วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 11:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2010, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 227

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ค่ะ
เดินรู้เท้า + ฟุ้งซ่านค่ะ มันก็ไปคิดถึงเรื่องที่ถูกกระทำ แล้วก็เกิดความโกรธ พยาบาท ปรุง ก็กำหนดรู้หนอ
แต่ก็มาเรื่อยๆค่ะ ก็รู้เท้าแล้วก็ความรู้สึกไป + คิดๆ โกดๆนาน.... จนกระทั่งท้ายๆของการเดินก็เริ่มปลง
แรกๆมันจะปลง มันปลงไม่จริงแค่หวนคินิดหนึ่ง ก็กลับมาโกดอีกแล้ว

แต่หลังๆเหมือนมันเบื่อแล้วมันก็ปลงไปเอง
แล้วก็มีความอยากแต่มาไม่เยอะเพราะมัวไปโกด

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งไม่จับท้องหรืออวัยวะมีเหมือนเจ็บแหลมๆ จี๊ดๆตามกาย
แล้วก็ มีตัวค้อมลงแล้วไม่รู้มันค้อมตั้งแต่ตอนไหน ก็ค่อยๆขยับ

แล้วก็มี เผลอท้ายๆวูบ วุบไป แต่ก็รู้ตัวว่าวูบ แล้วก็มีขัยบตัว
ลืมไป แล้วไปขยับตัว หรือเผลอลืมตา เกา แล้วนั่งต่อก็รู้กายต่อว่านั่งอยู่
หัวก็หนักนิดๆหน้าตึงหน่อยๆค่ะ จบแล้วค่ะ

เสร็จแล้วค่ะพี่ 30/15 ค่ะ
ก็รู้เท้า ใช้จิตรู้ แล้วก็รอบนี้มันขึ้นมาปรุง กูเก่งค่ะ ขึ้นมาเป็นระยะแวบๆ ก็กำหนดรู้หนอเป็นระยะเหมือนกัน
มันไปคิดเรื่องงานที่ทำ แล้วไปปรุงว่าตัวเองเก่งในงาน สักพักก็ผ่านเรื่องนี้ไป

แล้วก็มีความโกดเข้ามาอีกแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องที่ถูกคนอื่นดูถูกค่ะ ก้อมีความไม่พอใจ
แต่โกดไม่นานก็หายไป มีจะไปปรามาสค่ะก้กำหนดก่อนค่ะหยุดมัน 2-3 ครั้ง ยังไม่ขึ้นค่ะ

แล้วก็ มีความไม่พอใจ ค่ะ เกิดจากความรู้สึกหรือคิดของเราเองค่ะ ก็ทุกข์โดยเห็นว่าหนักแล้วคลาย
แล้วหนักแล้วคลาย ติดๆกันค่ะ

แล้วก็มีเวทนาบอกไม่ถูกที่เท้าค่ะ ใจก็ฟูค่ะ ไปยึดว่าได้อะไรดีๆหรือเปล่าเห็นอะไรดีๆ
ก็ต่อด้วยความรู้สึกว่ามันไม่มีอะไร ไปหลงยึดมัน เป็นความคิดนะคะ ที่บอกไป
มีความไม่อยากช่วยคน เพราะกลัวตัวเองเดือดร้อนค่ะ ก็ตอนแรกๆก็ไปปรุงแล้วขึ้นมาสักพักก็ค่อยๆดุไป

แล้วพอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งบางส่วนขยับเบาๆ แต่ไม่แนบ แล้วก็เห็นว่ามันเป็น 2 ตัว คือตัวหนึ่ง จับที่กายนั่ง
อีกตัวหนึ่งเห็นใจมันพูดๆไร้สาระไม่หยุด ก็เป้นแบบนี้ไป หลงไปบ้างมั้งคะ
แล้วก้อมารู้กายอีกทีตอนจะหมดเวลา

พออธิษฐาน ใจก็รู้กาย
คือรู้ว่ากำลังนั่งกะอธิษฐานอะไร แล้วอีกตัวก็รู้ว่ามันไปพูดๆอะไร หรือสร้างเป็นภาพอะไร
ที่ไร้สารไม่เกี่ยวกะสิ่งที่กำลังทำอยู่ ก็พยายามเกาะตัวที่รู้กายกะคำอธิษฐาน
เพื่อไม่ให้ไปตามไอ้ตัวที่พูดหรือไร้สาระค่ะ จนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง says

สำรวมจิตแล้วหายใจยาวๆนะคะ ถ้าเจอสภาวะแบบนี้อีก
ยิ่งสนใจ ยิ่งแสดง หมูก็เคยเจอมาแล้วนี่ ลืมแล้วหรือ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมค่ะ อันที่ผ่านเป็นพวกวิจารณ์กะออกความเห็น อ่อไร้สาระก็เคยค่ะ แบบเลือนๆ

สุขที่แท้จริง says:

กิเลส มันแล้วแต่จะจัดรูปแบบมาน่ะ แต่ก็คือ สภาวะเดียวกัน
การยึดติดกับบัญญัติ ทำให้คนวุ่นวาย ยิ่งสนทนามากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นตรงนี้ชัดเจนมากๆ
ความอยากนี่มันเนียนนะ เจอกันไปถ้วนๆหน้า แต่มองไม่เห็น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มันยากอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ พี่เข้าใจ ยิ่งนับวันยิ่งเข้าใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เอ พี่น้ำเจอไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

แรกๆหรือคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ตอนนี้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีใครไม่เจอหรอกค่ะ อ้าวหมูก็อ่านสภาวะเก่าพี่แล้วนี่ ทุกข์เพราะอะไร เพราะความอยาก
ตอนนี้ไม่มีหรอก จะไปอยากอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สบาย จัง

สุขที่แท้จริง says:

อ้อ .. มีเหมือนกัน ยังชอบคุยไปเรื่อย มันก้คือความอยากน่ะแหละ แต่อยากคนละแบบของการปฏิบัติ
คนปฏิบัติเขาจะอยากเป้นโน่นเป็นนี่กัน บางคนก็เกิดอุปทานว่าเป็น แต่พี่ไม่มีตรงนั้น
ไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ มันก็แค่คำเรียก เรียกแล้ว ไม่เห็นจะโก้เก๋ตรงไหน ไม่เห็นจะทำให้กิเลสลดเลย
มีแต่ไปบำรุงกิเลส พี่ทำ เพราะทำให้ชีวิตดีขึ้น พี่รู้แค่นั้น ยิ่งเดี่ยวนี้ยิ่งสบาย เหมือนคนนอนกินดอกเบี้ย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ อ้วนพีนะคะ
อ่านเรื่องราเม็งพี่น้ำแล้ว อื้อหือ เห็นภาพน้ำซุปเลย 30 บาท โอ้ย

สุขที่แท้จริง says:

อิอิ ... น่ากินใช่ม้า

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ซื้อได้ยังไง แต่ละอย่าง ค่ะน่ากินมากค่ะ หมูว่าเพราะใจพี่น้ำพอด้วยนะคะ หมายถึงดอกเบี้ยที่ได้น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พี่พอใจพอใจแค่ที่มี แค่ที่ได้ ชีวิตสงบๆแบบนี้ พอมีกิน มีใช้ มีแบ่งปันให้คนอื่นๆตามวาระ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ... บางคนเขาอาจจะวาดภาพอีกแบบ นะคะ ว่าสบายต้องได้เงินเยอะๆ
แต่มันไม่ใช่ มันคือความพอของใจ

สุขที่แท้จริง says:

อะไรจะดีเท่า ได้กินอิ่ม นอนหลับ ได้กินในสิ่งที่อยากกิน ได้ให้แบบไม่ต้องมานั่งลำบากใจ
ได้อะไรๆๆๆอีกหลายๆอย่าง มีแต่คำว่า ได้กับได้

ขี้เกียจเดินจงกรม ก็มายืนสอยผ้า นั่งแล้วหลับ วันนี้เบื่อ ก็ไปนั่งโซฟา เล่นกับโอภาสแทน
พอจิตหายเบื่อก้มาเดินจงกรม นั่งสมาธิใหม่ ดีจะตายไป ไม่ต้องมากดดันตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เล่นโอภาส พี่น้ำพูดบ่อย เล่นยังไงหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

เวลาจิตเป็นสมาธิ โภาสจะเกิดทุกๆครั้ง
แล้วถ้าสมาธิแรง โอภาสจะสว่างมากๆ แบบจ้าเลยน่ะ ถ้ากำลังสมาธิน้อยก็จะแค่สว่างธรรมดาๆ
ยิ่งน้อยมาก ความสว่างก็ลดลงไปเรื่อยๆ

พี่ก็แค่เอาจิตรู้กับความสว่างของโอภาส พร้อมๆกับดูกายไปด้วย ดูจิตไปด้วย ง่วงไหม ทันไหม
ตอนนั้นมันจะไม่มีความคิดใดๆเกิดขึ้น มันจะรู้อยู่แต่กับกาย จิต และโอภาส พี่ถึงนั้งได้หลายชม.
เพราะเหตุนี้แหละ มันเพลิน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ว้าวววววววว ไม่มีความคิดเลย

สุขที่แท้จริง says:

นี่แหละ วิธีแก้เบื่อของพี่ เล่นมากก็ไม่ดี สมาธิมากไป สติไม่ทันอีก ต้องมาปรับอีก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โอภาสครั้งแรกของพี่ พี่จำได้ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

จำไม่ได้ค่ะ เห็นมีเขียนไว้ในสภาวะเก่านะ อ้อๆๆๆๆ ตอนเด็กๆ จำได้ ตอนที่ว่าฝึกกสิณเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีแต่เด็กเลย ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ตัวสั่น โยกคลอน ขนลุกไปทั้งตัว แหมๆๆๆ ตอนนั้น คิดว่า โดนผีหลอกจับเขย่าตัว ที่แท้ปีติเกิด
กลัวผีขึ้นสมองเลย นั่งทีไร เจอแบบนั้นทุกที


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สมาธิแรงจัง

สุขที่แท้จริง says:

ของเก่ามีมาเยอะ ไม่งั้นจะไปรู้โน่นรู้นี่ มีมาตั้งแต่เด็กได้ไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ดีนะคะ ที่ไม่หลงไป แบบหลายคนได้ลาภ จากการรู้โน่นี่

สุขที่แท้จริง says:

ไม่รู้เรื่อง เลยไม่หลง มีแต่กลัวผี พอมารู้ว่ามันคืออะไร ยิ่งไม่หลง เพราะรู้แล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยังไม่ได้อ่านสภาวะพี่น้ำเลย พี่น้ำลงเพิ่มกะทู้ หรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:

ยังเลยค่ะ มัวสนุกกับกิเลส นานๆที ก็สนุกดี แต่บ่อยนัก เบื่อค่ะ
การพูดเรื่องสภาวะ มันต้องยกมาเป็นตอนๆ ไม่ใช่เหมาโหลถูกกว่า
การละสักกายะทิฏฐินั้น คือการที่ไม่มองแบ่งแยกเขาและเรา ทุกอย่างเป็นเพียงสมมุติบัญญัติ
ไม่ไปยึดติดกับบัญญัติ กับคำเรียก ไม่มีการไปติติงแนวทางการปฏิบัติอื่นๆ ไม่ไปยึดติดครูบาฯ
ยึดติดรูปแบบในการปฏิบัติ ว่าต้องทำอย่างนี้ๆ ถึงจะได้ผล ทำแบบนั้นไม่ได้ผล ทำแบบโน้นผิด ฯลฯ

มีแต่รูปกับนาม แล้วเราจะไปพูดได้ยังไงว่าปฏิบัติแบบไหนๆถูกหรือผิดล่ะ
ที่แตกต่างกันนั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำมากันต่างหาก
มีแต่ถูกใจตัวเองเพราะตัวเองทำได้ในแบบของตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมมม ค่ะพี่ มีแต่รูปกับนาม ก็กิเลสต่างๆ ไม่มีวิธีปฎิบัติ ที่เป็นตับอกว่าผิดรือถูก แค่รู้กิเลส นั้นๆ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ มีแต่กิเลส กับสติ สัมปชัญญะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ เข้าใจแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าเจอใครมาคุยกับหมูแบบนี้นะ คบไว้เลย นี่แหละกัลยาณมิตร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ ขอบคุณมากค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ส่วนใครจะเป้นอะไรยังไง นั่นคือผลที่เขาต้องรับ ทุกอย่างมีเหตุมาก่อน
เพราะความศัรทธา ยึดติดในตัวบุคคล จึงทำให้เกิดกิเลส
อ้อๆๆๆๆๆ ลืมบอกไปมีอีกนะ การยึดติดครูบาฯ จะไม่ไปยึดติดกับครูบาฯท่านใดท่านหนึ่ง
แต่เขาจะดูที่ธรรมะที่ท่านแสดงมา ถ้าแสดงแล้วมีการเบียดเบียนแนวการสอนอื่นๆนั่นคือไม่ใช่
นี่แหละสภาวะบ่งบอก


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ คนที่ เข้าใจธรรมมะแล้ว ถึงจะรู้จริงๆนะคะ เวลาหมูไปฟังธรรมจากครูบารุ่นก่อน
หมูก็เห็นท่านพูดถึงแต่กิเลสกะสติ
หลักๆเลยน่ะค่ะท่านจะไม่ได้เน้นวิธีการว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ตายตัว

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ มีแค่นี้เอง แล้วไม่มาสนใจด้วยว่าเป็นอะไร

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ฟังกี่ทีก็แบบนี้ก็เลยไม่รู้จะทำแบบไหน เพราะไม่มีวิธี ขึ้น แต่จริงๆมันอยู่ที่แต่ละคน

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะมันไม่มีวิธี แต่อยู่ที่กิเลสของแต่ละคน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ยากตรงหาทางของตัวเองนะคะพี่ เหมือนเราเห็นแหล่งน้ำอยู่สูง แต่เราไม่รู้จะปีนขึ้นยังไงนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

นึกถึงตัวเองในสมัยก่อน ดีที่จิตไม่คิดอยากอะไรแบบนี้
มีแต่อยากรวยจะได้ใช้หนี้เขา กะว่าถ้ารู้หนอ ตรูรวยแน่ๆ แต่ตอนนี้ ยิ่งกว่าคนรวยๆนิ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โชคดีหลาย พี่คะทำไมคิดว่ารู้หนอแล้วรวยละคะ แบบคิดว่าน่าจะมีโชคเข้ามาแบบนี้หรือคะ
รวยจริงๆ นะคะ หลวงพ่อ คงหมายถึงแบบนี้ แต่ไม่ได้ขยายความ คนมารู้เอง

สุขที่แท้จริง says:

ใช่เลยยย หลวงพ่อหมายถึงตรงนี้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เหมือนหลวงพ่อบอกนะคะ ให้แล้วไม่หมด อดแล้วมีมาเรื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:

คิดเงินก็ไหลนอง คิดทองก็ไหลมา แต่มันไม่ได้อยากได้เลยนี่สิ
มันแบบอะไรดีล่ะ ยังไงก็ได้ อะไรก็ได้ ไม่ได้ต้องการอะไรติดตัวเองเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

สบายแท้ หมูก็มาดูความทุกข์ นะคะพี่ พี่น้ำเคยบอกว่า ให้ดูว่าทำไมทุกข์
หมูก้ดูมันยังไม่ชัดนะคะ แต่ก็เห็นว่ามันทุกข์เพราะไม่ถุกใจ สร้างขึ้นมาเอง
บางทีเดินๆอยู่ก็ไปคิดปรุงอคติขึ้นมาซะงั้น ว่าคนโน่นนี่จะดูถูกเรา แล้วไปเชื่อมันไปซะงั้น ก็ทุกข์

หมูก็ดูแบบนี้ไปเรื่อยๆใช่ไหมคะแบบนี้ที่พี่น้ำให้สังเกต
มันเริ่มจากปรุงก่อน แล้วก็เกิดเรื่อง

สุขที่แท้จริง says:

มีแต่ความคิดน่ะหมู ที่ทำให้เราทุกข์ ... ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

บางทีหมูไม่แบ่งแยก คือรู้ว่าปรุงก็ทุกข์ โดยไม่แบ่งว่าปรุงอะไร
บางทีก็แบ่งว่าปรุงแบบนี้ทุกข์ แต่หมูก็ดูแบบนี้ ตรงกับที่พี่น้ำบอกใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

มันแค่รู้น่ะหมู มันจะรู้เองว่า เราไปปรุงมันเอง คือ รู้แบบนั้นจริงๆ แล้วจิตมันจะปล่อยวางไปเรื่อยๆ
พี่ไม่มีการแบ่งนะ รู้แค่ว่า กระทบมา สติไม่ทัน ไปแล้ว แรกๆก็ดูยากนะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ยากจัง

สุขที่แท้จริง says:

แต่ทุกๆของการไม่รู้ คือจะมีส่วนหนึ่งของรู้เกิดขึ้น เพราะพี่ไม่ปล่อยทิ้ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ปล่อยทิ้ง หมายถึงยังไงคะ

สุขที่แท้จริง says:

อย่างเมื่อกี้ ในกระทู้ สิ่งที่พี่ไปลบออก พี่ว่าเขาไป แล้วบอกกับเขาว่าอย่ามาพูดอีก
จิตมันมาทบทวน มันบอกว่า เพราะเขายึดติดครูบาฯ เพราะเขาไม่เห็นกิเลสความอยากที่เขาอยาก
เลยทำให้เขาเป็นแบบนั้น พี่เลยไปลบข้อความแล้วแก้ใหม่เป้นเรื่องกิเลส


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมมค่ะ คือพี่ เผลอไป

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วก็ไม่ปล่อย เข้าใจแล้วค่ะ เอามาเป็นครู

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ สติไม่ทัน ตัวหนังสือดูออกว่าพี่ไม่พอใจ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ มันช่วยได้เยอะนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ทำให้จิตเราไม่ไปขุ่นข้องกับเขา ดับแล้ว มันดับเลย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ หมูจะเก็บเกี่ยวไปบ้าง ปกติไม่ค่อยชอบเขียนบันทึก
วันนี้หมูกราบลาไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้หมูมาใหม่ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ เหมือนพี่เมื่อก่อนน่ะแหละ ตอนนี้เขียนแหลกลาน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 228

งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เห็นความกลัวค่ะ กลัว ว่าจะเสียหลัก ตรงนี้ไป ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ มันก็หายไป
แล้วก็เห็นความตื่นเต้นค่ะ ฟุ้งๆ ปนตื่นเต้นเกือบเปรี้ยวที่มันเดินแล้วชัด
ก็กำหนดรู้หนอไปค่ะแล้วตัวความรู้สึกนี้ดับไปแล้ว

ขึ้นมาอีก ตอนรู้หนอยังไม่จบค่ะ เป้นอันใหม่แล้วก็ปล่อยแล้วเดินต่อ แล้วก็ ตอนต้นๆ
ตั้งแต่วางสายโทรศัพท์จากเพื่อนที่โทรมาระบายและขอคำปรึกษา
ก็มีกิเลส กูเก่ง จิตมันจะเหิมๆหน่อยค่ะก็กำหนดรู้หนอแล้วกำหนดอิริยาบถไปค่ะ
มันก็ยังมีหลงไปเหิมๆอีกเป้นระยะค่ะ

แล้วพอมาเข้าทางจงกรมก็ยังมีอีกบ้างค่ะแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างที่เล่าค่ะ
แล้วก็มีจะปรามาสค่ะจะคิดอคติกะครูบาค่ะก็กำหนดก่อนปรุงไปค่ะ
มันขึ้นเป็นความคิดที่จะปรุงก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ
บางที่ขึ้นมาแล้วยังไม่ไปวิตกมาก
ก็กำหนดทับไปคิดหนอๆค่ะแล้วทิ้งเลย แล้วมาดูเท้าต่อ

บางทีตอนเดินก็ไปจับมือบ้างรู้สึกถึงกายทั้งกายบ้าง
รู้สึกที่อิริยาบถของการก้าวเท้าตามจังหวะคู่กะคำบริกรรมบ้างค่ะ

มีเห็นจิต หย าบคายและมีมานะ กูเถียง กูไม่เชื่อคำสอนครูบาไม่จำกัดท่านค่ะ
มันเป็นหมดก็กำหนดข่มไว้ก่อนจะชัดเจนค่ะ

แล้วพอมานั่ง
หลักรู้กายนังก็มีหลงไป น่าจะหลับใน แต่ไม่เชิงน่ะค่ะ
มันก็ยังรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่เหมือนช่วงหนึ่งมันหายไปจำไม่ได้
แล้วก็มีวูบครั้งนึ่งแล้วก็มีกลับมารู้กายนั่ง แล้วก้อหมดเวลาค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

วูบ ยังรู้กลับมาที่ตัวได้ ก็ยังไม่ต้องลดเวลานั่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมียึดชอบการปฎิบัติรอบนี้ด้วยค่ะ ค่ะพี่น้ำ หมูกำหนดรู้หนอไปนะคะตอนชอบ

สุขที่แท้จริง says:

ก็สภาวะมันดูดี มันก็อยากได้น่ะค่ะ เรื่องปกติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ใช่ค่ะ หมูเลยกำหนด มันมาเรื่อยๆเลย

สุขที่แท้จริง says:

กามราคะ ความพอใจต่ออารมณ์ที่มากระทบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อเหรอคะ นึกว่าต้องเป็นเรื่องกิ๊บกิ๊วเท่านั้น ถึงเรียกกามราคะ

สุขที่แท้จริง says:

แหมๆๆๆๆ ไม่มีทะลึ่งหรอกค่ะ พี่เพิ่งอ่านเจอคำแปล เมื่อก่อนไม่เข้าใจเหมือนกัน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

นี่ถ้าจั่วหัว่าเจอ กามราคะ นี่ คนรุ้จักอ่านต้องถามแน่ๆ

สุขที่แท้จริง says:

พี่อ่านตำราของหลวงพ่อภัททันตระที่ท่านเขียนได้แบบเข้าใจมากขึ้น
ท่านเขียนละเอียด แต่บางสภาวะพี่ยังไม่ถึง เลยไล่สภาวะไม่ได้
อันไหนที่ลงบล็อกน่ะ คือ ไล่ได้แล้ว เมื่อก่อนก็สงสัย ปฏิฆะนี่อะไรหว่า เปิดหาใหญ่ คำแปลหายากมากๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ท่าน เอาสภาวะมาไล่เลย
เสร็จแล้วค่ะพี่ 30/20 ค่ะ
ก็รอบนี้ฟุ้งค่ะ รู้เท้า ใจไปฟุ้ง มีความไม่พอใจ มีความอยาก ก็กำหนดไปค่ะ รู้หนอไป 3 ครั้งน่ะค่ะ
แล้วก็รู้เท้า แต่ใจยังไหลค่ะก็กำหนดรุ้หนอแล้วก็ตั้งใจรู้เท้าใหม่ค่ะ

มีอคติเพ่งโทษครูบาค่ะ มันกำลังทวน เรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับท่าน ก็กำหนดรู้หนอคิดหนอไป
หยุดแล้วเดินต่อ เดินๆอยู่จะมีอีก ก็กำหนดคิดหนออีกแล้วเดิน

ก็มานั่ง พอนั่ง ก็รู้กาย ส่วนของท้องด้านบน ขยับเบาๆค่ะ ไม่แนบ แต่ก็รู้ไปๆ
สักพักหลงไปลอยไปคิด โดยไม่รู้ตัว แล้วก็มารู้กายต่อ แล้วก็ไปคิดโดยไม่รู้ตัวอีก
ก็มารู้กายต่ออีกสลับกันไปค่ะ

แล้วก็มีเหมือนไม่รู้สึกตัว ช่วงหนึ่งหายไป แล้วมารู้อีกทีตัวค้อมลง แต่ช่วงนั้นไม่นานค่ะ ที่หายไปไม่นาน
พอค้อมลงก็ขึ้นมานั่งใหม่แล้วก้เห็นจิตหลงไปคิดกะมารู้กายนั่งสลับกันต่ออีก

แล้วก็ เกา คัน ขยับหยิบผ้ามาห่ม แล้วก็รู้กายไปแล้วก็จบค่ะพี่
รู้สึกว่านั่งนาน ทั้งที่แค่ 20 นาทีค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าตัวห่อ ไหล่ห่อ จะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ สติไม่ทัน สมาธิเลยเล่นเอา
ถ้าสติดี สมาธิดี ไหล่จะไม่ห่อหลังจะตรง มีสติรู้ตลอดขณะที่เป็นสมาธิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แต่ยังกลับมารู้กายได้อันนี้ไม่ต้องลดนั่งนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ให้ใช้กำหนดรู้หนอๆๆ แล้วยืดหลังให้ตรง ค่อยๆยืดนะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมค่ะ อ่อแล้วก็มี เหมือนเมื่อวาน คือใจหนึ่งรู้กาย ใจหนึ่งไร้สาระ
ก็หายใจยาวๆ กำหนดรุ้หนอไปค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

กิเลสทดสอบตลอดค่ะ สนใจเมื่อไหร่เสร็จ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ไหลไปหลงคิดเลย

สุขที่แท้จริง says:

เรื่องพวกนี้เจอตลอดแหละหมู
ความดับในมรรค กับความดับในสมาธิแตกต่างกัน
ความดับในมรรค จะดับสังขารทั้งหมด จะรู้ตัวตลอด จนกระทั่งเหลือจิตตัวสุดท้ายดับลงไป
เหมือนปิดไฟน่ะหมู ปิดทีละดวง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่ากลัวปรุงจังค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

ส่วนดับในสมาธิ เป็นการดับรูปนามขันธ์ 5 ดับทีเดียว ไม่รู้ตัว ปรุงยังไงก็ไม่ได้หรอกค่ะ
เห็นยังต่างกันมากมาย แหมมม ไม่งั้นไม่พูดให้ฟังหรอกค่ะ
สับคัทเอาท์ กับ ปิดไฟทีละดวงเหมือนกันไหมล่ะ

พี่ถึงบอกไง แล้วอีกอย่าง ค่อยๆดับจนเหลือจิตดวงเดียวแล้วดับ หมูก็ไม่รู้อีกน่ะแหละว่า ดับยังไง
ส่วนไหนดับก่อน พี่ถึงบอกไง ปรุงไม่ขึ้น

จะบอกอะไรให้ อย่าไปยึดติด พาหลงเอา มันต้องรู้ด้วยตัวเอง
ไม่ใช่ มีบางคนนะ มีรู้ด้วยนะ มีเสียงบอกว่า เธอได้โสดาแล้ว
นั่นน่ะนิมิตชัดๆ มันไม่มีมาพูดแบบนั้นหรอก

มีแต่รู้ๆๆๆๆ เหมือนที่พี่สอบอารมณ์หมูน่ะ ถามว่าหมูรู้ได้ไง หมูบอกว่า ตอบไม่ได้ แต่ว่ามันรู้
มันไม่มีคำอธิบายหรอก มันแค่รู้ แล้วตัดกิเลสทันที

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

การภาวนาคือการหัดรู้สภาวะ เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์

สุขที่แท้จริง says:

การกำหนดกับการเพ่งคนละอย่าง หมูรู้แล้วนี่

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ กำหนดแล้วก็ไม่เพ่งนะคะ จริงๆเพ่งมันก็ แป๊ปเดียว ถ้าไม่กังวล มันก็ไม่ติด

สุขที่แท้จริง says:

โสดาจริงๆนะ ไม่กล่าวโจมตีการปฏิบัติอื่นๆ ไม่ยึดแต่ของตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็เหมือนกิเลสอื่นๆ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่หมู ถ้าคนไม่รู้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจค่ะ หมูเคย

สุขที่แท้จริง says:

พี่ขนาดทำแบบไม่รู้อะไรเลย ยังไม่เห็นจะเพ่ง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พอกลัวเลยมัวแต่ปรุง กลายเป็นเพ่งเลย

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละเพ่ง ใช่ค่ะ แต่การกำหนด มันไม่มีกังวล มันรุ้แค่ว่ากำลังกำหนด
เหมือนตอนนั้นยืนหนอ พี่ยืนไม่ได้ เพราะกังวลว่าไม่ถูก มันเลยกลายเป็นเพ่ง ปวดหัวมากๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เห็นกายอยู่ว่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง

สุขที่แท้จริง says:

อันนี้มีสมาธิกับสติ ไม่ใช่ จิตตั้งมั่น
จิตตั้งมั่นได้ เพราะมีกำลังของสมาธิกับมีสติ สมัปชัญญะรุ้อยู่

ต้องพูดว่า เมื่อสติ สัมปชัญญะดี สมาธิดี เราจะเห็นกายและจิต และความคิด
แยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ต้องพูดแบบนี้ แค่จิตอย่างเดียว ตั้งมั่นไม่ได้หรอกหมุ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ แล้วก็นี่ด้วยค่ะ จิตไม่สงบ มันก็แสดงความเป็นไตรลักษณ์ ให้เราดูได้เท่าๆกับจิตที่สงบ

สุขที่แท้จริง says:

จิตสงบ จะเห็นไตรลักษณ์ได้ไง จิตสงบคือจิตสงบสิ
ไตรลักษณ์คืออะไรล่ะ มันแปรเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แบบมันก็เลิกสงบไงคะ เหมือนว่ามันไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says:

หมู ต้องเห็นด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจ มันแค่คำพูด กรรมเลยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เหรอคะ อ่านแล้วเหมือนพี่น้ำบอกเลย ฮ่วย ต้องรู้เอง

สุขที่แท้จริง says:

ในตำราก็มีเขียนจ้ะ ในจิตตานุปัสสนา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ของพระไตรใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ พี่ถึงบอกว่า มันต้องรู้เอง ต้องแจ้งออกมาจากจิตเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็ คำนี้ด้วย ต้องแจ้งออกมาจากจิต วันใดแจ้งจากจิต

สุขที่แท้จริง says:

เหมือนภาพ สามมิต ภาพแมตทริกซ์ ภาพ สันตติ มีใครเคยพูดให้ฟังไหมล่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

มีพูดเรื่องสันตะติขาดค่ะ แต่ไม่พูดว่า 3 มิติ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วมีเปรียบให้เห็นไหมล่ะคะ ความหมายของสันตติในพระไตรก้มี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ถ้าจำไม่ผิด บอกว่าลองดูที่หน้า จะเห็นว่ามันไม่ชัด มันจะเบลอไปบางครั้ง เพราะจริงๆจิตเกิดดับ

สุขที่แท้จริง says:

อ้าววว กรรมเลยยย ไหงเปรียบเทียบแบบนั้น คนละเรื่องเลย สันตติไปเปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แต่อาจจะไม่เกี่ยวกับสันตตินะคะ หมูก็ไม่แน่ใจ
จำไม่ค่อยได้ แต่มีพูดเรื่องดูแล้วไม่ชัด เพราะจิตมันเกิดดับ

สุขที่แท้จริง says:

ก็เหมือนความคิดไง เห็นเกิดดับอีกแล้ว อุ๊ยยย มันก็คิดทั้งวันน่ะแหละ เห็นแค่บัญญัติ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แล้วใช่ดูจิตจริงๆหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says:

ก้ใช่นะคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือจิตตานุปัสนาจิงปะคะ อ่อ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ เพียงแต่พูดได้แค่สภาวะที่รู้ อธิบายละเอียดไม่ได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อ งั้นที่มีคนทำได้ ก็ได้ผลจริง

สุขที่แท้จริง says:

ตัวนี้ตัวร้าย โอภาสน่ะ พาผู้ปฏิบัติหลงไปเป็นแถบๆ
ก็มีที่เข้าใจสภาวะผิด ไปอ่านของหลวงปู่มั่น แล้วคิดว่า ตัวเองได้พบแบบหลวงปู่มั่น

จำไว้นะหมู ที่พึ่งของเราคือ สติ สัมปชัญญะ
ใครบอกว่าตัวเองเป็นอริยะ แต่มาพูดว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งน่ะ นั่นไม่ใช่แล้ว หลงสภาวะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เหรอคะ เห็นปกติก็พูดกัน

สุขที่แท้จริง says:

อ้าวว นี่ทำมาตั้งนาน ยังไม่เข้าใจหรือคะ ไม่งั้นเราจะเจริญสติไปเพื่ออะไรล่ะ
กราบไหว้พระพุทธรูป สวดมนต์ก็พอแล้ว

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ กรี๊ด

สุขที่แท้จริง says:

ทำแบบนั้น เขาเรียกว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่พึ่งยามตายไง จะได้ไปสวรรค์

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่อๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วกลับมาเกิดต่อ ทำกรรมต่อไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เข้าใจแล้วค่ะ คือยึดพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์

สุขที่แท้จริง says:

แต่การเจริญสติ ทำให้มีสัมชัญญะเกิด ทำให้เกิดปัญญา รู้ถูก รู้ผิด ทำให้ภพชาติสั้นลงไปเรื่อยๆ
ใช่ค่ะ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อเราจะได้ตั้งใจทำความดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

แต่ที่พึ่งคือตัวเราเอง พระพุทธเจ้าก้ทรงตรัสอยู่ อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ อัตตาหิอัตโนนาโถ

สุขที่แท้จริง says:

ตัวเราคืออะไรล่ะ ก้สติ สัมปชัญญะไง ถึงต้องมาทำกันอยู่นี่แหละ ลำบากยังไงก็ต้องทำ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หอยทากชัดๆ หมูน่ะค่ะ ฮ่วย

สุขที่แท้จริง says:

ไม่งั้นจะรู้จักและเห็นตัวกิเลสจริงๆมัยเนี่ย
เมื่อไม่รู้จักสภาวะของกิเลส ก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสต่อไป ก่อภพชาติไม่รู้จบ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ทุรนทุรายจะตายกิเลส

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กว่าจะผ่านมันได้ ทรมานสุดๆ

สุขที่แท้จริง says:

แถมเงินให้ ยังไม่คิดจะเอาเลย มากองก้ยังไม่เอา ทองน่ะ นี่ไง เงินไหลนอง ทองไหลมา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

รู้แล้ว จบลงที่รู้ นี่คือสังขารรุเบกขาญาน หรือคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใครบอกล่ะ ใช่สะที่ไหน

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

รู้ด้วยจิตที่เป็นกลาง รู้แล้วจบลงที่รู้

สุขที่แท้จริง says:

กรรมเลย ไม่ใช่ค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หมูพยายามจะ ทำให้จิตตั้งมั่นมานานแล้ว มันทำไม่เป็นสักที

สุขที่แท้จริง says:

นี่ หมู จิตเป็นสมาธิ นั่นคือ จิตตั้งมั่น จำไว้
ที่หมูดิ่งๆน่ะ เพราะมันขาดสติไง สมาธิเลยเอาไปกิน มันเลยนอน แทนที่จะรู้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

คือต้องเป็นสมาธิ ที่มีสติ คือจิตตั้งมั่น

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ต้องมีสติ สัมปชัญญะด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่สมาธิอย่างเดียว ขาดสติก็ดับสิคะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อย่างหมูมีสติ คือนั่งแล้วรู้ท้องขยับเบาๆ

สุขที่แท้จริง says:

เอาเถอะ อย่าไปสนใจ ทำไป
เห็นพี่ทำไหม ขนาดไม่มีใครสอน ยังรู้เองเลยว่า นี่ จิตเป็นสมาธิแล้วนะ เข้าออกได้เอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่ใช่เต่าแล้วค่ะพี่ เป็นหอยทาก

สุขที่แท้จริง says:

จำไว้ จิตมันจะรู้เอง ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก เหมือนอริยะน่ะ ถ้ารู้ รู้เอง ไม่ต้องให้ใครมารับรอง
เพราะข้อบ่งชัดมันมีอยู่ ตรวจสอบได้ ยกเว้นรู้แต่หลงสภาวะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อืมมม ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

หลงสภาวะว่าตัวเองรู้ แต่เปล่า โดนกิเลสที่อยากจะเป็นมันหลอกเอา
เห็นไหม ยิ่งสภาวะเปลี่ยน หมูสังเกตุตัวเองได้นี่ เจ้าตัวความอยากเริ่มละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ก็มาหลายแบบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ มันเนียนมาก ไม่เหมือนแรกๆ หมูดูเองได้นี่ แรกๆนี่ จับได้ชัดเลยว่าอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะจับได้ค่ะ หลังๆไม่ได้แล้ว

สุขที่แท้จริง says:

หลังๆนี่เห็นไหม มันละเอียดมากขึ้น ไม่มาแบบหยาบๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

กลายเป็นความขยัน ความกดดัน ความไม่พอใจ

สุขที่แท้จริง says:

มันแฝงมาในรูปแบบต่างๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความกังวลจะขาดสติ
ความกังวลว่าไม่ได้ทำ หรือไม่ก้าวหน้า ความร้อนใจ ความฟูขึ้นของใจเมื่อเห็นสภาวะแปลก ๆ

สุขที่แท้จริง says:

นั่นแหละความอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

จิงๆพกวนี้มันมี พวกนี้มันมีแต่แรกนะค ตั้งแต่แรกเลย แต่ไม่รู้น่ะคะคือไม่เห็นค่ะ รู้ว่าทุกข์เฉยๆ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ มันเป็นสภาวะที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ความอยาก นี่มาทั้งรูปแบบความพอใจและไม่พอใจเลย กำจริงๆเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

มันแฝงไปทั่ว พี่ถึงบอกไง สติไม่ทัน ดูไม่ทันหรอก เลยทำให้เราทุกข์ได้ตลอด
แล้วก็บอกว่าทุกข์เพราะคิด คิดเพราะอะไรล่ะ ความอยาก

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

พี่คะ โทสะก็ความ อยาก หมูรู้สึกว่ากิเลสมันมีแต่ความอยากหรือยังไง

สุขที่แท้จริง says:

อยากได้ไง อยากให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการ พอไม่ได้ โทสะเกิดแล้ว ความอยากนี่ตัวใหญ่
พระอาจารย์ปรีชา ท่านถึงบอกว่า ให้ทำตัวเป็นแมงมุม กางใย คือ เอาสติ สัมปชัญญะจับ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่ ต้องอดทนจริงๆ งั้นตัวแม่คือความ อยาก ที่เหลือก้แกลายพัน

สุขที่แท้จริง says:

เยอะมากๆค่ะ อย่าไปสนใจเลย เอาปัจจุบัน ในกายและจิตเรานี่แหละ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะ พี่

สุขที่แท้จริง says:

พี่ไม่เคยสนใจเลยนะ เดี๋ยวมันรู้เอง พอรู้พี่ก็หาละ จริงป่ะ เออ ตรงแฮะ แค่นั้นจบละสำหรับพี่
ไม่งั้นพี่จะเอาที่ไหนมาพูดล่ะ สัมมาสติ กับ มิจฉาสติน่ะ
ดูสิ อ่านเจอมา


สัมมาสตินั้น เป็นสัมมาสติได้เพราะอาศัยพื้นฐานจากสัมมาสมาธิ
และเมื่อเจริญสัมมาสติไปจนเต็มภูมิแล้ว จิตก็จะมาหยุดอยู่ในสัมมาสมาธิ
ก่อนที่จะก้าวกระโดดไปสู่อริยมรรค อริยผล



พูดแบบนี้ พาคนหลงสภาวะตายเลย อาศัยสมาธิสะที่ไหน ตรงนี้อธิบายผิดหมดเลย
แม้แต่เรื่องสัมมาสมาธิ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

อ่า เหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

บอกแล้ว คนอ่านสภาวะไม่ออก ไม่เคยได้ฌาน หลงหมด สร้างเหตุยังไงได้รับผลแบบนั้นแหละ
ที่มาเชื่อกันเพราะเคยสร้างเหตุมาร่วมกัน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดีกว่าไปจี้ปล้นฆ่าใครๆ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เจริญสติแบบนี้ก็คือสาเหตุดี ในการปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ดีกว่าไปทำอาชีพที่ไม่ดี

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ว้ากลัวอุปกิเลสจัง คือกำลังคิดเรื่องพี่น้ำบอกพี่คงทำกุศลด้านการปฎิบัติ มาดีน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

อ๋ออออ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เลยอยากรู้ว่าทำยังไง จะว่าอยากก็อยากเถอะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ตลกจังหมูนี่ ความอยากบดบังปัญญาหมดเลย แล้วที่ทำทุกวันนี้คืออะไรล่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เจริญสติค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:

นั่นสิ ตัวอย่างมีให้เห็นชัดๆยังมาถามอีกว่าอยากรู้ว่าทำยังไง

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

หลายๆคนก็เจริญสติ

สุขที่แท้จริง says:

งั้นไปทำเองดีป่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

โธ่

สุขที่แท้จริง says:

จะได้รู้งัยย

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ไม่อาวววววววววววว

สุขที่แท้จริง says:

คำพูดว่า เจริญสติ ใครๆก็พูดได้ค่ะ แต่สัมชัญญะน่ะ รู้หรือป่ะ ว่าทำยังไงถึงเกิด

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

แป๋ว

สุขที่แท้จริง says:

เห็นไหม

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำเป็นแต่ที่ทำอยู่เนี่ยแหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เอาเถอะค่ะ อีกหน่อย หมูจะแม่นสภาวะด้วยตัวเอง
จะแยกสภาวะของสติได้ จะแยกสภาวะของ สัมปชัญญะได้

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่น้ำ

สุขที่แท้จริง says:

ทำต่อไป

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ทำต่อไป

สุขที่แท้จริง says:

ดึกแล้วค่ะ

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

ค่ะพี่งั้น กราบลาก่อนค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 229


งไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/35 ค่ะ
ก็บริกรรมตอนต้นแต่มันเร็วๆ แล้วใจก็ฟุ้งๆก็หยุด กำหนดรุ้หนอ3ครั้งแล้วค่อยๆเดินใหม่
แล้วก็มีความอยาก ก็กำหนดรู้หนอไป หลักๆก็ฟุ้งบ้าง อยากบ้างก็กำหนดค่ะ

แล้วก็มีจะปรามาสหรือไปคิดไม่ดีกะครูบาก็กำหนดรู้หนอไปค่ะ
มีเวทนาแปลกๆที่เท้า แล้วใจไปสนใจเกาะเกี่ยวจะอธิบาย หรือสรุปลักษณะต่อ ก็ปล่อยไปค่ะ

แล้วก็มีวิพากษณ์วิจารณ์แล้วก็มีใจปรุงความอยากหลายๆแบบค่ะ
อย่างปรุงว่าจะมีสภาวะดีๆในอนาคต ปรุงว่าคุยส่งอารมณ์กะพี่น้ำก็กำหนดรู้อีกค่ะ

มีช่วงที่เดินแล้วอยู่กะการเดินได้ดีไม่กี่ก้าวก็เกิดความอยากอีกค่ะ
เป็นตัวลุ้นหรือตื่นเต้นรักษามันไว้ก็กำหนดรู้หนออีกค่ะ ก็มีความตระหนี่ค่ะ
มีความไม่ยอมรับกิเลสค่ะ แล้วก็มีความไม่พอใจก็กำหนดค่ะ

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งไม่ได้จับกายส่วนใดเป็นพิเศษแต่ไม่ให้ลืมกายค่ะ
แล้วก็นั่งไปจิตก็ไปปรุงภาพอกุศลค่ะแล้วจะปรามาสก็กำหนดไปค่ะ

แล้วก็เปลี่ยนมีเวทนาเจ็บจี๊ดเล็กๆจุดโน้นี่จุดโน้นนี่ของกาย มีเหมือนวูบแต่ยังรู้สึกตัว 1 ครั้ง
ในภาพรวมก็คือยังรู้กายอยู่ค่ะ แต่บางทีก็ตัวค้อมลงก็กำหนดรู้นอแล้วค่อยขึ้นค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เรื่องปรามาส ใช้เวลานะคะ เพราะหมูมีศรัทธามาก
พี่น่ะ ไม่ค่อยมีศรัทธาแบบ เรียกว่าอะไรล่ะ แบบยึดติด มันเลยไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับพี่
พี่ถึงบอกไง เหตุที่เรากระทำนี่แหละสำคัญมากๆ กิเลสทั้งนั้นเลย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
งืมๆ ค่ะ เพราะไม่รู้ ว่าต้องทำไงเลยสะสมมา

สุขที่แท้จริง says:
ใช่จ้ะ เพราะยังมี สติ สัมปชัญญะน้อย จึงไม่สามารถรู้ตามความเป้นจริงได้ว่า ที่ทำลงไปเนี่ย
ผลจะเป็นยังไง ย่อมคิดเข้าข้างตัวเองว่าทำถูก มีแต่สติ ระลึกว่าจะทำ แต่ขาดสัมปชัญญะ คือ ปัญญา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมม ค่ะ ช่วงท้ายๆ ก็ลืมบอกไปค่ะว่าฟุ้งซ่านตอนเดินคิดแต่ของกิน ข้าวผัดต้มยำหมูกรอบ

สุขที่แท้จริง says:
ดีกว่าไปฟุ้งเรื่อว่าคนอื่นๆค่ะ ฟุ้งแบบนี้ อย่างน้อยอกุศลไม่ดีนั้น มันไม่เกิด มันแค่เกิดโลภะในการกิน
จะทำให้อ้วนก็ช่างหัวมัน ดีกว่าฟุ้งไปว่าใครๆ สุดท้ายโดนเขาว่ากลับมา


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เอ้อ ช่วงนี้โดนบ่อยค่ะแต่ก็ดีที่ไม่ว่าเขากลับ กลับมาโกดแล้วชำระเอาตอนเดินจงกรม

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละดีแล้ว ใครมันอยากว่า ปล่อยให้ว่าไป เราแค่มีสติ รู้อยู่พอ แล้วพอห่างจากสภาวะนั้นมา
แหมมม มันโล่งใจ ดีแล้วไม่ได้ไปสร้างภพชาติกับเขาอีก แต่ก็อย่างว่านะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ดีอย่าง ที่หมูจะแบบโต้ตอบไม่เก่ง สมองจะบอดเรื่องพวกนี้

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนกันเลยหมู กว่าจะคิดได้ ดน้น เขาไปแล้ว 100 กก. 100 กิโลแม้ว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แต่ว่าบางทีนะคะถ้า มันขึ้นมานี่แสบจนคนนั้นสะอึกเลย แต่ไม่ค่อยเกิดส่วนใหญ่คิดไม่ทัน
อย่าวพี่น้ำพูดแหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
มันเบื่อนะ ถ้าสังเกตุดีๆ การตอบโต้ แรกๆเหมือนสนุก พอดูไปดูมา น่าเบื่อ
เห็นแต่กิเลส เลยขออยู่เงียบๆดีกว่า นานๆสนุกทีก็ดี ลับสมอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ บางทีก็อ่านแล้วมันส์ บางทีก็เอือม

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้เบื่อๆน่ะค่ะ เลยกลับมาทบทวนสภาวะของตัวเองมากกว่า
ทบทวนสภาวะนี่ไม่มีเบื่อเลย เห้นแต่จุดบกพร่อง ยังมีข้อบกพร่องในตัวเองหลายๆอย่าง
อันดับแรกคือ ขี้เกียจจจ แต่ก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนนิ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
พี่น้ำทำตลอดเลยนะคะ ยังขี้เกียจอีกเหรอ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ได้ขี้เกียจเรื่องปฏิบัติ ขี้เกียจเรื่องชีวิตประจำวัน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อ หมูก็เป็น งั้นเด๋วหมูไปขึ้นรอบสองนะคะ

เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/40 ค่ะ
ก้ตอนต้นก็มีจะปรามาสเลยค่ะ ก็กำหนดรู้หนอ ยังไม่ขึ้นมา
แล้วก็ระหว่างเดินรู้เท้า ใจก็จะแวบคิดอกุศล ก็บริกรรมคิด คิด คิด มันไม่ทันขึ้นหนอค่ะ
มันขึ้นเป็นจังหวะ จังหวะหนึ่งบริกรรม แล้วหาย ขึ้นอีกก็เลยเป็นคิด คิด คิด
แล้วก็มากังวลว่า ทำแปลกๆหรือเปล่า แล้วก็ปล่อยไป กำหนดรู้เท้าเดินต่อ

ก็มีความอยากหลายแบบ แต่จำไม่ค่อยได้ค่ะ หลักๆคือไปปรุงไวๆ แล้วก็ มีไม่พอใจ
อยากมีจะมีสติจะบังคับ มีปรุงแล้วคาดหวัง มีหลงไปคิดแล้วใจฟู แล้วก็มีใจร้อนรน
ก็พอเกิดพวกนี้แล้วก็กำหนดรู้หนอค่ะ การกำหนดรู้หนอ ก็มีตัวไม่พอใจแทรก
แต่ก็พอเรากำหนดรู้หนอ คำหลัง ก็เหมือนไปรู้ความไม่พอใจนั้นแทน สภาวะแรก

แล้วก้อ มีความคัน มีเหมือนมดกัดแล้วคัน มีภาพปลวกขึ้นมาหลายครั้ง ก็กำหนดรู้หนอไป
ก็มีความกังวลก็กำหนดไป แล้วก็ มีร้อนวาบที่หลังเท้า แล้วหาย
แล้วก็มีชาๆคล้ายเหน็บแต่ไม่ได้ปวดแค่ชาๆ เต้นๆ แล้วก็หลังๆก็ฟุ้งซ่าเรื่องกิน อยากกินโน่นนี่
ก็มีจะปรามาสอีกก็กำหนดรู้หนออีก

พอมานั่งก็รู้กายนั่ง มันไม่ได้หลับใน ไม่ได้วูบ แต่ว่าไม่ได้รู้กายติดต่อเหมือนหลงไปคิดบ้าง
แต่ยังรู้ว่ากำลังนั่งสมาธิอยู่ ไม่ได้หลงไปแบบลืมตัวค่ะ เพียงแต่ไม่ได้จดจ่อที่กาย
หรือรู้สึกตัวแบบชัดเจน จบแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
พรุ่งนี้ไปวัดหรือป่ะคะ วัดมหาธาตุน่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
เปล่าค่ะ ไปวันจันทร์เพื่อนเขาติดธุระพอดีหมูลางานได้
เลยจะพาเขาไปวันจันทร์ค่ะ พี่น้ำไปหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
อยากให้หมูไปเข้าบรรยากาศมั่ง ไปดูคนอื่นๆเขามั่ง จะได้เกิดกำลังใจ
พี่เองอาศัยได้บรรยากาาศถึงทำให้ทำต่อเนื่อง ไม่งั้นนะ เลิกไปนานแล้ว
ยังไม่แน่ใจนะพรุ่งนี้ อาจจะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อืมมม ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 230

ระหว่างวัน 4 เมษา 53

เดิน 30/30 ไม่วูบ

ตอนเดินตอนต้นกำหนดจังหวะแรก เดินรู้เท้าชัด แล้วก็ มีความอยาก ขึ้นมา เป็นความร้อนใจ
ความไม่พอใจ ความอยากจะ ไดดี กำหนดลงไปตรงๆที่ตัวความรู้สึกแล้วก็รู้สึกแยกได้
ไม่ไปพัวพันมันต่อ ก็แวบคำว่ารู้เฉยๆ ที่พี่น้ำเคยถามว่า หมูเข้าใจคำว่าสักแต่รู้ไหม

พอวันนี้กำหนดที่ตัวความร้อนใจ ความอยาก ความกระวนกระวายลงไปตรงๆแล้ว
มันสักแต่รู้ความรู้สึกนั้นจริงๆ ไม่ไปปรุงต่อ แล้วมันมีตัวเฉยๆ ยืนพื้นอยู่ พอกำหนดที่ความอยากแล้ว
ก็กลายเป็นความเฉยๆที่ยืนพื้นอยู่เหมือนเดิม

ก็จะเห็นว่าใจมันปกตินะ เวลาเดินก็ปกติไม่ได้ทุกข์ ก็รู้สึกว่าเพราะมีความอยากหมูเลยปฎิบัติแล้วทุกข์
แล้วจากนั้นก็มีตัววิพากษ์วิจารณ์ยังไปสนใจมันอยู่ ทีนี้ก็เลยเหมือนเดิม คือรู้เท้าด้วย มีอารมณ์อยาก
แบบกำหนดแล้วไม่แยก หรือไม่ดับ แบบชัดๆเหมือนตแนรก แต่ก็คลายลงแล้วก็มาอีก

สภาวะจะไม่ชัดเจนเหมือนตอนแรก จะปนๆกัน มีรู้เท้า แล้วใจยังไหลไปปรุงเกิดกิเลส ก็กำหนดรู้หนอ
หายใจยาวๆ แต่เราหายใจยาวไมค่อยเป็น ส่วนใหญ่มันกลายเป็นหายใจแรงๆมากกว่าแล้วก็
มีสลับบริกรรม 1-3 บ้าง กำหนดขวา ย่างหนอบ้างแล้วแต่เบื่ออันไหนจิตเลิกสนใจ
ก็เปลี่ยนคำบริกรรมให้จิตมาสนใจต่อปรามาสขึ้นมาเรื่อยๆ จิตคิดอคติ ขึ้นมาเรื่อยๆ
อาศัยกำหนดหยุดมันได้ มีภาพปลวก ขึ้นมาเรื่อยๆ ก็หมอง ก็กำหนดไปอีก

พอมานั่ง ก็รู้กายนั่ง รู้กายขยับเบาๆ จตไม่แนบาย จิตตัวหนึ่งรู้ อีกตัวมีความคิอเรื่อยเปื่อย
ก็กำหนดรู้หนอๆ บางทีมาอีกเรื่อยๆก็ไม่ได้กำหนดแล้วเพราะมาไม่หยุด เลยจับที่กายเท่าที่จะทำได้

มีจะปรามาสขึ้นมาอีกก้กำหนดรุ้หนอไป มีนิมิตรสีม่วงเริ่มจากน้อยๆ มาแล้วแวบหายแล้วมา
แล้วมาเยอะ ชัดขึ้นเป้นหมอกล่องลอย ตวัดไปมา ก็เอาจิตมาสังเกตกาย ก็เห็นกายแล้วก็เห็นว่า
ลมหายใจมันเบา แต่กายยังขัยบ ก็ดูไป ตอนนั้นก็มี เหมือนมดกัดทีขาทีหนึ่ง มีความไม่พอใจ
ก็กำหนดรู้หนอที่ความไม่พอใจ แล้วซ้อนด้วย ตัวความคิดวิจารณ์ บ้าง เพลงที่เคยฟังบ้าง
ก็เลยหลักๆ เอาจิตมารู้กาย หลังจากนั้นนิมิตรมันก็หายไปเอง หลังๆเบื่อ อยากเลิกแต่ยังรู้กายได้อยู่
กายหนักๆ แล้วก็ สักพักก็หมดเวลา

ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รอบแรก 60/40 ค่ะพี่
เดินก็ มันก็รู้เท้า ใจก็พูดๆ มีความทุกข์เกิดจากการที่ใจพูดๆ
มีความเนือย มันเหนื่อยน่ะค่ะ รุ้สึกเหนื่ยกับความทุกข์
แล้วก็มีความอยาก จิตก็เหนื่อยกะความอยาก มันก็มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก
เป็นแรงฮึดๆที่จิต มาเรื่อย ค่ะ

ก็บริกรรมขวาย่างนอ ซ้ายย่างหนอ รู้เท้าไป
พอเบื่อก็เปลี่ยนเป็น 1-6 เบื่อก็เปลี่ยนเป็น ขวาหนอ ยกหนอ ย่างหอ ลงหนอ ถูกหนอ กดหนอ
สลับกันไป ก็รู้เท้าได้คู่กะคำบริรรมค่ะ

ปรามาสหรือกุศล จะขึ้นมาเรื่อยๆ แวบๆตอนเดิน ก็กำหนดมันก็ไม่ขึ้น แต่เผลอไม่ได้
มีเหมือนมดกัด มีผิวแสบ มีเวลากำหนดเท้าแล้า ขาสั่นๆ มีร้อนผ่าว

พอมานั่ง
ก็รู้กายนั่งอยู่ กะมีเหมือนมันเพลินไป แต่ยังคุมให้รู้กายนั่งอยู่ ไม่ได้จับท้องหรือกายขยับ
มีนิมิตรสีม่วง ไม่ได้สนใจมัน

จิตจะปรามาสวิจารณ์พระสงฆ์ ก็ห้ามไว้ แต่จิตตอนนั้นมัน เพลินๆ ก็ไม่ได้ปรามาสต่อ
แล้วก็มีเหมือนจิตมันวับ วับ เบา ห่างช่วงกัน 2 ครั้ง มีช่วงที่เงียบ
ก็รู้กาย ทั้งกายนั่ง ไม่มีความคิดแต่มีความจงใจมาดูกาย
สักพักก็ปวดขาปวดก้น ก็กำหนด รู้หนอ ทนไปสักพัก ก็หมดเวลาค่ะ

รอบ 2
เดินฟุ้งซ่าน คิดโน่นนี่ แล้วเปลี่ยนไป ยังรู้เท้าได้
เวลาบริกรรมกำกับ บางทีบริกรรมลอยๆ และผิดข้าง
แต่ความรู้สึกที่เท้า ยังรู้ได้อยู่

มีเหมือนชาๆ เหมือนเวลาเป็นเหน็บแต่ไม่ได้ปวด
แต่มันจะยิบยับเนื้อเต้น ตรงแก้ม แล้วก้หายไป

แล้วก็พอนั่ง
ก็รู้ท้องขยับเบาๆ บางช่วงก็รู้พองยุบ แล้วก็เปลี่ยนเป็นรู้กายขยับ
แลว้ก็คิดโน่น่น แต่ยังรู้กาย ไม่ได้ไปตามความคิด แต่เห็นมันคิดโน่นนี่
จิตยังเกาะกับกายได้ จะปรามาสมีอคติกะครูบา จะขึ้นมาวิจารณ์พฤติกรรม
ก็กำหนดไว้ก่อน ไม่ได้กำหนดรุ้หนอ แต่รู้มันแล้วกดมันไว้ แล้วมาสนใจกายต่อ
ต้องคอยระวัง จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
จ้ะ มีของเล่นให้หมู การสอบอารมณ์ด้วยตัวเอง


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
รักษาทวารทางตา ได้หรือไม? รักษาไงหรือคะพี่ ทวารทางตา

สุขที่แท้จริง says:
ก็ตั้งสติ สัมปชัญญะกำหนดรู้อยู่ไงคะ เวลาอะไรมากระทบ ไม่ไปปรุงต่อสิ่งที่มากระทบ
เห็นว่าดี เห็นว่า สวย หล่อ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ไม่เคยทำเลย หมายถึงทางตานะคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ก็ตาไงค่ะ ทวารคือประตู ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไงค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อย่างเช่นเวลาพี่น้ำพิมพ์ข้อความตอบกลับ
หมูคอยตรวจดูว่า เห็นแล้ว มันเกิดความรู้สึกยังไง

สุขที่แท้จริง says:
ถูกค่ะ ตามองเห็น ใจรู้ ขันธ์ 5 ทำงาน
นั่นคือ การระวัง คอยสำรวจจิตตัวเองเวลาที่เกิดการกระทบ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ก็คือการกำหนดอย่างที่บอก ใช่ไหมคะว่าได้ทำแบบนี้ไหม ทำแล้วผลเป็นไง
หรือปล่อยเลื่อนลอยให้เกิดอารมณ์มาปรุง เราก็ต้องตั้งสติตลอดเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ถึงแม้จะลุ่มๆดอนๆในแรกๆ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ทางตานี่ท่าจะยากนะคะ

สุขที่แท้จริง says:
พี่ว่า ใจยากสุด ก็แล้วแต่เหตุที่ทำมาน่ะค่ะ แต่ละคนถนัดไปคนละอย่าง ไปยึดไม่ได้หรอกค่ะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ เราไม่ต้องกำหนดเห็นหนอๆ แล้ว แต่ใช่ไหมคะ ไว้ลองทำดูค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ลองดูสิคะ ลองทำแบบเป็นข้อๆ มันเร้าใจดี เพราะยังใหม่

แล้วเขียนรายงานสภาวะออกมาตามความเป็นจริงที่มันจะละเอียดมากขึ้น
แยกออกมาเป็นข้อๆแบบนั้นน่ะค่ะ ลองดูนะ จะได้เห็นรายละเอียดของจิตชัดขึ้น เหมือนทำข้อสอบ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ได้ค่ะ ไว้ลองดู อ่อ พี่คะ ถิรสัญญา คือเหตุของสติหรือเปล่าคะ คือการจำสภาวะได้

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เขาจะเรียกกันนะ จริงๆแล้วมันก็คือสัญญา เราต้องระลึกก่อนใช่ไหมล่ะ เวลาจะทำอะไร


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะใช่

สุขที่แท้จริง says:
การระลึกก็คือคิด คิดก่อน แล้วรู้ลงไปในการกระทำ นี่คือ สัมปชัญญะเกิดทีหลัง
แต่ถ้า รู้ตัวลงไปก่อน คือ หยิบแก้ว รู้ตัวขณะที่หยิบ แล้วเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่า จะเอาแก้วไปทำอะไร
นี่ขาดสติ มีแต่สัมปชัญญะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
กำลังคิดตามค่ะ อ่อค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ศัพท์น่ะ ต้องเข้าใจสภาวะนั้นๆ ถึงจะอธิบายได้
พี่เป็นคนไม่สงสัยในเรื่องพวกนี้เลยนะ ตอนที่ทำในตอนนั้น ศัพท์แสงไม่รู้เรื่อง ทำอย่างเดียว


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ดีสิคะ ไม่มีข้อมูลมาฟุ้งซ่าน

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละอานิสงส์ คงสร้างเหตุมาดี


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ถ้าเป็นในชาดก ก็จะมีผู้ถามพี่น้ำว่า แม่นาง ท่านมีใบหน้าผ่องใส จิตใจเบิกบาน
ท่านทำเหตุใดมาหนอ จึงได้รับผลเยี่ยงนี้

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติปัฏฐานให้เป็นนิจไงท่าน


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
แอ่กก .. ว่าแล้วผู้ถาม ก็หันหลังกลับไป เตร๊งเตงเต่งเต้ง

สุขที่แท้จริง says:
คิดว่าจะถามว่า แล้วทำยังไง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 231


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:

เสร็จแล้วค่ะพี่น้ำ 40/20 ค่ะพี่
ก็กำหนดละเอียดค่ะลองทำดู คือ บริกรรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
สุดทางกำหนดยืนหนอ อยากลับหนอ
แล้วกลับหนอ แล้วอยากเดินหนอ แล้วค่อยต่อด้วยเดินอีก

ก็มี ตอนกำหนดยืน จะเห็นว่าจิตมันหนีไป ออกจากกาย ไปคิด หรือกังวลอะไรขึ้นมา
แล้วก็กลับมารู้กายต่อ

ตอนกำหนดอยากเดินหนอ ก็เห็นความอยากจริงๆ
เป็นความร้อนใจอยากจะเดินเหมือนที่เคยเจอค่ะ

แล้วก็พอเดิน ก็รู้เวลายก ย่าง วางค่ะ ตอนย่างก็เห็นมีจิตหนีไปคิดแวบ
แล้วค่อยมารู้เท้าใหม่

มีเหมือนช๊อตแบบเหน็บชายิบๆตอนเอาเท้าวาง
แล้วหายไป บางทีก็มีมดกัด 1ทีแล้วหายไป มีความไม่พอใจขึ้นก็กำหนดรู้หนอไปก็หายไป
เวลาเดิน แล้วมีความอยากก็กำหนดรู้หนอแล้วมันก็คลายไป

มีจะคิดอกุศล ปรามาส ก็กำหนดตั้งแต่ต้น ก็ไม่ขึ้นแล้วก็ทิ้งได้ไวขึ้น
แต่ก็ยังม่ความไม่พอใจ คู่กับอารมณ์ตอนที่กำหนดนั้น

แล้วลองเพิ่มระยะ 2 กะ 3 แต่ว่าไม่แน่ใจว่าเดินถูกไหม
ก็เลยเกิดความกังวลและไม่พอใจ ก็กำหนดรู้ไป บางทีก็จิตรู้ไม่บริกรรม แล้วทิ้งไป
เพราะว่า ถึงจะไม่รู้ว่ากำหนดถูกหรือเปล่าแต่ว่ารู้สึกเท้า ได้อยู่
ว่ากำลังยก ค้าง กาว ค่อยๆลง และสัมผัสพื้น มันละเอียดกว่าเดินแบบไม่มีรูปแบบ

อ้อตอนกำหนดยืนหนอ สามารถเอาจิตไล่ตั้งต่หัวลงเท้าได้ มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
แต่บางทีก็ไม่ลง ไม่ลงก็แค่ไหนแค่นั้นบางทีก็ขาดตอนแล้วไปเท้าเลย แต่ส่วนใหญ่จะใช้จิตตามได้

พอมานั่ง
มันไม่ค่อยมีกำลัง มี คือเหมือนรู้กายแต่จิงๆแล้วใจไปไร้สาระนอกาย แต่ยังไม่ทิ้งคือยังรู้ว่ากำลังนั่ง
ปฎิบัติแต่ไม่จับที่กาย แล้วกลับมามีสติที่กายได้มากขึ้น
แล้วก็ไปไร้สาระอีก สลับกันไปค่ะพี่ จนจบ 20 นาที
จบแล้ววค่ะพี่

วันนี้ตอนไปวัดมหาธาตุก็ มีมานะเยอะมาก กำหนดตลอด
มันจะปรามาสหรือเถียงพระวิปัสนาจาร หรืออคติ แต่ว่ากำหนด ระวังตลอด
เลยยังไม่ขึ้นมา แบบชัดๆ ก็ถือว่าก้าวหน้าค่ะ คือดีกว่าแต่ก่อนแต่ก่อนจะขึ้นมาหยาบแบบเอาไม่อยู่เลย
แต่เหนื่อยมากเหมือนกันค่ะ จบแล้วค่ะพี่

สุขที่แท้จริง says:
ทำต่ออีกป่ะคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
วันนี้ไม่แล้วค่ะพี่ มันเหนื่อยๆ ไปข้างนอกทั้งวัน

สุขที่แท้จริง says:
ไปเดิน 10 นาที นั่ง 5 นาที ค่ะ แล้วแผ่เมตตา กรวดน้ำด้วย


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่า ได้ค่ะพี่ งั้นเดี๋ยวมานะคะ

เสร็จแล้วค่ะพี่ 10/10 ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
แน่ะ แถมจนได้ ให้นั่ง 5 เพิ่มมา 10


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ ก็ไหนๆนั่งแล้ว ก็ตอนเดินก็รู้เท้า แล้วก็ รู้สึกว่า บางช่วงจะหายไป
ความรับรู้ตอนย่างเท้าไม่ได้ต่อเนื่องมันขาดแล้วมารู้สึกอีกทีสุดย่างค่ะ
ก็มีความอยากแทรกตอนกำหนดยืนบ้างก้าวย่างบ้าง ก็กำหนดรู้หนอ
บางทีก็รู้ไปแล้วเอาจิตมารู้เท้าโดยไม่กำหนดรู้หนอ

แล้วก็จะมีปรามาส มันก็ไม่เชิงปรามสาค่ะ แต่ระลึกเป็นพระท่านที่สอนแล้วกลัวปรามาส ก็กำหนดไป
แล้วพอมานั่ง ก็รู้ท้องขยับ เบาๆพองยุบเบาๆ จนจะจับไม่ได้ แต่ก็ยังรู้ได้
ก็เห็นว่า จิตมันยังลอยๆ ก็เลยลอง กำหนดพองยุบบริกรรมตามด้วยแต่ไม่ได้บังคับว่าต้องพอดีเป๊ะๆ

ก็อาการที่จิตมันลอยๆ กลายเป็นมาจดจ่อกะท้องได้หนักแน่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้กำหนดตลอดค่ะ
ลองปล่อยแล้วดูโดยไม่ปบริรรมบ้าง ก็ยังรู้ท้องขยับเบาๆได้อยู่ค่ะ พอออกจากนั่งกำหนดอุทิศส่วนกุศล
ขึ้นมาปรามาส ก็ขอขมาแล้ว ตั้งใจอทิศต่อค่ะจนจบค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อะไรดีขึ้นหรือคะ

สุขที่แท้จริง says:
ใจไง อารมณ์ไงคะ


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
อ่อค่ะพี่ ทิ้งไวขึ้น แต่หวนไปคิดก็เป็นอีก

สุขที่แท้จริง says:
มันได้ผ่อนคลาย พี่ถึงให้ทำเพิ่มแค่นั้น


ถึงไม่ใช่งูพิษ แต่ก็ไม่คิดจะเป็นกระต่ายขนฟ says:
ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรค่ะ ส่วนมากเหนื่อยมากกว่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 02:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประสพการณ์ การเจริญนิวรณ์


Onion_L Onion_L Onion_L

ไม่ควรเสพ เกินวันละ หน :b32: :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 02:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 02:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คำสรรเสริญ เยินยอ คือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน ( ตามความเป็นจริง )
เหตุมี ผลย่อมมี ทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้นแล


เหตุมี ผลย่อมมี
คำสรรเสริญ เยินยอคือ ยาพิษ

จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง
เจริญนิวรณ์ รู้ด้วยความวิปัลาส ว่าเป็นการเจริญสติ

ดังนั้นสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดังนั้นความเป็นจริงคือ ดวงตาย่อมมืดมิด

ห้ามชม ห้ามอนุโมทนา ห้ามสรรเสริญ มิฉะนั้นจะเป็นการให้ยาพิษ :b9: :b9: :b9:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 02:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 02:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มั่วให้ครบ 365 วัน ก็ฟุ้งเหมือนเดิม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จริงหรือเปล่าครับ..ที่คุณ noohmairu

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=225
noohmairu เขียน:
:b32: ประกาศรายชื่อ(USER) ผู้ที่ถูกคุณป้า walaiporn กล่าวหาว่าใช้ไอพีเดียวกันกะ noohmairu ละจ้า


001 enlighted

002 คนดีที่โลกลืม viewtopic.php?f=1&t=30822

003 เช่นนั้น

004 กบนอกกะลา

005 Bwitch

006 sirisuk

ขอเชิญทุกท่านติดตามชมการสำรอกความเพี้ยนของคุณป้านักดูสภาวะระดับหนึ่งได้เลยจ้า

:b10:

อิอิ

อนุโมทนาสาธุจ้า


ว่ามา..

เพราะ..ส่วนตัวได้ลองสืบค้นดูแล้ว..แต่ก็ยังไม่เห็นมีที่ตรงไหนที่คุณวลัยพร..คิดว่า..กบฯเป็นคนเดียว ๆ กับอีกหลาย ๆ ยูสเซอร์เนม

ข้อความอาจจะมากจนดูไม่เห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 11:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแล้ว..ครับ

walaiporn เขียน:
เขียน:
แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า


00 เขียน:
ความผิดของผู้อื่น..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..ก็หาประโยชน์เพื่อตนเองไม่ได้..รั้งแต่จะนำตัวเองเป็นเหยื่ออันโอชะของกิเลส..ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องลึก..อันบุคคลผู้ไม่ฉลาดจะหยั้งรู้ได้

ความผิดของตน..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..อันบุคคลผู้เพียรชอบกระทำแล้ว..เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น..




ข้อความนี้กบฯ..เป็นคนเขียนเอง..ครับ

ตั้งใจ..ให้ทุกข้างดูตัวเองนะครับ...ไม่ได้เข้าข้างไหน

แม้คนที่เราชมชอบ..หากกล่าวผิดไม่เป็นธรรม..ก็ว่าไปตามผิด..ครับ
หรือแม้แต่คนที่เราไม่ชอบ..หากกล่าวถูกเป็นธรรม..ก็ต้องว่าไปตามถูก..นะครับ


และ..ในที่นี้..กบฯก็ใช้ชื่อเดียวมาตลอดครับ..ทุกวันนี้โกหกตัวเองไม่เป็นแล้วครับ :b16:

ซึ้งในอานิจสงของศีลดีครับ.. :b12: ..ไม่ได้โม้

กบฯ..ไม่ถือโกรธคุณวลัยพร..ครับ..
เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยถูก..เจ้าสังขารความคิดปรุง..มันหลอกเอา

สุดท้าย..
กุศลใดที่ข้าพเจ้ากล่าวความจริงนี้..ขอกุศลผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

และ..ขออุทิศส่วนกุศลนี้..แด่ผู้ปรารถณาความพ้นทุกข์ทุกท่าน..แก่สัพพสัตว์ทั้งหลายทุกรูปทุกนามด้วยเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




39535_1.gif
39535_1.gif [ 2.4 KiB | เปิดดู 4182 ครั้ง ]
noohmairu เขียน:
:b32: ประกาศรายชื่อ(USER) ผู้ที่ถูกคุณป้า walaiporn กล่าวหาว่าใช้ไอพีเดียวกันกะ noohmairu ละจ้า :b32:


001 enlighted

002 คนดีที่โลกลืม viewtopic.php?f=1&t=30822

003 เช่นนั้น

004 กบนอกกะลา


005 Bwitch

006 sirisuk



ขอเชิญทุกท่านติดตามชมการสำรอกความเพี้ยนของคุณป้านักดูสภาวะระดับหนึ่งได้เลยจ้า


:b10: :b23: :b10: :b23: :b10: :b23:


อิอิ

:b8: อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


ข้าพเจ้าก็ตรวจดูแล้วเช่นกัน…ก็ยังไม่พบว่ามีตรงไหน...
ที่ทำให้คุณวลัยพร…มีความเห็นว่า sirisuk เป็นคนๆ เดียวกับหลาย ๆ ยูสเซอร์เนม ที่กล่าวมา

ใครเห็นช่วยบอกด้วยค่ะะ….จะได้ชี้แจงให้กระจ่าง

ตั้งแต่เข้ามาเว็บธรรมจักรนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยไปข้องแวะกับคุณวลัยพรเลย ยิ่งทำให้มองไม่เห็นเข้าไปอีก
อีกอย่างก็ยังมองไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะต้องทำเช่นนั้น จุดประสงค์ที่เข้ามาคือศึกษาธรรมเพื่อหลุดพ้น
และแบ่งปันธรรมเท่าที่ตนรู้ ไม่เคยต้องการสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากนี้



หากจะถือเอาโพสข้างล่างนี้เป็นเหตุให้เข้าใจไปอย่างนั้น
ข้าพเจ้าก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าอ่านเอาอรรถเอาธรรม จากโพสนี้ไม่ได้
ซ้ำร้ายยังมองเจตนาเป็นอื่นไปอีก
ข้าพเจ้าก็คงไม่ถือสาเอาความอะไร เพราะน่าเห็นใจมากกว่า


sirisuk เขียน:

สวัสดีค่ะ จขกท. ที่คุณปฏิบัติมานั้นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ ทำต่อไปค่ะ

สิ่งต่างๆ นั้นล้วนมีหลายด้าน เราดูอีกด้านหนึ่งกันดีกว่านะ

:b1: :b1: มาร คือ กิเลสมาร สังขารมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร เทวบุตรมาร
http://www.kalyanamitra.org/board/lofiv ... ?t140.html

พระไตรปิฎกบอกว่า มารมี 9 (ขุ จูฬ 30/427/203)
1. ขันธมาร
2. ธาตุมาร
3. อายตนะมาร
4. คติมาร
5. อุปบัติมาร
6. ปฏิสนธิมาร
7. ภวมาร
8. สังสารมาร
9. วัฏฏมาร

การปราบ คือ การกระทำ 2 อย่าง ได้แก่
ก. ทำให้กายใจ จิต วิญญาณของเราสะอาด มีความขาวและใสสว่าง นั่นคือการทำในกมลสันดานตนเอง
ข. การทำให้กิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่มีอยู่ในอายตนะภายนอกหมดสิ้นไป (มารในสาธารณะทั่วไป)


:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

อ้างคำพูด:
* การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

คิดให้ได้ว่าเป็นลางดี เป็นคำชี้นำที่ดี ก็ดีที่มีคนมาชี้ให้เห็นสภาวะในขณะที่เราปฏิบัติธรรม
เราจะได้รู้แนวทางในการคิดพิจารณาหลายแง่มุม คิดพิจารณาให้แยบคาย เห็นได้ตามสภาวะที่เขาชี้ไว้
เราก็เริ่มจะมีภูมิ มียาพิษไว้ป้องกันตัว ไว้ฆ่าอุปกิเลส เรียกว่าการปฏิบัติธรรมของเราก้าวหน้า
และถ้าทำให้รู้ให้เข้าใจสภาวะบ่อยๆ เสพบ่อยๆ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ เมื่อจิตสงบแน่วแน่ปัญญาจะเกิด
เราก็จะรู้เห็นได้ด้วยจิตของเราเอง เราจะมียาพิษชนิดร้ายแรงไว้ป้องกันโรค ไว้ฆ่าอวิชชา ฆ่าความมีตัวตน
ออกไปจากจิตใจได้จนหมดสิ้น พ้นทุกข์ได้ในที่สุด (ยาพิษนี้ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา)


อ้างคำพูด:
ก็เลยได้รู้สึกตัวว่า ที่ตัวเองกำลังเดินจงกรมปฎิบัติกรรมฐานอยู่นี่

สติธรรมดา เห็นความรู้สึกแล้วก็ไหลตามไปเรื่อยๆๆๆ
สติปรมัตถ์ เห็นความรู้สึก รู้จัก เข้าใจ ทิ้ง

ถ้าเห็นแบบสติธรรมดา ก็คือเงาจิตเห็นเงาจิต แล้วไหลไปตามเงาจิต (เงาจิตคืออารมณ์หรืออาการของจิตหรือเจตสิก)
เกิดความรู้สึกแล้วก็ไปตามอารมณ์นั้น ๆ (สติยังไม่รู้ไตรลักษณ์ ก็จะทุกข์ สุข ดีใจ เสียใจ ฯลฯ ไปตามอารมณ์นั้นๆ)
ถ้าเห็นแบบสติปรมัตถ์ เห็นความรู้สึก ก็รู้ทัน รู้จัก เข้าใจ ทิ้ง (จิตเห็นเงาจิต ไม่ไหลไปตามเงาจิตหรือตามอารมณ์นั้นๆ
รู้เท่าทัน ว่าสิ่งที่เกิดนั้นคืออะไร เข้าใจ แล้วละทิ้ง)


สติเปรียบเสมือนนายประตู เป็นนายประตู ดู(มโน)ทวาร เมื่อเงาจิตหรืออารมณ์ผ่าน เกิดดับต้องให้รู้
ก็คือ เมื่อมี ผัสสะ เข้ามากระทบทวารเข้าแล้ว ก็จะเห็นเป็นเรื่องเป็นราว มีทั้ง สุข มีทั้ง ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์
มีทั้ง ดี มีทั้ง ชั่ว มีทั้ง บาป มีทั้ง บุญ สารพัด นับไม่ถ้วน แต่เมื่อสรุปความลงก็คงมี สอง คือ อิฎฐารมณ์
คืออารมณ์ที่ชอบอย่างหนึ่ง กับ อนิฏฐารมณ์ คืออารมณ์ที่ไม่ชอบอย่างหนึ่ง

สติปรมัตถ์ จะเห็นความรู้สึกต่างๆ รู้จัก เข้าใจ แล้วปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ละวาง

เมื่อเราปล่อยวาง อวิชา ตัณหาก็ไม่ไปปรุงแต่งสังขารให้เกิดเวทนา ความปรุงแต่งก็ดับ จิตก็จะว่าง
(ว่างจากราคะ โทสะ โมหะ) จิตจะบริสุทธิ์ มีสติ มีสัมปชัญญะ มีกำลัง จนเป็นสมาธิตั้งมั่น
จิตแยกออกจากรูปนาม มองเห็นกริยา(เงา หรืออาการ หรืออารมณ์ หรือเจตสิต) ของจิตได้ชัดเจน


ข้ออื่นก็ทำนองเดียวกันนี้ค่ะ

(ถูกผิดอย่างไรผู้มีอินทรีย์แก่กล้า ก็ช่วยเพิ่มเติมให้ด้วยนะค่ะ ข้าน้อยยังเป็นผู้ศึกษาปัญญายังน้อยนิด)

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ประสพการณ์ การเจริญนิวรณ์


Onion_L Onion_L Onion_L

ไม่ควรเสพ เกินวันละ หน :b32: :b32: :b32:


ความเห็นผิดของ เช่นนั้น เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน enlighted เชียวหรือ

ถึงได้มาดูถูกการเจริญสติของผู้อื่นเช่นนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกเธอนี่มีนิสัยแบบเดียวกันเลยนะ

เอาข้อความที่ตัวเองโพสไว้แล้ว

ไปโพสไว้ตั้งสองกระทู้

กลัวคนอื่นไม่มีตาเหมือนพวกเธอหรือไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแล้ว..ครับ

walaiporn เขียน:
เขียน:
แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า


00 เขียน:
ความผิดของผู้อื่น..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..ก็หาประโยชน์เพื่อตนเองไม่ได้..รั้งแต่จะนำตัวเองเป็นเหยื่ออันโอชะของกิเลส..ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องลึก..อันบุคคลผู้ไม่ฉลาดจะหยั้งรู้ได้

ความผิดของตน..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..อันบุคคลผู้เพียรชอบกระทำแล้ว..เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น..




ข้อความนี้กบฯ..เป็นคนเขียนเอง..ครับ

ตั้งใจ..ให้ทุกข้างดูตัวเองนะครับ...ไม่ได้เข้าข้างไหน

แม้คนที่เราชมชอบ..หากกล่าวผิดไม่เป็นธรรม..ก็ว่าไปตามผิด..ครับ
หรือแม้แต่คนที่เราไม่ชอบ..หากกล่าวถูกเป็นธรรม..ก็ต้องว่าไปตามถูก..นะครับ


และ..ในที่นี้..กบฯก็ใช้ชื่อเดียวมาตลอดครับ..ทุกวันนี้โกหกตัวเองไม่เป็นแล้วครับ :b16:

ซึ้งในอานิจสงของศีลดีครับ.. :b12: ..ไม่ได้โม้

กบฯ..ไม่ถือโกรธคุณวลัยพร..ครับ..
เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยถูก..เจ้าสังขารความคิดปรุง..มันหลอกเอา

สุดท้าย..
กุศลใดที่ข้าพเจ้ากล่าวความจริงนี้..ขอกุศลผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

และ..ขออุทิศส่วนกุศลนี้..แด่ผู้ปรารถณาความพ้นทุกข์ทุกท่าน..แก่สัพพสัตว์ทั้งหลายทุกรูปทุกนามด้วยเทอญ






คุณกบ cool

แค่เขาเอามาอ้างอิงแบบผิดๆ คุณก็หวั่นไหวตามเขาไปเสียแล้ว เลยทำให้ขาดการพิจรณา
กลับกลายเป็นว่า กำลังมาเพ่งโทษกันแทน

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ไม่ว่าทั้งคุณและเขา
ทุกสิ่งที่แสดงกันออกมา บ่งบอกถึงสภาวะจิตของคนๆนั้นว่า มี สติ สัมปชัญญะในการรับรู้
ต่อผัสสะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆมากน้อยแค่ไหน

คำพูดแรกน่ะ เราไม่อยากเอาคุณกบเข้ามาเกี่ยวข้อง เลยลบชื่อออกไป
แต่เขียนให้เห็นว่า คุณกบต้องการสื่อถึงอะไร และหมายถึงอะไร


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=120

นี่คือ สิ่งที่คุณพูดมา เอาเป็นว่าเราเข้าใจ คานะเองเขาก็ไม่ได้ไปปรุงแต่งในทางที่ไม่ดีกับคุณ
เขาเลยไม่ได้ไปต่อยอดกับข้อคิดเห็นของคุณ แต่คนที่ร้อนตัวเพราะเขาปรุงแต่งของเขาเอง
เขาเลยก๊อปข้อความที่คุณแสดงข้อคิดเห็นมาแปะ แล้วเขาก็ตอบกลับคุณไป
สิ่งที่เขาพูดไปนั้น คือ สิ่งที่เรานำมาตั้งกล่าว

"แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า"

เขาตอบมาด้วยคำตอบนี้

" อันผู้สลัดตัวตนออกแล้ว ย่อมไม่มีความกระหาย แลเห็นประโยชน์ และสาระ แก่นสารใดๆ
ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ... "

นี่คือการอวดอุตริที่ไม่มีในตน


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=165

แล้วเขาก็ลากคุณพลศักดิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งๆสิ่งที่พูดไปนั้นคือ ตัวเขาเอง จากกระทู้นี้
เขาโพสซะจนจำไม่ได้ว่า ไปโพสทิ้งไว้ที่กระทู้ไหนบ้าง

00 เขียน:
แอนตี้ไวรัสอวิชชาในภัทรกัปป์นี้ ก็มี 5เวอร์ชั่น สิ


ยูสเซอร์หนึ่งตอบ อีกยูสเซอร์ตามมาอธิบายซ้ำ


00 เขียน:
เวอร์ชั่นแรก พระพุทธเจ้ากกุสนโธ
เวอร์ชั่น 2 พระพุทธเจ้าโกนาคมน์
เวอร์ชั่น 3 พระพุทธเจ้ากัสสปะ
เวอร์ชั่น 4 พระพุทธเจ้าสมณโคดม
เวอร์ชั่น 5 พระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย (โปรแกรมยังไม่สมบูรณ์ : ยังไม่เปิดตัว)


viewtopic.php?f=1&t=30278&start=15
แต่กระทู้ที่เขานำมาแนบนั้นไม่ใช่


ต้องขออภัยกับคุณด้วย กับข้อความที่นำไปแปะ แต่ไม่คิดว่าจะมีช่องโหว่ที่ทำให้คนๆนั้น
นำมาทำให้คุณกบเข้าใจผิดไปได้ :b8:

จริงๆแล้ว ข้อความในกระทู้นั้น เราไม่ได้มีเจตนาหรือคิดเพ่งโทษใดๆกับเขา
ถึงได้ลบยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้ทั้งหมด แต่เขากลับนำมาเปิดเผยเอง
และพยายามใช้คำพูดในเชิงยั่วยุที่จะให้เราละเมิดคำพูดที่เราพูดไว้ว่า เราจะไม่เปิดเผยชื่อของเขา

เวลาที่เขาขาดสติ เขาจะเป็นแบบนั้น คือ รน แล้วจะโพสแบบมั่วๆ เพราะอ่านข้อความไม่ถี่ถ้วนเอง
แม่แต่คำพูดที่เขาใช้พูดประจำ เช่น

" ไปแระ " กับอีกคำพูดที่ชอบใช้ประจำ " ส่วนอีกท่าน สิ่งที่ "ควร" ก็ไม่รู้ "ไม่ควร" ก็ยังไม่รู้ "

กระทู้ที่เขานำมาพูดนั้นนานแล้ว ที่เขาเข้าไปอ่านบล็อกของน้ำ แล้วเห็นการไม่เคยนอนยาว
มันเป็นเพียงสภาวะที่เป็นแบบนั้น เพราะน้ำพักในสมาธิ แต่เขาไม่เข้าใจสภาวะเลยนำไปปรุงแต่ง
เอารูปซี่โครงผีนั่งหน้าจอคอมฯกับรูปม้ากอดต้นไม้ มาประกอบใช้ในการพูด


แล้วกระทู้นี้ ที่คุณกบตั้งคำถามเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ไปตอบ เพราะมันมีรายละเอียด
เพราะคุณกบไม่อ่านให้ละเอียดว่า สิ่งที่เขานำมาพูดคือ คำว่า " ความเพียร "
เอาเป็นว่า เดี๋ยวคุณกบได้อ่านคำตอบแล้วจะเข้าใจมากขึ้น ว่าที่สนทนากับคุณ yodchawนั้น
เริ่มต้นจริงๆแล้ว คือ เรื่องอะไร

แล้วก็ไม่คิดว่า จะมีคนนำข้อความจากกระทู้นี้ไปปรุงแต่งตามกิเลสของเธออีก

viewtopic.php?f=1&t=30713&start=240

เพราะนิสัยของเธอผู้ชอบเพ่งโทษผู้อื่น น้ำถึงได้เขียนคำว่า มิจฉาปณิหิตจิต
จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

ถ้าตามความหมายเต็มๆนั้น หมายถึง การที่ตั้งจิตไว้ผิดที่คือคอยเพ่งโทษผู้อื่นตลอดเวลา
เลวร้ายยิ่งกว่าการจองเวรซึ่งกันและกัน ซึ่งผู้ที่ตั้งจิตไว้ผิดนั้น มีแต่จะสร้างความพินาศให้แก่ตนเอง


viewtopic.php?f=27&t=22309&p=191304#p191304

สำหรับกระทู้นี้ จะไปตอบให้ค่ะ ขออภัยที่ยังไม่ได้ตอบ




กับเรื่องราวของคานะกับคนๆนี้นั้น เหตุมันยืดยาว เพราะน้ำเองเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขา
คานะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาในบอร์ดเราเยอะมาก ที่รู้เพราะได้สนทนากัน
คานะเขาโกรธ ก็เรื่องปกตินะคะ ในเมื่อเราเป็นพี่เลี้ยง น้องย่อมรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นคนอื่นมาว่าพี่
อีกอย่าง น้องเขาเพิ่งจะมาปฏิบัติ สติของน้องเขา เขาย่อมได้ตามที่เขาได้กระทำ
ถือว่า สภาวะน้องเขาไปได้ดี ที่เห็นชัดๆคือ น้องเขายังมีสติดีกว่าผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่เอ่ยอ้างว่า ปฏิบัติมานาน และมีศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน
แต่พอเห็นสภาวะยามที่ขาดสติ ตัวคำพูดที่เขาพูดๆลงมานั้นบ่งบอกเลยว่า
สติ สัมปชัญญะเขายังด้อยกว่าเด็ก เพราะยังมีการพยายามเบี่ยงเบนคำพูด เพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
คานะกับน้ำนั้น เป็นคนๆเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล ก็โพสรูปตัวเงินตัวทอง
ที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ที่ยืนกอดกันหน้าทำเนียบ
เอามาเปรียบเปรยว่า คานะกับน้ำนั้นเป็น คู่เลสเบี้ยน


ส่วน วารินเน่
เด็กรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างฉลาด คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดย่อมมีมานะแรง นี่คือเรื่อง ปกติ
เขาขอเลือกส่งสภาวะแบบนี้ เพราะเขาไม่ชอบการส่งสภาวะแบบที่น้ำทำอยู่
เขาบอกว่า เหมือนถูกบังคับให้ทำ เขาชอบอิสระ ชอบเป็นตัวของตัวเอง
และที่ไม่ได้ให้คนอื่นๆรู้ว่า น้ำเป็นพี่เลี้ยงเขาอยู่นั้น เหตุเนื่องจากว่า
น้องเขาอยากได้ข้อคิดเห็นจากคนอื่นๆ ว่ามีแตกต่างกันตรงไหนบ้าง
เขาต้องการสนทนาแลกเปลี่ยนในแนวทางสภาวะ

เห็นไหมคะ เด็กรุ่นใหม่ ถ้าคนไม่เข้าใจสภาวะของเขา เอารูปแบบไปยัดเยีดให้กับเขา
แล้วเขาตอบโต้กลับนั้น เขาผิดตรงไหนหรือ ไปทำตัววุ่นวายกับเขาเอง
กับคนอื่นๆที่เข้าไปสนทนากับเขา น้องเขาก็สนทนาด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างเมื่อคืน ก็มีน้องอีกคน คนนี้ยิ่งกว่าวารินเน่อีก คือ ไม่มีเวลาทั้งเดินจงกรม และนั่งสมาธิ
นี่ก็เจอกันในบอร์ดธรรมจักรเหมือนกัน แต่เขาไปค้นหาบล็อกของน้ำในกูเกิ้ล โดยค้นตามชื่อ

ถึงบอกไงว่าเด็กรุ่นใหม่ฉลาด น้องคนนี้ก็เหมือนกัน ก่อนที่เขาจะยอมรับน้ำนี่ เขาจะมีคำถามมาก่อน
เขาจะดูว่าเราตอบเขาได้ไหม เขาถึงจะยอมรับเราได้

คำถามของเขาก็คือ เรื่องฌาน ที่ไม่ใช่การนำพระไตรปิฎกมาตอบเขา
แต่เอาสภาวะจริงๆมาอธิบายให้เขาฟัง น้องเขามาจากกลุ่มดูจิต

เมื่อคืนสิ่งที่เขาถามมานั้น เข้าใจเขาเลยว่าเขากำลังไขว้เขวกับเรื่องข่าวที่ออกมาของแนวทาง
ที่เขาปฏิบัติอยู่ คือ ตามรู้กายใจ แต่ไม่ได้เดินจงกรมและนั่งสมาธิเป็นหลัก ถ้าวันไหนว่างจริงๆเขาถึงทำ

เขาถามว่า เขาทำแบบนี้ผิดทางไหม แค่ตามรู้กายใจของเขา
ก็ตอบเขาไปว่า ไม่ผิด เพราะนี่คือสภาวะของเขา ไม่ใช่สภาวะของคนอื่น
เขาก็รู้สึกสบายใจและกลับไปทำในสิ่งที่เขาทำได้ต่อไป

การเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เข้าใจถึงการปฏิบัติหลายๆรูปแบบ ทำให้เข้าใจสภาวะ
เพราะเมื่อทำได้ถึงจุดๆหนึ่ง จะไม่มีการไปยึดติดใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งครูบาฯ
ครูบาฯ เรายังคงให้ความเคารพท่านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีการยึดติด
อะไรที่เกิดขึ้นกับครูบาฯ เราจะมองแค่ว่า นั่นคือ สภาวะของครูบาฯท่าน เราไม่เกี่ยว
อย่าเอาความคิดที่ปรุงแต่ง ไปร่วมสร้างวิบากกรรมกับท่าน ให้แค่มีสติรู้อยู่
คือรู้ แต่ไม่เข้าไปยุ่ง ตรงไหนที่คิดว่า พอพูดได้ก็พูด แต่ต้องไม่เป็นการก่ออกุศลจิตให้กับตัวเอง
เพราะทุกๆการกระทำนั้นๆของเรา มันส่งผลกลับมาที่ตัวเราหมด

มีน้องๆเข้ามาอ่านบอร์ด แล้วเห็นสภาวะที่น้ำกำลังเจออยู่ ก็มีคำถามมา
ก็บอกไปทันทีว่า แค่ดู ดูอะไร ดูจิตของตัวเอง ว่ามีชอบหรือชังมากน้อยแค่ไหน
เพราะสักวันหนึ่ง เขาจะต้องผ่านสภาวะที่ตัดความชอบในตัวน้ำออกจนหมด

ส่วนคานะนี่ ห้ามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมเราก็ต้องปล่อย เพราะนั่นคือ สภาวะของเขา
บางอย่างบอกเขา เขาก็เชื่อ บอกเขาว่า เอาข้อความที่เขาใช้โชว์อยู่นั้นออกไป
เพราะข้อความนั้น บ่งบอกถึง เขาพยาบาท เขาก็ยอมเอาออก
เห็นไหม เด็กน่ะ เขาจะทำอะไร เขาก็จะมีเหตุและผลของเขา
เวลาเราแนะนำอะไรให้กับเขา เราก้ต้องชี้ถึงเหตุและผลให้เขาฟัง


สำหรับกระทู้นี้ ไม่ต้องกัวลค่ะ เหตุมี ผลย่อมมี
เพราะกระทู้นี้ก็ไม่ใช่ของเรา อะไรๆในโลกใบนี้ล้วนไม่มีอะไรที่เราสามารถนำติดตัวไปยามตายได้
มีแต่ กุศลกรรมและอกุศลกรรมเท่านั้น ที่ตามความเป็นจริงที่เราได้กระทำไปเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
ไม่ใช่คิดเอาเองว่า นี่คือ กำลังทำกุศลหรือนี่คือกำลังทำอกุศล นั่นเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน

ฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะใช้ยูสเซอร์ไหนๆก็ตาม นั่นคือ ผลที่ตัวเขาต้องได้รับ
เรามีหน้าที่ของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆเขาเห็นไม่ได้
แล้วใครที่ไหนจะมาฟังเรา ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังไปสติแตกตามคำพูดที่ปรุงแต่งของคนอื่นๆ

เวลามีปัญหา เด็กจะได้ย้อนเอาได้ว่า ที่พี่น้ำล่ะ ไม่เห็นจะทำได้เลย อายเด็กไหมล่ะ ถ้าเจอแบบนี้
น้ำสบายๆนะคุณกบ จิตไม่มีไปกระเพื่อมตามสิ่งที่เขาปรุงแต่งมาหรอก เพราะนั่นคือ กิเลสของเขา
นั่นคือ เหตุที่เขากำลังกระทำให้เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเขาได้ก่อภพก่อชาติให้ยืดยาวออกไปเรื่อยๆ

กับตัวคุณกบเอง ถึงแม้ว่าจะ สมมุตินะ สมมุติว่าเป็นหนึ่งในยูสเซอร์ของเขา น้ำก็ไม่กังวล
เพราะคุณมาในสภาวะของผู้ที่มาสนทนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน ไม่ใช่มาตั้งแง่เพ่งโทษใส่กัน

ส่วนดีของแต่ละคนมี ของคนๆนี้เขาก็มี เขาเก่ง เขามีความจำในตำรับตำราได้ดี
สิ่งที่แต่ละยูสเซอร์เขานำมาโพสนั้น ก็หลากหลายดี มีด้านสว่าง
ก็ย่อมมีด้านมืด มันของคู่กันอยู่แล้ว ส่วนอะไรจะมีมากกว่ากัน นั่นก็เรื่องของเขา
เพราะเขาสร้างเหตุเอง เขาย่อมได้รับผลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา
แต่เราไปเกี่ยวข้องกับเขานี่คือ นั่นคือ เรากำลังไปสร้างเหตุใหม่กับเขา

เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ ส่วนกระทู้ สติ ที่ถูกล็กไปนั้น
ก็อย่างที่น้ำเขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้คิดจะแฉใครหรือคิดไปเพ่งโทษใคร
แต่เห็นเขาติดสภาวะนี้มานานแล้ว นับวันยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม สร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ

สรุปคือ ใครจะเป็นอะไรอย่างไร เรื่องของเขา ใครเขาสร้างเหตุมาอย่างไร เขาก็ย่อมเป็นไปตามเหตุ
ที่เขานั้นกระทำมา ส่วนเรื่องของคานะกับคนๆนี้ เขามีวิบากกรรมร่วมต่อกัน

อ้อ .. ตรงนี้สำหรับคนที่ชอบปรุงแต่ง ยามตากระทบรูป

คำสรรเสริญ เยินยอ คือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

คำพูดนี้ ให้น้องๆที่เข้ามาอ่าน และอาจจะมีการโพสข้อความธรรมะในบอร์ด

เมื่อมีคนไปกดอนุโมทนาให้กับเขา นั่นคือ หนึ่งคำสรรเสริญ
ใจเขาจะได้ไม่ฟู ไปปรุงแต่งว่า มีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาโพส


เพราะมีบางคนไปกดอนุโมทนา เพื่อให้รู้ว่า เขาได้เข้ามาอ่านข้อความ

อีกอย่าง เขาจะได้ไม่ไปยึดติดกับการที่มีคนมากดอนุโมทนาให้
เพราะถ้าครั้งต่อไป เขามาโพสแล้ว ไม่มีคนมากดให้ ใจเขาจะได้ไม่ฝ่อ


ดีไม่ดี ไปสร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่ แล้วไปกดอนุโมทนาให้กับตัวเอง
นี่คือ การเพิ่มกิเลสให้กับตัวเอง หาใช่การทำให้กิเลสเบาบางลงไปไม่


และเหตุที่เปลี่ยนบัญญัติจาก มีความเพียรอยู่ที่ไหน ย่อมมีความสำเร็จอยู่ที่นั่น

อะไรก็ตามที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นนำมาเพ่งโทษเราได้ เราจะเปลี่ยนข้อความนั้นทันที
การที่เปลี่ยนข้อความนี้ นึกถึงผู้อื่น ผู้ที่กำลังสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง


ข้อความทุกๆข้อความ ล้วนเป็นเพียงบัญญัติ จะปรุงจะแต่งยังไงก็ได้ ยามที่ตากระทบรูป
สติ สัมปชัญญะ ทันไหม หากทัน มันก็จบ เพราะมันแค่บัญญัติ


ถ้อยคำหยาบคายที่ผรุสวาทออกมายามที่ขาดสติ นี่ก็เรื่องปกติ ของคนที่
ยังมี สติ สัมปชัญญะไม่มากพอ ที่จะรู้เท่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตตัวเอง
มันเลยไม่รู้ขอบเขต ไม่รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ เพราะสติยังด้อย
เมื่อสติยังด้อย การทำงานของหิริ โอตัปปะ ย่อมด้อยตามกำลังของสติ




ผู้ที่เอาแต่นั่งสวดมนต์ภาวนา เอาแต่นั่งสมาธิ แต่ไม่ได้เจริญสติ จะเป็นแบบนี้แหละ
เมื่ออะไรมากระทบ สมาธิที่มีนั้นก็ไม่สามารถเอาอยู่ ไปแล้ว ปรุงแต่งทันที

ผิดกับผู้ที่เจริญสติ ผลที่ได้รับคือ สติ สัมปชัญญะ ( ปัญญา ) และสมาธิ
ไม่ว่าจะมีสมาธิมากหรือน้อย ไม่ใช่องค์ประกอบที่สำคัญ เพราะสมาธิมีการสะสมตามกำลังของสติ
สติดี สมาธิย่อมดี เพราะความฟุ้งหรือนิวรณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้ยาก

ผิดกับผู้ที่เอาแต่สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิแต่อย่างเดียว
อันนั้นสมาธิเอาไปกินหมด สติด้อย เวลาเกิดการกระทบหรือผัสสะ ยามที่กระทบกับกิเลส
ถ้ากำลังสมาธิไม่มากพอ ไปแล้ว ไปหมดเลย เพราะกำลังของสติยังด้อย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิด ถูกหรือผิดเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน
แต่ควรทำที่ถูกใจเราต่างหากถึงจะถูกต้องตามสภาวะ
และวันใดสติ สัมปชัญญะมากขึ้น สภาวะเขาจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะของผู้ปฏิบัติ

ในการปฏิบัติ ควรปฏิบัติตามแนวทางของตัวเองที่ตัวเองถนัด ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อใครสักคน
เหมือนเดินจงกรม ทำไมจึงรู้สึกเหมือนกับหุ่นยนต์ เพราะการทำตามใจคนอื่นๆ
แต่ไม่ใช่แบบที่ตัวเองถนัด มันก็เลยเหมือนหุ่นยนต์
เวลาส่งสภาวะ ก็ต้องพูดตามความเป็นจริง ไม่ใช่พูดเพื่อเอาใจหรือพูดเพื่อให้ถูกใจ
สภาวะโกหก ผลที่ได้รับคือ สภาวะผิดเพี้ยนตามความเป็นจริง ถึงไม่ไปไหนมาไหน
ดีไม่ดี ไปสร้างเหตุไม่ดีเพิ่ม สภาวะยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อคุณเป็น ไอดอล ของใครสักคน คุณก็รู้อยู่ว่า คุณคือ ไอดอลของเขา
เขาจะเลียนแบบในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ....



อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย
จะไม่มีการแจ้งล็อคกระทู้ใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่มีการตั้งค่าใดๆกับกระทู้นี้ทั้งสิ้น

ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 20:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 22:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:

กับเรื่องราวของคานะกับคนๆนี้นั้น เหตุมันยืดยาว เพราะน้ำเองเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขา
คานะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาในบอร์ดเราเยอะมาก ที่รู้เพราะได้สนทนากัน
คานะเขาโกรธ ก็เรื่องปกตินะคะ ในเมื่อเราเป็นพี่เลี้ยง น้องย่อมรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นคนอื่นมาว่าพี่
อีกอย่าง น้องเขาเพิ่งจะมาปฏิบัติ สติของน้องเขา เขาย่อมได้ตามที่เขาได้กระทำ
ถือว่า สภาวะน้องเขาไปได้ดี ที่เห็นชัดๆคือ น้องเขายังมีสติดีกว่าผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่เอ่ยอ้างว่า ปฏิบัติมานาน และมีศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน
แต่พอเห็นสภาวะยามที่ขาดสติ ตัวคำพูดที่เขาพูดๆลงมานั้นบ่งบอกเลยว่า
สติ สัมปชัญญะเขายังด้อยกว่าเด็ก เพราะยังมีการพยายามเบี่ยงเบนคำพูด เพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
คานะกับน้ำนั้น เป็นคนๆเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล ก็โพสรูปตัวเงินตัวทอง
ที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ที่ยืนกอดกันหน้าทำเนียบ
เอามาเปรียบเปรยว่า คานะกับน้ำนั้นเป็น คู่เลสเบี้ยน


เขินจังเลย พี่อ่า.. ไหนบอกว่าจะไม่ชมเราไง อิอิ^^~

อุตส่าห์ทำใจได้แล้วเชียว หุหุหุ

อ้างคำพูด:

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย
จะไม่มีการแจ้งล็อคกระทู้ใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่มีการตั้งค่าใดๆกับกระทู้นี้ทั้งสิ้น

ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว


ตอนนี้เรายังไม่สิ้นสงสัยเลย

สงสัยเราจะได้ดราม่ากะเธอคงนี้ไปนานแสนนานจนเธอสติแตกไปเลยก็ได้

ใจจริงไม่ได้อยากทำงี้เลยนะนี่.. แต่ว่า... หยุดไม่ได้อะ อิอิ


แก้ไขล่าสุดโดย kanalove เมื่อ 16 เม.ย. 2010, 22:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร