ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=25774 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ศรีวรรณ์ ไคร้งาม [ 22 ก.ย. 2009, 18:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ 1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่ 2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที 3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ 4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ 5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง 6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ศรีวรรณ์ ไคร้งาม วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา |
เจ้าของ: | murano [ 22 ก.ย. 2009, 20:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
บางอาการน่าจะเป็นสมาธิขั้นสูง แต่บางอาการก็เป็นสมาธิที่ไม่สูงนัก... รู้สึกเขาจะเรียกว่า สมาธิยังไม่มั่นคงดี -แสงสว่างลำใหญ่ สว่างมาก วูบผ่านไป น่าจะเป็นสมาธิขั้นสูง คิดว่านะ... คิดว่าเป็นรอยต่อขณะที่จิตกำลังเข้าระดับฌาณ 4 เข้าใจว่า ตลอดเวลาการฝึกสมาธิมาทั้งหมด น่าจะเห็นแค่ครั้งเดียว หรือสองครั้งเท่านั้น -อาการเย็นวาบ หรือเห็นแสงหลากสีแพรวพราว เข้าใจว่าเป็นสมาธิชั้นฌาณ 2, ระดับสูงกว่านั้นจะไม่มีสี -อาการโน้มมาข้างหน้า อันนี้น่าจะอยู่ที่สรีระ ที่ไม่เหมาะกับท่านั่ง -เห็นแสงกะพริบ อันนี้ไม่รู้นะ แต่เดาว่า น่าจะเป็นลักษณะเดียวกับการเห็นแสงสว่าง ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ยังไม่แน่ใจ แต่เข้าใจว่า น่าจะตัวบ่งบอกว่า จิตกำลังเข้าสู่ฌาณ 4 และมันน่าจะเกิดแป๊บเดียวนะ เกิดตอนช่วงต้นๆ ของการเข้าสมาธิ -เห็นภาพผู้หญิง ? เอ่อ บางทีอาจเป็นโอปปาติกะก็ได้ เห็นภาพลางๆ ![]() ![]() เพิ่มเติม... คงไม่มีอะไรแนะนำ หากสมาธิมั่นคงดีแล้ว ก็ลองพิจารณาดูว่า จะเข้าสู่ภูมิวิปัสสนา หรือจะฝึกทิพยจักขุ (อภิญญา) เพิ่มเติม 2... โอภาสในฌาณ 3 จะเป็นดวงสว่างที่ไม่เคลื่อนไหว หรือเป็นแสงสว่างทั้งจอ, แสงสว่างที่เป็นลำ ฉายมา อาจจะเกิดในครั้งแรกๆ ที่จิตรู้จักกับความสงบระดับ 4 ในเรื่องของระดับฌาณนั้น ไม่ตายตัว บางคนพ้นระดับ 2 มาได้ ก็เข้า 4 เลย เพราะฉะนั้น อย่าสงสัยในระดับของฌาณก็แล้วกัน |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 22 ก.ย. 2009, 21:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่ เมื่อคลายจากจิตเป็นสมาธิ แต่จิตยังประกอบด้วยกุศลธรรมและอุเบกขา โอภาสย่อมปรากฏเพราะกุศลธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ดีครับ การที่หายไปอย่างรวดเร็วเพราะจิตมีความฟุ้งซ่าน ไม่ตั้งมั่นครับ ฝึกบ่อย ๆ แสงสว่างนั้นจะทรงตัวได้นานขึ้นครับ 2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที สาธุครับ เป็นอาการของปีติครับ คนที่ปฏิบัติแล้วได้ปีติเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย แสดงว่ามีอินทรีย์แก่กล้าดีแล้ว จิตเป็นกุศล ให้เจริญสมาธิต่อไปนะครับ ทำปีติให้มีกำลังเพื่อเจริญวิปัสสนาเป็นลำดับต่อไปนะครับ 3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ เป็นนิมิตของอานาปานุสติกัมมัฏฐานครับ ให้ปรารภอุเบกขามีจิตตั้งมั่น ก็จะเห็นกลมใสสว่างในวงหน้าครับ และจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้รอบตัว อาจทะลุฝาผนังไปได้ 4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ นอกจากเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกายแล้ว แสดงว่ามีอาการตัวโยกตัวโคลงร่วมด้วยซึ่งการเกิดปีติอาจมีหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ครับ เช่นเย็นซาบซ่านด้วย น้ำตาไหลด้วย ตัวโยกตัวโคลงด้วยก็ได้ 5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง เป็นเพราะร่างกายมีการโยกโคลงเคื่อนไหวไปมาขณะเจริญสมาธิ โอภาสที่เห็นให้รักษาไว้เพื่อฝึกญาณต่าง ๆ ได้ต่อไปครับ 6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด เมื่อจิตเป็นสมาธิดี ภาพต่าง ๆ จะมาปรากฏ จิตหวั่นไหวคล้อยตามสมาธิเสื่อมไปขณะหนึ่งภาพย่อมหายไป ครั้นจิตเป็นสมาธิอีกครั้ง ภาพก็มาปรากฏใหม่ได้อีก แต่ไม่ใช่ภาพเดิม ถ้าปรารภอุเบกขามีจิตตั้งมั่น ภาพที่ปรารกฏก็จะตั้งอยู่ได้นาน และเห็นเป็นเรื่องเป็นราวได้เป็นเวลานาน ขออนุโมทนาสาธุการกับการเจริญสมณะธรรมของคุณในครั้งนี้ครับ เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | ศรีวรรณ์ ไคร้งาม [ 22 ก.ย. 2009, 21:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่กรุณาแนะนำมา เป็นประโยชน์กับผู้ปฎิบัติอย่างยิ่งที่สุด ขอบพระคุณอีกครั้ง ![]() |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 23 ก.ย. 2009, 00:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
ตามที่คุณมหาราชันย์แนะนำทั้ง 6 ข้อ ถูกต้องครับ..อนุโมทนา ขณะที่เกิดสภาวะในปรากฏการณ์ในสมาธินั้น..เป็นปัจจุบันธรรม สิ่งสำคัญที่สุด...กำลังสติ..ตั้งมั่น...ถ้าสติไม่มั่นคงคลาดเคลื่อนจะถอนออกจากสมาธิทันที กำหนดสติ ทำความรู้อยู่ที่ฐานความรู้เดิม.. อย่าเปลี่ยนฐานความรู้...รู้อยู่ที่รู้...อย่าไปวิตกวิจารณ์ตรึกตรองคิดเด็ดขาด...จะเป็นสัญญา.. กลายเป็นอารมณ์บัญญัติ..เพราะอารมณ์ฟุ้งซ่านจะเข้าแทรกแทน อย่าตกใจหรือเอ๊ะใจ...ในปรากฏการณ์ที่ปรากฏในขณะนั้น..เด็ดขาด จะทำให้จิตถอนจากสมาธิ....ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่... อย่าส่งจิตไปรู้ในอาการของจิตทั้ง 6 ข้อ ที่ปรากฏในขณะนั้น...จะเป็นสมุทัย วางจิตเฉยเป็นอุเบกขา...จะเข้าสู่..สภาวะ..จิตรวม..เป็นหนึ่ง จิตจะไม่มีเวทนาทางกาย..ตัวตนร่างกายหายไป..ดับหมด.. อย่าตกใจ..ให้กำหนดรู้อยู่ที่รู้..ฐานความรู้เดิม ทำไป..ติดขัดตรงไหน..แล้วค่อยมาถาม.. บอกไปมากเกินไป..จะเป็นสัญญาอารมณ์.. ดักคิด..ดักรู้..ทำให้เกิดความอยาก..จะกลายเป็นรู้ก่อนทำ |
เจ้าของ: | moddam [ 23 ก.ย. 2009, 07:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน: เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ 1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่ 2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที 3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ 4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ 5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง 6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ศรีวรรณ์ ไคร้งาม วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา ขอแสดงความ คิดเห็นครับ ที่ว่ามาทั้งหมด ก็แค่ สังขารจิต ปรุงนินิตขึ้นมาให้เราหลง เท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไร เลย เพราะสมาธิแปลว่า การไม่ปรุง ไปในอารมณ์ภายนอกมีความตั้งมั่น ที่สิ่งที่เรากำลังพิจารณาหรือบริกรรมอยู่ จึงจะเรียกว่า เป็นการทำสมาธิ มีสมาธิ เพื่อทำกำลังจิตให้เพิ่มขึ้น เพื่อเอามาเห็น พระไตรลักษณ์ ไม่ใช่ท่ิองเที่ยวเล่นในความคิด ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย อาจจะมองคนละมุม กับท่านอื่นนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 23 ก.ย. 2009, 16:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
บุญหนักจริงๆนะครับ ภาวนาเจริญดีมากเลย อนุโมทนา แนะนำพระอาจารย์ให้ลองไปศึกษาดูครับ ฟังเทศน์เล่นๆก็ได้ http://www.wimutti.net เข้าไปโหลดพระธรรมเทศนามาัฟัง การปฏิบัติจะได้ก้าวหน้าครับ |
เจ้าของ: | ศรีวรรณ์ ไคร้งาม [ 23 ก.ย. 2009, 19:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
ไม่อาจเอื้อมรับคำว่าบุญหนัก ถ้าการปฎิบัติธรรมเป็นไปด้วยดีคงเพราะเป็นตั้งแต่เข้าพรรษามา ทานผักทานเต้าฮู่ ทานนมชนิดไม่เปรี้ยว และไม่ทานไข่ อีกทั้งยึดถือไม่ยุ่งในกามด้วย ศีลก็ปฎิบัติตาม ศีล 3 ชุดในพระไตรปิฎก มีที่ผิดบ้างคือข้อปานาติบาตเพราะอาชีพต้องสังปลามาชาย พยายามแก้ด้วยการเลือกปลาทะเลที่ตายเรียบร้อยมาขายแทน การขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะเป็นร้านอาหาร แต่เป็นร้านอาหารที่ไม่มีสิ่งผิดกฎหมายอี่นๆ ไม่มีสาวนั่งดริ้ง เป็นต้นเน้นคุณภาพอาหารและงานบริการจริงๆ มีพนักงานที่ต้องดูแล 25 คนบางครั้งก็มากกว่า ก็พยายามใช้พรหมวิหาร 4 ดูแลพวกเขา ส่วนตัวเองจริง ๆ อยากบวชในพุทธศาสนามาตั้งแต่อายุ 18 ปีแล้วแต่ขัดที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย จึงต้องเรียนหนังสืออยู่เรือยมาจนถึงอายุ 30 หลังช่วงอายุ 30 ก็วุ่นวายอยู่ในทางโลกหาเงินซ้อบ้านซ้อรถ ในปัจจุบันเรื่องอยากบวชหรืออย่างน้อยปฎิบัติธรรมอย่างสันโดษยังเป็นความความหวังของตัวเองอยู่คิดว่าบั้นปลายชีวิตถ้าไม่ต้องดูแลพ่อและแม่ของตัวเองคงได้ปฎิบัติธรรมจริงๆจังๆ เสียที สำหรับตัวเองในปัจจุบันเวลาเดินก็พยายามหลีกเว้นต้นไม้และมด แมลงต่างๆ ถอนต้นหญ้าแปลงดอกก็ไม่กล้าถอนและเริ่มรู้สึกผิดแล้ว ตัวเองพยายามยึดชีวิตสมถะ ใช้เฉพาะสบู่และยาสีฟัน แชมพู อย่างอื่นๆ ไม่ใช้เสื้อผ้าคือสิ่งของปกปิดกายใช้เท่าที่มี เงินที่หามาได้ใช้ไป 4 ทางหลักคือ พัฒนาสภานท่ เงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน ให้พ่อแม่ทั้งหมดที่เหลือ และให้ทานทำบุญกุศล สำหรับตัวเองเงินไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้ ถ้าผลการปฎิบัติได้ผลดีต้องยกความดีให้กับพระธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าเป็นเพียงการปรุงแต่งจากจิตสังขารก็ขอยอมรับ และขอขอบพระคุณทุกๆ ท่านมา ณ ที่สร้างบุญด้วยการมาเป็นอาจารย์ให้ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับตัวเองคงจะไม่เขียนอะไรมาอีกแล้ว จะขอเป็นเพียงลูกศิษย์ ของทุกๆ ท่านจากการอ่านเท่านั้น ขอขอบคุณเสียงธรรมดีๆที่แนะนำให้กราบขอบพระคุณอย่างสูง ขอบพระคุณค่ะ |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 23 ก.ย. 2009, 19:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
คุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม ครับ ผมขออนุโมทนาด้วย คุณจงภาคภูมิใจในสิ่งที่คุณมี..... คือ คุณมีการปฏิบัติจริง และผลการปฏิบัติก็เกิดจากการปฏิบัติจริงของคุณ.. ไม่ได้จดจำตำราหรือเอาความรู้ความเข้าใจในตำรามาหลอกผู้อื่นว่า..เป็นผลการปฏิบัติของตน.. ไม่หลอกความรู้สึกของตนเอง...ซื่อตรงกับตัวเอง การปฏิบัติของตนเป็นแบบไหน..ก็แสดงออกมาแบบนั้น..ไม่ปรุงแต่งให้ดูดี นี่แหละคุณสมบัติผู้ปฏิบัติธรรม.. ในการปฏิบัติทุกคน ย่อมมีอุปสรรค ในเบื้องต้นย่อมประสบปัญหา แต่อำนาจแห่งพระธรรมจะจัดสรร..ให้ผ่านพ้นไปได้.. เจริญในธรรม |
เจ้าของ: | จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 23 ก.ย. 2009, 20:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน: เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ 1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่ 2.เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที 3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ 4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ 5.ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง 6.เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือเห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ศรีวรรณ์ ไคร้งาม วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา คุณไม่ได้มีสมาธิ ในการปฏิบัติขอรับ แต่คุณกำลังเกิดอาการทางจิต ถ้าจะเรียกตามหลักพุทธศาสนา ก้เรียกว่า วิปัสสนูกิเลส ขอรับ คำว่า วิปัสสนูกิเลสนี้ ไม่ได้หมายความว่า ปฏิบัติวิปัสสนา แล้วเกิดมีวิปัสสนูกิเลส แต่หมายถึง การปฏิบัติสมาธิ แล้วเกิดอย่างที่คุณอธิบายมานั่นแหละ ขอรับ |
เจ้าของ: | chulapinan [ 25 ก.ย. 2009, 02:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
อ้างคำพูด: เริ่มนั่งสมาธิในวันเข้าพรรษานี้เอง อายุมากแล้ว 42 ปี ปฎิบัติมาทุกวันวันละประมาณ 1 ชั่วโมง วิธีการนั่งสมาธิไม่มีอาจารย์โดยตรงเรียนรู้จากพระไตรปิฎกที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้คือหายใจเข้าสั้นให้รู้ว่าหายใจเข้าสั้น หายใจออกสั้นให้รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่าหายใจออกยาว ตามที่อานเจอ และอ่านธรรมทุกวันเรื่อยมาถึงวันนี้ อาการที่พบคือ การฝึกสมาธิ ทำเองได้ค่ะ แต่ต้องใช้แนวทางการปฏิบัติที่พระพุทธองค์กำหนดมา 40 วิธี ซึ่งเราเอาวิธีไหนก็ได้ที่เหมาะกับเรา แต่รวมๆแล้วเราต้ิองยึดสติปัฎฐาน 4 ค่ะ - รู้กาย รู้ความรู้สึก รู้อารมณ์ แล้วค่อยรู้ทุกอย่าง (รู้ทุกอย่าง รู้จากปัญญาญานนะคะ ไม่ใช่ความคิดเราเอง ถ้าแบบนั้น เรียกว่า ฟุ้งซ่านค่ะ) 1.เห็นแสงลำใหญ่วาบผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่ วิญญานเร่ร่อนมารับเอาไป การนั่งสมาธิ เป็นการทำให้เราได้บุญ ได้บุญจากการให้อาหารบุญแก่พวกวิญญานเร่ร่อนและในนรก เขาไม่ได้มา แต่เขารู้ว่าคุณแผ่เมตตา เขาก็มาเอาค่ะ 2. เกิดอาการเย็นวาบทั่วตัวเย็นทั่วสรรพางกาย 2 ครั่ง ครั้งแรกไม่นานเท่าไหร่ แต่ครั้งท่ 2 ประมาณ 4- 5 วันก่อนเย็นทั่วการนานมากเย็นนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่แน่ใจน่าจะนานหลายนาที อันนี้อาการจิตหลอนค่ะ รู้สึกไปเองค่ะว่าเย็น คงเพราะคุณอ่านเรื่องสมาธิมาแล้วรู้มาแบบนั้น จิตใต้สำนึกคุณก็บอกว่าอยากได้สัญญานนั้นบ้าง มันก็สั่งสมองคุณให้ส่งสัญญานผ่านระบบประสาทมาบอกตัวคุณ 3.เห็นแสงสีแพรวพราวบนพื้นดำระยิบระยับประมานสีม่วง เขียว แดง ไม่แน่ใจ จิตหลอนอีกเหมือนกันค่ะ 4.เกิดอาการเหมือนตัวโน้มกายมาด้านหน้าอยู่บ่อยๆ ขณะนั่งสมาธิ อันนี้จิตไหวค่ะ ไม่นิ่งน่ะค่ะ 5. ปัจจุบันเห็นแสงเหมือนไฟนีออนกระพริบ 4-5 ครั้งด้านปลายมุมหางตา สองสามวันก่อนเห็นปลาย มุมหางตาข้างหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกข้างหนึ่ง จิตหลอนค่ะ ถ้าเป็นสมาธิ ตาจะเหมือนมีแม่เหล็กมาถ่วง ไม่เห็นแสงสีเลยค่ะ เห็นแต่ดำ 6. เริ่มเห็นภาพไม่ชัดนัก เช่นเห็นภาพหน้าผู้หญิงผ่านมาเห็น 2-3 หน้าความเข้าใจในขณะนั้นคิดว่าคือตัวเองที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เห็นแค่นั้นในวันนั้น อีกวันหนึ่งก็เห็นเป็นสถานที่ไม่รู้ว่าอะไรมันลางๆไม่ค่อยชัด ตัวเองไม่ได้อยากรู้อะไรเท่าไหร่เพราะเริ่มปลงได้บ้างแล้ว และคิดว่าเป็นภาพหลอนจากความคิดเราเองก็ได้ก็ปฎิบิตอย่างที่ทุกท่านสอนคือ เห็นหนอ เริ่มภาวนาแล้วตั้งแต่อ่านจากทุกท่าน แต่การนั่งสมาธิยังถนัดตามท่เขียนมาอยู่ยังไม่ได้ภาวนาพุทธ-โธ หรือนับแบบที่พระไตรปิฎกและสมเด็จพระสังฆราชได้เขียนไว้ ไม่ทราบต้องปรับปรุงวิธีการปฎิบัติอย่างไรขอคำแนะนำด้วย จิตหลอนเหมือนกันค่ะ คุณอ่านวิธีมาเยอะ ว่าด้วยญานสมาธิ ใจคุณอยากได้ จิตคุณก็รับรู้ แล้วมันก็ส่งสัญญานให้คุณเห็น ซึ่งมันไม่ใช่ตาทิพย์ แต่เป็นจิตหลอกเราค่ะ ขอนุญาตสอนวิธีที่จะทำให้ได้ญานค่ะ ๑. ถือศีล (ด้วยเจตนาบริสุทธิ์) ๒. ทำดี (ด้วยเจตนาบริสุทธิ์) ๓. ละความชั่ว (ด้วยเจตนาดี) ๔. ทำใจให้เบิกบาน (ไม่ทำให้ตัวเองทุกข์) ๕. ทำสมาธิ (ต้องไม่มีกิเลสใดๆ นอกจากความเพียรเท่านั้น) ทำสมาธิ คือ ตั้งมั่นกับสิ่งที่เป็น ณ ขณะที่เราทำสมาธิ รู้มันเฉยๆ ไม่ต้องคิดต่อ ได้ยินอะไร ก็ได้ยินเฉยๆ ไม่ต้องคิดต่อ สรุปว่า รู้ แค่รับรู้ แล้วก็ปล่อยผ่านไป อย่าเก็บไว้ในหัว แล้วถามตัวเองว่า เราได้ญานอะไรหรือยัง ถ้าทำแบบนั้น ยังไงก็ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าได้ เรารู้เองค่ะ เพียรนะคะ อย่าใส่กิเลส แล้ววันนึง ปัญญาญาน จะมาถึงคุณเอง โชคดีค่ะ ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ศรีวรรณ์ ไคร้งาม วิธีการก็พยายามทำตามจากการอ่านที่ทุกท่านสอนมา |
เจ้าของ: | murano [ 25 ก.ย. 2009, 20:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
สมัยนี้ หาคนมีสมาธิในระดับสูงได้ยาก ส่วนหนึ่งเพราะมีการสอนโดยผู้รู้ที่ รู้ไม่พอ สอนเกินกว่าสิ่งที่ตนทำได้ หรืออย่างดีก็สอนเท่าที่ตนทำได้ การสอนเท่าที่ตนทำได้นั้น ก็เป็นเรื่องดี ผู้ฝึกใหม่ไม่จำเป็นต้องรู้ถึงสมาธิขั้นสูง แต่ปัญหาคือ ผู้สอนจำนวนมาก กลับปิดกั้นตนเอง ไม่ยอมรับรู้ถึงขีดจำกัดที่ตนเองมี เพราะยังไม่สามารถละสักกายทิฎฐิ อันถือเป็นการบรรลุธรรมขั้นต้น หากลูกศิษย์เริ่มจะก้าวหน้ากว่าตน ก็กลัวเสียหน้า พาลสอนในสิ่งที่ตนยังไปไม่ถึง พาเข้ารกเข้าพงไป เช่น ผู้ได้ฌาณ 2 (มีมากในปัจจุบัน) ก็สอนได้ถึงชั้นฌาณ 2 ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่ผิดคือ หากลูกศิษย์ได้ถึงชั้นฌาณ 2 แล้ว (ซึ่งไม่ได้ยากนัก) ก็พาลสอนในสิ่งที่ตนยังไม่รู้ ลูกศิษย์ถามถึง อภิญญา ก็ไพล่ไป สอนให้อธิษฐานอะไรต่างๆ นานา ก็พากันติดอยู่ตรงนั้น บางคนโชคดีสามารถเข้าถึงฌาณ 3 (ซึ่งก็น้อยนัก) ก็ไม่สามารถก้าวพ้นไปไหนได้ หาฌาณ 4 ได้ยากเต็มที คนที่ทำสมาธิไม่ได้ ก็พากันตั้งตนเป็นผู้รู้ เรียกการเจริญสติแบบพื้นฐาน ว่าคือวิปัสสนา เจริญสติไปอีกสิบชาติ ก็อย่าหวังจะได้วิปัสสนาญาณอย่างหนึ่งอย่างใดเลย... |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 26 ก.ย. 2009, 22:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
หลวงพ่อสงบ ศิษย์หลวงตามหาบัว เทศนาธรรม ธรรมะตัดแปะ http://www.sa-ngob.com/media.php?id=209&con=1 โดย Watpakhaodangyai.com |
เจ้าของ: | sasikarn [ 27 ก.ย. 2009, 18:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | sasikarn [ 27 ก.ย. 2009, 18:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ขอคำแนะนำเรี่องการนั่งสมาธิ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |