วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 22:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ
1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่
2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที
3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ
4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ
5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง
6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย
ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม
วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


บางอาการน่าจะเป็นสมาธิขั้นสูง แต่บางอาการก็เป็นสมาธิที่ไม่สูงนัก... รู้สึกเขาจะเรียกว่า สมาธิยังไม่มั่นคงดี

-แสงสว่างลำใหญ่ สว่างมาก วูบผ่านไป น่าจะเป็นสมาธิขั้นสูง คิดว่านะ... คิดว่าเป็นรอยต่อขณะที่จิตกำลังเข้าระดับฌาณ 4 เข้าใจว่า ตลอดเวลาการฝึกสมาธิมาทั้งหมด น่าจะเห็นแค่ครั้งเดียว หรือสองครั้งเท่านั้น
-อาการเย็นวาบ หรือเห็นแสงหลากสีแพรวพราว เข้าใจว่าเป็นสมาธิชั้นฌาณ 2, ระดับสูงกว่านั้นจะไม่มีสี
-อาการโน้มมาข้างหน้า อันนี้น่าจะอยู่ที่สรีระ ที่ไม่เหมาะกับท่านั่ง
-เห็นแสงกะพริบ อันนี้ไม่รู้นะ แต่เดาว่า น่าจะเป็นลักษณะเดียวกับการเห็นแสงสว่าง ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ยังไม่แน่ใจ แต่เข้าใจว่า น่าจะตัวบ่งบอกว่า จิตกำลังเข้าสู่ฌาณ 4 และมันน่าจะเกิดแป๊บเดียวนะ เกิดตอนช่วงต้นๆ ของการเข้าสมาธิ
-เห็นภาพผู้หญิง ? เอ่อ บางทีอาจเป็นโอปปาติกะก็ได้ เห็นภาพลางๆ :b6: :b6: ภาพที่เห็นบางทีอาจเป็นร่องรอยของ ทิพยจักขุญาณ อันนี้ยังออกความเห็นแบบแน่ชัดไม่ได้... ก็ระวังความคิดหน่อยก็แล้วกัน...

เพิ่มเติม... คงไม่มีอะไรแนะนำ หากสมาธิมั่นคงดีแล้ว ก็ลองพิจารณาดูว่า จะเข้าสู่ภูมิวิปัสสนา หรือจะฝึกทิพยจักขุ (อภิญญา)

เพิ่มเติม 2... โอภาสในฌาณ 3 จะเป็นดวงสว่างที่ไม่เคลื่อนไหว หรือเป็นแสงสว่างทั้งจอ, แสงสว่างที่เป็นลำ ฉายมา อาจจะเกิดในครั้งแรกๆ ที่จิตรู้จักกับความสงบระดับ 4
ในเรื่องของระดับฌาณนั้น ไม่ตายตัว บางคนพ้นระดับ 2 มาได้ ก็เข้า 4 เลย เพราะฉะนั้น อย่าสงสัยในระดับของฌาณก็แล้วกัน


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 19:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่

เมื่อคลายจากจิตเป็นสมาธิ แต่จิตยังประกอบด้วยกุศลธรรมและอุเบกขา โอภาสย่อมปรากฏเพราะกุศลธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ดีครับ การที่หายไปอย่างรวดเร็วเพราะจิตมีความฟุ้งซ่าน ไม่ตั้งมั่นครับ ฝึกบ่อย ๆ แสงสว่างนั้นจะทรงตัวได้นานขึ้นครับ



2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที

สาธุครับ เป็นอาการของปีติครับ คนที่ปฏิบัติแล้วได้ปีติเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย แสดงว่ามีอินทรีย์แก่กล้าดีแล้ว จิตเป็นกุศล ให้เจริญสมาธิต่อไปนะครับ ทำปีติให้มีกำลังเพื่อเจริญวิปัสสนาเป็นลำดับต่อไปนะครับ


3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ

เป็นนิมิตของอานาปานุสติกัมมัฏฐานครับ ให้ปรารภอุเบกขามีจิตตั้งมั่น ก็จะเห็นกลมใสสว่างในวงหน้าครับ และจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้รอบตัว อาจทะลุฝาผนังไปได้




4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ

นอกจากเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกายแล้ว แสดงว่ามีอาการตัวโยกตัวโคลงร่วมด้วยซึ่งการเกิดปีติอาจมีหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ครับ เช่นเย็นซาบซ่านด้วย น้ำตาไหลด้วย ตัวโยกตัวโคลงด้วยก็ได้




5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง

เป็นเพราะร่างกายมีการโยกโคลงเคื่อนไหวไปมาขณะเจริญสมาธิ โอภาสที่เห็นให้รักษาไว้เพื่อฝึกญาณต่าง ๆ ได้ต่อไปครับ


6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด

เมื่อจิตเป็นสมาธิดี ภาพต่าง ๆ จะมาปรากฏ จิตหวั่นไหวคล้อยตามสมาธิเสื่อมไปขณะหนึ่งภาพย่อมหายไป ครั้นจิตเป็นสมาธิอีกครั้ง ภาพก็มาปรากฏใหม่ได้อีก แต่ไม่ใช่ภาพเดิม ถ้าปรารภอุเบกขามีจิตตั้งมั่น ภาพที่ปรารกฏก็จะตั้งอยู่ได้นาน และเห็นเป็นเรื่องเป็นราวได้เป็นเวลานาน




ขออนุโมทนาสาธุการกับการเจริญสมณะธรรมของคุณในครั้งนี้ครับ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่กรุณาแนะนำมา เป็นประโยชน์กับผู้ปฎิบัติอย่างยิ่งที่สุด ขอบพระคุณอีกครั้ง :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 00:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามที่คุณมหาราชันย์แนะนำทั้ง 6 ข้อ ถูกต้องครับ..อนุโมทนา


ขณะที่เกิดสภาวะในปรากฏการณ์ในสมาธินั้น..เป็นปัจจุบันธรรม
สิ่งสำคัญที่สุด...กำลังสติ..ตั้งมั่น...ถ้าสติไม่มั่นคงคลาดเคลื่อนจะถอนออกจากสมาธิทันที
กำหนดสติ ทำความรู้อยู่ที่ฐานความรู้เดิม..
อย่าเปลี่ยนฐานความรู้...รู้อยู่ที่รู้...อย่าไปวิตกวิจารณ์ตรึกตรองคิดเด็ดขาด...จะเป็นสัญญา..
กลายเป็นอารมณ์บัญญัติ..เพราะอารมณ์ฟุ้งซ่านจะเข้าแทรกแทน
อย่าตกใจหรือเอ๊ะใจ...ในปรากฏการณ์ที่ปรากฏในขณะนั้น..เด็ดขาด
จะทำให้จิตถอนจากสมาธิ....ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่...

อย่าส่งจิตไปรู้ในอาการของจิตทั้ง 6 ข้อ ที่ปรากฏในขณะนั้น...จะเป็นสมุทัย
วางจิตเฉยเป็นอุเบกขา...จะเข้าสู่..สภาวะ..จิตรวม..เป็นหนึ่ง
จิตจะไม่มีเวทนาทางกาย..ตัวตนร่างกายหายไป..ดับหมด..
อย่าตกใจ..ให้กำหนดรู้อยู่ที่รู้..ฐานความรู้เดิม
ทำไป..ติดขัดตรงไหน..แล้วค่อยมาถาม..
บอกไปมากเกินไป..จะเป็นสัญญาอารมณ์..
ดักคิด..ดักรู้..ทำให้เกิดความอยาก..จะกลายเป็นรู้ก่อนทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ
1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่
2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที
3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ
4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ
5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง
6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย
ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม
วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา


ขอแสดงความ คิดเห็นครับ
ที่ว่ามาทั้งหมด ก็แค่ สังขารจิต ปรุงนินิตขึ้นมาให้เราหลง เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไร เลย

เพราะสมาธิแปลว่า การไม่ปรุง ไปในอารมณ์ภายนอกมีความตั้งมั่น ที่สิ่งที่เรากำลังพิจารณาหรือบริกรรมอยู่ จึงจะเรียกว่า เป็นการทำสมาธิ มีสมาธิ เพื่อทำกำลังจิตให้เพิ่มขึ้น เพื่อเอามาเห็น พระไตรลักษณ์ ไม่ใช่ท่ิองเที่ยวเล่นในความคิด ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

อาจจะมองคนละมุม กับท่านอื่นนะครับ :b55:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญหนักจริงๆนะครับ ภาวนาเจริญดีมากเลย
อนุโมทนา

แนะนำพระอาจารย์ให้ลองไปศึกษาดูครับ
ฟังเทศน์เล่นๆก็ได้
http://www.wimutti.net
เข้าไปโหลดพระธรรมเทศนามาัฟัง
การปฏิบัติจะได้ก้าวหน้าครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 23 ก.ย. 2009, 16:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่อาจเอื้อมรับคำว่าบุญหนัก ถ้าการปฎิบัติธรรมเป็นไปด้วยดีคงเพราะเป็นตั้งแต่เข้าพรรษามา ทานผักทานเต้าฮู่ ทานนมชนิดไม่เปรี้ยว และไม่ทานไข่ อีกทั้งยึดถือไม่ยุ่งในกามด้วย ศีลก็ปฎิบัติตาม ศีล 3 ชุดในพระไตรปิฎก มีที่ผิดบ้างคือข้อปานาติบาตเพราะอาชีพต้องสังปลามาชาย พยายามแก้ด้วยการเลือกปลาทะเลที่ตายเรียบร้อยมาขายแทน การขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะเป็นร้านอาหาร แต่เป็นร้านอาหารที่ไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอี่นๆ ไม่มีสาวนั่งดริ้ง เป็นต้นเน้นคุณภาพอาหารและงานบริการจริงๆ มีพนักงานที่ต้องดูแล 25 คนบางครั้งก็มากกว่า ก็พยายามใช้พรหมวิหาร 4 ดูแลพวกเขา ส่วนตัวเองจริง ๆ อยากบวชในพุทธศาสนามาตั้งแต่อายุ 18 ปีแล้วแต่ขัดที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย จึงต้องเรียนหนังสืออยู่เรือยมาจนถึงอายุ 30 หลังช่วงอายุ 30 ก็วุ่นวายอยู่ในทางโลกหาเงินซ้อบ้านซ้อรถ ในปัจจุบันเรื่องอยากบวชหรืออย่างน้อยปฎิบัติธรรมอย่างสันโดษยังเป็นความความหวังของตัวเองอยู่คิดว่าบั้นปลายชีวิตถ้าไม่ต้องดูแลพ่อและแม่ของตัวเองคงได้ปฎิบัติธรรมจริงๆจังๆ เสียที สำหรับตัวเองในปัจจุบันเวลาเดินก็พยายามหลีกเว้นต้นไม้และมด แมลงต่างๆ ถอนต้นหญ้าแปลงดอกก็ไม่กล้าถอนและเริ่มรู้สึกผิดแล้ว
ตัวเองพยายามยึดชีวิตสมถะ ใช้เฉพาะสบู่และยาสีฟัน แชมพู อย่างอื่นๆ ไม่ใช้เสื้อผ้าคือสิ่งของปกปิดกายใช้เท่าที่มี เงินที่หามาได้ใช้ไป 4 ทางหลักคือ พัฒนาสภานท่ เงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน ให้พ่อแม่ทั้งหมดที่เหลือ และให้ทานทำบุญกุศล สำหรับตัวเองเงินไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้
ถ้าผลการปฎิบัติได้ผลดีต้องยกความดีให้กับพระธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าเป็นเพียงการปรุงแต่งจากจิตสังขารก็ขอยอมรับ และขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านมา ณ ที่สร้างบุญด้วยการมาเป็นอาจารย์ให้ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับตัวเองคงจะไม่เขียนอะไรมาอีกแล้ว จะขอเป็นเพียงลูกศิษย์ ของทุกๆ ท่านจากการอ่านเท่านั้น ขอขอบคุณเสียงธรรมดีๆที่แนะนำให้กราบขอบพระคุณอย่างสูง
ขอบพระคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม ครับ ผมขออนุโมทนาด้วย

คุณจงภาคภูมิใจในสิ่งที่คุณมี.....
คือ คุณมีการปฏิบัติจริง และผลการปฏิบัติก็เกิดจากการปฏิบัติจริงของคุณ..
ไม่ได้จดจำตำราหรือเอาความรู้ความเข้าใจในตำรามาหลอกผู้อื่นว่า..เป็นผลการปฏิบัติของตน..
ไม่หลอกความรู้สึกของตนเอง...ซื่อตรงกับตัวเอง
การปฏิบัติของตนเป็นแบบไหน..ก็แสดงออกมาแบบนั้น..ไม่ปรุงแต่งให้ดูดี
นี่แหละคุณสมบัติผู้ปฏิบัติธรรม..

ในการปฏิบัติทุกคน ย่อมมีอุปสรรค ในเบื้องต้นย่อมประสบปัญหา
แต่อำนาจแห่งพระธรรมจะจัดสรร..ให้ผ่านพ้นไปได้..

เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ย. 2009, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ
1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่
2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที
3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ
4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ
5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง
6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย
ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม
วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา


คุณไม่ได้มีสมาธิ ในการปฏิบัติขอรับ แต่คุณกำลังเกิดอาการทางจิต ถ้าจะเรียกตามหลักพุทธศาสนา ก้เรียกว่า วิปัสสนูกิเลส ขอรับ
คำว่า วิปัสสนูกิเลสนี้ ไม่ได้หมายความว่า ปฏิบัติวิปัสสนา แล้วเกิดมีวิปัสสนูกิเลส แต่หมายถึง การปฏิบัติสมาธิ แล้วเกิดอย่างที่คุณอธิบายมานั่นแหละ ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ


การฝึกสมาธิ ทำเองได้ค่ะ แต่ต้องใช้แนวทางการปฏิบัติที่พระพุทธองค์กำหนดมา 40 วิธี ซึ่งเราเอาวิธีไหนก็ได้ที่เหมาะกับเรา แต่รวมๆแล้วเราต้ิองยึดสติปัฎฐาน 4 ค่ะ - รู้กาย รู้ความรู้สึก รู้อารมณ์ แล้วค่อยรู้ทุกอย่าง (รู้ทุกอย่าง รู้จากปัญญาญานนะคะ ไม่ใช่ความคิดเราเอง ถ้าแบบนั้น เรียกว่า ฟุ้งซ่านค่ะ)

1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่

วิญญานเร่ร่อนมารับเอาไป การนั่งสมาธิ เป็นการทำให้เราได้บุญ ได้บุญจากการให้อาหารบุญแก่พวกวิญญานเร่ร่อนและในนรก เขาไม่ได้มา แต่เขารู้ว่าคุณแผ่เมตตา เขาก็มาเอาค่ะ

2. เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ 4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที

อันนี้อาการจิตหลอนค่ะ รู้สึกไปเองค่ะว่าเย็น คงเพราะคุณอ่านเรื่องสมาธิมาแล้วรู้มาแบบนั้น จิตใต้สำนึกคุณก็บอกว่าอยากได้สัญญานนั้นบ้าง มันก็สั่งสมองคุณให้ส่งสัญญานผ่านระบบประสาทมาบอกตัวคุณ

3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ

จิตหลอนอีกเหมือนกันค่ะ

4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ

อันนี้จิตไหวค่ะ ไม่นิ่งน่ะค่ะ

5. ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง

จิตหลอนค่ะ ถ้าเป็นสมาธิ ตาจะเหมือนมีแม่เหล็กมาถ่วง ไม่เห็นแสงสีเลยค่ะ เห็นแต่ดำ

6. เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือ เห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย

จิตหลอนเหมือนกันค่ะ คุณอ่านวิธีมาเยอะ ว่าด้วยญานสมาธิ ใจคุณอยากได้ จิตคุณก็รับรู้ แล้วมันก็ส่งสัญญานให้คุณเห็น ซึ่งมันไม่ใช่ตาทิพย์ แต่เป็นจิตหลอกเราค่ะ

ขอนุญาตสอนวิธีที่จะทำให้ได้ญานค่ะ
๑. ถือศีล (ด้วยเจตนาบริสุทธิ์)
๒. ทำดี (ด้วยเจตนาบริสุทธิ์)
๓. ละความชั่ว (ด้วยเจตนาดี)
๔. ทำใจให้เบิกบาน (ไม่ทำให้ตัวเองทุกข์)
๕. ทำสมาธิ (ต้องไม่มีกิเลสใดๆ นอกจากความเพียรเท่านั้น)

ทำสมาธิ คือ ตั้งมั่นกับสิ่งที่เป็น ณ ขณะที่เราทำสมาธิ รู้มันเฉยๆ ไม่ต้องคิดต่อ ได้ยินอะไร ก็ได้ยินเฉยๆ ไม่ต้องคิดต่อ สรุปว่า รู้ แค่รับรู้ แล้วก็ปล่อยผ่านไป อย่าเก็บไว้ในหัว แล้วถามตัวเองว่า เราได้ญานอะไรหรือยัง ถ้าทำแบบนั้น ยังไงก็ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าได้ เรารู้เองค่ะ

เพียรนะคะ อย่าใส่กิเลส แล้ววันนึง ปัญญาญาน จะมาถึงคุณเอง โชคดีค่ะ



ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม
วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ย. 2009, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยนี้ หาคนมีสมาธิในระดับสูงได้ยาก ส่วนหนึ่งเพราะมีการสอนโดยผู้รู้ที่ รู้ไม่พอ สอนเกินกว่าสิ่งที่ตนทำได้ หรืออย่างดีก็สอนเท่าที่ตนทำได้

การสอนเท่าที่ตนทำได้นั้น ก็เป็นเรื่องดี ผู้ฝึกใหม่ไม่จำเป็นต้องรู้ถึงสมาธิขั้นสูง แต่ปัญหาคือ ผู้สอนจำนวนมาก กลับปิดกั้นตนเอง ไม่ยอมรับรู้ถึงขีดจำกัดที่ตนเองมี

เพราะยังไม่สามารถละสักกายทิฎฐิ อันถือเป็นการบรรลุธรรมขั้นต้น หากลูกศิษย์เริ่มจะก้าวหน้ากว่าตน ก็กลัวเสียหน้า พาลสอนในสิ่งที่ตนยังไปไม่ถึง พาเข้ารกเข้าพงไป
เช่น ผู้ได้ฌาณ 2 (มีมากในปัจจุบัน) ก็สอนได้ถึงชั้นฌาณ 2 ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่ผิดคือ หากลูกศิษย์ได้ถึงชั้นฌาณ 2 แล้ว (ซึ่งไม่ได้ยากนัก) ก็พาลสอนในสิ่งที่ตนยังไม่รู้ ลูกศิษย์ถามถึง อภิญญา ก็ไพล่ไป สอนให้อธิษฐานอะไรต่างๆ นานา ก็พากันติดอยู่ตรงนั้น บางคนโชคดีสามารถเข้าถึงฌาณ 3 (ซึ่งก็น้อยนัก) ก็ไม่สามารถก้าวพ้นไปไหนได้ หาฌาณ 4 ได้ยากเต็มที

คนที่ทำสมาธิไม่ได้ ก็พากันตั้งตนเป็นผู้รู้ เรียกการเจริญสติแบบพื้นฐาน ว่าคือวิปัสสนา เจริญสติไปอีกสิบชาติ ก็อย่าหวังจะได้วิปัสสนาญาณอย่างหนึ่งอย่างใดเลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ย. 2009, 21:17
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อสงบ ศิษย์หลวงตามหาบัว
เทศนาธรรม ธรรมะตัดแปะ

http://www.sa-ngob.com/media.php?id=209&con=1

โดย Watpakhaodangyai.com


แก้ไขล่าสุดโดย วิสุทโธ เมื่อ 26 ก.ย. 2009, 22:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b2: :b2: :b2: แต่เอไม่เคยเห็นอะไรเลยอ่ะค่ะ พุท-โธ ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายพุท-โธก็หายเหลือเพียงความว่าเปล่าเหมือนอยู่ในห้องที่สว่างสลัว ๆ แต่รู้ตัวค่ะ มีมือก็เหมือนไม่มี :b32: :b32: บางทียังมีแอบขยับนิ้วว่ามือยังอยู่ป่าว :b9: :b9: :b9: ตัวจะเบาขึ้นเหมือนมันโหวง ๆ ชอบกล ( :b14: กลัวว่าจะลอยอยู่เหมือนกัน..555เคยเห็นในรูปค่ะ :b9: :b9: ) ... :b2: :b2: :b2: แต่ทำไมไม่เคยเห็นนิมิตอารายเลยอ่ะ

:b2: :b2: :b2: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b2: :b2: :b2: แต่เอไม่เคยเห็นอะไรเลยอ่ะค่ะ พุท-โธ ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายพุท-โธก็หายเหลือเพียงความว่าเปล่าเหมือนอยู่ในห้องที่สว่างสลัว ๆ แต่รู้ตัวค่ะ มีมือก็เหมือนไม่มี :b32: :b32: บางทียังมีแอบขยับนิ้วว่ามือยังอยู่ป่าว :b9: :b9: :b9: ตัวจะเบาขึ้นเหมือนมันโหวง ๆ ชอบกล ( :b14: กลัวว่าจะลอยอยู่เหมือนกัน..555เคยเห็นในรูปค่ะ :b9: :b9: ) ... :b2: :b2: :b2: แต่ทำไมไม่เคยเห็นนิมิตอารายเลยอ่ะ

:b2: :b2: :b2: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron