วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 18:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ยาวมาก...แต่ก็อ่านจนจบครับ

จึงได้เห็นว่าคุณน้ำนี้..มองอะไรมากกว่าที่เห็น

ส่วนกบฯ..มองเท่าที่เห็น..ต่อหน้าเห็นว่าผิด..ก็ตี..เห็นว่าถูก..ก็ชม..ก็อาจจะขาดความรอบคอบไปบ้าง

ส่วนการกดโมทนานี้ก็..รู้สึกมานานแล้วว่า..มันก็เป็นสรรเสริฐอย่างหนึ่ง..หากยินดีเมื่อไร..ความยินร้ายก็เกิดขึ้นแล้วแอบในใจของผู้นั้นทันที..ที่เรียกว่าโลกธรรม 8 มี 4 คู่..นี้มันจริง..มันเกิดพร้อมกันเป็นคู่ ๆ กับผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมัน

หากรู้เท่าทันมันมากเท่าไร...พิษสงมันก็น้อยลงไปเท่านั้น

และก็ยืนยันว่า..

ในที่นี้..กบฯใช้ชื่อเดียวตลอดมา..ตั้งแต่แรกแล้วครับ

walaiporn เขียน:

อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย


กบฯไม่มีอะไรจะปลดปล่อย..ครับ :b16:

มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเองที่กำลังทำอยู่...กามราคะ..สังโยชน์ตัวที่ 4 ..เป็นงานที่กำลังทำอยู่ครับ

ความรู้ที่จะใช้กับมันนี้..รู้
เหลือแต่..ทำให้ความรู้นั้นเกิดขึ้นจริงกับจิตใจตนเอง..เท่านั้น

ก็เลยไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับเจ้า..โทสะ..เท่าไร..ปล่อยมันไปก่อน..แต่มันก็เกาะใจได้ไม่นาน..

สังเกตุว่า..ยามใดที่พรหมวิหาร 4 เจริญ..โทสะก็น้อยลงไปเอง..แต่ถ้าจะฆ่าโทสะได้จริง..คิดว่า..คงต้องมีอะไรที่มากกว่าอารมณ์พรหมวิหาร 4 แน่ ๆ ..อาจจะเป็น..อารมณ์ของสักกายทิฏฐิ..ต้องหลุ่มลึกมากขึ้น

อ้างคำพูด:


ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:



ตัวทดสอบกิเลสโทสะให้ของน้องๆเขา...คงไม่ใช่..ตัวกบฯหรอกมั้ง :b12:

ได้เห็นพวกเขาสนใจธรรมะ..ก็ดีใจแล้ว..นึกชมเขาเหมือนกัน

คิดว่า..พวกเขาดีกว่า..ตัวกบฯ..ซะอีกนะ..เมื่อเทียบกับช่วงอายุเดียวกัน

แต่ก็ดีใจมากครับ..ที่... เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b8: :b8: :b8: :b20: :b20: :b20:

ในส่วนตัวกบฯ..ไม่เคยเจตนาอันจะเป็นเหตุ..กับคุณน้ำ..ตั้งแต่ไหน ๆ แล้วครับ

สรุปว่า........
.....กบฯ..ยังจะมีเมนูใหม่ ๆ ให้ทานอยู่ใช้มั้ยครับ???

:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแล้ว..ครับ

walaiporn เขียน:
เขียน:
แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า


00 เขียน:
ความผิดของผู้อื่น..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..ก็หาประโยชน์เพื่อตนเองไม่ได้..รั้งแต่จะนำตัวเองเป็นเหยื่ออันโอชะของกิเลส..ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องลึก..อันบุคคลผู้ไม่ฉลาดจะหยั้งรู้ได้

ความผิดของตน..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..อันบุคคลผู้เพียรชอบกระทำแล้ว..เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น..




ข้อความนี้กบฯ..เป็นคนเขียนเอง..ครับ

ตั้งใจ..ให้ทุกข้างดูตัวเองนะครับ...ไม่ได้เข้าข้างไหน

แม้คนที่เราชมชอบ..หากกล่าวผิดไม่เป็นธรรม..ก็ว่าไปตามผิด..ครับ
หรือแม้แต่คนที่เราไม่ชอบ..หากกล่าวถูกเป็นธรรม..ก็ต้องว่าไปตามถูก..นะครับ


และ..ในที่นี้..กบฯก็ใช้ชื่อเดียวมาตลอดครับ..ทุกวันนี้โกหกตัวเองไม่เป็นแล้วครับ :b16:

ซึ้งในอานิจสงของศีลดีครับ.. :b12: ..ไม่ได้โม้

กบฯ..ไม่ถือโกรธคุณวลัยพร..ครับ..
เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยถูก..เจ้าสังขารความคิดปรุง..มันหลอกเอา

สุดท้าย..
กุศลใดที่ข้าพเจ้ากล่าวความจริงนี้..ขอกุศลผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

และ..ขออุทิศส่วนกุศลนี้..แด่ผู้ปรารถณาความพ้นทุกข์ทุกท่าน..แก่สัพพสัตว์ทั้งหลายทุกรูปทุกนามด้วยเทอญ






คุณกบ cool

แค่เขาเอามาอ้างอิงแบบผิดๆ คุณก็หวั่นไหวตามเขาไปเสียแล้ว เลยทำให้ขาดการพิจรณา
กลับกลายเป็นว่า กำลังมาเพ่งโทษกันแทน

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ไม่ว่าทั้งคุณและเขา
ทุกสิ่งที่แสดงกันออกมา บ่งบอกถึงสภาวะจิตของคนๆนั้นว่า มี สติ สัมปชัญญะในการรับรู้
ต่อผัสสะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆมากน้อยแค่ไหน

คำพูดแรกน่ะ เราไม่อยากเอาคุณกบเข้ามาเกี่ยวข้อง เลยลบชื่อออกไป
แต่เขียนให้เห็นว่า คุณกบต้องการสื่อถึงอะไร และหมายถึงอะไร


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=120

นี่คือ สิ่งที่คุณพูดมา เอาเป็นว่าเราเข้าใจ คานะเองเขาก็ไม่ได้ไปปรุงแต่งในทางที่ไม่ดีกับคุณ
เขาเลยไม่ได้ไปต่อยอดกับข้อคิดเห็นของคุณ แต่คนที่ร้อนตัวเพราะเขาปรุงแต่งของเขาเอง
เขาเลยก๊อปข้อความที่คุณแสดงข้อคิดเห็นมาแปะ แล้วเขาก็ตอบกลับคุณไป
สิ่งที่เขาพูดไปนั้น คือ สิ่งที่เรานำมาตั้งกล่าว

"แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า"

เขาตอบมาด้วยคำตอบนี้

" อันผู้สลัดตัวตนออกแล้ว ย่อมไม่มีความกระหาย แลเห็นประโยชน์ และสาระ แก่นสารใดๆ
ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ... "

นี่คือการอวดอุตริที่ไม่มีในตน


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=165

แล้วเขาก็ลากคุณพลศักดิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งๆสิ่งที่พูดไปนั้นคือ ตัวเขาเอง จากกระทู้นี้
เขาโพสซะจนจำไม่ได้ว่า ไปโพสทิ้งไว้ที่กระทู้ไหนบ้าง

00 เขียน:
แอนตี้ไวรัสอวิชชาในภัทรกัปป์นี้ ก็มี 5เวอร์ชั่น สิ


ยูสเซอร์หนึ่งตอบ อีกยูสเซอร์ตามมาอธิบายซ้ำ


00 เขียน:
เวอร์ชั่นแรก พระพุทธเจ้ากกุสนโธ
เวอร์ชั่น 2 พระพุทธเจ้าโกนาคมน์
เวอร์ชั่น 3 พระพุทธเจ้ากัสสปะ
เวอร์ชั่น 4 พระพุทธเจ้าสมณโคดม
เวอร์ชั่น 5 พระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย (โปรแกรมยังไม่สมบูรณ์ : ยังไม่เปิดตัว)


viewtopic.php?f=1&t=30278&start=15
แต่กระทู้ที่เขานำมาแนบนั้นไม่ใช่


ต้องขออภัยกับคุณด้วย กับข้อความที่นำไปแปะ แต่ไม่คิดว่าจะมีช่องโหว่ที่ทำให้คนๆนั้น
นำมาทำให้คุณกบเข้าใจผิดไปได้ :b8:

จริงๆแล้ว ข้อความในกระทู้นั้น เราไม่ได้มีเจตนาหรือคิดเพ่งโทษใดๆกับเขา
ถึงได้ลบยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้ทั้งหมด แต่เขากลับนำมาเปิดเผยเอง
และพยายามใช้คำพูดในเชิงยั่วยุที่จะให้เราละเมิดคำพูดที่เราพูดไว้ว่า เราจะไม่เปิดเผยชื่อของเขา

เวลาที่เขาขาดสติ เขาจะเป็นแบบนั้น คือ รน แล้วจะโพสแบบมั่วๆ เพราะอ่านข้อความไม่ถี่ถ้วนเอง
แม่แต่คำพูดที่เขาใช้พูดประจำ เช่น

" ไปแระ " กับอีกคำพูดที่ชอบใช้ประจำ " ส่วนอีกท่าน สิ่งที่ "ควร" ก็ไม่รู้ "ไม่ควร" ก็ยังไม่รู้ "

กระทู้ที่เขานำมาพูดนั้นนานแล้ว ที่เขาเข้าไปอ่านบล็อกของน้ำ แล้วเห็นการไม่เคยนอนยาว
มันเป็นเพียงสภาวะที่เป็นแบบนั้น เพราะน้ำพักในสมาธิ แต่เขาไม่เข้าใจสภาวะเลยนำไปปรุงแต่ง
เอารูปซี่โครงผีนั่งหน้าจอคอมฯกับรูปม้ากอดต้นไม้ มาประกอบใช้ในการพูด


แล้วกระทู้นี้ ที่คุณกบตั้งคำถามเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ไปตอบ เพราะมันมีรายละเอียด
เพราะคุณกบไม่อ่านให้ละเอียดว่า สิ่งที่เขานำมาพูดคือ คำว่า " ความเพียร "
เอาเป็นว่า เดี๋ยวคุณกบได้อ่านคำตอบแล้วจะเข้าใจมากขึ้น ว่าที่สนทนากับคุณ yodchawนั้น
เริ่มต้นจริงๆแล้ว คือ เรื่องอะไร

แล้วก็ไม่คิดว่า จะมีคนนำข้อความจากกระทู้นี้ไปปรุงแต่งตามกิเลสของเธออีก

viewtopic.php?f=1&t=30713&start=240

เพราะนิสัยของเธอผู้ชอบเพ่งโทษผู้อื่น น้ำถึงได้เขียนคำว่า มิจฉาปณิหิตจิต
จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

ถ้าตามความหมายเต็มๆนั้น หมายถึง การที่ตั้งจิตไว้ผิดที่คือคอยเพ่งโทษผู้อื่นตลอดเวลา
เลวร้ายยิ่งกว่าการจองเวรซึ่งกันและกัน ซึ่งผู้ที่ตั้งจิตไว้ผิดนั้น มีแต่จะสร้างความพินาศให้แก่ตนเอง


viewtopic.php?f=27&t=22309&p=191304#p191304

สำหรับกระทู้นี้ จะไปตอบให้ค่ะ ขออภัยที่ยังไม่ได้ตอบ




กับเรื่องราวของคานะกับคนๆนี้นั้น เหตุมันยืดยาว เพราะน้ำเองเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขา
คานะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาในบอร์ดเราเยอะมาก ที่รู้เพราะได้สนทนากัน
คานะเขาโกรธ ก็เรื่องปกตินะคะ ในเมื่อเราเป็นพี่เลี้ยง น้องย่อมรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นคนอื่นมาว่าพี่
อีกอย่าง น้องเขาเพิ่งจะมาปฏิบัติ สติของน้องเขา เขาย่อมได้ตามที่เขาได้กระทำ
ถือว่า สภาวะน้องเขาไปได้ดี ที่เห็นชัดๆคือ น้องเขายังมีสติดีกว่าผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่เอ่ยอ้างว่า ปฏิบัติมานาน และมีศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน
แต่พอเห็นสภาวะยามที่ขาดสติ ตัวคำพูดที่เขาพูดๆลงมานั้นบ่งบอกเลยว่า
สติ สัมปชัญญะเขายังด้อยกว่าเด็ก เพราะยังมีการพยายามเบี่ยงเบนคำพูด เพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
คานะกับน้ำนั้น เป็นคนๆเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล ก็โพสรูปตัวเงินตัวทอง
ที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ที่ยืนกอดกันหน้าทำเนียบ
เอามาเปรียบเปรยว่า คานะกับน้ำนั้นเป็น คู่เลสเบี้ยน


ส่วน วารินเน่
เด็กรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างฉลาด คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดย่อมมีมานะแรง นี่คือเรื่อง ปกติ
เขาขอเลือกส่งสภาวะแบบนี้ เพราะเขาไม่ชอบการส่งสภาวะแบบที่น้ำทำอยู่
เขาบอกว่า เหมือนถูกบังคับให้ทำ เขาชอบอิสระ ชอบเป็นตัวของตัวเอง
และที่ไม่ได้ให้คนอื่นๆรู้ว่า น้ำเป็นพี่เลี้ยงเขาอยู่นั้น เหตุเนื่องจากว่า
น้องเขาอยากได้ข้อคิดเห็นจากคนอื่นๆ ว่ามีแตกต่างกันตรงไหนบ้าง
เขาต้องการสนทนาแลกเปลี่ยนในแนวทางสภาวะ

เห็นไหมคะ เด็กรุ่นใหม่ ถ้าคนไม่เข้าใจสภาวะของเขา เอารูปแบบไปยัดเยีดให้กับเขา
แล้วเขาตอบโต้กลับนั้น เขาผิดตรงไหนหรือ ไปทำตัววุ่นวายกับเขาเอง
กับคนอื่นๆที่เข้าไปสนทนากับเขา น้องเขาก็สนทนาด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างเมื่อคืน ก็มีน้องอีกคน คนนี้ยิ่งกว่าวารินเน่อีก คือ ไม่มีเวลาทั้งเดินจงกรม และนั่งสมาธิ
นี่ก็เจอกันในบอร์ดธรรมจักรเหมือนกัน แต่เขาไปค้นหาบล็อกของน้ำในกูเกิ้ล โดยค้นตามชื่อ

ถึงบอกไงว่าเด็กรุ่นใหม่ฉลาด น้องคนนี้ก็เหมือนกัน ก่อนที่เขาจะยอมรับน้ำนี่ เขาจะมีคำถามมาก่อน
เขาจะดูว่าเราตอบเขาได้ไหม เขาถึงจะยอมรับเราได้

คำถามของเขาก็คือ เรื่องฌาน ที่ไม่ใช่การนำพระไตรปิฎกมาตอบเขา
แต่เอาสภาวะจริงๆมาอธิบายให้เขาฟัง น้องเขามาจากกลุ่มดูจิต

เมื่อคืนสิ่งที่เขาถามมานั้น เข้าใจเขาเลยว่าเขากำลังไขว้เขวกับเรื่องข่าวที่ออกมาของแนวทาง
ที่เขาปฏิบัติอยู่ คือ ตามรู้กายใจ แต่ไม่ได้เดินจงกรมและนั่งสมาธิเป็นหลัก ถ้าวันไหนว่างจริงๆเขาถึงทำ

เขาถามว่า เขาทำแบบนี้ผิดทางไหม แค่ตามรู้กายใจของเขา
ก็ตอบเขาไปว่า ไม่ผิด เพราะนี่คือสภาวะของเขา ไม่ใช่สภาวะของคนอื่น
เขาก็รู้สึกสบายใจและกลับไปทำในสิ่งที่เขาทำได้ต่อไป

การเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เข้าใจถึงการปฏิบัติหลายๆรูปแบบ ทำให้เข้าใจสภาวะ
เพราะเมื่อทำได้ถึงจุดๆหนึ่ง จะไม่มีการไปยึดติดใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งครูบาฯ
ครูบาฯ เรายังคงให้ความเคารพท่านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีการยึดติด
อะไรที่เกิดขึ้นกับครูบาฯ เราจะมองแค่ว่า นั่นคือ สภาวะของครูบาฯท่าน เราไม่เกี่ยว
อย่าเอาความคิดที่ปรุงแต่ง ไปร่วมสร้างวิบากกรรมกับท่าน ให้แค่มีสติรู้อยู่
คือรู้ แต่ไม่เข้าไปยุ่ง ตรงไหนที่คิดว่า พอพูดได้ก็พูด แต่ต้องไม่เป็นการก่ออกุศลจิตให้กับตัวเอง
เพราะทุกๆการกระทำนั้นๆของเรา มันส่งผลกลับมาที่ตัวเราหมด

มีน้องๆเข้ามาอ่านบอร์ด แล้วเห็นสภาวะที่น้ำกำลังเจออยู่ ก็มีคำถามมา
ก็บอกไปทันทีว่า แค่ดู ดูอะไร ดูจิตของตัวเอง ว่ามีชอบหรือชังมากน้อยแค่ไหน
เพราะสักวันหนึ่ง เขาจะต้องผ่านสภาวะที่ตัดความชอบในตัวน้ำออกจนหมด

ส่วนคานะนี่ ห้ามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมเราก็ต้องปล่อย เพราะนั่นคือ สภาวะของเขา
บางอย่างบอกเขา เขาก็เชื่อ บอกเขาว่า เอาข้อความที่เขาใช้โชว์อยู่นั้นออกไป
เพราะข้อความนั้น บ่งบอกถึง เขาพยาบาท เขาก็ยอมเอาออก
เห็นไหม เด็กน่ะ เขาจะทำอะไร เขาก็จะมีเหตุและผลของเขา
เวลาเราแนะนำอะไรให้กับเขา เราก้ต้องชี้ถึงเหตุและผลให้เขาฟัง


สำหรับกระทู้นี้ ไม่ต้องกัวลค่ะ เหตุมี ผลย่อมมี
เพราะกระทู้นี้ก็ไม่ใช่ของเรา อะไรๆในโลกใบนี้ล้วนไม่มีอะไรที่เราสามารถนำติดตัวไปยามตายได้
มีแต่ กุศลกรรมและอกุศลกรรมเท่านั้น ที่ตามความเป็นจริงที่เราได้กระทำไปเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
ไม่ใช่คิดเอาเองว่า นี่คือ กำลังทำกุศลหรือนี่คือกำลังทำอกุศล นั่นเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน

ฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะใช้ยูสเซอร์ไหนๆก็ตาม นั่นคือ ผลที่ตัวเขาต้องได้รับ
เรามีหน้าที่ของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆเขาเห็นไม่ได้
แล้วใครที่ไหนจะมาฟังเรา ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังไปสติแตกตามคำพูดที่ปรุงแต่งของคนอื่นๆ

เวลามีปัญหา เด็กจะได้ย้อนเอาได้ว่า ที่พี่น้ำล่ะ ไม่เห็นจะทำได้เลย อายเด็กไหมล่ะ ถ้าเจอแบบนี้
น้ำสบายๆนะคุณกบ จิตไม่มีไปกระเพื่อมตามสิ่งที่เขาปรุงแต่งมาหรอก เพราะนั่นคือ กิเลสของเขา
นั่นคือ เหตุที่เขากำลังกระทำให้เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเขาได้ก่อภพก่อชาติให้ยืดยาวออกไปเรื่อยๆ

กับตัวคุณกบเอง ถึงแม้ว่าจะ สมมุตินะ สมมุติว่าเป็นหนึ่งในยูสเซอร์ของเขา น้ำก็ไม่กังวล
เพราะคุณมาในสภาวะของผู้ที่มาสนทนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน ไม่ใช่มาตั้งแง่เพ่งโทษใส่กัน

ส่วนดีของแต่ละคนมี ของคนๆนี้เขาก็มี เขาเก่ง เขามีความจำในตำรับตำราได้ดี
สิ่งที่แต่ละยูสเซอร์เขานำมาโพสนั้น ก็หลากหลายดี มีด้านสว่าง
ก็ย่อมมีด้านมืด มันของคู่กันอยู่แล้ว ส่วนอะไรจะมีมากกว่ากัน นั่นก็เรื่องของเขา
เพราะเขาสร้างเหตุเอง เขาย่อมได้รับผลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา
แต่เราไปเกี่ยวข้องกับเขานี่คือ นั่นคือ เรากำลังไปสร้างเหตุใหม่กับเขา

เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ ส่วนกระทู้ สติ ที่ถูกล็กไปนั้น
ก็อย่างที่น้ำเขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้คิดจะแฉใครหรือคิดไปเพ่งโทษใคร
แต่เห็นเขาติดสภาวะนี้มานานแล้ว นับวันยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม สร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ

สรุปคือ ใครจะเป็นอะไรอย่างไร เรื่องของเขา ใครเขาสร้างเหตุมาอย่างไร เขาก็ย่อมเป็นไปตามเหตุ
ที่เขานั้นกระทำมา ส่วนเรื่องของคานะกับคนๆนี้ เขามีวิบากกรรมร่วมต่อกัน

อ้อ .. ตรงนี้สำหรับคนที่ชอบปรุงแต่ง ยามตากระทบรูป

คำสรรเสริญ เยินยอ คือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

คำพูดนี้ ให้น้องๆที่เข้ามาอ่าน และอาจจะมีการโพสข้อความธรรมะในบอร์ด

เมื่อมีคนไปกดอนุโมทนาให้กับเขา นั่นคือ หนึ่งคำสรรเสริญ
ใจเขาจะได้ไม่ฟู ไปปรุงแต่งว่า มีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาโพส


เพราะมีบางคนไปกดอนุโมทนา เพื่อให้รู้ว่า เขาได้เข้ามาอ่านข้อความ

อีกอย่าง เขาจะได้ไม่ไปยึดติดกับการที่มีคนมากดอนุโมทนาให้
เพราะถ้าครั้งต่อไป เขามาโพสแล้ว ไม่มีคนมากดให้ ใจเขาจะได้ไม่ฝ่อ


ดีไม่ดี ไปสร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่ แล้วไปกดอนุโมทนาให้กับตัวเอง
นี่คือ การเพิ่มกิเลสให้กับตัวเอง หาใช่การทำให้กิเลสเบาบางลงไปไม่


และเหตุที่เปลี่ยนบัญญัติจาก มีความเพียรอยู่ที่ไหน ย่อมมีความสำเร็จอยู่ที่นั่น

อะไรก็ตามที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นนำมาเพ่งโทษเราได้ เราจะเปลี่ยนข้อความนั้นทันที
การที่เปลี่ยนข้อความนี้ นึกถึงผู้อื่น ผู้ที่กำลังสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง


ข้อความทุกๆข้อความ ล้วนเป็นเพียงบัญญัติ จะปรุงจะแต่งยังไงก็ได้ ยามที่ตากระทบรูป
สติ สัมปชัญญะ ทันไหม หากทัน มันก็จบ เพราะมันแค่บัญญัติ


ถ้อยคำหยาบคายที่ผรุสวาทออกมายามที่ขาดสติ นี่ก็เรื่องปกติ ของคนที่
ยังมี สติ สัมปชัญญะไม่มากพอ ที่จะรู้เท่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตตัวเอง
มันเลยไม่รู้ขอบเขต ไม่รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ เพราะสติยังด้อย
เมื่อสติยังด้อย การทำงานของหิริ โอตัปปะ ย่อมด้อยตามกำลังของสติ




ผู้ที่เอาแต่นั่งสวดมนต์ภาวนา เอาแต่นั่งสมาธิ แต่ไม่ได้เจริญสติ จะเป็นแบบนี้แหละ
เมื่ออะไรมากระทบ สมาธิที่มีนั้นก็ไม่สามารถเอาอยู่ ไปแล้ว ปรุงแต่งทันที

ผิดกับผู้ที่เจริญสติ ผลที่ได้รับคือ สติ สัมปชัญญะ ( ปัญญา ) และสมาธิ
ไม่ว่าจะมีสมาธิมากหรือน้อย ไม่ใช่องค์ประกอบที่สำคัญ เพราะสมาธิมีการสะสมตามกำลังของสติ
สติดี สมาธิย่อมดี เพราะความฟุ้งหรือนิวรณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้ยาก

ผิดกับผู้ที่เอาแต่สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิแต่อย่างเดียว
อันนั้นสมาธิเอาไปกินหมด สติด้อย เวลาเกิดการกระทบหรือผัสสะ ยามที่กระทบกับกิเลส
ถ้ากำลังสมาธิไม่มากพอ ไปแล้ว ไปหมดเลย เพราะกำลังของสติยังด้อย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิด ถูกหรือผิดเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน
แต่ควรทำที่ถูกใจเราต่างหากถึงจะถูกต้องตามสภาวะ
และวันใดสติ สัมปชัญญะมากขึ้น สภาวะเขาจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะของผู้ปฏิบัติ

ในการปฏิบัติ ควรปฏิบัติตามแนวทางของตัวเองที่ตัวเองถนัด ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อใครสักคน
เหมือนเดินจงกรม ทำไมจึงรู้สึกเหมือนกับหุ่นยนต์ เพราะการทำตามใจคนอื่นๆ
แต่ไม่ใช่แบบที่ตัวเองถนัด มันก็เลยเหมือนหุ่นยนต์
เวลาส่งสภาวะ ก็ต้องพูดตามความเป็นจริง ไม่ใช่พูดเพื่อเอาใจหรือพูดเพื่อให้ถูกใจ
สภาวะโกหก ผลที่ได้รับคือ สภาวะผิดเพี้ยนตามความเป็นจริง ถึงไม่ไปไหนมาไหน
ดีไม่ดี ไปสร้างเหตุไม่ดีเพิ่ม สภาวะยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อคุณเป็น ไอดอล ของใครสักคน คุณก็รู้อยู่ว่า คุณคือ ไอดอลของเขา
เขาจะเลียนแบบในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ....



อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย
จะไม่มีการแจ้งล็อคกระทู้ใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่มีการตั้งค่าใดๆกับกระทู้นี้ทั้งสิ้น

ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:



ว๊าววว
บทนางเอก ออดอ้อน ออเซาะ หวานแหวว แสดงบทหยาดดี
ฉันคนดีนะจ๊ะ ฉันไม่ยึดนะจ๊ะ ฉันโอบอ้อมอารี มีเมตตานะจ๊ะ

แก้ตัว กะคนรู้ใจ
แสดงอะไรไปบ้าง
คลื่นยักษ์เกิดในใจ ไม่รู้สึกตัว
อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยาวมาก...แต่ก็อ่านจนจบครับ

จึงได้เห็นว่าคุณน้ำนี้..มองอะไรมากกว่าที่เห็น

ส่วนกบฯ..มองเท่าที่เห็น..ต่อหน้าเห็นว่าผิด..ก็ตี..เห็นว่าถูก..ก็ชม..ก็อาจจะขาดความรอบคอบไปบ้าง

ส่วนการกดโมทนานี้ก็..รู้สึกมานานแล้วว่า..มันก็เป็นสรรเสริฐอย่างหนึ่ง..หากยินดีเมื่อไร..ความยินร้ายก็เกิดขึ้นแล้วแอบในใจของผู้นั้นทันที..ที่เรียกว่าโลกธรรม 8 มี 4 คู่..นี้มันจริง..มันเกิดพร้อมกันเป็นคู่ ๆ กับผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมัน

หากรู้เท่าทันมันมากเท่าไร...พิษสงมันก็น้อยลงไปเท่านั้น

และก็ยืนยันว่า..

ในที่นี้..กบฯใช้ชื่อเดียวตลอดมา..ตั้งแต่แรกแล้วครับ

walaiporn เขียน:

อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย


กบฯไม่มีอะไรจะปลดปล่อย..ครับ :b16:

มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเองที่กำลังทำอยู่...กามราคะ..สังโยชน์ตัวที่ 4 ..เป็นงานที่กำลังทำอยู่ครับ

ความรู้ที่จะใช้กับมันนี้..รู้
เหลือแต่..ทำให้ความรู้นั้นเกิดขึ้นจริงกับจิตใจตนเอง..เท่านั้น

ก็เลยไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับเจ้า..โทสะ..เท่าไร..ปล่อยมันไปก่อน..แต่มันก็เกาะใจได้ไม่นาน..

สังเกตุว่า..ยามใดที่พรหมวิหาร 4 เจริญ..โทสะก็น้อยลงไปเอง..แต่ถ้าจะฆ่าโทสะได้จริง..คิดว่า..คงต้องมีอะไรที่มากกว่าอารมณ์พรหมวิหาร 4 แน่ ๆ ..อาจจะเป็น..อารมณ์ของสักกายทิฏฐิ..ต้องหลุ่มลึกมากขึ้น

อ้างคำพูด:


ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:



ตัวทดสอบกิเลสโทสะให้ของน้องๆเขา...คงไม่ใช่..ตัวกบฯหรอกมั้ง :b12:

ได้เห็นพวกเขาสนใจธรรมะ..ก็ดีใจแล้ว..นึกชมเขาเหมือนกัน

คิดว่า..พวกเขาดีกว่า..ตัวกบฯ..ซะอีกนะ..เมื่อเทียบกับช่วงอายุเดียวกัน

แต่ก็ดีใจมากครับ..ที่... เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b8: :b8: :b8: :b20: :b20: :b20:

ในส่วนตัวกบฯ..ไม่เคยเจตนาอันจะเป็นเหตุ..กับคุณน้ำ..ตั้งแต่ไหน ๆ แล้วครับ

สรุปว่า........
.....กบฯ..ยังจะมีเมนูใหม่ ๆ ให้ทานอยู่ใช้มั้ยครับ???

:b12: :b12:


เราว่าตอนนี้คุณกบ เป็นไอดอล ของเราแล้วล่ะมั้ง อิอิ ^^~

แต่อย่าหลงคำชมเรานะ

วันนี้ชม แต่วันหน้าอาจจะไม่ชมต่อก็ได้

55

มันเป็นสัจธรรมน่ะสิคะ ^^~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ยาวมาก...แต่ก็อ่านจนจบครับ

จึงได้เห็นว่าคุณน้ำนี้..มองอะไรมากกว่าที่เห็น

ส่วนกบฯ..มองเท่าที่เห็น..ต่อหน้าเห็นว่าผิด..ก็ตี..เห็นว่าถูก..ก็ชม..ก็อาจจะขาดความรอบคอบไปบ้าง

ส่วนการกดโมทนานี้ก็..รู้สึกมานานแล้วว่า..มันก็เป็นสรรเสริฐอย่างหนึ่ง..หากยินดีเมื่อไร..ความยินร้ายก็เกิดขึ้นแล้วแอบในใจของผู้นั้นทันที..ที่เรียกว่าโลกธรรม 8 มี 4 คู่..นี้มันจริง..มันเกิดพร้อมกันเป็นคู่ ๆ กับผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมัน

หากรู้เท่าทันมันมากเท่าไร...พิษสงมันก็น้อยลงไปเท่านั้น

และก็ยืนยันว่า..

ในที่นี้..กบฯใช้ชื่อเดียวตลอดมา..ตั้งแต่แรกแล้วครับ

walaiporn เขียน:

อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย


กบฯไม่มีอะไรจะปลดปล่อย..ครับ :b16:

มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเองที่กำลังทำอยู่...กามราคะ..สังโยชน์ตัวที่ 4 ..เป็นงานที่กำลังทำอยู่ครับ

ความรู้ที่จะใช้กับมันนี้..รู้
เหลือแต่..ทำให้ความรู้นั้นเกิดขึ้นจริงกับจิตใจตนเอง..เท่านั้น

ก็เลยไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับเจ้า..โทสะ..เท่าไร..ปล่อยมันไปก่อน..แต่มันก็เกาะใจได้ไม่นาน..

สังเกตุว่า..ยามใดที่พรหมวิหาร 4 เจริญ..โทสะก็น้อยลงไปเอง..แต่ถ้าจะฆ่าโทสะได้จริง..คิดว่า..คงต้องมีอะไรที่มากกว่าอารมณ์พรหมวิหาร 4 แน่ ๆ ..อาจจะเป็น..อารมณ์ของสักกายทิฏฐิ..ต้องหลุ่มลึกมากขึ้น

อ้างคำพูด:


ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:



ตัวทดสอบกิเลสโทสะให้ของน้องๆเขา...คงไม่ใช่..ตัวกบฯหรอกมั้ง :b12:

ได้เห็นพวกเขาสนใจธรรมะ..ก็ดีใจแล้ว..นึกชมเขาเหมือนกัน

คิดว่า..พวกเขาดีกว่า..ตัวกบฯ..ซะอีกนะ..เมื่อเทียบกับช่วงอายุเดียวกัน

แต่ก็ดีใจมากครับ..ที่... เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b8: :b8: :b8: :b20: :b20: :b20:

ในส่วนตัวกบฯ..ไม่เคยเจตนาอันจะเป็นเหตุ..กับคุณน้ำ..ตั้งแต่ไหน ๆ แล้วครับ

สรุปว่า........
.....กบฯ..ยังจะมีเมนูใหม่ ๆ ให้ทานอยู่ใช้มั้ยครับ???

:b12: :b12:






คุณกบนี่ ช่างปรุงได้ใจจริงๆเลย :b32:
คิดไปได้ไงคะนั่นน่ะ จับท่อนล่างไปประกอบกับข้อความที่เขียนถึงคุณเฉยเลย
คนละเรื่อง คนละส่วนกันเลยนะนั่น

หมายถึงยูสเซอร์อื่นๆค่ะคุณกบ ที่เขามาโพสๆกันน่ะ
ที่อนุญาติเขา เพราะเราไม่ได้คิดอะไรกับเขา

ส่วนถ้าเขาจะทำอะไรนั้น นั่นคือเหตุของเขา ผลก็ลงที่เขา
ปล่อยตามสบายเลยค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
แค่เขาเอามาอ้างอิงแบบผิดๆ คุณก็หวั่นไหวตามเขาไปเสียแล้ว เลยทำให้ขาดการพิจรณา
กลับกลายเป็นว่า กำลังมาเพ่งโทษกันแทน

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ไม่ว่าทั้งคุณและเขา
ทุกสิ่งที่แสดงกันออกมา บ่งบอกถึงสภาวะจิตของคนๆนั้นว่า มี สติ สัมปชัญญะในการรับรู้
ต่อผัสสะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆมากน้อยแค่ไหน


ยาวดี น้ำท่วม ... แต่ ความรับผิดชอบไม่ปรากฏ

การนำใครมาอ้างอิงแบบผิดๆ กลายเป็นความถูกต้อง ในการโพสต์ ข้อความสู่สาธารณะ

เมื่อเป็นอย่างนี้ มโนสุจริต วจีสุจริต กายสุจริต คือการไม่เพ่งโทษ ต่อการโพสต์ โดยคิดเอาเองเออเอง?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
แต่อย่าหลงคำชมเรานะ

วันนี้ชม แต่วันหน้าอาจจะไม่ชมต่อก็ได้

55

มันเป็นสัจธรรมน่ะสิคะ ^^~


มันเป็น..อนิจจา..ซินะ :b32: :b32: :b32:

แต่หากมันเป็นธรรม..แล้วละก้อ..เชื่อว่า..มันไม่เปลี่ยนไปเป็นอธรรม..แน่ ๆ

จริงม่าย.. :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเพี้ยนรหัส 00 จากประสบการณ์

การปฏิติบัติตามแนววิปัสนึก ของคุณป้า walaiporn


walaiporn เขียน:
00 เขียน:
ถ้าเห็นเพียงว่า ธรรมะที่โพสต์ไป เป็นกิเลส
ก็แสดงสภาวธรรม และภูมิธรรมของเธอ
ยังน้อยนิด ยังไม่ได้เรื่อง

ยกตัวอย่างกิเลส ที่เธอไม่เห็น
ที่นอนเนื่องในในสันดานเธอ

การที่เธอกินเจ รับอนุตรธรรม เธอเคลื่อนจิต เกิดความคิดเกิดความรู้สึก
ไปดูถูกดูแคลน คนที่ไม่ได้กินเจ
เธอเคลื่อนความรู้สึก เหม็น รังเกียจ
และเธอยังไหลตาม ความคิด ความรู้สึกเช่นว่า
เป็นไป เพราะสติ และสัมปชัญญะเธอ ยังอ่อนมาก
และ เธอไม่ได้ มองย้อนมาดูตัวเธอเองว่า
ตัวเธอเอง ทั้งสกปรก โสโครก เหม็นเน่าไม่ต่างกัน
ภูมิวิปัสสนาของเธอ ยังอ่อนด้อยมาก

ถ้าเห็นเพียงว่า ธรรมะที่โพสต์ไป เป็นกิเลส
ก็แสดงสภาวธรรม และภูมิธรรมของเธอ
ยังน้อยนิด ยังไม่ได้เรื่อง

ถ้าจะกล่าวถึง สติ และ ความรู้สึกตัว
เธอก็ยังอ่อนด้อยจริงๆๆ

ไก่ ได้พลอยมัก ไม่รู้คุณค่าของพลอย
กิ้งก่า ได้ทอง มัก ไม่รู้คุณค่าของทอง

ฉันใดฉันนั้น
ความอ่อนด้อยของเธอ ทำให้เธอไม่รู้จัก แยกแยะได้ว่า ธรรมะ หรือกิเลส ที่โพสต์ไป
เธอจึงหาประโยชน์ไม่ได้

แต่คนอื่นๆ เก็บธรรมะ และประโยชน์ได้


การโพสมาของคนๆนี้ เป็นการเปิดเผยสภาวะ ด้วยคิดว่า เราคงจำไม่ได้
ยูสเซอร์นี้ เพิ่งจะสมัครเข้ามาใหม่ แล้วเรื่องการกินเจนี่ เราเขียนไว้ในบล็อกนานแล้ว
และเขียนไว้ชัดเจนว่า ทำไมถึงกิน กินเพื่ออะไร

เหตุที่เรากิน เพราะต้องการให้ด้านกำลังใจของพนักงานบริษัทคนหนึ่ง
แม่ของพี่เขาป่วย ซึ่งเขามีความหวังว่า เป็นความเชื่อของเขา
ว่าถ้าพาใครไปรับอนุตรธรรมได้ แม่เขาจะอยู่ได้อีกนาน เมื่อเขามาขอร้องให้ช่วย
ก็เลยไปถือศิล8 กินเจ และรับอนุตรธรรมให้กับพี่เขา เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ น่าจะ 10 กว่าปีมาแล้ว
แต่ได้นำไปบันทึกไว้ในบล็อก ซึ่งคนๆนี้ ได้เข้าไปอ่านในบล็อก และได้อ่านจากกระทู้ในบอร์ด
ที่มีการสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องมุมมอง ของการรับอนุตรธรรมกัน เรียกว่าสนทนาธรรมแบบไม่มีแบ่งแยก
ว่าศาสนาไหนดีกว่ากัน นี่อีกหนึ่งยูสเซอร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพิ่งสมัครเข้ามา

แล้วก็เรื่องการเหม็นกลิ่นคนนั้น คนๆนี้อ่านไม่ละเอียดเองว่า เราเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง
แล้วทำไม เราถึงต้องเลิกกินเจ ทั้งที่กินมาเป็นปี เหตุที่ต้องเลิกเพราะอะไร


ยกตัวอย่างกิเลส ที่เธอไม่เห็น
ที่นอนเนื่องในในสันดานเธอ

การที่เธอกินเจ รับอนุตรธรรม เธอเคลื่อนจิต เกิดความคิดเกิดความรู้สึก
ไปดูถูกดูแคลน คนที่ไม่ได้กินเจ
เธอเคลื่อนความรู้สึก เหม็น รังเกียจ
และเธอยังไหลตาม ความคิด ความรู้สึกเช่นว่า
เป็นไป เพราะสติ และสัมปชัญญะเธอ ยังอ่อนมาก
และ เธอไม่ได้ มองย้อนมาดูตัวเธอเองว่า
ตัวเธอเอง ทั้งสกปรก โสโครก เหม็นเน่าไม่ต่างกัน
ภูมิวิปัสสนาของเธอ ยังอ่อนด้อยมาก



คนๆนี้ไม่เข้าใจเรื่องสภาวะ ว่าการอ่านสภาวะของผู้ปฏิบัตินั้น ให้อ่านที่ปัจจุบัน
เหมือนกับสิ่งที่เขากำลังแสดงสภาวะในปัจจุบันนี้ นี่คือสภาวะของเขาจริงๆที่เป็นอยู่

ตอนนั้นเราว่าเราจำไม่ผิดนะ ได้เขียนไว้ในบล็อกแบบชัดเจนว่า ที่เราเลิกกินนั้น
เพราะเวลาใครออกจากโรงอาหาร เราจะได้กลิ่นคาวของอาหาร โดยเฉพาะกลิ่นต้นหอม
เราจะเหม็นมากๆ แล้วทำให้การทำงานเราเกิดอุปสรรค คือไปเหม็นคาวคนอื่นๆที่เขาเพิ่ง
มาจากโรงอาหารกัน เราเลยคิดว่า คงจะเกิดอุปทาน ก็เลยเลิกกินเพราะเหตุนี้
ทุกวันนี้เรากินตามสะดวก ไม่ได้เน้นกินเจตลอดแบบเมื่อก่อน

เหตุเพราะคนๆนี้อ่านสภาวะไม่เป็น ไปเอาเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว 10 ปี นำมาพูด
ซึ่งไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพียงแต่เราไม่อธิบาย ปล่อยให้เขาปรุงแต่งไปตามกิเลสของเขา

ยังมีต่อ จะนำมาทะยอยลงเรื่อยๆว่า เหตุที่เรากล่าวว่า คนๆนี้หลงสภาวะนั้นเพราะอะไร
มันมีตัวสภาวะที่เขานำมาบรรยายในลักษณะว่า เขาได้พบอะไร และเขาคิดว่า เขาได้เป็นอะไร
แต่สภาวะตรงนั้น เขาได้ใช้ยูสเซอร์อื่น แต่ให้บังเอิญ วันนี้เขาขาดสติ จะเรียกว่า สติแตกก็ได้
ในกระทู้กระโถน ที่เขาไปบรรยายสภาวะนี้ แล้วถูกอีกคนได้บอกว่า อย่ามาทำตัวเป็นนางเอก
สภาวะของเขาเลยเปิดเผยตัวตนขึ้นมาว่า ที่แท้คือคนๆนี้ แต่ใช้อีกยูสเซอร์หนึ่ง

เพราะเขาเข้าใจผิด คิดว่า น้องอีกคนเป็นเรา คนๆนี้พยายามสร้างสถานการณ์
ในการโพสออกมาทำนองว่า น้องคนนี้กับเรานั้น เป็นคนๆเดียวกัน
โธ่เอ๋ย ... ขนาดสภาวะกิเลสของตัวเองยังอ่านไม่ออก แล้วจะไปดูคนอื่นๆออกได้อย่างไรกัน

แต่เพราะน้องคนนั้นดูเขาออก คนที่กำลังฝึกเจริญสติเหมือนกัน เริ่มดูสภาวะในการอ่านกิเลสมากขึ้น
เพียงแต่ว่า สติ สัมปชัญญะของเขายังไม่เข้มแข็งพอ จึงมีการตอบโต้อีกฝ่าย

เพราะความโกรธของเขาแท้ๆ ที่ทำให้เปิดเผยตัวยูสเซอร์ที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่ สร้างบุคคลิกใหม่
จนจำไม่ได้เลยว่า คือ คนๆเดียวกัน บางทีก็นำยูสเซอร์นั้นๆมาทะเลาะกันเอง เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่า
นี่คนละคนกันนะ ซึ่งตอนนี้ คนๆนี้กำลังเบี่ยงเบนประเด็นให้คนอื่นๆเห็นว่า นี่คือ คนละคนกัน


ให้ดูอีกสองยูสเซอร์ แต่เป็นคนๆเดียวกัน ใช้ยูสเซอร์หนึ่งตอบคำถาม
แล้วนำอีกยูสเซอร์หนึ่ง มาขายใจความที่ตัวเองพูดค้างไว้


00 เขียน:
แอนตี้ไวรัสอวิชชาในภัทรกัปป์นี้ ก็มี 5เวอร์ชั่น สิ


ยูสเซอร์หนึ่งตอบ อีกยูสเซอร์ตามมาอธิบายซ้ำ


00 เขียน:
เวอร์ชั่นแรก พระพุทธเจ้ากกุสนโธ
เวอร์ชั่น 2 พระพุทธเจ้าโกนาคมน์
เวอร์ชั่น 3 พระพุทธเจ้ากัสสปะ
เวอร์ชั่น 4 พระพุทธเจ้าสมณโคดม
เวอร์ชั่น 5 พระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย (โปรแกรมยังไม่สมบูรณ์ : ยังไม่เปิดตัว)


นี่อีก แสดงละคร ตอบโต้กันเอง



00 เขียน:
คำเตือน ห้าม เสพเกิน วันละ 3 รอบ


00 เขียน:
คำเตือน ห้าม เสพเกิน วันละ 3 รอบ

ท่านมีสิทธิ์เสพได้เพียงเท่านี้ เพราะมีตัวตนขี้เหนียว



ขนาดกล้าละเมิดพระพุทธเจ้าทีปังกร


00 เขียน:
พระพุทธเจ้าทีปังกร ที่ให้เดินเหยียบหลังนั่นไง ที่สามารถชี้และแสดง
เหตุต้องละ ผลต้องละ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เงาแห่งความแสวงหา เคลื่อนปิดบัง จิต ท่องสังสารวัฎ ควานหาไปอีก สี่อสงไขย แสนกัปป์


แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า


00 เขียน:
ความผิดของผู้อื่น..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..ก็หาประโยชน์เพื่อตนเอง ไม่ได้..รั้งแต่จะนำตัวเองเป็นเหยื่ออันโอชะของกิเลส..ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้อง ลึก..อันบุคคลผู้ไม่ฉลาดจะหยั้งรู้ได้

ความผิดของตน..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..อันบุคคลผู้เพียรชอบกระทำแล้ว..เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น..


00 เขียน:
อันผู้สลัดตัวตนออกแล้ว ย่อมไม่มีความกระหาย แลเห็นประโยชน์ และสาระ แก่นสารใดๆ
ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ...


เริ่มแสดงละครว่าเป็นคนละคนกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน


00 เขียน:
อะโห..อกอิแป้นจะแตก
ท่านคะ หนุกกว่าสงกรานต์ถนนข้าวสารเป็นไหนๆ

ประเดี๋ยวได้กลืนยาพิษตายกันทั้งสำนักหรอกเจ้า่ค่ะ
อากาศยิ่งร้อนๆ เป็นเหมือนกันทั้งสำนัก ส่งสาวกออกมาตะละคน
เห็นชอบล้อมวงกันกินหม้อจิ้มจุ่ม พวกนี้อ้าปากก็เห็นหางงูเจ้าค่ะ

ขออนุโมทนานะคะ ถ้าพวกเธอมีดวงตาเห็นธรรม
แต่...สงสัยจะยากส์ค่ะ

หัวข้อ: สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)[/color]
.....................................................................

จดหมาย ของ .... ที่ส่งมา

เอาออกมาโชว์หน้ากระทู้ มีอะไร ก็ออกมา เปิดเผยหน่อยนะจ๊ะ


00 เขียน:
อิอิ จดหมายหลายซอง คราวหน้ามาบอกในกระทู้ก็ได้นะจ๊ะ ซองหนึ่งทั่วถึงทั้งหมด
อ้างคำพูด:
เรื่องข้อความที่จะส่ง: Re: สติ...เกิด...ทำให้หยุดคิด(หลง)/อยาก(ตัณหา)
จาก:
Sent at: วันนี้, 13:43
ถึง:
ข้อความ

:b8: อะโห..อกอิแป้นจะแตก
ท่านคะ หนุกหนานกว่าสงกรานต์ถนนข้าวสารเป็นไหนๆ

ประเดี๋ยวได้กลืนยาพิษตายกันทั้งสำนักหรอกเจ้า่ค่ะ
อากาศยิ่งร้อนๆ :b22:
เป็นเหมือนกันทั้งสำนัก ส่งสาวกออกมาตะละคน
เห็นชอบล้อมวงกันกินหม้อจิ้มจุ่ม
พวกนี้อ้าปากก็เห็นหางงูเจ้าค่ะ
ขออนุญาตค่ะ...

การชี้สภาวะ เป็นยาพิษชนิดร้ายแรง สามารถฆ่าตัวตนได้ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

หากรักตัวตนจนทนไม่ได้ก็ไม่มีใครบังคับข่มขืนหรอกจ้า
จะตายก่อนตายได้ก็คงต้องผืนใจกลืนเข้าไปเองแหละจ้า

เราไม่ได้มากินจิ้มจุ่มหรอกจ้า

เธอลองไล่ดูจากหางงูไปเรื่อยๆ นะจ้า
จะเห็นหัวงูที่ว่ามาจากหัวเธอเองแหละจ้า

อนุโมทนสาธุจ้า :b8: :b8: :b8:

:b17: :b17: :b17:

อิอิ แอบมากินยาพิษละ




เล่นละครตอบโต้กันเอง


00 เขียน:
อ้างคำพูด:
สาธุจ้า...

หม้อของเธอมันก็อยู่แถวนั้น เธอเอาหม้อออกมาโชว์แล้ว ถ้าเธอไม่หิ้วมัน

หม้อของเธอก็ห้อยกลับไปเองละจร้าาาา... คิกคิก :b3: :b32: :b3: :b32:

อนุโมทนาสาธุ จุ๊บๆๆๆ จ้า

:b17: :b17: :b17:

:b8: สาธุค่ะ ธรรมของท่านช่างล้ำเลิศ :b1: มาขอฟังต่อค่ะ :b8:

จะหม้อใครก็ช่างมันเถอะค่ะ
ก็หิ้ว(ขันธ์๕) กันมา ก็คงต้องหิ้วกันต่อๆ ไป :b9:

สนทนาธรรมต่อนะคะ
หากดิฉัน เล่น จนเกินงาม :b34:
ดิฉันก็ขอขมา มา ณ โอกาสนี้
ต่อไปจะขอนั่งฟังเงียบๆ ค่ะ สาธุ :b8:
.................
ที่ส่งจดหมายไป 2 ซอง เพราะต้องการรักษาบรรยากาศ และมรรยาทเท่านั้นเองค่ะ แหม.. :b13:




ยังมีต่อ มีหลายยูสเซอร์ หลายบุคคลิก แต่หลุดหมด เวลาขาดสติ
ตัวตนที่แท้จริงออกมาหมดเลย ลืมไปหมดว่าได้สร้างบุคคลิกแต่ละยูสเซอร์ไว้ยังไงบ้าง

อีกอย่าง คงจะไม่รู้กระมังว่า ฌานน่ะ ไม่ได้ทำแค่ชาติเดียว ของพรรค์นี้ล้วนสะสมมาทั้งนั้น
ยิ่งทำมีแต่ทำให้สภาวะแนบแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนๆนี้ทำไม่ได้ จึงไม่รู้ความจริงของข้อนี้



walaiporn เขียน:
00 เขียน:
ปทปรมะ เป็นคำที่สมกับพฤตินัยแห่งสภาวะจิตเธอแล้ว



อีกยูสเซอร์แปล

00 เขียน:
เป็นบุคคลที่ได้แต่ตัวบทคือถ้อยคำเท่านั้น
ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้
เหมือนนกแก้วที่ร้อง แก้วจ๋าๆๆ แต่ไม่รู้จักตัวแก้วว่าเป็นอย่างไร
พอยื่นแก้วให้กลับไม่รับ จะรับแต่กล้วยแต่พริกเท่านั้น
เป็นพวกหูหนวกตาบอด พูดไปก็ไม่ได้ยิน พูดไปก็ไม่เข้าใจ
พูดเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ เรื่องบาปบุญคุณโทษ
ก็คิดว่าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง

พวกนี้มีแต่ความมืดบอด
ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้เลย
เปรียบเหมือนบัวที่จมอยู่ในน้ำ ที่กลายเป็นอาหารของปลาและเต่า
ไม่มีโอกาสที่จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

http://www.kammatthana.com/D_46.htm



ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๕

ขอแนะนำคำว่า ปทปรมะ
คือคำว่า ปทปรมะ
เราเข้าใจกันผิดๆ เพี้ยนๆกันอยู่เยอะ
โดยเข้าใจเอาตัวความหมายต้น
ปทปรมะ ความหมายต้น
หมายความว่า
คนที่ไม่เจริญเลย
หรือคนที่ สอนไม่ได้แล้ว
ที่เขาสอน ไม่ได้แล้วนั้น
ก็เพราะเขาโง่นั้นหนึ่ง โง่จริงๆ
สอนยังไงก็ไม่รู้เรื่อง โง่ พูดกันก็ ไม่รู้เรื่อง
แนะนำ ยังไง ก็ทำตามไม่ได้
นั่นเรียกว่าคนโง่จนสุดที่ ปทปรมะ
ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้นั้น หนึ่ง---

สอง เป็นคนฉลาด ฉลาดเฉลียวทุกอย่าง
แต่มีกิเลส
ไม่พยายามละกิเลส
มีแต่ความฉลาด
ไปหากิเลสให้แก่ตัวเอง สะสมหากิเลสให้แก่ตัวเอง
แม้แต่เรียนศาสนา เรียนพระธรรม ของพระพุทธเจ้า
เรียนมาก รู้มาก ท่องจำได้ สดับมาก
ท่องจำคล่องปากขึ้นใจ สอนคนอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เสร็จแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้ธรรมะ
ไม่ได้เอามาประพฤติปฏิบัติให้เจริญ
ซ้ำมิหนำ กลับให้ตัวเองนั้น
เอากิเลส เข้าตัวเอง ซ่อนแฝงเล่ห์กล
ดังนี้ เป็นปทปรมะ ที่ประเภท
ที่ พระพุทธเจ้า ท่านอธิบายไว้

แต่ส่วนประเภทที่บอกว่าโง่อธิบายไม่ได้ สอนไม่ได้นั้น
ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าอธิบายไว้
แต่เห็นแต่เกจิอาจารย์ รุ่นอื่นๆ อธิบายไว้

แต่ในพระไตรปิฎกแล้ว
ปทปรมะ นั้นคือ ผู้ฉลาด
ท่องพระพุทธพจน์ได้มาก จำพระพุทธพจน์ได้มาก
สดับมาก จำได้คล่องปาก ขึ้นใจ
และสอน ประกาศธรรมอยู่
และก็มีข้อแม้ว่า ที่เรียกว่า ปทปรมะ
นั้นคือ แต่ไม่บรรลุธรรมเลย ไม่ว่าชาติใดๆ
ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ---

ทีนี้ท่านบอกว่า
ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ
ถ้าเราเข้าใจกำกวม
เข้าใจว่า เป็นชาติ คือการตายจาก ชาตินี้ ก็ถูกต้องด้วย
คือเกิดมา ชาตินี้ มันไม่ได้ธรรมะอะไร เลย
ชาตินี้ มันไม่ได้บรรลุ
มันเอาแต่ กิเลสใส่ตัวเอง
ดังที่ได้กล่าวแล้ว แม้จะเรียนมาก รู้มาก
อย่างไรก็ตาม จะมีมากยังไงก็ตาม
จะเปรียญ ๙ ประโยค
ปริญญาเอก ของศาสนาพุทธ ก็ตาม
แล้วมันก็มีแต่กิเลส ให้ตัวไปทั้งชาติ แล้วตายไป
บุคคล ผู้นั้น ก็ชื่อว่า ปทปรมะ จริงนะ---

แต่ทีนี้ถ้าเผื่อว่าเราเอง
ไปรอเอาอย่างนั้น
ชาติหนึ่งทั้งชาติ มันไม่เป็นการปฏิบัติ

ทีนี้ถ้าเราเข้าใจชาติ ถือชาติเกิด ของจิต
แล้วก็ เราพยายามที่จะเรียนรู้ให้ถี่ให้ละเอียด
แล้วแต่ละขณะ แต่ละเกิด
การเกิด ของจิต
จิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
พฤติกรรม ของมนุษย์
ถ้าแต่ละพฤติกรรม
กายกรรมของเราก็เจริญได้ละกิเลสได้
เพราะเราหยั่งรู้ว่า นี่เป็นกายกรรม
ที่เป็นไป เพื่ออกุศล เป็นไปเพื่อบาป
เป็นไปเพื่อ สะสมกองกิเลส เป็นไปเพื่อสะสมทุกข์
เราก็เลิกลดละ กายกรรมนั้น
วจีกรรมก็ เหมือนกัน
โดยเฉพาะยิ่ง มโนกรรม เราก็สามารถ
ที่จะอ่านรู้ แล้วก็ควบคุม ให้ชาติของจิต แต่ละชาติ
แต่ละดวง แต่ละขณะ ที่ให้เกิด เป็นชาติ
ที่เราละกิเลส ลดกิเลสได้ มากที่สุด
หรือว่า
ให้เกิดเสมอ นั่นแหละ
ตัวที่เกิดนั้น คือตัวที่ ไม่ปทปรมะ

ตัวใด ที่ไม่เกิด ตัวใดที่ สั่งสมกองกิเลส
ตัวใดที่สั่งสมทุกข์ ตัวนั้นของจิต เป็นปทปรมะ

ขอให้เข้าใจ ให้ละเอียด
แล้วเราต้อง พยายามสั่งสม
พยายามที่จะปรับปรุง
ให้ตัวเราเองนี้ มีความเจริญ
อย่าเป็น ปทปรมะ อย่าให้เป็นคนที่ไม่เจริญในจิต

พยายาม ให้เจริญ ให้มาก เท่าใดๆ
ชีวิตของเราทั้งชีวิต ก็จะเป็น ผู้ที่เจริญ
ในธรรม มากเท่านั้นๆ นะ----

ถ้าผู้ใดมีปัญญาอย่างนี้ แล้วพิจารณาอย่างนี้
ผู้นั้นก็จะละเอียดสุขุมประณีต
เข้าถึงปรมัตถ์ แล้ว
จะเป็น ผู้ที่ไม่เป็น ปทปรมะ

ถ้าเรามี อินทรีย์พละ และปฏิบัติถูกทาง
ถูกธรรมเพียงพอ ขอยืนยัน

http://www.asoke.info/09Communication/D ... _2525.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
kanalove เขียน:
แต่อย่าหลงคำชมเรานะ

วันนี้ชม แต่วันหน้าอาจจะไม่ชมต่อก็ได้

55

มันเป็นสัจธรรมน่ะสิคะ ^^~


มันเป็น..อนิจจา..ซินะ :b32: :b32: :b32:

แต่หากมันเป็นธรรม..แล้วละก้อ..เชื่อว่า..มันไม่เปลี่ยนไปเป็นอธรรม..แน่ ๆ

จริงม่าย.. :b4: :b4:



หุหุ เมื่อใจตั้งตรงที่ธรรมะแล้วละก็ คงไม่เปลี่ยนเป็นอธรรมง่ายๆหรอก

ดุจใบบัวเหนือผิวน้ำ ขึ้นมาสู่ผิวน้ำได้เมื่อไหรก็ยากที่จะสัมผัสน้ำได้

ฉันใดฉันนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเพี้ยนรหัส 00 จากประสบการณ์

การปฏิติบัติตามแนววิปัสนึก ของคุณป้า walaiporn

.......................................................

วิปัสสนึก การปฎิบัติตามแนวปฎิสันถาร ของคุณป้า walaiporn

อิอิ

ไหลเยิ้ม หยดย้อย หน้ากาก นางเอ๊ก นางเอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
kanalove เขียน:
แต่อย่าหลงคำชมเรานะ

วันนี้ชม แต่วันหน้าอาจจะไม่ชมต่อก็ได้

55

มันเป็นสัจธรรมน่ะสิคะ ^^~


มันเป็น..อนิจจา..ซินะ :b32: :b32: :b32:

แต่หากมันเป็นธรรม..แล้วละก้อ..เชื่อว่า..มันไม่เปลี่ยนไปเป็นอธรรม..แน่ ๆ

จริงม่าย.. :b4: :b4:


อิอิ

กบเอ๋ย

หน้ากาก นางเอก
สร้างภาพ มาแก้ตัวเธอยังคิดว่าเป็นของจริง หรือไร
จะไปมองเห็นจิตได้ยังไง
ที่แก้ต้วมา
เหตุจากอุปทานทั้งนั้นแล

ยาวเปื้อยยยยยยยยยยยยยยย
สรุปม่ายเป็น ไหลตามเป็น
อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:

หุหุ เมื่อใจตั้งตรงที่ธรรมะแล้วละก็ คงไม่เปลี่ยนเป็นอธรรมง่ายๆหรอก

ดุจใบบัวเหนือผิวน้ำ ขึ้นมาสู่ผิวน้ำได้เมื่อไหรก็ยากที่จะสัมผัสน้ำได้

ฉันใดฉันนั้น


หุหุ :b32:

ทั้ง ธรรมะและอธรรม ต่างก็เกิดขึ้นมาจากทิฏฐิในใจเธอนั่นละจ้า

ใจ ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ใจ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้

เพราะมีตัวตน จึงไปยึดมั่นทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม



อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 00:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีคนเล่นละครเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวด้วยอะคะ อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อีกยูสเซอร์แปล


00 เขียน:
เป็นบุคคลที่ได้แต่ตัวบทคือถ้อยคำเท่านั้น
ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้
เหมือนนกแก้วที่ร้อง แก้วจ๋าๆๆ แต่ไม่รู้จักตัวแก้วว่าเป็นอย่างไร
พอยื่นแก้วให้กลับไม่รับ จะรับแต่กล้วยแต่พริกเท่านั้น
เป็นพวกหูหนวกตาบอด พูดไปก็ไม่ได้ยิน พูดไปก็ไม่เข้าใจ
พูดเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ เรื่องบาปบุญคุณโทษ
ก็คิดว่าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง

พวกนี้มีแต่ความมืดบอด
ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้เลย
เปรียบเหมือนบัวที่จมอยู่ในน้ำ ที่กลายเป็นอาหารของปลาและเต่า
ไม่มีโอกาสที่จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา

http://www.kammatthana.com/D_46.htm



ธรรมปัจเวกขณ์
ประจำวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๕

ขอแนะนำคำว่า ปทปรมะ
คือคำว่า ปทปรมะ
เราเข้าใจกันผิดๆ เพี้ยนๆกันอยู่เยอะ
โดยเข้าใจเอาตัวความหมายต้น
ปทปรมะ ความหมายต้น
หมายความว่า
คนที่ไม่เจริญเลย
หรือคนที่ สอนไม่ได้แล้ว
ที่เขาสอน ไม่ได้แล้วนั้น
ก็เพราะเขาโง่นั้นหนึ่ง โง่จริงๆ
สอนยังไงก็ไม่รู้เรื่อง โง่ พูดกันก็ ไม่รู้เรื่อง
แนะนำ ยังไง ก็ทำตามไม่ได้
นั่นเรียกว่าคนโง่จนสุดที่ ปทปรมะ
ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้นั้น หนึ่ง---

สอง เป็นคนฉลาด ฉลาดเฉลียวทุกอย่าง
แต่มีกิเลส
ไม่พยายามละกิเลส
มีแต่ความฉลาด
ไปหากิเลสให้แก่ตัวเอง สะสมหากิเลสให้แก่ตัวเอง
แม้แต่เรียนศาสนา เรียนพระธรรม ของพระพุทธเจ้า
เรียนมาก รู้มาก ท่องจำได้ สดับมาก
ท่องจำคล่องปากขึ้นใจ สอนคนอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เสร็จแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้ธรรมะ
ไม่ได้เอามาประพฤติปฏิบัติให้เจริญ
ซ้ำมิหนำ กลับให้ตัวเองนั้น
เอากิเลส เข้าตัวเอง ซ่อนแฝงเล่ห์กล
ดังนี้ เป็นปทปรมะ ที่ประเภท
ที่ พระพุทธเจ้า ท่านอธิบายไว้

แต่ส่วนประเภทที่บอกว่าโง่อธิบายไม่ได้ สอนไม่ได้นั้น
ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าอธิบายไว้
แต่เห็นแต่เกจิอาจารย์ รุ่นอื่นๆ อธิบายไว้

แต่ในพระไตรปิฎกแล้ว
ปทปรมะ นั้นคือ ผู้ฉลาด
ท่องพระพุทธพจน์ได้มาก จำพระพุทธพจน์ได้มาก
สดับมาก จำได้คล่องปาก ขึ้นใจ
และสอน ประกาศธรรมอยู่
และก็มีข้อแม้ว่า ที่เรียกว่า ปทปรมะ
นั้นคือ แต่ไม่บรรลุธรรมเลย ไม่ว่าชาติใดๆ
ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ---

ทีนี้ท่านบอกว่า
ไม่บรรลุธรรมในชาตินั้นๆ
ถ้าเราเข้าใจกำกวม
เข้าใจว่า เป็นชาติ คือการตายจาก ชาตินี้ ก็ถูกต้องด้วย
คือเกิดมา ชาตินี้ มันไม่ได้ธรรมะอะไร เลย
ชาตินี้ มันไม่ได้บรรลุ
มันเอาแต่ กิเลสใส่ตัวเอง
ดังที่ได้กล่าวแล้ว แม้จะเรียนมาก รู้มาก
อย่างไรก็ตาม จะมีมากยังไงก็ตาม
จะเปรียญ ๙ ประโยค
ปริญญาเอก ของศาสนาพุทธ ก็ตาม
แล้วมันก็มีแต่กิเลส ให้ตัวไปทั้งชาติ แล้วตายไป
บุคคล ผู้นั้น ก็ชื่อว่า ปทปรมะ จริงนะ---

แต่ทีนี้ถ้าเผื่อว่าเราเอง
ไปรอเอาอย่างนั้น
ชาติหนึ่งทั้งชาติ มันไม่เป็นการปฏิบัติ

ทีนี้ถ้าเราเข้าใจชาติ ถือชาติเกิด ของจิต
แล้วก็ เราพยายามที่จะเรียนรู้ให้ถี่ให้ละเอียด
แล้วแต่ละขณะ แต่ละเกิด
การเกิด ของจิต
จิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
พฤติกรรม ของมนุษย์
ถ้าแต่ละพฤติกรรม
กายกรรมของเราก็เจริญได้ละกิเลสได้
เพราะเราหยั่งรู้ว่า นี่เป็นกายกรรม
ที่เป็นไป เพื่ออกุศล เป็นไปเพื่อบาป
เป็นไปเพื่อ สะสมกองกิเลส เป็นไปเพื่อสะสมทุกข์
เราก็เลิกลดละ กายกรรมนั้น
วจีกรรมก็ เหมือนกัน
โดยเฉพาะยิ่ง มโนกรรม เราก็สามารถ
ที่จะอ่านรู้ แล้วก็ควบคุม ให้ชาติของจิต แต่ละชาติ
แต่ละดวง แต่ละขณะ ที่ให้เกิด เป็นชาติ
ที่เราละกิเลส ลดกิเลสได้ มากที่สุด
หรือว่า
ให้เกิดเสมอ นั่นแหละ
ตัวที่เกิดนั้น คือตัวที่ ไม่ปทปรมะ

ตัวใด ที่ไม่เกิด ตัวใดที่ สั่งสมกองกิเลส
ตัวใดที่สั่งสมทุกข์ ตัวนั้นของจิต เป็นปทปรมะ

ขอให้เข้าใจ ให้ละเอียด
แล้วเราต้อง พยายามสั่งสม
พยายามที่จะปรับปรุง
ให้ตัวเราเองนี้ มีความเจริญ
อย่าเป็น ปทปรมะ อย่าให้เป็นคนที่ไม่เจริญในจิต

พยายาม ให้เจริญ ให้มาก เท่าใดๆ
ชีวิตของเราทั้งชีวิต ก็จะเป็น ผู้ที่เจริญ
ในธรรม มากเท่านั้นๆ นะ----

ถ้าผู้ใดมีปัญญาอย่างนี้ แล้วพิจารณาอย่างนี้
ผู้นั้นก็จะละเอียดสุขุมประณีต
เข้าถึงปรมัตถ์ แล้ว
จะเป็น ผู้ที่ไม่เป็น ปทปรมะ

ถ้าเรามี อินทรีย์พละ และปฏิบัติถูกทาง
ถูกธรรมเพียงพอ ขอยืนยัน

http://www.asoke.info/09Communication/D ... _2525.html

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

เอ่ ..จากโอวาทพระใบลานปล่าว ในพระไตรปิฎกหรือป่าวเนี่ย
หาลิ้งไม่เจอ

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแล้ว..ครับ

walaiporn เขียน:
เขียน:
แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า


00 เขียน:
ความผิดของผู้อื่น..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..ก็หาประโยชน์เพื่อตนเองไม่ได้..รั้งแต่จะนำตัวเองเป็นเหยื่ออันโอชะของกิเลส..ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องลึก..อันบุคคลผู้ไม่ฉลาดจะหยั้งรู้ได้

ความผิดของตน..คุ้ยเขี่ย..เสาะหา..มาประจาน..อันบุคคลผู้เพียรชอบกระทำแล้ว..เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น..




ข้อความนี้กบฯ..เป็นคนเขียนเอง..ครับ

ตั้งใจ..ให้ทุกข้างดูตัวเองนะครับ...ไม่ได้เข้าข้างไหน

แม้คนที่เราชมชอบ..หากกล่าวผิดไม่เป็นธรรม..ก็ว่าไปตามผิด..ครับ
หรือแม้แต่คนที่เราไม่ชอบ..หากกล่าวถูกเป็นธรรม..ก็ต้องว่าไปตามถูก..นะครับ


และ..ในที่นี้..กบฯก็ใช้ชื่อเดียวมาตลอดครับ..ทุกวันนี้โกหกตัวเองไม่เป็นแล้วครับ :b16:

ซึ้งในอานิจสงของศีลดีครับ.. :b12: ..ไม่ได้โม้

กบฯ..ไม่ถือโกรธคุณวลัยพร..ครับ..
เพราะไม่มีใครที่ไม่เคยถูก..เจ้าสังขารความคิดปรุง..มันหลอกเอา

สุดท้าย..
กุศลใดที่ข้าพเจ้ากล่าวความจริงนี้..ขอกุศลผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

และ..ขออุทิศส่วนกุศลนี้..แด่ผู้ปรารถณาความพ้นทุกข์ทุกท่าน..แก่สัพพสัตว์ทั้งหลายทุกรูปทุกนามด้วยเทอญ






คุณกบ cool

แค่เขาเอามาอ้างอิงแบบผิดๆ คุณก็หวั่นไหวตามเขาไปเสียแล้ว เลยทำให้ขาดการพิจรณา
กลับกลายเป็นว่า กำลังมาเพ่งโทษกันแทน

แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ไม่ว่าทั้งคุณและเขา
ทุกสิ่งที่แสดงกันออกมา บ่งบอกถึงสภาวะจิตของคนๆนั้นว่า มี สติ สัมปชัญญะในการรับรู้
ต่อผัสสะที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆมากน้อยแค่ไหน

คำพูดแรกน่ะ เราไม่อยากเอาคุณกบเข้ามาเกี่ยวข้อง เลยลบชื่อออกไป
แต่เขียนให้เห็นว่า คุณกบต้องการสื่อถึงอะไร และหมายถึงอะไร


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=120

นี่คือ สิ่งที่คุณพูดมา เอาเป็นว่าเราเข้าใจ คานะเองเขาก็ไม่ได้ไปปรุงแต่งในทางที่ไม่ดีกับคุณ
เขาเลยไม่ได้ไปต่อยอดกับข้อคิดเห็นของคุณ แต่คนที่ร้อนตัวเพราะเขาปรุงแต่งของเขาเอง
เขาเลยก๊อปข้อความที่คุณแสดงข้อคิดเห็นมาแปะ แล้วเขาก็ตอบกลับคุณไป
สิ่งที่เขาพูดไปนั้น คือ สิ่งที่เรานำมาตั้งกล่าว

"แสดงการอวดอุตริที่ไม่มีในตน เมื่อโดนผู้อื่นต่อว่า"

เขาตอบมาด้วยคำตอบนี้

" อันผู้สลัดตัวตนออกแล้ว ย่อมไม่มีความกระหาย แลเห็นประโยชน์ และสาระ แก่นสารใดๆ
ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า ... "

นี่คือการอวดอุตริที่ไม่มีในตน


viewtopic.php?f=1&t=30713&st=0&sk=t&sd=a&start=165

แล้วเขาก็ลากคุณพลศักดิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งๆสิ่งที่พูดไปนั้นคือ ตัวเขาเอง จากกระทู้นี้
เขาโพสซะจนจำไม่ได้ว่า ไปโพสทิ้งไว้ที่กระทู้ไหนบ้าง

00 เขียน:
แอนตี้ไวรัสอวิชชาในภัทรกัปป์นี้ ก็มี 5เวอร์ชั่น สิ


ยูสเซอร์หนึ่งตอบ อีกยูสเซอร์ตามมาอธิบายซ้ำ


00 เขียน:
เวอร์ชั่นแรก พระพุทธเจ้ากกุสนโธ
เวอร์ชั่น 2 พระพุทธเจ้าโกนาคมน์
เวอร์ชั่น 3 พระพุทธเจ้ากัสสปะ
เวอร์ชั่น 4 พระพุทธเจ้าสมณโคดม
เวอร์ชั่น 5 พระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรย (โปรแกรมยังไม่สมบูรณ์ : ยังไม่เปิดตัว)


viewtopic.php?f=1&t=30278&start=15
แต่กระทู้ที่เขานำมาแนบนั้นไม่ใช่


ต้องขออภัยกับคุณด้วย กับข้อความที่นำไปแปะ แต่ไม่คิดว่าจะมีช่องโหว่ที่ทำให้คนๆนั้น
นำมาทำให้คุณกบเข้าใจผิดไปได้ :b8:

จริงๆแล้ว ข้อความในกระทู้นั้น เราไม่ได้มีเจตนาหรือคิดเพ่งโทษใดๆกับเขา
ถึงได้ลบยูสเซอร์ที่เขานำมาใช้ทั้งหมด แต่เขากลับนำมาเปิดเผยเอง
และพยายามใช้คำพูดในเชิงยั่วยุที่จะให้เราละเมิดคำพูดที่เราพูดไว้ว่า เราจะไม่เปิดเผยชื่อของเขา

เวลาที่เขาขาดสติ เขาจะเป็นแบบนั้น คือ รน แล้วจะโพสแบบมั่วๆ เพราะอ่านข้อความไม่ถี่ถ้วนเอง
แม่แต่คำพูดที่เขาใช้พูดประจำ เช่น

" ไปแระ " กับอีกคำพูดที่ชอบใช้ประจำ " ส่วนอีกท่าน สิ่งที่ "ควร" ก็ไม่รู้ "ไม่ควร" ก็ยังไม่รู้ "

กระทู้ที่เขานำมาพูดนั้นนานแล้ว ที่เขาเข้าไปอ่านบล็อกของน้ำ แล้วเห็นการไม่เคยนอนยาว
มันเป็นเพียงสภาวะที่เป็นแบบนั้น เพราะน้ำพักในสมาธิ แต่เขาไม่เข้าใจสภาวะเลยนำไปปรุงแต่ง
เอารูปซี่โครงผีนั่งหน้าจอคอมฯกับรูปม้ากอดต้นไม้ มาประกอบใช้ในการพูด


แล้วกระทู้นี้ ที่คุณกบตั้งคำถามเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ไปตอบ เพราะมันมีรายละเอียด
เพราะคุณกบไม่อ่านให้ละเอียดว่า สิ่งที่เขานำมาพูดคือ คำว่า " ความเพียร "
เอาเป็นว่า เดี๋ยวคุณกบได้อ่านคำตอบแล้วจะเข้าใจมากขึ้น ว่าที่สนทนากับคุณ yodchawนั้น
เริ่มต้นจริงๆแล้ว คือ เรื่องอะไร

แล้วก็ไม่คิดว่า จะมีคนนำข้อความจากกระทู้นี้ไปปรุงแต่งตามกิเลสของเธออีก

viewtopic.php?f=1&t=30713&start=240

เพราะนิสัยของเธอผู้ชอบเพ่งโทษผู้อื่น น้ำถึงได้เขียนคำว่า มิจฉาปณิหิตจิต
จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

ถ้าตามความหมายเต็มๆนั้น หมายถึง การที่ตั้งจิตไว้ผิดที่คือคอยเพ่งโทษผู้อื่นตลอดเวลา
เลวร้ายยิ่งกว่าการจองเวรซึ่งกันและกัน ซึ่งผู้ที่ตั้งจิตไว้ผิดนั้น มีแต่จะสร้างความพินาศให้แก่ตนเอง


viewtopic.php?f=27&t=22309&p=191304#p191304

สำหรับกระทู้นี้ จะไปตอบให้ค่ะ ขออภัยที่ยังไม่ได้ตอบ




กับเรื่องราวของคานะกับคนๆนี้นั้น เหตุมันยืดยาว เพราะน้ำเองเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเขา
คานะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ ตอนนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาในบอร์ดเราเยอะมาก ที่รู้เพราะได้สนทนากัน
คานะเขาโกรธ ก็เรื่องปกตินะคะ ในเมื่อเราเป็นพี่เลี้ยง น้องย่อมรู้สึกโกรธ เมื่อเห็นคนอื่นมาว่าพี่
อีกอย่าง น้องเขาเพิ่งจะมาปฏิบัติ สติของน้องเขา เขาย่อมได้ตามที่เขาได้กระทำ
ถือว่า สภาวะน้องเขาไปได้ดี ที่เห็นชัดๆคือ น้องเขายังมีสติดีกว่าผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่เอ่ยอ้างว่า ปฏิบัติมานาน และมีศรัทธาในพระรัตนตรัยไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน
แต่พอเห็นสภาวะยามที่ขาดสติ ตัวคำพูดที่เขาพูดๆลงมานั้นบ่งบอกเลยว่า
สติ สัมปชัญญะเขายังด้อยกว่าเด็ก เพราะยังมีการพยายามเบี่ยงเบนคำพูด เพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่า
คานะกับน้ำนั้น เป็นคนๆเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล ก็โพสรูปตัวเงินตัวทอง
ที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ที่ยืนกอดกันหน้าทำเนียบ
เอามาเปรียบเปรยว่า คานะกับน้ำนั้นเป็น คู่เลสเบี้ยน


ส่วน วารินเน่
เด็กรุ่นใหม่ ที่ค่อนข้างฉลาด คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดย่อมมีมานะแรง นี่คือเรื่อง ปกติ
เขาขอเลือกส่งสภาวะแบบนี้ เพราะเขาไม่ชอบการส่งสภาวะแบบที่น้ำทำอยู่
เขาบอกว่า เหมือนถูกบังคับให้ทำ เขาชอบอิสระ ชอบเป็นตัวของตัวเอง
และที่ไม่ได้ให้คนอื่นๆรู้ว่า น้ำเป็นพี่เลี้ยงเขาอยู่นั้น เหตุเนื่องจากว่า
น้องเขาอยากได้ข้อคิดเห็นจากคนอื่นๆ ว่ามีแตกต่างกันตรงไหนบ้าง
เขาต้องการสนทนาแลกเปลี่ยนในแนวทางสภาวะ

เห็นไหมคะ เด็กรุ่นใหม่ ถ้าคนไม่เข้าใจสภาวะของเขา เอารูปแบบไปยัดเยีดให้กับเขา
แล้วเขาตอบโต้กลับนั้น เขาผิดตรงไหนหรือ ไปทำตัววุ่นวายกับเขาเอง
กับคนอื่นๆที่เข้าไปสนทนากับเขา น้องเขาก็สนทนาด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างเมื่อคืน ก็มีน้องอีกคน คนนี้ยิ่งกว่าวารินเน่อีก คือ ไม่มีเวลาทั้งเดินจงกรม และนั่งสมาธิ
นี่ก็เจอกันในบอร์ดธรรมจักรเหมือนกัน แต่เขาไปค้นหาบล็อกของน้ำในกูเกิ้ล โดยค้นตามชื่อ

ถึงบอกไงว่าเด็กรุ่นใหม่ฉลาด น้องคนนี้ก็เหมือนกัน ก่อนที่เขาจะยอมรับน้ำนี่ เขาจะมีคำถามมาก่อน
เขาจะดูว่าเราตอบเขาได้ไหม เขาถึงจะยอมรับเราได้

คำถามของเขาก็คือ เรื่องฌาน ที่ไม่ใช่การนำพระไตรปิฎกมาตอบเขา
แต่เอาสภาวะจริงๆมาอธิบายให้เขาฟัง น้องเขามาจากกลุ่มดูจิต

เมื่อคืนสิ่งที่เขาถามมานั้น เข้าใจเขาเลยว่าเขากำลังไขว้เขวกับเรื่องข่าวที่ออกมาของแนวทาง
ที่เขาปฏิบัติอยู่ คือ ตามรู้กายใจ แต่ไม่ได้เดินจงกรมและนั่งสมาธิเป็นหลัก ถ้าวันไหนว่างจริงๆเขาถึงทำ

เขาถามว่า เขาทำแบบนี้ผิดทางไหม แค่ตามรู้กายใจของเขา
ก็ตอบเขาไปว่า ไม่ผิด เพราะนี่คือสภาวะของเขา ไม่ใช่สภาวะของคนอื่น
เขาก็รู้สึกสบายใจและกลับไปทำในสิ่งที่เขาทำได้ต่อไป

การเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เข้าใจถึงการปฏิบัติหลายๆรูปแบบ ทำให้เข้าใจสภาวะ
เพราะเมื่อทำได้ถึงจุดๆหนึ่ง จะไม่มีการไปยึดติดใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทั้งครูบาฯ
ครูบาฯ เรายังคงให้ความเคารพท่านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีการยึดติด
อะไรที่เกิดขึ้นกับครูบาฯ เราจะมองแค่ว่า นั่นคือ สภาวะของครูบาฯท่าน เราไม่เกี่ยว
อย่าเอาความคิดที่ปรุงแต่ง ไปร่วมสร้างวิบากกรรมกับท่าน ให้แค่มีสติรู้อยู่
คือรู้ แต่ไม่เข้าไปยุ่ง ตรงไหนที่คิดว่า พอพูดได้ก็พูด แต่ต้องไม่เป็นการก่ออกุศลจิตให้กับตัวเอง
เพราะทุกๆการกระทำนั้นๆของเรา มันส่งผลกลับมาที่ตัวเราหมด

มีน้องๆเข้ามาอ่านบอร์ด แล้วเห็นสภาวะที่น้ำกำลังเจออยู่ ก็มีคำถามมา
ก็บอกไปทันทีว่า แค่ดู ดูอะไร ดูจิตของตัวเอง ว่ามีชอบหรือชังมากน้อยแค่ไหน
เพราะสักวันหนึ่ง เขาจะต้องผ่านสภาวะที่ตัดความชอบในตัวน้ำออกจนหมด

ส่วนคานะนี่ ห้ามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมเราก็ต้องปล่อย เพราะนั่นคือ สภาวะของเขา
บางอย่างบอกเขา เขาก็เชื่อ บอกเขาว่า เอาข้อความที่เขาใช้โชว์อยู่นั้นออกไป
เพราะข้อความนั้น บ่งบอกถึง เขาพยาบาท เขาก็ยอมเอาออก
เห็นไหม เด็กน่ะ เขาจะทำอะไร เขาก็จะมีเหตุและผลของเขา
เวลาเราแนะนำอะไรให้กับเขา เราก้ต้องชี้ถึงเหตุและผลให้เขาฟัง


สำหรับกระทู้นี้ ไม่ต้องกัวลค่ะ เหตุมี ผลย่อมมี
เพราะกระทู้นี้ก็ไม่ใช่ของเรา อะไรๆในโลกใบนี้ล้วนไม่มีอะไรที่เราสามารถนำติดตัวไปยามตายได้
มีแต่ กุศลกรรมและอกุศลกรรมเท่านั้น ที่ตามความเป็นจริงที่เราได้กระทำไปเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
ไม่ใช่คิดเอาเองว่า นี่คือ กำลังทำกุศลหรือนี่คือกำลังทำอกุศล นั่นเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน

ฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะใช้ยูสเซอร์ไหนๆก็ตาม นั่นคือ ผลที่ตัวเขาต้องได้รับ
เรามีหน้าที่ของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆเขาเห็นไม่ได้
แล้วใครที่ไหนจะมาฟังเรา ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังไปสติแตกตามคำพูดที่ปรุงแต่งของคนอื่นๆ

เวลามีปัญหา เด็กจะได้ย้อนเอาได้ว่า ที่พี่น้ำล่ะ ไม่เห็นจะทำได้เลย อายเด็กไหมล่ะ ถ้าเจอแบบนี้
น้ำสบายๆนะคุณกบ จิตไม่มีไปกระเพื่อมตามสิ่งที่เขาปรุงแต่งมาหรอก เพราะนั่นคือ กิเลสของเขา
นั่นคือ เหตุที่เขากำลังกระทำให้เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเขาได้ก่อภพก่อชาติให้ยืดยาวออกไปเรื่อยๆ

กับตัวคุณกบเอง ถึงแม้ว่าจะ สมมุตินะ สมมุติว่าเป็นหนึ่งในยูสเซอร์ของเขา น้ำก็ไม่กังวล
เพราะคุณมาในสภาวะของผู้ที่มาสนทนาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน ไม่ใช่มาตั้งแง่เพ่งโทษใส่กัน

ส่วนดีของแต่ละคนมี ของคนๆนี้เขาก็มี เขาเก่ง เขามีความจำในตำรับตำราได้ดี
สิ่งที่แต่ละยูสเซอร์เขานำมาโพสนั้น ก็หลากหลายดี มีด้านสว่าง
ก็ย่อมมีด้านมืด มันของคู่กันอยู่แล้ว ส่วนอะไรจะมีมากกว่ากัน นั่นก็เรื่องของเขา
เพราะเขาสร้างเหตุเอง เขาย่อมได้รับผลเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา
แต่เราไปเกี่ยวข้องกับเขานี่คือ นั่นคือ เรากำลังไปสร้างเหตุใหม่กับเขา

เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าค่ะ ส่วนกระทู้ สติ ที่ถูกล็กไปนั้น
ก็อย่างที่น้ำเขียนเกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนแรก ไม่ได้คิดจะแฉใครหรือคิดไปเพ่งโทษใคร
แต่เห็นเขาติดสภาวะนี้มานานแล้ว นับวันยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม สร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ

สรุปคือ ใครจะเป็นอะไรอย่างไร เรื่องของเขา ใครเขาสร้างเหตุมาอย่างไร เขาก็ย่อมเป็นไปตามเหตุ
ที่เขานั้นกระทำมา ส่วนเรื่องของคานะกับคนๆนี้ เขามีวิบากกรรมร่วมต่อกัน

อ้อ .. ตรงนี้สำหรับคนที่ชอบปรุงแต่ง ยามตากระทบรูป

คำสรรเสริญ เยินยอ คือ ยาพิษ หากเสพเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

คำพูดนี้ ให้น้องๆที่เข้ามาอ่าน และอาจจะมีการโพสข้อความธรรมะในบอร์ด

เมื่อมีคนไปกดอนุโมทนาให้กับเขา นั่นคือ หนึ่งคำสรรเสริญ
ใจเขาจะได้ไม่ฟู ไปปรุงแต่งว่า มีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาโพส


เพราะมีบางคนไปกดอนุโมทนา เพื่อให้รู้ว่า เขาได้เข้ามาอ่านข้อความ

อีกอย่าง เขาจะได้ไม่ไปยึดติดกับการที่มีคนมากดอนุโมทนาให้
เพราะถ้าครั้งต่อไป เขามาโพสแล้ว ไม่มีคนมากดให้ ใจเขาจะได้ไม่ฝ่อ


ดีไม่ดี ไปสร้างยูสเซอร์ขึ้นมาใหม่ แล้วไปกดอนุโมทนาให้กับตัวเอง
นี่คือ การเพิ่มกิเลสให้กับตัวเอง หาใช่การทำให้กิเลสเบาบางลงไปไม่


และเหตุที่เปลี่ยนบัญญัติจาก มีความเพียรอยู่ที่ไหน ย่อมมีความสำเร็จอยู่ที่นั่น

อะไรก็ตามที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นนำมาเพ่งโทษเราได้ เราจะเปลี่ยนข้อความนั้นทันที
การที่เปลี่ยนข้อความนี้ นึกถึงผู้อื่น ผู้ที่กำลังสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง


ข้อความทุกๆข้อความ ล้วนเป็นเพียงบัญญัติ จะปรุงจะแต่งยังไงก็ได้ ยามที่ตากระทบรูป
สติ สัมปชัญญะ ทันไหม หากทัน มันก็จบ เพราะมันแค่บัญญัติ


ถ้อยคำหยาบคายที่ผรุสวาทออกมายามที่ขาดสติ นี่ก็เรื่องปกติ ของคนที่
ยังมี สติ สัมปชัญญะไม่มากพอ ที่จะรู้เท่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตตัวเอง
มันเลยไม่รู้ขอบเขต ไม่รู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ เพราะสติยังด้อย
เมื่อสติยังด้อย การทำงานของหิริ โอตัปปะ ย่อมด้อยตามกำลังของสติ




ผู้ที่เอาแต่นั่งสวดมนต์ภาวนา เอาแต่นั่งสมาธิ แต่ไม่ได้เจริญสติ จะเป็นแบบนี้แหละ
เมื่ออะไรมากระทบ สมาธิที่มีนั้นก็ไม่สามารถเอาอยู่ ไปแล้ว ปรุงแต่งทันที

ผิดกับผู้ที่เจริญสติ ผลที่ได้รับคือ สติ สัมปชัญญะ ( ปัญญา ) และสมาธิ
ไม่ว่าจะมีสมาธิมากหรือน้อย ไม่ใช่องค์ประกอบที่สำคัญ เพราะสมาธิมีการสะสมตามกำลังของสติ
สติดี สมาธิย่อมดี เพราะความฟุ้งหรือนิวรณ์ต่างๆเกิดขึ้นได้ยาก

ผิดกับผู้ที่เอาแต่สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิแต่อย่างเดียว
อันนั้นสมาธิเอาไปกินหมด สติด้อย เวลาเกิดการกระทบหรือผัสสะ ยามที่กระทบกับกิเลส
ถ้ากำลังสมาธิไม่มากพอ ไปแล้ว ไปหมดเลย เพราะกำลังของสติยังด้อย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่ถูกหรือผิด ถูกหรือผิดเป็นเพียงความคิดของแต่ละคน
แต่ควรทำที่ถูกใจเราต่างหากถึงจะถูกต้องตามสภาวะ
และวันใดสติ สัมปชัญญะมากขึ้น สภาวะเขาจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะของผู้ปฏิบัติ

ในการปฏิบัติ ควรปฏิบัติตามแนวทางของตัวเองที่ตัวเองถนัด ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อใครสักคน
เหมือนเดินจงกรม ทำไมจึงรู้สึกเหมือนกับหุ่นยนต์ เพราะการทำตามใจคนอื่นๆ
แต่ไม่ใช่แบบที่ตัวเองถนัด มันก็เลยเหมือนหุ่นยนต์
เวลาส่งสภาวะ ก็ต้องพูดตามความเป็นจริง ไม่ใช่พูดเพื่อเอาใจหรือพูดเพื่อให้ถูกใจ
สภาวะโกหก ผลที่ได้รับคือ สภาวะผิดเพี้ยนตามความเป็นจริง ถึงไม่ไปไหนมาไหน
ดีไม่ดี ไปสร้างเหตุไม่ดีเพิ่ม สภาวะยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อคุณเป็น ไอดอล ของใครสักคน คุณก็รู้อยู่ว่า คุณคือ ไอดอลของเขา
เขาจะเลียนแบบในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ....



อนุญาตินะ หากยังมีการปรุงแต่งไม่จบ
อยากปลดปล่อยกิเลสใดๆที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด ก็ปลดปล่อยออกมา

นี่คือ เป็นการให้ธรรมทานอย่างหนึ่ง ที่เราพึงให้แก่เธอได้ในยามนี้
แล้วก็จะไม่มีการตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะเข้าใจในสภาวะที่เธอเป็นอยู่
ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดนะ เพื่อจิตของเธอนั้นจะได้โล่งเบาสบาย
จะไม่มีการแจ้งล็อคกระทู้ใดๆทั้งสิ้น แล้วไม่มีการตั้งค่าใดๆกับกระทู้นี้ทั้งสิ้น

ขอบคุณนะ ที่มาเป็นตัวทดสอบกิเลสโทสะให้กับน้องๆเขา
สำหรับเรานั้น เราจบเหตุกับเธอมานานแล้ว :b38:



หุหุ แก้ตัวได้ยาวมากนะจ้า :b32:

แต่ไม่มีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงการสำนึกในกรรมเลยนะจ้าคุณป้าขา



อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 252 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร