วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
อโศกะ ตอบ
อนุโมทนาสาธุกับคุณมหาราชันย์ที่มีวิริยะอุตสาหะเขียนอธิบายมายาวยืด
แต่ในที่สุดก็ยังกอดตำราแน่นเปรี๊ยะเหมือนเดิม ไม่กล้าตอบนอกตำรา เพราะกลัวผิด แถมยังไปเห็นว่าใครพูดไม่ตรงตำราถือว่าผิดหมด


สวัสดียามค่ำครับคุณอโศกะ

ในที่สุดคุณก็ยังคงรู้ผิด เข้าใจผิดอยู่เช่นเดิม
การที่คุณเข้าใจว่าผมกอดตำราแน่นเปรี๊ยะเหมือนเดิม ...นี้เป็นความรู้ผิด เข้าใจผิดของคุณครับ
ผมเป็นผู้ปฏิบัติธรรมครับ ปฏิบัติตามพระไตรปิฎก และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรื่องกุศล ผมเจริญกุศล
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรื่องรูปาวจรกุศล ผมเจริญรูปาวจรกุศล
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรื่อง อรูปาวจรกุศล ผมเจริญ อรูปาวจรกุศล
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรื่องโลกุตตระกุศล ผมเจริญโลกุตตระกุศล


ภาษาที่ใช้ผมยังคงใช้ภาษาตามพระไตรปิฎกครับ ภาษาตามพระไตรปิฎกก็ปฏิบัติบรรลุธรรมได้ครับ

ผมไม่ใช้ศัพท์ใหม่แบบคุณหรอกครับ เช่นคำว่าสภาวะธรรม ...คุณใช้เป็นประมัตถ์ ซึ่งผิดความหมายไปจากพระไตรปิฎก คุณกำลังทำลายพระพุทธศาสนาไปโดยภาษาใหม่ ๆ ง่าย ๆ ตามใจคุณ.....คุณเห็นแล้วหรือยังว่า พระพุทธศาสนาเสียหายด้วยน้ำมือคุณแค่ไหน?


การตอบปัญหาการปฏิบัติธรรม ผมยังคงใช้ภาษาเดิม เช่น กามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร และโลกุตตระคงเดิมตามพระไตรปิฎก ผมใช้ภาษาและสภาวะธรรมตรงกันเสมอครับ อรรถ ธรรม นิรุติ และปฏิภาณต้องตรงกันครับ


การตอบผมดูบริบทและนิรุติครับ แม้ผู้ถามผู้ตอบใช้ภาษาไทยธรรมดา ๆ แต่ถ้าสภาวะธรรมสอดคล้องตรงกันกับภาษาในพระไตรปิฎกผมก็จะอนุโมทนา ไม่ได้กล่าวว่าเขาผิดไปเสียทั้งหมดตามที่คุณกล่าวหาผมครับ


ข้อนี้จึงเป็นการรู้ผิด เข้าใจผิดของคุณครับ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2009, 23:02
โพสต์: 530

แนวปฏิบัติ: เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุตติ ด้วยอานาปานสติ
งานอดิเรก: อ่านพระไตรปิฎก
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




220353.jpg
220353.jpg [ 93.72 KiB | เปิดดู 2847 ครั้ง ]
:b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: :b41: :b45: :b45: :b45: tongue

อ้างคำพูด:
อากงเลยบอกว่า....

"หลานๆเอ๊ย... ในอนาคตถ้าเลือกได้นะ...
อย่ามองสี่งต่างๆ...เพียงแค่ที่เห็น....
จงเข้าใจสิ่งต่างๆ... อย่างที่เป็น"




Quote Tipitaka:

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า

เมื่อเห็น จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง

ดูกรพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล



ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง

ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี
ในกาลใด ท่านไม่มี
ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ

ลำดับนั้นแล
จิตของพาหิยทารุจีริยะ กุลบุตรหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย
เพราะไม่ถือมั่นในขณะนั้นเอง ด้วยพระธรรมเทศนาโดยย่อนี้ของพระผู้มีพระภาค




รูปภาพสาธุ ..... เจริญในธรรมค่ะ :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


.....................................................


ผลกล้วยแลย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ขุยอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว
เหมือนลูกในท้องฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉะนั้น ฯ



:b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41: :b48: :b41:


แก้ไขล่าสุดโดย กระบี่ไร้เงา เมื่อ 19 พ.ย. 2009, 21:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
******ไม่ลองพิจารณาดูให้ดีๆก่อนหรือว่า บางที่เขาพูดไม่ตรงตำราทั้งหมด แต่ ตรงกับสัจจธรรม มีเหตุ มีผล มีสภาวธรรมรองรับ มีความจริงที่ปรากฎแสดงอยู่ ในธาตุขันธ์ เป็นพยานหลักฐาน


ทุกครั้งที่ตอบกระทู้ผมใช้ปัญญาเห็นสภาวะธรรมตามที่ผู้ถามผู้ตอบ ถามตอบแล้วตามจริง ของจริงต้องจริงตรงกันทุกบริบท แต่ในกรณีคุณอโศกะคุณรู้ผิด คุณเข้าใจผิดผมจึงนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องให้คุณ แต่คุณไม่รับฟัง ไม่แก้ไข ไม่ปรับปรุงตัวเองครับ






อโศกะ เขียน:
ให้ลองเอาความรู้ตามตำรามาอรรถาธิบายเป็นธรรมมะภาษาง่ายๆ ให้คนเข้าใจ โดยให้ลองวิเคราะห็คำสอนของหลวงปู่ชาที่ท่านพูดง่ายๆ "ว่าโยมไปพยายามทำให้เป็ดมันขันเหมือนไก่" คุณก็ตอบไม่ได้ อธิบายไม่ได้ เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นแทน


ข้อนี้ผมตอบไปแล้ว ว่าผมไม่ทำ ไม่พูดเรื่องไร้สาระ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่เหตุไม่ตรงกับผล เป็นมิจฉาวาจา ผมพูดเรื่องสัมมาวาจาอันนำไปสู่มัคคผลนิพพานครับ
ข้อความนี้ของคุณนำไปสู่อบายครับ







อโศกะ เขียน:
ญาณ 24 ญาณ 72 อะไรที่คุณไปรู้มาจากพระไตรปิฎกนั้น ดีอยู่ แต่คุณได้สังเกตไหมว่าท่านแสดงให้บุคคลชนิดใดฟัง จำเป็นไหมว่า ทุกๆคนที่จะบรรลุธรรม ต้องรู้มากเจนจบในญาณ 72 นี้ คนไม่รู้ก็จะหมดสิทธิอย่างนั้นหรือ คนจะบรรลุธรรมได้ ต้องเก่งทั้งบัญญัติ เก่งทั้งปรมัตถ์ ทุกคนอย่างนั้นหรือ

ไม่น่าจะจริงนะเพราะทุกวันนี้มีพระที่เรียนจบมหาเปรียญ 8 - 9 ประโยคกันเยอะแยะ จำนวนพระอรหันต์กลับน้อยไป น้อยไป ผิดกับสมัยก่อน มีแต่พระป่าไม่มีเปรียญอะไรเป็นส่วนใหญ่ แต่ กลับมีอริยะบุคคลเยอะกว่าปัจจุบัน


ข้อนี้เป็นสิ่งที่คุณเจ้าใจผิด รู้มาผิดครับ
ญาณเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นญาณที่เกิดพร้อมผลจิตครับ
ญาณเหล่านี้เกิดร่วมเกิดพร้อมกับอริยะผลจิตครับ ได้มาเป็นของแถมเมื่อบรรลุโสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล และอรหัตตผลครับ

ส่วนการเรียนภาษาบาลีจนได้มหาเปรียญ 8 - 9 ประโยค ไม่เกี่ยวข้องกับญาณ 73 ครับ
มหาเปรียญ 8 - 9 ประโยค คือการศึกษาหาความรู้ทางภาษา เช่นเดียวกับการเข้าเรียนภาษาต่างประเทศภาษาอื่น ๆ เช่นภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งการเรียนภาษาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องปัญญาญาณทางธรรมครับ

ข้อนี้คุณจึงรู้ผิด เข้าใจผิดครับ






อโศกะ เขียน:
ท่านปัญจวัคคีย์เรียนธรรมเพียง 2 สูตร ก็ได้บรรลุธรรมถึงอรหันต์ทั้งหมด ผิดกับทุกวันนี้มีคนรู้เจนจบพระไตรปิฎกจำนวนมากแต่อริยบุคคลกลับน้อยลง มันน่าคิดอยู่นะครับ


ข้อนี้คุณก็รู้ผิด เข้าใจผิดครับ
พระปัญจวัคคีย์เถระท่านปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงเลยครับ
บรรลุอรหัตตผลพร้อมด้วย ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 อภิญญา 6 และวิชชา 3 ทรงรอบรู้พระไตรปิฎกคือพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแตกฉานในภายหลังการบรรลุอรหัตตผลครับ





อโศกะ เขียน:
อีกข้อหนึ่งที่ผมบอกว่าธรรมมะที่ยกมากล่าว ก็เอามาจาก กาย ใจ กว้างศอก ยาว วา หนาคืบ นี้ คุณมหาราชันย์ก็ไม่เข้าใจ นัยยะ


ข้อนี้ผมเข้าใจแน่นอนครับ รู้ด้วยครับว่าคุณรู้ผิด เข้าใจผิดอย่างไร ??




อโศกะ เขียน:
ธรรมมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน มิใช่ค้นพบและเอามาจาก รูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้หรือครับ ผมศึกษาจากข้อธรรมของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักสำคัญเท่าที่จำเป็น แล้วจึงลงมือพิสูจน์ธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงๆ อยู่หลายปี จนประจักษ์แก่ใจตนเองดีพอสมควรแล้วจึงนำมาเล่าสู่ผู้คนฟัง โดยพยายามจะนำมาพูดในภาษาชาวบ้าน ธรรมดาๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ไม่อิงตำรามาก แต่อิงธรรม อิงสัจจธรรม ปรมัตถธรรม อนัตตาธรรม คุณจึงฟังดูแปลก หลายท่านก็อาจจะดูแปลก แต่ลองอ่านดู ศึกษาดูนานๆ เอาเป็นธรรมทัศนะ อีกแง่ มุมหนึ่ง อีกรสชาดหนึ่งดูซิครับ อาจได้ข้อสังเกตอะไรดีๆเยอะเลย


ข้อความท่อนนี้ของคุณที่ยืนยันว่าคุณรู้ผิด และเข้าใจผิดอย่างมหันต์
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อรหัตตผลพร้อมด้วยพุทธญาณ ซึ่งพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขยแสนกัปล์
แล้วคุณอโศกะบำเพ็ญบุญบารมีมามากมายเท่าพระองค์แล้วหรือยัง ?
ที่สามารถพิจารณารูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้แล้วตรัสรู้มีปัญญาได้เทียบเท่าพระองค์ คุณอ้างว่าธรรมมะที่ยกมากล่าว ก็เอามาจาก กาย ใจ กว้างศอก ยาว วา หนาคืบ นี้ คุณตรัสรู้ได้เทียบเท่าพระพุทธเจ้ากันเลยเชียวหรือครับ ??

พระพุทธเจ้าไม่มี 2 พระองค์พร้อมกันในพุทธันดรเดียวกันครับ

ดังนั้นคุณอโศกะจึงเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณตนว่ารู้ผิด เข้าใจผิด
ปัญญาปุถุชน จะไปเทียบเท่าปัญญาพระพุทธเจ้าผู้มีจิตบริสุทธิ์ย่อมเป็นไปไม่ได้ครับ

คุณกำลังสร้างบาปให้กับตัวคุณเอง
ผมตักเตือนคุณด้วยเมตตาธรรม คุณก็ไม่ยอมรับฟังความจริง


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
ความเป็นหนอนกอดตำราอย่างที่หลายท่านกำลังเป็น ผมก็เคยเป็นมาแล้ว จนเบื่อหน่าย จึงอยากจะเผยแพร่ธรรมมะในภาษาง่าย ให้คนเข้าใจง่าย ปฏิบัติง่าย รับรองว่าไม่นอกธรรม ไม่นอกทางหรอกครับ ชี้อยู่ในมัชฌิมาปฏิปทา และอริยสัจจ 4 ตลอด ลองกลับไปทบทวนอ่านดูทั้งหมดอีกทีซิครับ อย่ามาขวางผมเลย

*******ถ้าอยากขวางให้ไปขวางกลุ่มที่เขากำลังพาผู้คนไปหลงติดวัตถุมงคล และเดรัจฉานวิชาทั้งหลายที่กำลังฮิตกันอยู่มากขึ้นทุกวันนี้จะดีกว่านะครับ :b11:

*******สังเกตการณ์ต่อไปอีกสักหน่อยซิครับ ลองกลับมุมมองดู มองต่างมุมดู อาจจะมีอะไรดี ๆ ก็ได้นะครับ

สาธุ ๆ ๆ เบากาย เบาใจ หายขุ่น หายข้อง เป็นพี่ เป็นน้อง ร่วมเดิน กันไป

บนเส้น บนทาง มรรค 8 อันสดใส สู่สุข กาย ใจ ไร้ สิ้น อัตตา


สวัสดีครับคุณอโศกะ

ผมและคุณคนละคนกัน
คุณภาพจิตและคุณภาพปัญญาของผมและคุณมีต่างกัน
สิ่งคุณเคยเป็นเป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่ได้เป็นเหมือนคุณแน่นอนครับ

ผมเป็นตัวของผม มีปัญญาของผม
การแสดงธรรมของผมไม่ใช่เพื่อขวางทางอบายภูมิของคุณครับ
แต่ผมนำเสนอสิ่งที่ถูกต้องแก่ผู้อ่านครับ
นำธรรมะของจริงจากพระไตรปิฎกมาให้ท่านผู้อ่านได้รู้ว่า พระธรรมเทศนาที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้านั้นเป็นอย่างไร ที่ผิดจากพระพุทธเจ้าสอนเป็นอย่างไร

ความรู้ในพระพุทธศาสนาไม่ใช่การมองต่างมุมครับ
แต่เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นครับ

คุณอโศกะกล่าวว่า....ธรรมมะที่ยกมากล่าว ก็เอามาจาก กาย ใจ กว้างศอก ยาว วา หนาคืบของคุณอโศกะ.... ที่นำมาแสดงในเว็ปนี้นั้น ต้องกล่าวว่าเป็นความรู้ของคุณอโศกะ คุณแสดงความรู้จากการคิดค้นของคุณ คุณไม่ได้นำความรู้จากพระธรรมเทศนาที่ถูกต้องมาแสดงเลย เป็นการคิดเองเออเองของคุณข้างเดียว แล้วกล่าวตู่ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกต่างหาก


เพราะเมตตาธรรมต่อคุณ หวังดีต่อคุณ และความเป็นกัลยาณมิตรให้คุณ ผมจึงเตือนคุณให้เดินในทางที่ถูกต้อง
มิฉะนั้นการบำเพ็ญเพียรของคุณมีแต่สูญเปล่าครับ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




WH_0070.JPG
WH_0070.JPG [ 93.13 KiB | เปิดดู 2819 ครั้ง ]
tongue
อ้างคำพูด:
อโศกะ เขียน:
ธรรม มะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน มิใช่ค้นพบและเอามาจาก รูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้หรือครับ ผมศึกษาจากข้อธรรมของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักสำคัญเท่าที่จำเป็น แล้วจึงลงมือพิสูจน์ธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงๆ อยู่หลายปี จนประจักษ์แก่ใจตนเองดีพอสมควรแล้วจึงนำมาเล่าสู่ผู้คนฟัง โดยพยายามจะนำมาพูดในภาษาชาวบ้าน ธรรมดาๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ไม่อิงตำรามาก แต่อิงธรรม อิงสัจจธรรม ปรมัตถธรรม อนัตตาธรรม คุณจึงฟังดูแปลก หลายท่านก็อาจจะดูแปลก แต่ลองอ่านดู ศึกษาดูนานๆ เอาเป็นธรรมทัศนะ อีกแง่ มุมหนึ่ง อีกรสชาดหนึ่งดูซิครับ อาจได้ข้อสังเกตอะไรดีๆเยอะเลย

มหาราชันย์ วิจารณ์
ข้อความท่อนนี้ของคุณที่ยืนยันว่าคุณรู้ผิด และเข้าใจผิดอย่างมหันต์
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อรหัตตผลพร้อมด้วยพุทธญาณ ซึ่งพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขยแสนกัปล์
แล้วคุณอโศกะบำเพ็ญบุญบารมีมามากมายเท่าพระองค์แล้วหรือยัง ?
ที่ สามารถพิจารณารูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้แล้วตรัสรู้มีปัญญาได้เทียบเท่าพระองค์ คุณอ้างว่าธรรมมะที่ยกมากล่าว ก็เอามาจาก กาย ใจ กว้างศอก ยาว วา หนาคืบ นี้ คุณตรัสรู้ได้เทียบเท่าพระพุทธเจ้ากันเลยเชียวหรือครับ ??



สวัสดีครับคุณมหาราชันย์ ผมเริ่มรู้สึกว่า วันไหนเข้ามาอ่านกระทู้ธรรมแล้วไม่เจอคุณมหาราชันย์ รู้สึกเหงา ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ทราบว่าคุณมหาราชันย์ เป็นอย่างนี้บ้างหรือยังครับ

วันนี้เอาเฉพาะท่อนที่อ้างอิงมานี้ มาคุยกันสักนิดก็พอนะครับ

ผมพึ่งจะมารู้ว่า การเดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการ ใช้สติ ใช้ปัญญา เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณา ศึกษา เข้าไปในรูป - นาม กาย - ใจ ขันธ์ 5 นี้ เป็นความรู้ผิด และเข้าใจผิดอย่างมหันต์

:b8:
ต้องขอความกรุณา บัณฑิต มหาบัณฑิต กัลยาณมิตรท่านอื่น มาช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยบ้างแล้วนะครับ
:b6:
แล้วก็เชิญคุณมหาราชันย์ไปอ่านเรื่องอากงสอนหลานอีกสัก 2 - 3 รอบ ด้วยความสังเกต พิจารณาดีๆนะครับ
cool

สาธุ ๆ ๆ :b8:

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
อ้างอิงคำพูด:
อโศกะ เขียน:
ธรรม มะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน มิใช่ค้นพบและเอามาจาก รูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้หรือครับ ผมศึกษาจากข้อธรรมของพระพุทธเจ้าที่เป็นหลักสำคัญเท่าที่จำเป็น แล้วจึงลงมือพิสูจน์ธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงๆ อยู่หลายปี จนประจักษ์แก่ใจตนเองดีพอสมควรแล้วจึงนำมาเล่าสู่ผู้คนฟัง โดยพยายามจะนำมาพูดในภาษาชาวบ้าน ธรรมดาๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ไม่อิงตำรามาก แต่อิงธรรม อิงสัจจธรรม ปรมัตถธรรม อนัตตาธรรม คุณจึงฟังดูแปลก หลายท่านก็อาจจะดูแปลก แต่ลองอ่านดู ศึกษาดูนานๆ เอาเป็นธรรมทัศนะ อีกแง่ มุมหนึ่ง อีกรสชาดหนึ่งดูซิครับ อาจได้ข้อสังเกตอะไรดีๆเยอะเลย

มหาราชันย์ วิจารณ์
ข้อความท่อนนี้ของคุณที่ยืนยันว่าคุณรู้ผิด และเข้าใจผิดอย่างมหันต์
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อรหัตตผลพร้อมด้วยพุทธญาณ ซึ่งพระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขยแสนกัปล์
แล้วคุณอโศกะบำเพ็ญบุญบารมีมามากมายเท่าพระองค์แล้วหรือยัง ?
ที่ สามารถพิจารณารูป - นาม กาย ใจ ขันธ์ 5 ก้อนนี้แล้วตรัสรู้มีปัญญาได้เทียบเท่าพระองค์ คุณอ้างว่าธรรมมะที่ยกมากล่าว ก็เอามาจาก กาย ใจ กว้างศอก ยาว วา หนาคืบ นี้ คุณตรัสรู้ได้เทียบเท่าพระพุทธเจ้ากันเลยเชียวหรือครับ ??



สวัสดีครับคุณมหาราชันย์ ผมเริ่มรู้สึกว่า วันไหนเข้ามาอ่านกระทู้ธรรมแล้วไม่เจอคุณมหาราชันย์ รู้สึกเหงา ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ทราบว่าคุณมหาราชันย์ เป็นอย่างนี้บ้างหรือยังครับ

วันนี้เอาเฉพาะท่อนที่อ้างอิงมานี้ มาคุยกันสักนิดก็พอนะครับ

ผมพึ่งจะมารู้ว่า การเดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการ ใช้สติ ใช้ปัญญา เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณา ศึกษา เข้าไปในรูป - นาม กาย - ใจ ขันธ์ 5 นี้ เป็นความรู้ผิด และเข้าใจผิดอย่างมหันต์



สวัสดีครับคุณอโศกะ
ข้อความนี้ยิ่งยืนยันความรู้ผิด ความเข้าใจผิดของคุณอโศกะอย่างยิ่งครับ
คุณอโศกะบอกว่าเดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการ ใช้สติ ใช้ปัญญา เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณา ศึกษา เข้าไปในรูป - นาม กาย - ใจ ขันธ์ 5 นี้


คุณอโศกะได้เดินตามจริงหรือ ??

บัดนี้คุณอโศกะบรรลุฌานสมาบัติ 8 แล้วหรือยัง ?? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุฌานสมาบัติ 8
บัดนี้คุณอโศกะบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณแล้วหรือยัง ?? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณ
บัดนี้คุณอโศกะบรรลุจตูปปาตญาณแล้วหรือยัง ?? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุจตูปปาตญาณ
บัดนี้คุณอโศกะบรรลุอาสาวขยญาณแล้วหรือยัง ?? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุอาสาวขยญาณ


ปัญญาคุณอโศกะยังฟุ้งซ่านสับสนในอรรถในธรรมอย่างนี้ แม้แต่ปฐมฌานคุณก็ยังไปไม่ถึงครับ
เอาเพียงปฐมฌานคุณอโศกะทำได้แล้วหรือยัง ??

และในสำนักคุณปฏิบัติธรรมโดยไม่เอาฌานด้วยแล้วจะมาบอกว่าคุณอโศกะ เดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการ ใช้สติ ใช้ปัญญา เฝ้าดู เฝ้าสังเกต พิจารณา ศึกษา เข้าไปในรูป - นาม กาย - ใจ ขันธ์ 5 นี้ จะเป็นไปได้อย่างไร??


คุณอโศกะกำลังเดินคนละเส้นทางกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ เขียน:
แล้วก็เชิญคุณมหาราชันย์ไปอ่านเรื่องอากงสอนหลานอีกสัก 2 - 3 รอบ ด้วยความสังเกต พิจารณาดีๆนะครับ


สวัสดีครับคุณอโศกะ
ผมอ่านแล้ว 1 เที่ยว เป็นเรื่องราวของปัญญาปุถุชนที่พัวพันในกามสัญญา พัวพันในโลกียะ ไม่มีประโยชน์ต่อมัคคผล ผมไม่รับคำเชิญของคุณไปทำสิ่งไร้สาระอย่างนี้หรอกครับ

เอาเวลาไปท่องบทอรหัตตมัคคให้เกิดปีติสุขในกุศลจิตจะดีกว่าครับ



ความโศกทั้งหลาย
ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท
เป็นมุนีผู้ศึกษาในทางแห่งมโนปฏิบัติ ผู้คงที่
สงบระงับแล้วมีสติในกาลทุกเมื่อ



ท่องคาถาบทนี้อบรมจิตอบรมใจดีกว่ากันเยอะครับ มีโอกาสบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มหาราชันย์ เขียน:
คุณอโศกะกำลังเดินคนละเส้นทางกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วครับ



สวัสดีครับคุณอโศกะ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเสด็จไปทางนี้ครับ



....

อัคคิเวสนะ

เรากินอาหารหยาบให้ร่างกายมีกำลัง

สงัดจากกามและอกุศลทั้งหลายแล้ว

บรรลุ “ปฐมฌาน”

ที่มีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดจากวิเวกอยู่

แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ก็ครอบงำจิตของเราอยู่ไม่ได้.....



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะวิตก วิจารสงบระงับไป

เราบรรลุ “ทุติยฌาน” มีความผ่องใสในภายใน

มีภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น

ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร

มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิอยู่

แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ก็ครอบงำจิตของเราอยู่ไม่ได้





เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะปีติจางคลายไป
เรามีอุเบกขา

มีสติสัมปชัญญะ

เสวยสุขด้วยนามกาย

บรรลุ “ตติยฌาน” ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า

“ผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข”

แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ก็ครอบงำจิตของเราอยู่ไม่ได้



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะละสุขและทุกข์เสียได้

เพราะโสมนัสและโทมนัสดับไปก่อนแล้ว

เราบรรลุ “จตุตถฌาน”

ที่ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข

มีสติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขาอยู่

แม้สุขเวทนาที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ก็ครอบงำจิตของเราอยู่ไม่ได้




เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มี“กิเลสเพียงดังเนิน”
ปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้
เรานั้นจึงน้อมจิตไปเพื่อ “ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ”

ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ ๑ ชาติบ้าง ๒ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ๔ ชาติบ้าง ๕ ชาติบ้าง ๑๐ ชาติบ้าง ๒๐ ชาติบ้าง ๓๐ ชาติบ้าง ๔๐ ชาติบ้าง ๕๐ ชาติบ้าง ๑๐๐ ชาติบ้าง ๑,๐๐๐ ชาติบ้าง ๑๐,๐๐๐ ชาติบ้าง ตลอด“สังวัฏฏกัป” เป็นอันมากบ้าง ตลอด“วิวัฏฏกัป”เป็นอันมากบ้าง ว่า......


“ในภพโน้น เรามีชื่ออย่างนั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร เสวยสุข ทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติในภพนั้นก็ไปเกิดในภพโน้น
แม้ในภพนั้นเราก็มีชื่ออย่างนั้น นั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร เสวยสุข ทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติในภพนั้นจึงมาเกิดในภพนี้
เราระลึกชาติก่อนได้หลายชาติพร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้”


เราบรรลุ “วิชชาที่ ๑” นี้ในปฐมยามแห่งราตรี
กำจัดอวิชชาได้แล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น
กำจัดความมืดได้แล้ว ความสว่างก็เกิดขึ้น
เหมือนบุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ฉะนั้น



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มี“กิเลสเพียงดังเนิน”
ปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้

เรานั้นจึงน้อมจิตไปเพื่อ “จุตูปปาตญาณ”
เห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังเกิด
ทั้งชั้นต่ำและชั้นสูง
งามและไม่งาม
เกิดดีและเกิดไม่ดี

ด้วย“ตาทิพย์” อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์

รู้ชัดถึงหมู่สัตว์ที่เป็นไปตามกรรมว่า
“หมู่สัตว์ที่ประกอบ....
“กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต”
กล่าวร้ายพระอริยะ
มี“ความเห็นผิด” และชักชวนผู้อื่นให้ทำตามความเห็นผิด

พวกเขาหลังจากตายแล้วจะไปเกิดใน“อบาย ทุคติ วินิบาต นรก”


และหมู่สัตว์ที่ประกอบ....
“กายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต”
ไม่กล่าวร้ายพระอริยะ
มี“ความเห็นชอบ” และชักชวนผู้อื่นให้ทำตามความเห็นชอบ
พวกเขาหลังจากตายแล้วจะไปเกิดใน“สุคติ โลกสวรรค์ ”

เห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังเกิด
ทั้งชั้นต่ำและชั้นสูง
งามและไม่งาม
เกิดดีและเกิดไม่ดี
ด้วยตาทิพย์อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์
คือรู้ชัดถึงหมู่สัตว์ที่เป็นไปตามกรรมอย่างนี้แล

เราบรรลุ“วิชชาที่ ๒” นี้ ใน“มัชฌิมยาม” แห่งราตรี

กำจัดอวิชชาได้แล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น
กำจัดความมืดได้แล้ว ความสว่างก็เกิดขึ้น
เหมือนบุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ฉะนั้น



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มี“กิเลสเพียงดังเนิน”
ปราศจากความเศร้าหมอง อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน
ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้

เรานั้นจึงน้อมจิตไปเพื่อ “อาสวักขยญาณ”

ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า .........
....นี้ทุกข์
....นี้ทุกข์สมุทัย
....นี้ทุกขนิโรธ
....นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา

....เหล่านี้อาสวะ
....นี้อาสวสมุทัย
....นี้อาสวนิโรธ
....นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา

เมื่อเรานั้นรู้เห็นอย่างนี้จิตก็หลุดพ้น .......
แม้จากกามาสวะ
แม้จากภวาสวะ
แม้จากอวิชชาสวะ

เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า
“หลุดพ้นแล้ว ได้รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี”

เราบรรลุ“วิชชาที่ ๓” นี้ ใน“ปัจฉิมยาม” แห่งราตรี

กำจัดอวิชชาได้แล้ว วิชชาก็เกิดขึ้น
กำจัดความมืดได้แล้ว ความสว่างก็เกิดขึ้น
เหมือนบุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่ฉะนั้น



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




4.jpg
4.jpg [ 10.58 KiB | เปิดดู 2803 ครั้ง ]
tongue
เจริญในบัญญัตินะครับท่านมหาราชันย์
อนุโมทนากับความวิริยะ อุตสาหะ นำประวัติการบรรลุธรรมของ พระพุทธบิดา มาแสดงไว้ ยาวยืด ชอบอยู่ เป็นมหากุศลอยู่นะครับ

:b1:
แต่ที่ยกมาทั้งหมดนี้เป็นพุทธวิสัย ส่วนสาวกวิสัยนั้น หาได้เป็นเช่นนี้ไม่ แม้แต่อัครสาวกทั้ง 2 ท่าน คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ การบรรลุธรรมครั้งแรกของทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างไร คุณมหาราชันย์คงจะรู้ดีนะครับ ข้อธรรมสั้นๆที่พระอัสชิกล่าวออกมา ก็ทำให้ท่านอุปปติสสะ เจริญปัญญาพิจารณาตาม แล้ววิจิกิจฉาก็ดับก่อน สักกายะทิฐิก็ดับตาม เจริญมรรค 8 ต่อ อีก 15 วันก็จึงบรรลุถึงอรหัตผล
:b12:
การเดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระพุทธเจ้านี่เป็นสำนวนโวหาร แปลความหมายก็คือ ปฏิบัติธรรมตามคำแนะนำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือเจริญมรรค 8 ทำความแจ้งสมบูรณ์ในอริยสัจทั้ง 4 ประการ เพียงเท่านี้ก็อาจบรรลุธรรมตามพระพุทธเจ้าได้
:b16:
การพูดกล่าวอ้างว่าต้องได้ฌาณอย่างพระพุทธเจ้าเสียก่อนจึงค่อยบรรลุธรรมได้นั้น เป็นความสุดโต่งทางด้านความเห็น ผู้ที่เจริญมรรคมาดี จิตเป็นกลางดีแล้วเขาจะไม่กล่าวอย่างนั้น เพราะการบรรลุธรรมของมนุษย์ เทวดา พรหมแต่ละท่าน หาได้เหมือนกัน หรือออกมาจากเบ้าหลอมเดียวกันไม่
:b8:
บางท่านก็มีสมถะอันดีนำหน้ามาก่อนแล้วเจริญวิปัสสนาตาม ก็บรรลุธรรม

บางท่านก็เจริญวิปัสสนานำหน้า แล้วสมถะเกิดขึ้นหนุนภายหลัง จึงบรรลุธรรม

บางท่านก็เจริญสมถะควบคู่กับวิปัสสนา หรือ วิปัสสนาควบคู่กับสมถะ แล้วบรรลุธรรม

บางท่านก็เจริญวิปัสสนาล้วนๆแล้วก็บรรลุธรรม
:b27:
***แต่ถ้าใครมีความ สังเกต พิจารณาดี จะเห็นได้ว่า ในปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ได้ทรงแสดง Scop หรือขอบเขตแห่งธรรมไว้ชัดเจนแต่แรกแล้วว่า
ดูก่อนปัญจวัคคีย์ ทางสุดโต่ง 2 ทาง เธอไม่พึงกระทำคือ

1.อัตตกิลมถานุโยโค ซึ่งมีความหมายโดยลึกซึ้งว่า การประพฤติสมถะภาวนาโดยไม่มีปัญญาประกอบด้วย

2.กามสุขัลลิกานุโยโค ซึ่งมีความหมายโดยลึกซึ้งว่า การประกอบการบุญ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล ทำสมาธิภาวนา โดยไม่มีปัญญาประกอบด้วย
:b20:
เธอพึงมาเดินบนมัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง คือการเจริญตามมรรค มีองค์ 8 ซึ่งมีความหมายโดยลึกซึ้งว่า การเจริญ ปัญญาคู่ คือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ นำหน้า โดยมีศีลมรรค 3 ข้อ และสมาธิมรรค 3 ข้อ ตามมาสนับสนุน เป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน อย่างมีสมดุลย์ เธอทั้งหลายจักพึงทำอริยสัจ ทั้ง 4 ให้แจ้งแล้วสำเร็จธรรม ดังพระตถาคตเจ้าได้ทรงประกาศชัยชนะของพระองค์ในตอนท้ายแห่งธัมมจักกัปวัตนสูตร
:b8:
นี่คือคำสอนมาตรฐานสากลที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ให้แก่ชาวโลก ทรงแนะนำให้เดินทางสายกลางมาตั้งแต่วันปฐมเทศนา พระองค์มิได้ทรงตรัสสอนว่า ให้ประพฤติฌาณ 4 ฌาณ 8 ให้ได้ก่อนนะ แล้วค่อยมาเจริญปัญญาจึงจะบรรลุธรรม มีแต่ทรงแนะนำว่า ใครทำสมถะมาดีแล้วก็จงมาต่อยอดเจริญปัญญา ก็จะพบความจริงของขันธ์ 5 ละอุปาทาน อัตตาได้ ก็จักบรรลุธรรม ดังนี้เป็นต้น
:b27:
คุณมหาราชันย์อย่ามาทำให้ธรรมมะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลายเป็นเรื่องยากเย็น จนดูเหมือนจะพ้นวิสัยที่คนธรรมดาสามัญจะปฏิบัติได้ เลย

ธรรมมะคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นภายใน รูป - นาม กาย - ใจ หรือ ขันธ์ 5 ของสัตว์โลกทุกรูปทุกนาม สามารถจะเรียนรู้และเข้าใจได้ ด้วยภาษา ของคนทุกชาติทุกภาษา

บัณฑิตที่ชาญฉลาดท่านย่อมจะทำให้ภาษาบาลีของพระพุทธเจ้ามากลายเป็นภาษาที่ชาวบ้านทั้งหลายเข้าใจง่าย จนสามารถนำหลักทฤษฎี อันดูวิจิตรพิสดาร ลึกล้ำทั้งหลายนั้น นำไปสู่การปฏิบัติจริงได้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าการเผยแพร่ธรรมที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง

คุณมหาราชันย์เคยได้รู้หรือเปล่าว่าเวลาลงมือปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจริงๆ หรือแม้แต่สมถะภาวนา นั้น ต้องทิ้งบัญญัติ เอาบัญญัติความรู้ทางทฤษฎีทั้งหลาย กองทิ้งไว้นอกกายใจเสียก่อน คุณจึงจะมีโอกาสได้สัมผัส สภาวธรรม ปรมัตถธรรม อนัตตาธรรม เอหิปัสสิโกธรรม หรือสัจจธรรม ในกายและจิตของคุณ สัมมผัสของจริงแล้วคุณจึงจะได้พบทางออก ทางรอดสู่ มรรค ผล นิพพาน

คิดนึก ปรุงแต่ง ตามสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา จนไปถึงพระนิพพานนั้น เป็นไปไม่ได้

หยุดบัญญัติ หยุดความคิด นึก ปรุงแต่ง ให้เหลือแต่ สติ ปัญญา ผู้รู้ โดยธรรมชาติ เฝ้าดู เฝ้าสังเกต เข้าไปในกาย จิต ณ ปัจจุบันขณะนั่นแหละ จึงจะมีโอกาสได้สัมผัส สามัญลักษณะ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ นิพพาน
smiley

เมตตัญจะ กาลันยุตา ธัมมะเสวนา มหาลาภา มหามังคลา สาธุ ภันเต :b8: :b8: :b8:

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร