความอณุเคราะห์จากเพื่อนสมาชิกด้วยอีกครั้งนะครับ...

และก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่มาทำให้เข้าใจกันว่ามาโจมตีพวกทำสมาธิ หรือมาเพื่อให้เกิดการแบ่งแยก ที่นำมาแสดง ก็เพื่อที่จะให้ผู้ที่เริ่มหันมาปฏิบัติมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วน ถ้าการนำเสนอความรู้ข้อเท็จจริงมานำเสนอถูกถือเป็นการโจมตี ข้อเท็จจริงก็คงจะต้องเก็บไว้แต่ในกรุ

สมาธินั้นมีความสำคัญอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธองค์ต้องเหาะขึ้นฟ้าเพื่อให้พระญาติเกิดศัทรา กรณีพระอุปคุตรบชนะมาร เป็นต้น ที่พยายามชี้แจงก็คือ ต้องนำมาใช้ให้ถูกกาลถูกสมัยด้วย ถ้าไม่อาศัยกำลังอัปนาสมาธิ การบรรลุถึงอรหันต์ในชาติเดียวก็มิอาจจะทำได้โดยง่าย

ถ้าจะแบ่งตอนการปฏิบัติธรรมออกเป็น 2 หรือ 3 ช่วง ก็คือ ก่อนได้มรรคผล ระหว่างที่กำลังปฏิบัติเพื่อมรรคผล และหลังจากได้มรรคผลแล้ว ผู้คนส่วนมาก ที่ผมใช้คำว่า คนดิบ หรือ คนบาป ถือเป็นจุดที่สำคัญที่สุด ถ้าเริ่มผิด ผลก็ต้องผิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จุดเริ่มต้นนี้ ไม่ต้องไปทำสมาธิ ตามเหตุผลหลายๆ ประการที่ได้แสดงให้ทราบแล้ว

คำถามบางอย่างก็ถามไปโดยไม่ได้ต้องการคำตอบหรอกนะครับ โดยเฉพาะเรื่องโมหะกับปัญญา เอาไว้เก็บไว้ผู้เริ่มปฏิบัติถามตัวเอง เอาไว้เป็นหัวข้อธรรมที่ต้องวินิจฉัย

ส่วนที่ใช้คำว่า อวิชชาดับในโสดาบัน ก็ต้องขออภัยที่ผิดพลาด ที่จริงจะบอกว่าเป็นโมหะเจตสิกดับ ขออภัยจริงๆ ครับ ขอบพระคุณด้วยที่แจ้งให้ทราบ

ส่วนเรื่องพวกอมนุษย์ ถ้ามีท่านใดได้โสดาปฏิผลแล้ว ก็คงจะเห็นชัดเจนได้ (เพราะรู้และสัมผัสธาตุละเอียดได้ อย่างธาตุน้ำ และพวกอมนุษย์) ผมคงแสดงอะไรเพิ่มให้มากกว่านี้ไม่ได้ นอกจากวันหนึ่งท่านจะปฏิบัติถูกทางจนได้ญานวิสัย

ถ้าสิ่งที่ปฏิบัติถูกต้องตามครรลองคลองธรรม อย่างเร็ว 7 วัน หรืออย่างมาก 7 ปี ท่านก็จะต้องได้โสดาปฏิผล เมื่อโมหะอันเป็นสิ่งบดบังท่านจากความจริงทั้งหลายได้ดับลงไปด้วยปัญญาแล้ว ท่านก็จะสามารถแลเห็นสิ่งต่างๆ ที่เคยถูกบดบังไว้ได้อย่างชัดเจน ...

ขอทิ้งคำถามไว้สุดท้ายเอาไว้ถามกันเอง ท่านปฏิบัติธรรมกันมาเป็นระยะเวลาเท่าใดแล้ว แล้วท่านว่าท่านได้มรคจิต หรือมรรคผล กันบ้างหรือยัง?

สุดท้ายนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมเหมือนกับที่อริยสาวกทั้งหลายได้เห็นด้วยเทอญ ... :b8:

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 03:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้ว..แม่เจ้า..ทำยังไม่ลึกเลย..แล้วมาบอกคนอื่น..ว่า..เริ่มต้น..ไม่ต้องทำสมาธิ..

พอถาม..ผลของการปฏิบัติของตัวท่านเอง..ท่าน จขกท..ก็ว่า..ผมเขียนถามไปงั้นแหละ..ให้ผู้เริ่มปฏิบัติวินิจฉัยเอง ..ผมถามผลงานของคุณ..คุณทำอะไรได้ก็เล่าสู่กันฟัง..อย่างนี้..ไม่เคยมีสมบัติอะไรเลยใช่มัย..แต่กลับมาบอกว่า..สมบัตินั้นไม่ดี..สมบัตินี้ดี..ไม่เป็นโมฆะบุรุษไปหรอ..ทำยังไม่ได้ก็บอกไปซีว่าผมยังไม่ได้..

ท่าน จขกท..ครับ..แค่สมาธิ..บอกตรง ๆ ว่าคุณก็ยังไม่เข้าใจ..คนที่เข้าใจ..จะไม่คิดเห็นอย่างนี้หรอก..พอเขาว่า..เขียนกระทู้ผิด..ก็ไถลไปเรื่องอื่น..
พอเขาว่า..โสดาไม่ได้ดับอวิชชา..ก็ว่า..ที่จริงตั้งใจพิมพ์อีกอัน..อะไรนะ..โมหะเจตกสิดับ.หรอ..ก็ยังผิดอีก..เรียกว่า..ขว้างงูไม่พ้นคอ..หนีเสือปะจระเข้..จับแพะชนแกะ..

ฮุ ฮุ ฮุ...

แล้วก็..ความเป็นโสดาบัตติผล 1 คน กับ โสดาบัตติมรรค 19 คน อะไรของคุณนี้นะ..ดูท่าจะเป็นความหลงซะแล้ว..แค่ความอ่อนน้อมต่อพระรัตนตรัย..ก็สอบตกแล้ว..ไหนจะเรื่องศีลอีก..แบบกลิ่งกลอก..โกหกตัวเอง..อะไรอย่างนั้น..

แถมยังมี..อ่านแล้วจับแพะชนแกะเอง..ปฏิบัติไม่มี..ทำตัวเป็นอาจารย์ซะเอง..อย่างนี้..ต้องเรียก..โสดาตะบัน..มั๊ง..ไม่ต้องมาทำเป็นฝากถามถึงคุณธรรมของคนอื่นเขาหรอกนะครับ..เขาไปไกลกว่าโสดาตะบัน..ก็แล้วกัน..ห่วงตัวเองให้มากเข้าใว้เถอะนะ..ถ้าอยากผ่านจากความเป็นโสดาตะบัน..ก็น้อมฟังคนอื่นเขาบ้าง...ของง่าย ๆ ทำได้หรือเปล่า..

ขอให้ จขกท เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม..นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 07:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น เขียน:
อยากขอทราบว่า

ท่าน จขกท นอกจากจะศรัทธาในพระไตรปิฎกแล้ว

ท่าน จขกท ศรัทธาในธรรมของท่านอาจารย์ใดบ้าง???

จะได้ เสวนากันให้ตรงจุดเลย



cool


ขออนุญาต ถามซ้ำ อีกครั้งน่ะครับ

เพราะ ทราบเพียงคร่าวๆ ว่า ท่าน จขกท อ่านพระไตรปิฎกมามาก และ ศึกษาพระอภิธรรม



ผมอยากทราบ ให้จำเพาะเจาะจงถึงว่า

นอกเหนือจากการอ่านพระไตรปิฎกมามาก และ ศึกษาพระอภิธรรม แล้ว

ท่าน จขกท ศรัทธาในธรรมของอาจารย์ใดบ้าง???



คำตอบสำหรับคำถามนี้ ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องเก็บงำเป็นความลับอะไรถึงขนาดนั้น น่ะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2009, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้วพระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


... http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=24873

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 14:18
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นผมนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นจารึกหรือมีใครบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ก็คงไม่สู้เท่าทำด้วยตัวเอง รู้ด้วยตัวเองหรอกคับ
แล้วเราก็ต้องรู้จุดประสงค์ว่าทำเพื่อต้องการสิ่งใด
ผมทำเพื่ออยากทำใจให้บริสุทธิ์ ทำแล้วใจบริสุทธิ์ผมก็พอใจ
เท่าที่ผมลองทำดูนะครับ
ครั้งแรกๆลองทำวิปัสสนาเลย โดยยึดหลัก ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเจอกับความเจ็บปวด อาจจะนั่งทนอยู่ได้แต่สมาธิกับปัญญาไม่มีเลยครับ
ผมเรยมาลองทำ สมถะ ดูก่อน โดยเลือกใช้กสิณไฟ ซึ่งได้ผลดีครับ ได้ผลในที่นี้คือจิตสามารถวางเฉยกับทุกขเวทนานี้ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสามารถทำวิปัสสนาและหลุดพ้นได้ครับ
แต่ตอนนี้ผมยังอยากฝึกกสิณให้ดีเสียก่อน
อีกอย่างครับก่อนทำผมสวดมนต์ก่อนประมาณ 1ชม.
-โองการพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
-ยอดพระกํณฑ์ไตรปิฎก
-พาหุง มหากา
-ชินบัญชร
ผมรู้สึกว่าการจะมีใจที่บริสุทธิ์นั้น คล้ายกับการล้างรถ
คือ สวดมนต์เหมือนเป็นการล้างน้ำกับน้ำยา สมถะกรรมฐานเหมือนเป็นการเช็ดให้แห้ง วิปัสสนาคือตาสว่างว่าล้างไปเด๋วก็สกปรกเหมือนเดิมอยู่ดี (อนิจจัง )
แต่ตอนนี้ผมยังทำได้แค่เช็ดรถให้แห้งอ่ะคับ อิอิ

ปล. ผมเพิ่งเข้ามาใหม่มีอะไรแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ตอนนี้ฝึกกสิณไฟอยู่
ปล.2 ความเห็นแตกต่างกันได้ คงไม่แตกแยกกันนะครับ
smiley

.....................................................
" ประเสริฐยังไง หากรู้จักชำระล้างร่างกายทุกวัน
แต่ไม่เคยแม้แต่จะคิดชำระล้างจิตใจแม้แต่วันเดียว "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2009, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เราต้องเป็นผู้สืบเสาะ..หา..วิถี..ที่พอเหมาะพอดี..ของ ๆ ตัว..
วิธีใด..ทำแล้ว..สะดวกสบาย..คล่องตัว..อันนั้น..ถูกแล้ว

แต่ถ้าอยากทำ..ด้วยตัวเอง..จนหมดกิเลส..นี้เป็นนิสัยของปัจเจกพุทธเจ้า..ทำได้ยาก..ถึงได้ช้า..อยากทำมัย?..ถ้าอยาก..ก็ทำไป..

ถ้าอยาก..ถึงได้เร็ว..(แม้จะทำได้ยาก)..ต้องมีโค้ช..เป็นนิสัยสาวกภูมิ..โค้ชที่ดีต้องเป็นกัลยาณมิตร..ผู้ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดต้องเป็นผู้ที่สำเร็จในกัลยาณธรรม..กัลยาณธรรมคืออริยะสัจ 4 นี้แหละ..

ใครพบกัลยาณมิตรที่สำเร็จกัลยาณธรรม..นับว่าโชคดี

ผมพบแล้ว..ท่านพบยัง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2009, 05:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ ผู้ที่ไม่ได้เข้าถึงสมาธิภาวนาอย่างถ่องแท้ จะไปแสดงอาการห่วงใยผู้ที่ยังคงเจริญสมาธิภาวนาอยู่ อย่างออกหน้าออกตา ถึงขนาดนั้น

เพราะ ผู้ที่เจริญสมาธิภาวนาเองนั้น ก็หาใช่ว่าเขาจะไม่ศึกษาพระไตรปิฎกกัน

ใน กระทู้นี้ ก็แสดงชัดเจนอยู่แล้ว
ที่ บางท่านที่เที่ยวคุยโม้โอ้อวด ว่าตนเองอ่านพระไตรปิฎกมามาก ก็หาใช่ว่าจะรู้ลึกรู้จริงอะไรในพุทธพจน์...มี แต่ราคาคุย กับ ความสำคัญตนด้วยมานะทิฏฐิปรากฏให้เห็น เท่านั้น...(ขนาดตั้งชื่อกระทู้ผิด ยังต้องทักท้วงถึง2ครั้ง ถึงออกมายอมรับว่า ตั้งชื่อกระทู้ผิด)

ท่าน จขกท. ไม่ควรจะไปแสดงความหวังดีในลักษณะนี้ จนระดมตั้งกระทู้ในลักษณะนี้ กลาดเกลื่อนส่วนแยก"สมาธิ สติ" อย่างที่ปรากฏ

อีกประการ เรื่อง การติดสุขในสมถะ นั้น... ครูบาอาจารย์ผู้สอนสมาธิภาวนาที่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงตามมหาบัว ท่านพุทธทาส และ ๆลๆ ท่านก็ล้วนแต่สอนในเรื่อง ไม่ให้ศิษย์ไปติดตันยินดีสุขในสมถะจนไม่เจริญปัญญา กันอยู่แล้ว... เพียงแต่ท่านจะสอนเมื่อถึงเวลาที่ควรสอน...

ท่าน จขกท ไม่จำเป็นต้องไปหวังดีต่อผู้ที่ยังเจริญสมาธิภาวนาอยู่ แล้วเที่ยวตระเวณไปสอนผู้ที่ยังคงเจริญสมาธิภาวนาอยู่ แซงหน้าพระสุปฏิปันโนเหล่านั้นหรอก




เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...ทุกประการ

โดยเรื่อง การติดสุขในสมถะ นั้น... ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน จะสอนในเรื่อง ไม่ให้ศิษย์ไปติดยินดีสุขในสมถะจนไม่เจริญปัญญา เนื่องด้วยท่านต้องการเล็งเห็นถึงประโยชน์ในกาลต่อไปเบื้องหน้า
ของศิษย์ที่มีนิสัยวาสนาทางทางด้านนี้ เพราะต่อไปกาลข้างหน้าจะต้องเป็นครูบาอาจารย์กรรมฐานที่สอนพระและฆราวาส และเป็นผู้มีวาสนาเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทา เช่น องค์หลวงปู่บ้านตาด ที่จะต้องเป็นผู้ชำนาญทั้งปัญญาวิมุตติและเจโตวิมุตติ จึงเน้นให้ศิษย์ที่มีวาสนาด้านนี้..ภาวนาจนสมาธิแน่นเป็นหลักใจ และเพื่อใช้ประโยชน์ในกาลต่อไปเบื้องหน้า ในกรณีสมาธิเสื่อมหรือจิตเสื่อม...
เพียงแต่ท่านจะสอนเมื่อถึงเวลาที่ควรสอน...เรียกว่า...ความโง่ของนักปราชญ์

สำหรับผู้ไม่รู้จริง...องุ่นเปรี๊ยว ฟุ้งซ่าน ภาวนาทำสมาธิไม่เป็น..ติติงสมาธิ..มีแต่หลง
ยากที่จะก้าวหน้าในการภาวนา เพราะมีแต่นิวรณ์ครอบงำจิต ทำให้หลงตนเองมีแต่ทิฐิมานะเต็มหัวใจ


แก้ไขล่าสุดโดย วิสุทโธ เมื่อ 20 ก.ย. 2009, 21:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร