วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


การทำสมาธิมันมีหลักง่ายๆ อยู่ว่า...
ปกติคนเรามักจะคิดหลายๆ เรื่อง แต่ละเรื่องก็ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ หรือที่เราเรียกว่าฟุ้งซ่าน การทำสมาธิก็คือ การทำให้เรา คิดให้น้อยลง จนกลายเป็นคิดเรื่องเดียวในที่สุด (ทางพระเขาเรียกว่า เอกัคคตา) วิธีที่ใช้ก็คือ ให้เราจดจ่อในสิ่งเดียว ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น อานาปานสติ กสิน ฯลฯ

เมื่อเราคิดน้อยลงเรื่อยๆ จิตก็จะมีพลังมากขึ้น จิตที่ไม่คุ้นเคยกับสภาวะนี้ ก็จะเกิดการรับรู้แปลกๆ หรือที่ทางพระเขาเรียกว่า ปีติ ซึ่งอาการจะเป็นยังไง มีมากมีน้อยก็แล้วแต่บุคคล ในช่วงนี้หากสติหลุด ก็จะเข้าภวังค์ไป (ภวังค์จลนะ) อาจเกิดนิมิตความฝันต่างๆ ซึ่งโดยมากก็จะเป็นเรื่องที่เราคาดหวังไว้ก่อน เช่น อยากเป็นศาสดา ก็จะเห็นพระพุทธเจ้ามาบอกว่า เจ้าคือศาสดา, อยากเห็นนรกก็จะได้เห็นนรก มีต้นงิ้วตามที่เคยเรียนมา, อยากถอดจิต ก็จะได้ถอดจิตไปตามที่ต่างๆ ฯลฯ
บางคนจะติดอยู่ในชั้นนี้นานมากๆ และอาจจะตลอดไปเลยก็ได้ (เพราะจิตยังหลงใหลในนิมิต) คำว่านิมิตเป็นคำกว้างๆ อะไรๆ ก็เป็นนิมิต ภาพกสินก็คือนิมิต เพราะงั้นเราขอแยกใช้คำว่านิมิตเป็นกรณีๆ ไป เช่น นิมิตความฝัน เป็นต้น
สภาวะนี้เข้าใจว่า คือฌาณ 2 การรับรู้ภายนอกจะลดลง คำภาวนาจะหายไปหมด ซึ่งถ้าหาอะไรมาจดจ่อแทนคำภาวนาไม่ได้ สติก็จะหลุดเข้าภวังค์ ในขั้นนี้การฝึกแบบกสินจึงมีข้อได้เปรียบกว่า เพราะภาพกสินจะไม่หายไป แต่หากทำอานาปานสติหรืออื่นๆ ก็จะเห็นภาพแสงสีต่างๆ เคลื่อนไหวไปมา ก็ให้ไปจดจ่อที่แสงสีนั้นแทนคำภาวนา

หากสติยังดี และไม่หลงใหลในนิมิต ก็จะก้าวขึ้นสู่ฌาณ 3 จิตจะคิดน้อยลง จนกลายเป็นคิดเรื่องเดียวโดยพื้นฐาน (เป็นเอกกัคคตาแล้ว) ภาพนิมิตความฝันจะไม่ปรากฎอีก สิ่งเดียวที่น่าจะปรากฎคือ แสงสว่าง หากฝึกแบบกสินก็จะสว่างแบบดวงอาทิตย์ ฝึกแบบไม่ใช่กสินก็จะสว่างแบบท้องฟ้า คือสว่างทั้งจอ คำพระเขาเรียกว่า โอภาส การรักษาจิตเพื่อไม่ให้เข้าภวังค์ ก็ใช้การจดจ่อไปที่แสงสว่างนี้แหล่ะ
หากหลงใหลยินดีในแสงสว่างนี้ จิตก็ติดอยู่ในชั้นนี้เช่นกัน
ภวังค์ในชั้นนี้ (และในชั้นฌาณ 4 ด้วย) เป็นภวังคุปัจเฉท ไม่มีความฝันใดๆ เหมือนเวลามันหายไปเฉยๆ ซะงั้น เมื่อเจอภวังค์นี้ในครั้งแรกๆ จะงงมาก บางครั้งอาจรู้สึกตกใจว่า เกิดอะไรขึ้น

หากสติยังดี และไม่หลงใหลในโอภาส ก็จะก้าวขึ้นสู่ฌาณ 4 ไม่มีนิมิตใดๆ ให้เห็นอีกแล้ว
ในชั้นนี้จะเข้าภวังค์ได้ง่ายมาก เพราะไม่มีสิ่งใดให้จดจ่ออีก (แม้แต่มือก็หายไป) เมื่อจิตไม่มีสิ่งใดให้ทำ จิตไม่เป็นเอกัคคตา ไม่นานนัก จิตจะหยุดทำงาน เป็นภวังคุปัจเฉท
ในชั้นนี้ หากสามารถรักษาจิตให้เป็นเอกัคคตาได้ ก็จะเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ สิ่งใดที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น
จะรักษาจิตไม่ให้เข้าภวังค์นั้น ก็ทำได้ 2 แบบ หนึ่งคือวิปัสสนา หาสิ่งใดๆ ในชีวิตมาคิดร่วมกับหลักธรรมที่รู้มา เมื่อไม่มีอารมณ์มาข้องเกี่ยว ก็จะมองโลกด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป สองคือสร้างภาพนิมิตเพื่อเข้าสู่อภิญญาจิต ทั้ง 2 แบบ อาจจะสลับกันไปมาแล้วแต่ความสนใจในเวลานั้น

มีต่อเรื่องผี... ฮิฮิ

เพิ่มเติม... ในฌาณ 4 เราไม่รับรู้ประสาทสัมผัส แต่มันไม่ได้ดับ เราสามารถขยับมือได้ตลอดเวลา เมื่อขยับแล้ววางมือนิ่งๆ จิตก็จะเลิกรับรู้ มือก็หายไปอีก... อันที่จริงประสาทการรับรู้จะว่องไวมากขึ้นกว่าเดิมมาก เราสามารถหรี่เสียงทีวีลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังได้ยินชัด (หากต้องการจะฟัง)

เพิ่มเติม 2... ตอนแรกว่าจะต่อเรื่องผี แต่คิดอีกที ไม่มีอะไรเขียนนี่หว่า อิอิ เอาเป็นว่า...
ถ้าจิตถึงขั้นเห็นผีเมื่อไร ผีที่เห็นก็จะเป็นเทวดา ปกติเรากลัวเพราะเราไม่เคยเห็นไง... นางฟ้าสวยมากนะ ขอบอก แต่สาวๆ อาจจะเห็นเทวดาหล่อๆ ก็ได้ ฮิฮิ
อ้อ อีกอย่าง ปกติเราจะไม่เห็นบ่อยนักหรอก เขามาเป็นครั้งคราวเพื่อให้รู้ว่า เขายังอยู่เท่านั้นจ๊ะ

แก้ไขสุดท้าย... แก้ไขคำนิดๆ หน่อยๆ ตรงฌาณ 4 ที่ว่า "ไม่มีสิ่งใดให้เห็นอีกแล้ว" เป็น "ไม่มีนิมิตใดๆ ให้เห็นอีกแล้ว" เดี๋ยวจะเข้าใจผิด


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 07 ก.ย. 2009, 13:24, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="กรัชกาย"]
ขอถามคุณ sasikarn นิดหนึ่ง ที่คุณปฏิบัติกรรมฐานเนี่ย มีเป้าหมายในการปฏิบัติยังไงครับ
คิดยังไงถึงปฏิบัติกรรมฐานครับ

เป้าหมายของเอไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะคือเป้าหมายแรกแค่ต้องการสวดมนต์เพื่อแผ่เมตตา แผ่ส่วนบุญส่วนกุศล และเพื่อลดความอยากทั้งหลาย ความไม่สบายกายไม่สบายใจต่าง ๆ อยากมีชีวิตที่เป็นธรรมดาเรียบง่ายสันโดษ แต่ไม่ใช่ไม่คบใครนะคะ แค่เบื่อหน่ายในความวุ่นวายของคนเท่านั้น...พอสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ พร้อมคำแปล สวดมากบทขึ้น ทำให้รู้สึกว่าแค่สวดมนต์ไม่พอแล้วอยากให้ได้มากกว่าสวดมนต์ (นั่นแนะมีความอยากอีกแล้ว อิอิอิ) แล้วบังเอิญได้ฟังจากแม่ชีว่าวิธีกรรมฐานเป็นการแผ่ส่วนกุศล และทำให้กรรมเบาบางลง ได้ดีที่สุด ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจมาก ๆ อยากให้สรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวติอยากให้เขาอยู่อย่างมีความสุขค่ะ

:b24: :b21: :b24: นู๋เอค่ะ :b16: :b16:

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


แก้ไขล่าสุดโดย sasikarn เมื่อ 07 ก.ย. 2009, 16:18, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="murano"]การทำสมาธิมันมีหลักง่ายๆ อยู่ว่า...
ปกติคนเรามักจะคิดหลายๆ เรื่อง แต่ละเรื่องก็ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ หรือที่เราเรียกว่าฟุ้งซ่าน การทำสมาธิก็คือ การทำให้เรา คิดให้น้อยลง จนกลายเป็นคิดเรื่องเดียวในที่สุด (ทางพระเขาเรียกว่า เอกัคคตา) วิธีที่ใช้ก็คือ ให้เราจดจ่อในสิ่งเดียว ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น อานาปานสติ กสิน ฯลฯ

อื้มมมมมมม...ต้องตัดให้ได้ทุกเรื่อง ดังนั้นก่อนนั่งควรตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกังวลออกไปก่อนใช่มั๊ยค่ะถึงจะดี...

เมื่อเราคิดน้อยลงเรื่อยๆ จิตก็จะมีพลังมากขึ้น จิตที่ไม่คุ้นเคยกับสภาวะนี้ ก็จะเกิดการรับรู้แปลกๆ หรือที่ทางพระเขาเรียกว่า ปีติซึ่งอาการจะเป็นยังไง มีมากมีน้อยก็แล้วแต่บุคคล ในช่วงนี้หากสติหลุด ก็จะเข้าภวังค์ไป (ภวังค์จลนะ) อาจเกิดนิมิตความฝันต่างๆ ซึ่งโดยมากก็จะเป็นเรื่องที่เราคาดหวังไว้ก่อน เช่น อยากเป็นศาสดา ก็จะเห็นพระพุทธเจ้ามาบอกว่า เจ้าคือศาสดา, อยากเห็นนรกก็จะได้เห็นนรก มีต้นงิ้วตามที่เคยเรียนมา, อยากถอดจิต ก็จะได้ถอดจิตไปตามที่ต่างๆ ฯลฯบางคนจะติดอยู่ในชั้นนี้นานมากๆ และอาจจะตลอดไปเลยก็ได้ (เพราะจิตยังหลงใหลในนิมิต) คำว่านิมิตเป็นคำกว้างๆ อะไรๆ ก็เป็นนิมิต ภาพกสินก็คือนิมิต เพราะงั้นเราขอแยกใช้คำว่านิมิตเป็นกรณีๆ ไป เช่น นิมิตความฝัน เป็นต้น

ข้อนี้คือถ้าเราจดจ่อสิ่งไหนก็จะนิมิตในสิ่งนั้น แล้วงี้เอจดจ่อแต่เรื่องการแผ่เมตตา และส่วนกุศลให้กับพ่อแม่ญาติทั้งหลาย พร้อมทั้งเทวดาสิ่งศักดิสิทธิ และเจ้ากรรมนายเวร สัพพะเวสี...และในนิมิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้เนี่ยจะเป็นยังไงคะ

***ได้อ่านข้อความของคุณ murano ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการอยากฝึกปฏิบัติมากเลยค่ะ (เริ่มมีไฟอีกราอบ) อยากทราบเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง...

มีต่อเรื่องผี... ฮิฮิ
ม่ะอาวววววววววววง่ะ :b26: :b26: :b26:

อาจจะเห็นเทวดาหล่อๆ ก็ได้ ฮิฮิ
:b20: อย่างงี้ก้อยิ่งฟุ้งซ่านนนนนนนนนอ่ะจิ :b12: :b12: :b12:

:b6: :b6: :b6: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:



หากคุณนู๋เอสู้สู้ นู๋เอสู้ตาย ฯลฯ ต้องการอ่านสภาวะที่ปรากฏแก่โยคีผู้ทำการภาวนาอีกก็ที่

http://www.free-webboard.com/look.php?n ... ati&qid=16


ที่น่าสังเกตคือทุกคนมีศรัทธาเปี่ยมล้น แต่ยังหาทางออกไม่ได้ ขอร้องให้คนช่วยชี้แนะอย่างน่าสงสาร


[color=#FF8000]web ที่ให้มาอ่ะคะเอลองเข้าไปดูมา อื้มมมมมดีมากเลยค่ะ...อยากเข้าไปขอคำแนะนำ และขอความคิดเห็นบ้าง แต่พอพิมพ์ไปแล้วกดส่ง เขาแจ้งมาว่ารหัสผิดอ่ะคะ...ยังงี้ต้องทำไงดีคะ แฮ่ะๆๆๆ... :b32: :b32: :b32:

:b9: :b9: :b9: นู๋เอค่ะ :b9: :b9: :b9: s006

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พิมพ์ไปแล้วกดส่ง เขาแจ้งมาว่ารหัสผิดอ่ะคะ...ยังงี้ต้องทำไงดีคะ


ใส่ใหม่สิครับ ใส่ให้ถูก พอถูกระบบจะได้ไม่ว่าผิด :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2009, 15:11
โพสต์: 10

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามที่ผมรู้

ผมว่า....

พุท-โธ คือ สมถกรรมฐาน นะครับ

ส่วน...

พองหนอ-ยุบหนอ คือ วิปัสสนากรรมฐาน นะครับ
แล้วก็ตรงกับหลัก สติปัฏฐาน4 ด้วย คือตรงกับ กายานุปัสสนา น่ะครับ



ผมก็ไม่รู้นะครับว่าที่ผมตอบ จาถูกหรือป่าว

.....................................................
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ
พระธรรมนี่แหละ ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


sasikarn เขียน:
ข้อนี้คือถ้าเราจดจ่อสิ่งไหนก็จะนิมิตในสิ่งนั้น

ไม่ใ่ช่นะ ภวังค์จะเกิดขึ้นเมื่อ ขาดสติ นั่นคือเมื่อเข้าภวังค์ (ภวังค์จลนะ) จะเกิดนิมิตความฝันแบบใด ย่อมคาดเดาไม่ได้ แต่โดยมากมันจะสะท้อนความอยากที่มากที่สุดในตอนนั้น ถ้าคุณนู๋เอ อยากแผ่เมตตาให้โอปปาติกะมากๆ นิมิตความฝันที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นว่า มีญาติ สัมภเวสี มาขอบใจก็เป็นได้ แต่อย่าลืมว่า...

นิมิตความฝันทั้งหลายนั้น ไม่จริง มันเป็นเพียงความฝัน ที่มีคนจำนวนมากก้าวไม่พ้นขั้นนี้ ก็เพราะไปเห็นว่า มันคือความจริง มีพระภิกษุสายปฏิบัติหลายรูปที่หลงในนิมิตนับสิบปี (ท่านบอกเอง)

แต่ปัจจุบัน มันมีวิชาหนึ่งที่สอนกัน เขาใช้คำว่า มโนมยิทธิ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นวิชาควบคุมความฝัน ไม่ใช่มโนยิทธิตามหลักพุทธศาสนาจริงๆ วิชานี้จะทำให้มีสติรับรู้ระหว่างที่เกิดนิมิตความฝันต่างๆ และมันทำให้ผู้เรียนเข้าใจผิด เห็นความฝันเป็นความจริง และ... แก้ไขได้ยากมาก

เพราะงั้น ถ้าหากอยากจะก้าวหน้า ก็อย่าใส่ใจในนิมิตความฝันในทุกกรณี

อีกอย่างที่อยากบอกคือ ระดับของฌาณนั้น มันไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องเริ่มจาก 1 ไปถึง 4 บางคนมีสภาพจิตที่ฟุ้งเพียงผิวๆ เมื่อกำจัดความฟุ้งซ่านได้แล้ว อาจจะก้าวข้ามไปถึงขั้น 3 ขั้น 4 อย่างรวดเร็ว... เพราะงั้น การปฏิบัติก็ให้มองจากสภาพที่ตนเองเป็น อย่ามองจากตำรา เช่น...
หากเรานั่งสมาธิ พุท-โธ แป๊บหนึ่งก็เริ่มเห็นแสงสีต่างๆ ก็ให้ไปจดจ่อที่แสงสีเหล่านั้นได้เลย ไม่จำเป็นต้องยึดอยู่กับ พุท-โธ ตลอดเวลา...

เพิ่มเติม... ถ้าลองสังเกตหน่อย สมาธิจะเป็นความสงบจากภายนอกสู่ภายใน กายเริ่มสงบในฌาณ 2 จิตเริ่มสงบในฌาณ 3 และสงบหมดในฌาณ 4 (ไม่ใช่ดับนะ)


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 07 ก.ย. 2009, 19:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต่างกันในผลของการทำค่ะ สมาธิ เอาความคิดไปอยู่ที่พุธ-โธหรือที่ยุบหนอ-พองหนอ คนทำสมาธิก็พยายามเอาสติคุมความคิดว่าให้อยู่ที่พุธ-โธ หรือ ยุบหนอ-พองหนอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
นิมิตความฝันทั้งหลายนั้น ไม่จริง


:b4: :b34: ในเมื่อนิมิตทั้งหลายไม่ใช่ความจริงดังนั้นเราควรจะละความสนใจไม่ว่าจะนิมิตอะไรก้อแล้วแต่ให้เราดึงสติมากำหนดพุท-โธเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ยคะ...



:b8: :b8: :b8: นู๋เอค่ะ...[/color]

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


แก้ไขล่าสุดโดย sasikarn เมื่อ 08 ก.ย. 2009, 14:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue tongue ขอขอบคุณทุกคำแนะนำที่ช่วยชี้แนะนะคะ มีประโยชน์มากค่ะ สำหรับที่จะนำไปฝึกปฏิบัติ... :b8: :b8: :b8:

:b9: :b9: นู๋เอค่ะ :b9: :b9:

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:12
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหมือนพาหนะในการเดินทางครับ เราจะเดินทางไกลให้พ้นทุกข์ ถ้ามีพาหนะที่สมรรถนะดีก็ไปได้เร็วและสบาย แต่ถ้าพาหนะที่สมรรถนะไม่ค่อยดีก็ไปช้าหน่อย เพราะถ้าไปเร็วก็อาจเกิดพลิกคว่ำได้(ประมาท)
เปรียบเทียบอย่างนี้น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:12
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sasikarn เขียน:
murano เขียน:
นิมิตความฝันทั้งหลายนั้น ไม่จริง


:b4: :b34: ในเมื่อนิมิตทั้งหลายไม่ใช่ความจริงดังนั้นเราควรจะละความสนใจไม่ว่าจะนิมิตอะไรก้อแล้วแต่ให้เราดึงสติมากำหนดพุท-โธเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ยคะ...



:b8: :b8: :b8: นู๋เอค่ะ...[/color]

ไม่ใช่ครับ...ทำอย่างนั้นมันเป็นการปล่อยปะละเลย...เดี๋ยวมันก็จะกลับมาอีก แล้วถ้าเราทำแบบนั้นอีก มันก็จะกลับกลอกอยู่อย่างนั้น

คุณต้องกำหนดรู้ในนิมิตนั้น...พิจารณาให้ถึงเหตุ แล้วก็ดับที่เหตุนั้น ทำเช่นนี้จึงจะดับได้สนิท แต่มันก็จะมีอย่างอื่นเกิดขึ้นมาอีก :b6: :b6: (เฮ้ออออ....เหนื่อย :b32: )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขอบคุณค่ะคุณสุคโต...อื้ม พอเข้าใจบ้างแย้ววววว...แฮ่ะ ๆๆๆ

:b8: นู๋เอ... :b9: :b9: :b9:

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


แก้ไขล่าสุดโดย sasikarn เมื่อ 11 ก.ย. 2009, 15:02, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 19:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.luangta.com/thamma_forum/forum_detail.php?cgiForumID=1071
คำถามของลิ้งค์นี้:
บริกรรมพุทโธกับคำว่าหนอ

ปกติหลานใช้ "พุท-โธ" อยู่ประจำในการทำสมาธิ แต่ปรากฏว่าเวลา ยืน เดิน นั่น นอน ท่าปลีกย่อย หลานมักจะคิดฟุ้งซ่าน จำเป็นต้องใช้คำภาวนาลงท้ายว่า "หนอ" เป็นประจำ จึงจะสงบขึ้น ขอกราบนมัสการองค์หลวงตาได้โปรดสงเคราะห์หลานด้วยว่าการปฏิบัติธรรมดังกล่าวถูกหรือผิด หรือควรปรับปรุงประการใดเจ้าคะ????


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 01:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b4: อันนี้คงต้องให้ผู้รู้หลาย ๆ ท่านเป็นผู้ให้ความกระจ่าง เพราะเอก็ยังไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ เปงมือใหม่หัดนั่งง่ะ :b12: :b12: :b12:

รองตั้งเป็นกระทู้ใหม่สิคะ เพราะหัวข้อน่าสนใจมาก...เอจาได้เข้าไปแอบอ่านเอาความรู้ด้วยคน :b4: :b4: :b4:

:b55: :b55: :b55: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร