วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 09:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 201 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คืนนี้ยังเดินระยะที่ 5 อย่างเดียวอยู่ค่ะ
(ต่อไปคงต้องมาดูกระทู้ก่อนปฎิบัติทุกวัน
เพราะพลาดมาหลายครั้งแล้ว)



ไม่เป็นไรหรอกครับคุณริน :b1:

ไม่พลาดหรอก คุณก็ยังทำยังปฏิบัติอยู่นี่ อย่ากังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย

กรัชกายจะสังเกตการรับรู้รับทราบคำสั่งจากคุณที่ปุ่มอนุโมทนา

คุณเข้ามากดแสดงว่า คุณรับรู้แล้ว กรัชกายก็นับวันให้

หากคุณเงียบไป ก็ไม่นับการเปลี่ยนระยะทั้งเดินจงกรมและนั่ง ก็เลื่อนเวลาออกไป

เพราะว่า เราเรียนรู้กันสอบถามอารมณ์การปฏิบัติกรรมฐานกันอยู่คนละซีกโลก

อีกอย่างหนึ่ง คุณมีภาระหน้าที่เรียนด้วย

บางวันก็เหน็ดเหนื่อยเพราะต้องออกนอกที่พัก ไม่ได้เข้าเน็ตบ้างแต่ก็ปฏิบัติอยู่ก็ใช้ได้แล้ว



อ้างคำพูด:
คืนนี้เดินจงกรมคล่องขึ้น ตอนนั่งเมื่อคืนนี้ พักหนึ่งเห็นตัวเองอยู่เดินอยู่ในทุ่งหญ้า
และรู้สึกสนุก คืนนี้เห็นตัวเองเดินอยู่ในที่ที่มีแต่หิมะ และรู้สึกหนาวด้วยค่ะ มีอยู่พักหนึ่งที่รู้สึกว่าอกกลวง และกระดูกซี่โครง



สิ่งเหล่านั้น แสดงถึงสติสัมปชัญญะในการกำหนดอารมณ์กรรมฐานมีกำลังไม่พอ

กำหนดรู้ตามนั้นเลยครับ ”เห็นหนอๆๆ” กำหนดรู้แล้วๆกัน ไปเกาะจับรับรู้อารมณ์กรรมฐาน คือ

พอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ต่อไปใหม่

วิธีเจริญสติเป็นต้น ให้แข็งแรงให้มีกำลังก็เท่านี้


อ้างคำพูด:
หลายวันแล้วที่นั่งตัวตรงแล้วอาการเมื่อยคอ ปวดหลัง ปวดเอว (จากการนั่งทำงานนาน ๆ) ทุเลาลงค่ะ



อาการนั่งตัวตรงแน่ว เป็นลักษณะของสมาธิจะตรงของมันเองโดยไม่ต้องฝืน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 16 ก.ย. 2009, 09:14, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1192712780.jpg
1192712780.jpg [ 118.93 KiB | เปิดดู 4063 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
มีข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งค่ะ เวลาเห็นอาหารที่มีสัตว์เล็กด้วย เช่น กุ้ง เป็นต้น รู้สึกว่ามันเป็นศพ
เรียงรายอยู่ในจาน ไม่ใช่อาหาร
ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่น หมู เป็นต้น จะเกิดภาพหมูถูกฆ่าขึ้นในใจ เวลากินน่องไก่จะเหมือนกินน่อง
ของไก่ที่ยังมีชีวิตอยู่ อาการเหล่านี้ทำให้สะอิดสะเอียน ไม่อยากกิน

อาการอย่างนี้ เป็นผลของการปฺฎิบัติหรือน่าจะเป็นเพราะอะไรคะ




ดังกล่าว

เป็นผลระดับหนึ่งจากภาวนามัยกุศลครับ

คุณรินอ่านข้อความ ๒ ขั้นตอนต่อไปนี้ แล้วจะเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้น พิจารณาครับ




คุณค่าด้านการทำจิต หรือ คุณค่าเพื่อความหลุดพ้นเป็นอิสระ



ตามปกติ ผู้เจริญปัญญาด้วยการพิจารณาไตรลักษณ์

จะพัฒนาความเข้าใจ ต่อโลกและชีวิตให้เข้มคมชัดเจนยิ่งขึ้น

พร้อมกับมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพจิต

เป็นขั้นตอนสำคัญ ๒ ขั้นตอน คือ



ขั้นตอนที่ ๑

เมื่อเกิดความรู้เท่าทันสังขาร มองเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่เป็นตัวตน

ชัดเจนขึ้นในระดับปานกลาง จะมีความรู้สึกทำนองเป็นปฏิกิริยาเกิดขึ้น คือรู้สึกในทางตรงข้าม

กับความรู้สึกที่เคยมีมาแต่เดิม

ก่อนนั้น เคยยึดติดหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง เป็นต้น มัวเมา เพลิดเพลินอยู่กับสิ่งนั้น

คราวนี้ พอมองเห็นไตรลักษณ์เข้าแล้ว ความรู้สึกเปลี่ยนไป กลายเป็นรู้สึกเบื่อหน่าย รังเกียจ

อยากหนีไปเสียให้พ้น

บางที ถึงกับรู้สึกเกลียดกลัว หรือ ขยะแขยง นับว่าเป็นขั้นที่ความรู้สึกแรงกว่าความรู้

(ภาษาไทยเรียกว่า อารมณ์เหนือปัญญา)

แม้ว่า จะเป็นขั้นตอนที่ปัญญายังไม่สมบูรณ์ และ ความรู้สึกยังเอนเอียง แต่ก็เป็นขั้นตอน

ที่สำคัญหรือบางทีถึงกับจำเป็น ในขณะที่จะถอนตนให้หลุดออกไปได้จากความหลงใหล

ยึดติด ซึ่งเป็นภาวะที่มีพลังแรงมาก เพื่อจะสามารถก้าวต่อไป สู่ภาวะที่สมบูรณ์

ในขั้นตอนที่ ๒ ต่อไป


ในทางตรงข้าม ถ้าหยุดอยู่เพียงขั้นนี้ ผลเสียจากความรู้สึกที่เอนเอียงก็จะเกิดขึ้นได้




ขั้นตอนที่ ๒

เมื่อความรู้เท่าทันนั้น พัฒนาต่อไป จนกลายเป็นความรู้เห็นตามความเป็นจริง

ปัญญาเจริญเข้าสู่ภาวะสมบูรณ์ เรียกว่า รู้เท่าทันธรรมดาอย่างแท้จริง

ความรู้สึกเบื่อหน่าย รังเกียจและอยากจะหนีให้พ้นไปเสียนั้น ก็จะหายไป

กลับรู้สึกเป็นกลาง ทั้งไม่หลงใหล ทั้งไม่หน่ายแสยง ไม่ติดใจ

แต่ก็ไม่รังเกียจ ไม่พัวพัน แต่ก็ไม่เหม็นเบื่อ

มีแต่ความรู้ชัดตามที่มันเป็น และความรู้สึกโปร่งโล่งเป็นอิสระ พร้อมด้วยท่าที

ของการที่จะปฏิบัติต่อสิ่งนั้นๆ ไปตามความสมควรแก่เหตุผล และตามเหตุปัจจัย

พัฒนาการ ทางจิตปัญญาขั้นนี้ ในระบบการปฏิบัติของวิปัสสนา ท่านเรียกว่า

สังขารุเปกขาญาณ (ญาณ อันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร)

เป็นขั้นตอนที่สำคัญและจำเป็นในการที่จะเข้าถึงความรู้ ประจักษ์แจ้งสัจจะและความเป็นอิสระ

ของจิตโดยสมบูรณ์


(อ่านยาวๆลิงค์นี้)

viewtopic.php?f=2&t=25519&p=139582#p139582

(ปฏิบัติธรรมหรือทำกรรมฐานจนเข้าใจชีวิตแล้วจะเข้าใจตำรา หรือ คัมภีร์ทางศาสนา)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 16 ก.ย. 2009, 09:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาฟังเพลงเศร้า ๆ ยิ่งเพลงนั้นพรรณนาความเศร้าโศก หรือคร่ำครวญมากแค่ไหน จะยิ่งไม่ชอบและไม่อยากฟังเพลงนั้นมากตามไปด้วย และมักจะคิดว่าทำไมต้องโศกเศร้าคร่ำครวญขนาดนั้นด้วย (ทั้งที่ตัวเองก็เคยเป็น ถ้าเจอปัญหา (ใดก็ตาม) หนัก ๆ) แต่ถ้าเป็นเพลงแนวเสียสละ แนวสามัคคี จะยินดีมาก นี่ก็เป็นผลจากภาวนามัยกุศลหรือเปล่าคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
เวลาฟังเพลงเศร้า ๆ ยิ่งเพลงนั้นพรรณนาความเศร้าโศก หรือคร่ำครวญมากแค่ไหน จะยิ่งไม่ชอบและไม่อยากฟังเพลงนั้นมากตามไปด้วย และมักจะคิดว่าทำไมต้องโศกเศร้าคร่ำครวญขนาดนั้นด้วย (ทั้งที่ตัวเองก็เคยเป็น ถ้าเจอปัญหา (ใดก็ตาม) หนัก ๆ) แต่ถ้าเป็นเพลงแนวเสียสละ แนวสามัคคี จะยินดีมาก นี่ก็เป็นผลจากภาวนามัยกุศลหรือเปล่าคะ



เป็นครับ

ระยะนี้สภาวะอารมณ์ถึงหรืออยู่ในช่วงอ่อนไหวง่าย กำหนดตามที่รู้สึก ตามที่มันเป็น รู้สึกอย่างไร

เป็นอย่างไรกำหนดอย่างนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เวลาฟังเพลงเศร้า ๆ ยิ่งเพลงนั้นพรรณนาความเศร้าโศก หรือคร่ำครวญมากแค่ไหน จะยิ่งไม่ชอบ
และไม่อยากฟังเพลงนั้นมากตามไปด้วย
และมักจะคิดว่า ทำไมต้องโศกเศร้าคร่ำครวญขนาดนั้นด้วย



ฟังเพลงนี้ดิ ไม่ต้องโหลด คลิกฟังได้เลย-นนทิยา

ลองฟังดู :b1:

http://www.4shared.com/file/44149439/37 ... rr=no-sess

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 08:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ฟังเพลงนี้ดิ ไม่ต้องโหลด คลิกฟังได้เลย-นนทิยา

ลองฟังดู :b1:

http://www.4shared.com/file/44149439/37 ... rr=no-sess




อ๋อ! เพลงตัวอย่างใช่ไหมคะ

ขออนุญาตเพิ่มอีกเพลงนะคะ :b2:

http://www.imeem.com/aomme/music/RKRggOP1//

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




961457njqoucs7zc.gif
961457njqoucs7zc.gif [ 175.99 KiB | เปิดดู 3917 ครั้ง ]
รินรส เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ฟังเพลงนี้ดิ ไม่ต้องโหลด คลิกฟังได้เลย-นนทิยา

ลองฟังดู :b1:

http://www.4shared.com/file/44149439/37 ... rr=no-sess




อ๋อ! เพลงตัวอย่างใช่ไหมคะ

ขออนุญาตเพิ่มอีกเพลงนะคะ :b2:

http://www.imeem.com/aomme/music/RKRggOP1//



ทางตา เห็น หู ได้ยิน จมูก ได้กลิ่น ลิ้น ได้ลิ้มรส กาย ได้สัมผัส

สังเกตดูจิตหรือความคิด ว่าเป็นอย่างไร กำหนดจิต หรือ ความคิดนั้น ตามที่คิด :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 17 ก.ย. 2009, 11:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Jane_peace_position.jpg
Jane_peace_position.jpg [ 134.64 KiB | เปิดดู 3906 ครั้ง ]
เดินจงกรมระยะ 4 และ 5 ได้คล่อง ตอนเหยียบหนอรู้สึกเหมือนเท้าติดอยู่กับพื้นเลยค่ะ

ตอนนั่งรู้สึกว่าตั้งแต่คอลงมาถึงเอวมีแต่กระดูกและมีหนังบาง ๆ หุ้ม และไม่ได้ยินเสียงอะไรประมาณ 4-5 ครั้ง แต่ละครั้งนานพอสมควร เพราะแต่ละช่วงที่ยังได้ยินเสียงนานประมาณ 3-4 นาที เวลาที่ตัวนิ่งมักจะมีความสุขและมีภาพด้านบนนี้ผุดขึ้นมา ช่วงท้ายการนั่งมีแสงสีขาวสว่างจ้าสาดเข้ามา ก็กำหนดตามที่เห็นหรือรู้สึกค่ะ


วันหนึ่ง ผ่านมาหลายวันแล้ว ขณะกำลังมองดูดอกตะแบกที่บานแล้วอยู่ เห็นกลีบดอกค่อย ๆ คลี่ออกมาแบบสโลว์โมชั่น และบางครั้งที่ภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นมาขณะที่นั่งปฏิบัติอยู่ ภาพนั้นไม่ต่อเนื่องกัน แต่ออกมาทีละฉาก

ถ้าเดินจงกรมตอนหน้าหนาวต้องอดทนเหยียบพื้นซึ่งเย็นมากหรือหาวิธีเลี่ยงความเย็นคะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รินรส เขียน:
เมื่อคืนนี้ ตอนเดินจงกรมมีการยกเท้าผิดจังหวะ เพราะสับสนระหว่างเดินระยะที่ 3 กับระยะที่ 4 ก็กำหนดผิดหนอ แต่รู้สึกว่าเดินสนุกมากเลยค่ะ กำหนดว่ารู้หนอ

ช่วงแรกของการนั่ง หายใจช้าค่ะ คือรู้ว่าหายใจจากช้าแล้วค่อย ๆ เร็วขึ้น แล้วค่อย ๆ ช้าลง จนลมหายใจหายไป 3 รอบ หลังจากนั้นเห็นภาพผีผู้หญิงผมยาวใส่ชุดดำ ขอบตาคล้ำมาก ตาถลนออกมาจากเบ้าตา ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ๆ ตอนแรกกำหนดเห็นหนอประมาณ 6 ครั้ง ภาพก็ไม่หาย :b14: จึงเริ่มกลัว กำหนดกลัวหนออีกประมาณ 6-7 ครั้ง ภาพก็ไม่หาย เลยแผ่เมตตา ภาพก็ยังไม่หายอีก เลยบอกเขาในใจว่าออกจากกรรมฐานแล้วจะอุทิศส่วนกุศลไปให้ ภาพก็ยังไม่หาย :b5: เลยกลับมากำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก บ้าง สลับกับกำหนดเห็นหนอและกลัวหนอบ้าง รู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆ และนั่งลงข้าง ๆ ตัว แล้วยื่นมือมาจะบีบคอ แต่แค่แตะค่ะ ยังไม่บีบ พอใกล้จะหมดเวลา รู้สึกว่าเขายิ้มน้อย ๆ แล้วลุกออกไป กำหนดรู้หนอแล้วกำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก จนหมดเวลา เมื่อคืนฝนตกหนักตั้งแต่ตอนเริ่มนั่ง มีฟ้าผ่า 3 ครั้ง (กำหนดเสียงหนอ) หลังจากมีผีเข้ามา เลยเสริมบรรยากาศเข้าไปอีก
:b14: :b5: :b23: :b12:


แบบนี้แสดงว่าสติอ่อนลงอีกใช่ไหมคะ

คนที่มีโรคประจำตัวประเภทเส้นเอ็นตึง เขาจะต้องปฏิบัติกรรมฐานต่างไปจากคนทั่วไปไหมคะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------

รูปที่คุณกรัชกายเอามาลงช่วงหลัง ๆ เป็นรูปที่ถ่ายที่ไหนคะ ที่ทะเล หรืออุทยานแห่งชาติที่ไหนคะ


อ้างคำพูด:
เห็นกำหนดเห็น ได้ยินกำหนดได้ยิน ฯลฯ เห็นอย่างไร กำหนดอย่างนั้น เท่านี้ก็พ้นจากนิมิตนั้นแล้ว

หลักครอบจักรวาล กำหนดรู้ทุกสิ่งอย่างตามที่เห็น ตามที่มันเป็น

:b8: ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
จาก....http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8854

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จงกรมระยะ 4 และ 5 ได้คล่อง ตอนเหยียบหนอรู้สึกเหมือนเท้าติดอยู่กับพื้นเลยค่ะ



วันนี้คุณรินเดินจงกรมไล่ จากระยะที่ ๑ ถึง ๕ จัดสรรเวลาเอง ใน เวลา ๔๕ นาที ทั้งนั่งและจงกรม

เดินจงกรมมากกว่านั่งไปบ้างก็ไม่เป็นไร


อ้างคำพูด:
ตอนนั่งรู้สึกว่าตั้งแต่คอลงมาถึงเอวมีแต่กระดูกและมีหนังบาง ๆ หุ้ม และไม่ได้ยินเสียงอะไรประมาณ 4-5 ครั้ง แต่ละครั้งนานพอสมควร



ไม่ได้ยินเสียงอะไรประมาณ 4-5 ครั้ง แต่ละครั้งนานพอสมควร



ไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่เรายังกำหนดกรรมฐานคือพองยุบเป็นต้นได้อยู่ ใช่ไหมครับ


อ้างคำพูด:
เพราะแต่ละช่วงที่ยังได้ยินเสียงนานประมาณ 3-4 นาที เวลาที่ตัวนิ่งมักจะมีความสุขและมีภาพด้านบนนี้ผุดขึ้นมา ช่วงท้ายการนั่ง มีแสงสีขาวสว่างจ้าสาดเข้ามา ก็กำหนดตามที่เห็นหรือรู้สึกค่ะ



กำหนดตามนั้นแล้ว ก็ใช้ได้แล้วครับ เพียรกำหนดตามที่มันเป็นหรือตามรู้สึกต่อไป

รู้สึกมีความสุข “สุขหนอๆ” “เห็นหนอ” ตามเรื่องที่เกิด



อ้างคำพูด:
วันหนึ่ง ผ่านมาหลายวันแล้ว ขณะกำลังมองดูดอกตะแบกที่บานแล้วอยู่ เห็นกลีบดอกค่อย ๆ คลี่ออกมาแบบสโลว์โมชั่น และบางครั้งที่ภาพต่าง ๆ ผุดขึ้นมา ขณะที่นั่งปฏิบัติอยู่
ภาพนั้นไม่ต่อเนื่องกัน แต่ออกมาทีละฉาก



ไม่เป็นไรครับ เพียงแต่สมาธิล้ำหน้าวิริยะ องค์ธรรมตัวอื่นๆ เช่นสติสัมปชัญญะเป็นต้นยังมีกำลัง

ไม่พอ เพียรกำหนดตามเรื่องนั้นๆ แต่ละขณะๆ ต่อไป

อ้างคำพูด:
ถ้าเดินจงกรมตอนหน้าหนาว ต้องอดทนเหยียบพื้น ซึ่งเย็นมากหรือหาวิธีเลี่ยงความเย็นคะ



สรวมถุงเท้าได้ครับ แล้วเลี่ยงพื้นที่ที่เย็นจัดเสียก็ได้

สาธุในวิริยะอุตสาหะ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
วันนี้คุณรินเดินจงกรมไล่ จากระยะที่ ๑ ถึง ๕ จัดสรรเวลาเอง ใน เวลา ๔๕ นาที ทั้งนั่งและจงกรม เดินจงกรมมากกว่านั่งไปบ้างก็ไม่เป็นไร



เดินจงกรมหลายระยะนี่ท้าทายนะคะ
ตั้งแต่ ระยะที่ 1-3
ระยะที่ 1-4

วันนี้ระยะที่ 1-5 :b5: :b4:



กรัชกาย เขียน:
ไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่เรายังกำหนดกรรมฐานคือพองยุบเป็นต้นได้อยู่ ใช่ไหมครับ



ใช่ค่ะ ไม่เคลิ้ม ไม่หลับค่ะ

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00029_10.gif
00029_10.gif [ 20.8 KiB | เปิดดู 3842 ครั้ง ]
รินรส เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วันนี้คุณรินเดินจงกรมไล่ จากระยะที่ ๑ ถึง ๕ จัดสรรเวลาเอง ใน เวลา ๔๕ นาที ทั้งนั่งและจงกรม เดินจงกรมมากกว่านั่งไปบ้างก็ไม่เป็นไร



เดินจงกรมหลายระยะนี่ท้าทายนะคะ
ตั้งแต่ ระยะที่ 1-3
ระยะที่ 1-4

วันนี้ระยะที่ 1-5



กรัชกาย เขียน:
ไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่เรายังกำหนดกรรมฐานคือพองยุบเป็นต้นได้อยู่ ใช่ไหมครับ



ใช่ค่ะ ไม่เคลิ้ม ไม่หลับค่ะ





เดินจงกรมหลายระยะนี่ท้าทายนะคะ
ตั้งแต่ ระยะที่ 1-3
ระยะที่ 1-4

วันนี้ระยะที่ 1-5



ไม่เกินเดือนนี้ จะมีเดินระยะ ๑-๖

ควรเดินให้คล่องทุกๆ ระยะ เดินไล่ไต่ขึ้นไปๆ



ไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่เรายังกำหนดกรรมฐาน คือ พองยุบเป็นต้นได้อยู่ ใช่ไหมครับ

ใช่ค่ะ ไม่เคลิ้ม ไม่หลับค่ะ



ไม่เป็นไร พึงตามดูรู้ทันพอง ยุบ และความคิด ต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 17 ก.ย. 2009, 19:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 21:22
โพสต์: 264

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(เมื่อวานไม่ได้ปฏิบัติค่ะ ไม่มีห้องค่ะ)

คืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-5 คล่องทุกระยะค่ะ ไม่เมื่อยแล้วค่ะ เวลาเท้าเหยียบพื้นแต่ละครั้งรู้สึกว่าพื้นแข็งและเย็นชัดมาก ๆ เวลาเดินไปไหนมาไหนก็เหมือนกันค่ะ รู้ว่าพื้นหรือพื้นรองเท้านุ่มหรือแข็งชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน ทั้ง ๆ ที่บางครั้งลืมกำหนดซ้ายขวา

ระหว่างที่เดินระยะที่ 2 มีแวบขึ้นมาว่าการเดินจงกรมทุกระยะสัมพันธ์กัน

ตอนนั่ง ลมหายใจอ่อนมาก เสียงข้างนอกเงียบไปตั้งแต่เริ่มนั่งใหม่ ๆ ลมหายใจหายไป พองยุบก็ไม่มี พอจะกำหนดนั่ง+ถูก+นิ่ง ก็ทำไม่ได้เพราะเหมือนฝืน เป็นแบบนี้แป๊บเดียว แล้วถูกกระตุกให้กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ต่อ แต่ลมหายใจแทบจะไม่มี แทบจะไม่รู้สึกว่ามีพองยุบ เป็นแบบนี้หลายรอบค่ะ

กายก็เหมือนโปร่ง ๆ แต่ยังรู้สึกว่านั่งอยู่กับพื้นนะคะ วันนี้รู้สึกมีความสุขนานและมากกว่าก่อนหน้านี้ สุขแบบเย็น ๆ ค่ะ แต่ไม่มีภาพผู้หญิงนั่งสมาธิด้านบนผุดขึ้นมาแล้วค่ะ

4-5 วันมานี้มักปิ๊งจะไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ เวลาเดินหรือไม่ก็นั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นตอนนั่ง แบบนี้เป็นไรไหมคะ






:b37: - 1 วัน :b40: :b53: :b41: :b48: :b54: :b55:

.....................................................
"เราไม่สรรเสริญแม้แต่ความตั้งอยู่ได้ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึงความเสื่อมถอยจากกุศลธรรมทั้งหลาย
เรายกย่องสรรเสริญอย่างเดียว แต่ความก้าวหน้าต่อไปในกุศลธรรมทั้งหลาย"

(องฺ. ทสก. ๒๔/๕๓/๑๐๑)


แก้ไขล่าสุดโดย รินรส เมื่อ 25 ก.ย. 2009, 00:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
(เมื่อวานไม่ได้ปฏิบัติค่ะ ไม่มีห้องค่ะ)



ไม่มีห้องสำหรับทำกรรมฐานน่าหรือครับ


ให้แนวคิดเปิดกว้าง ไว้ เรากำลังทำอะไร ยังไง ตรงไหน ก็ปฏิบัติได้

เพียงเราใช้สติระลึกรู้ดูทันกายที่เคลื่อนไหว หยิบวางสิ่งนั้นๆ + ความคิดที่แวบคิดออกสิ่งที่กำลังทำ

กำลังเกี่ยวข้องอยู่ในขณะนั้น ก็รู้ทัน เพียงเท่านี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรม หรือเจริญสติเป็นต้นแล้ว

ดังนั้น การปฏิบัติกรรมฐาน หรือจะตั้งอื่นจากนี้ก็ตาม จะไม่เป็นอุปสรรคต่อหน้าที่การงานประจำวัน


หากใครคิดแยกย่อยศัพท์บาลีออกแล้วปฏิบัติตามตัวหนังสือ ที่เห็นจนชินตา

คือศัพท์สมถะ กับ วิปัสสนา จนขัดขวางการทำงาน เช่นบุคคลตัวอย่างนั้น

เข้าใจพลาดแล้วครับ :b1:

คุณรินอ่านแล้วผ่านๆไป นะครับ

กรัชกายนำมาเป็นตัวอย่างประกอบความเข้าใจ ว่าการกระทำใดเป็นอุปสรรคการดำรงชีวิต

การกระทำนั้นเป็นมิจฉาปฏิปทา

พิจารณาดูครับ=>





ก่อนหน้านี้ ฝึกตามรู้ตามดูมาจนมีเรื่องทุกข์ใจเข้ามาก็เห็นว่า มันเกิดและดับไปเอง

แต่ปัญหาเกิดตอนที่ต้องไปทำงาน มันก็ตามรู้ตามดูไป จนทำงานไม่ได้เรื่องเลย

ก็เลยกลับไปฝึกสมถะใหม่

ผลปรากฎว่าก็ทำงานได้ดีขึ้น มีสมาธิในงานมากขึ้น แต่ยังไม่ดีเท่าไร

แต่พอมีเรื่องทุกข์เข้ามา

คราวนี้สมถะที่พึ่งหันกลับไปฝึก ทำให้ไปยึดติดอยู่ในอารมณ์ทุกข์

เราก็พยายามว่าเพ่งให้รู้ว่าเพ่ง ยึดให้รู้ว่ายึด

กว่าจะปรับได้ก็ยากเหมือนกัน

แต่พอมาทำงานวิปัสสนา ก็เริ่มทำงานปะปนกับสมถะ

จนงานก็ทำได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง

พอเวลามีทุกข์ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะมันไปเพ่งอีก

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ถึงจะทำงานได้อย่างมีสมาธิและเวลามีเรื่องทุกข์เข้ามา

ก็ไม่ให้สมถะเพ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คืนนี้เดินจงกรมระยะที่ 1-5 คล่องทุกระยะค่ะ ไม่เมื่อยแล้วค่ะ
เวลาเท้าเหยียบพื้นแต่ละครั้งรู้สึกว่า พื้นแข็งและเย็นชัดมาก ๆ
เวลาเดินไปไหนมาไหนก็เหมือนกันค่ะ รู้ว่าพื้นหรือพื้นรองเท้านุ่มหรือแข็งชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน
ทั้ง ๆ ที่บางครั้งลืมกำหนดซ้ายขวา



วันนี้คุณรินปรับเวลาขึ้นไปอีก 5 นาที ทั้งนั่งและจงกรม เป็น 50 นาที

แต่จงกรม ระยะที่ 2-5


เสริมความเข้าใจนิดนะครับ เดินจงกรม คือการตามดูรู้ทันกาย รู้ทันการเคลื่อนไหวกาย

ที่เป็นไปในขณะนั้นๆ

ไม่ต้องแช่เท้ากับพื้น เพื่อจะรู้ว่า พื้นเย็นหรือแข็งนะครับ นั้นเป็นปัจจัยภายนอก แต่เมื่อเหยียบพื้น

แล้วรู้สึกว่าเย็น ว่าร้อยว่าแข็งเอง นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เป็นไร

ทำความเข้าใจไว้ก่อน


อ้างคำพูด:
ระหว่างที่เดินระยะที่ 2 มีแวบขึ้นมาว่าการเดินจงกรมทุกระยะสัมพันธ์กัน

ตอนนั่ง ลมหายใจอ่อนมาก เสียงข้างนอกเงียบไปตั้งแต่เริ่มนั่งใหม่ ๆ ลมหายใจหายไป พองยุบก็ไม่มี พอจะกำหนดนั่ง+ถูก+นิ่ง ก็ทำไม่ได้เพราะเหมือนฝืน เป็นแบบนี้แป๊บเดียว แล้วถูกกระตุกให้กำหนดพอง+ยุบ+นั่ง+ถูก ต่อ
แต่ลมหายใจแทบจะไม่มี แทบจะไม่รู้สึกว่า มีพองยุบ เป็นแบบนี้หลายรอบค่ะ




ลมหายใจแทบจะไม่มี แทบจะไม่รู้สึกว่า มีพองยุบ เป็นแบบนี้หลายรอบค่ะ



ขณะนั้น จะกำหนดเพียง “รู้หนอ” ก็ได้ คือรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น แล้วก็กำหนดรู้ส่วนที่เห็นชัด



อ้างคำพูด:
กายก็เหมือนโปร่ง ๆ แต่ยังรู้สึกว่านั่งอยู่กับพื้นนะคะ
วันนี้รู้สึกมีความสุขนานและมากกว่าก่อนหน้านี้
สุขแบบเย็น ๆ ค่ะ แต่ไม่มีภาพผู้หญิงนั่งสมาธิด้านบนผุดขึ้นมาแล้วค่ะ



รู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไร กำหนดอย่างนั้น

เห็นกายโปร่งๆ กำหนดตามนั้น เพื่อไม่ให้จิตปรุงแต่งต่อฟุ้งไป

ความสุขก็เช่นกัน กำหนดรู้ตามนั้น เพื่อไม่ให้จิตปรุงแต่งฟุ้งออกนอกกรรมฐาน

รู้ตามเป็นจริง ตามสิ่งที่ปรากฏแต่ละขณะๆ นั่น



(ขอถามนอกประเด็นหน่อย ความสุขแบบเย็นๆดังกล่าว ถามว่า ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้

คุณรินเคยประสบมาก่อนหน้าบ้างไหมครับ)


อ้างคำพูด:
4-5 วันมานี้มักปิ๊งจะไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ เวลาเดินหรือไม่ก็นั่ง
ส่วนใหญ่จะเป็นตอนนั่ง แบบนี้เป็นไรไหมคะ




ความคิดลักษณะนั้นไม่ถึงกับเสีย

แต่ไม่ถูกกาล คือ คิดไม่ถูกเวลา ขยายความว่า ขณะนั้นตนกำลังทำอะไรอยู่

ก็พึงรู้สิ่งที่ตนกำลังทำเฉพาะหน้า

ความคิดเช่นนั่น (แม้ไม่เสีย) แต่เป็นเหตุให้เราทิ้งกรรมฐาน คิดวาดไปในอนาคต

ว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพลินไป (พลาดตรงนี้)

แม้ไม่เสียหายดังว่านั่น ให้กำหนดความคิดด้วย “คิดหนอๆๆ”

กำหนดแล้วๆ กันปล่อยวางความคิดสร้างสรรค์นั่น ดึงสติมาเกาะจับรูปนาม พองยุบ +ความคิด

ต่อไป


แต่หลังจากพักการปฏิบัติกรรมฐานแล้ว คิดทำอะไรก็คิด คิดแล้วทดลองทำดู เพื่อให้เป็น

รูปธรรมขึ้นมา




พูดเรื่องนี้แล้ว นึกถึงเรื่องของตนเองได้ จะเล่าประกอบให้คุณรู้-ฟังเป็นอุทาหรณ์

กรัชกายเป็นโรคภูมิแพ้

วันหนึ่ง นานมาแล้วล่ะ แต่จนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดนั้นเลย

ครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังกำหนดรู้รูปนามตามวิธีนี่ล่ะ จิตแวบคิดขึ้นมาว่า เออ เราเป็นภูมิแพ้
น่าจะรักษาเสียให้หาย คลินิกที่รักษาโรคเฉพาะทางตั้งอยู่ตรงนั้น
กลับไปนี่จะไปหาหมอ ฯลฯ นั่งคิดเรื่องนี้เป็นตุเป็นตะ จนลืมจนทิ้ง (งาน) คือ กรรมฐาน
ที่กำลังอยู่เฉพาะหน้าไปเสีย

เรื่องนี้ หลังจากเลิกปฏิบัติกรรมฐานกลับมาแล้ว ลืมเลย จนถึงทุกวันนี้ยังไม่ได้ไปหาหมอเลย


นิทานธรรมบถ ก็มีเรื่องเล่าๆ ทำนองนี้นึกแล้วจะขำๆ แต่เห็นว่ายาวเกินไปแล้ว
เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 19 ก.ย. 2009, 12:13, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 201 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร