ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ภาษาธรรม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=26021 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 03 ต.ค. 2009, 20:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภาษาธรรม |
ขออนุญาตลบ |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 11:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
![]() ![]() สาธุ กับคุณวิสุทโธ ด้วยเหตุนี้แหละครับตามที่กล่าวมา เราจึงควรศึกษาจากพระไตรปิฎกโดยตรงเลยครับ เพราะพระไตรปิฏกเป็นหลักฐานที่เป็นพุทธดำรัสจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงผ่านการจารจากพระอรหัตขีณาสพ นับร้อย นับพันรูป ร่วมกันทำสังคยนามาเป็นระยะ เพื่อทำให้เข้าใจง่ายขึ้น ไม่มีมิฉฉาทิฐิปะปนมาในคำสอน ถ้ายังสงสัยก็สามารถสอบกับบาลีได้ อีกทั้งคำแปลในศัพท์หรือสภาวะธรรมก็มีอธิบายชัดเจนในพระอภิธรรมเล่ม 1 หรือ 2 อยู่พอสมควรดังนั้น ไม่ว่าคุณหรือผมก็ดีหรือทุกท่านก็ดี ถ้าจะนำคำสอนของพุทธองค์มาเผยแผ่ ควรมีที่มาในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหนด้วยจะดีที่สุดครับ ลำพังเอาแต่คำสอนของครู อาจารย์รุ่นหลังๆ มาเผยแผ่ โดยไม่ได้ศึกษาให้เขาใจและค้นคว้าเทียบกับพุทธดำรัสในพระไตรปิฎก เพื่อขยายความรู้ ความเข้าใจ ของตนเอง และไม่มีพระไตรปิฎกหรือพุทธดำรัสมาประกอบด้วย จะกลายเป็นตัวเองมีมิฉฉาทิฐิ เพราะพอใจและถูกใจ ถูกจริตตัวเอง เลยนำมาเผยแผ่ กลายเป็นบาปบริสุทธิ์ไปครับ |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 04 ต.ค. 2009, 18:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
อนุโมทนานะ แต่ภาษาพระไตรปิฏกนี่นะ ผู้พูด พูดด้วยปัญญาระดับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ด้วยองค์เอง ด้วยพระญานอันยิ่งยง ไร้ขอบเขต แต่ผู้ฟังนี่นะ ปัญญาต่างกัน ประสบการณ์ต่างกัน เปรียบคำพูดพระพุทธเจ้าเป็นเหมือนน้ำฝนที่ตกลงมา แต่เราๆท่านๆนี่แหละ รองรับเอาน้ำฝนด้วยภาชนะที่ต่างๆกัน พวกที่ภาชนะไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาด แต่ก็ยังรับได้ ตามขนาดที่แตกต่างกัน ส่วนภาชนะที่สกปรก เมื่อไปรองรับเอาน้ำฝนมาใช้ มันก็ผสมกันกลายเป็นน้ำสกปรก เอาไปกินไปใช้ก็เป็นโทษ เพราะฉะนั้นจะสรุปว่า อ่านพระคัมภีร์แล้วจะเข้าใจในธรรมอันเดียวกันนี้ น่าจะลองพิจารณาดูอีกทีนึง อ่านแล้ว ต้องทดลองทำ จึงจะรู้แจ้งแทงตลอด ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 19:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
ชาติสยาม เขียน: เพราะฉะนั้นจะสรุปว่า อ่านพระคัมภีร์แล้วจะเข้าใจในธรรมอันเดียวกันนี้ น่าจะลองพิจารณาดูอีกทีนึง สวัสดีครับ ชาติสยาม ถ้าผมจำไม่ผิด หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ใหม่ๆ พระองค์ท่านก็มีพระราชดำริว่าใครหนอ จะเข้าใจในสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทราบนั้นสุขุมลุ่มลึก ยากต่อความเข้าใจ แล้วพระองค์ก็ทรงนึก ดาบสทั้งสองท่านแต่ก็พระอาจารย์ทั้งสองท่านมรณะไปเสียก่อน ลำดับต่อมาก็นึกถึงปัญจวคีทั้ง 5 แล้วปัญจวคีทั้ง 5 ก็ฟังธรรม ของพระองค์ บรรลุโสดา ไม่พร้อมกันอีกแหละครับ ดังนั้นการอ่านพระคัมภีร์แล้วจะเข้าใจธรรมอันเดียวกันนี้ ก็ขึ้นกับเวลา ทิฐิที่มี กิเลส ตัณหา ที่มีอยู่ไม่เท่ากัน ขึ้นกับเวลาเท่านั้นแหละครับ ขอให้มีความเพียรก็พอแล้วแหละครับ ลองตรึก ดูใหม่อีกรอบนะครับ ไม่อย่างนั้น แปลว่าปุถุชนไม่มีโอกาสเลยที่จะเข้าถึงพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นะครับ อริยะผล ยังมีตั้ง 4 ระดับครับ และธรรมของพระพุทธเจ้า ก็แสดงไว้เหมาะสมแล้วเพียงแต่เลือกปฏิบัติให้เข้ากับจริตตัวเองก็พอครับ จุดหมายปลายทางของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ บางคนต้องการที่สุดแห่งทุกข์ บางคนขอแค่สุขใจไปวันๆ บางคนก็ปารถนาแค่สวรรค์ทั้ง 7 บางคนก็ปารถนาภพภูมิแห่งพรหม ชาติสยาม เขียน: อ่านแล้ว ต้องทดลองทำ จึงจะรู้แจ้งแทงตลอด ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ สาธุ ครับ คนที่เข้ามาสนใจศึกษาพระธรรม คำสอนทั้งหลาย ก็มีจุดหมายปลายทางไม่เหมือนกัน ครับ บางท่านเข้มข้น ก็ครบทั้ง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ บางคนต้องการดำรงแห่งคำสอนที่ถูกต้องป้องกันไม่ให้คำสอนบิดเบือน ก็ไม่เข้มข้นครบทั้ง 3 อย่าง แต่ผลลัพท์คือศาสนามีการถ่ายทอดออกไป มีคนตรวจสอบความถูกต้อง ศาสนาก็ยั่งยืนต่อไปไม่บิดเบือน |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 19:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
Quote Tipitaka: อีกประการหนึ่ง ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่ อบรมปัญญา พระสูตรต่างๆ ที่ตถาคตได้ภาษิตไว้ เป็นสูตรลึกซึ้ง มีอรรถลึกซึ้ง เป็นโลกุตระ ประกอบด้วยสุญญตาธรรม เมื่อพระสูตรเหล่านั้นอันบุคคลแสดงอยู่ ก็จักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยโสตลงสดับ จักไม่ตั้งจิตเพื่อรู้ จักไม่ใฝ่ใจในธรรม เหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน แต่ว่าสูตรต่างๆ ที่นักกวีแต่งไว้ ประพันธ์เป็นบท กวี มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะสละสลวย เป็นพาหิรกถา เป็นสาวกภาษิต เมื่อพระสูตรเหล่านั้น อันบุคคลแสดงอยู่ ก็จักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักตั้งจิตเพื่อรู้ จักฝักใฝ่ใจในธรรมเหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน เพราะเหตุดังนี้ แล การลบล้างวินัยย่อมมีเพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการ ลบล้างวินัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคตข้อที่ ๔ นี้ ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนี้อันเธอทั้งหลายพึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้ว พึง พยายามเพื่อละภัยนั้น ฯ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๙. อนาคตสูตรที่ ๓ แม้แต่ในพระไตรปิฎกที่ยกมา ก็ยังพูดถึงเลยนะครับ เหตุการณ์เข่นนี้ ท่านชาติสยามจะคิดเห็นเช่นไรครับ ถ้าคิดว่าคำสอนการอ่านพระไตรปิฎกจะยากลำบาก อ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือเข้าใจได้ลำบากเลยไม่พยายาม กลายเป็นเจริญธรรมที่ไม่ควรเจริญ แถมเป็นการทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัวอีกขอรับ |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 04 ต.ค. 2009, 20:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
อ้างคำพูด: ....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา...... แล้วประโยคนี้..ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา...... มีที่มาในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหน ครับ ช่วยยกมาอ้างอิง... แล้วจะเรียกตัวเองมีมิฉฉาทิฐิ ได้ไหมครับ เพราะไม่มีในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหน แล้วประโยคนี้จะเรียกว่าพอใจและถูกใจ ถูกจริตตัวเอง ..ได้ไหมครับ เมื่อนำมาเผยแผ่ กลายเป็นบาปบริสุทธิ์ไปหรือเปล่าครับ... ที่ผมนำมาเผยแพร่..ถึงจะไม่ใช่พระไตรปิฏก แต่ก็เป็นคำสอนของพระอรหันต์ หลวงปู่มั่น การที่คุณศึกษาด้วยตัวเอง ไม่เข้าหาพระอริยสงฆ์ เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือครับ... การเข้าหาพบสนทนาธรรมกับพระอริยสงฆ์ นี่ละ..1 ใน มงคล 38 คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล ถึงในพระไตรปิฏกจะเกิดจากการสังคายนาโดยพระอรหันต์ คุณแน่ใจหรือว่า..คุณเข้าใจทั้งหมด ทุกตัวอักษร ทุกประโยค... ถ้าเป็นตำราทางแพทย์ เขียนแต่งตำราโดยศาสตราจารย์นายแพทย์ คุณอ่านเอง ศึกษาเอง เข้าใจได้เองหรือปล่าว... วิธีการ Copy จากการค้นหาใน Google เมื่อหาธรรมะมาลงในกระทู้ แบบนี้ต้องบอกวิธีการคัดลอกมาหรือเปล่า..น่าจะให้เครดิต Google |
เจ้าของ: | aitoday [ 04 ต.ค. 2009, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
อนุโมทนาครับ ขออ่านอย่างเดียวก่อน มีความรู้ทางธรรมยังไม่ถึงขั้นจะเผยแพร่ และโต้ตอบทางธรรมได้ครับ ไว้รู้ซึ้งแล้วจะมาโต้ตอบนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 04 ต.ค. 2009, 21:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
เอ ไปๆมาๆ ผมว่าเราก็พูดเรื่องเดียวกันนะ ![]() |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 21:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
![]() ![]() วิสุทโธ เขียน: ที่ผมนำมาเผยแพร่..ถึงจะไม่ใช่พระไตรปิฏก แต่ก็เป็นคำสอนของพระอรหันต์ หลวงปู่มั่น อิ อิ หลงประเด็นหรือเปล่าครับ กระทู้นี้หัวข้อว่าภาษาธรรม ไม่ใช่หรือครับ วิสุทโธ เขียน: การที่คุณศึกษาด้วยตัวเอง ไม่เข้าหาพระอริยสงฆ์ เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือครับ... การเข้าหาพบสนทนาธรรมกับพระอริยสงฆ์ นี่ละ..1 ใน มงคล 38 คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล สาธุครับ เห็นด้วยครับกับมงคล 38 ประการ ครับ แต่ท่านมองให้รอบด้วยครับ อย่าเพิ่งสรุปเอาเองว่า "การที่คุณศึกษาด้วยตัวเอง ไม่เข้าหาพระอริยสงฆ์ เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือครับ..." คุณกับผมสนทนาธรรมเป็นกัลยามิตรซึ่งกันและกันนะครับ ดังนั้นอย่าสรุปอย่างนั้น เป็นบาปผิดศีล มุสา นะครับต้องระวังด้วย ครู อาจารย์ผมมีมากมายเลยครับ ผมก็เข้าไปกราบ ไปพบ ไปสนทนา แล้วศึกษาอย่างจริงจังในคุณธรรม หรือธรรมมะที่ท่านแตกฉานเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แล้วผมจึงนำมาใช้ปฏิบัติและนำมาศึกษาเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกเพื่อขยายความธรรมข้อนั้นๆ ต่อไป เพราะสภาวะธรรมมันไม่สามารถอธิบายด้วยสมมุติทางคำพูดทั้งหมด ดังนั้นการที่ผมกลับเข้าไปหาต้นฉบับก็เพื่อขยายธรรมข้อนั้นๆ เพื่อความเข้าใจให้ยิ่งๆ ขึ้นครับ เพราะผมต้องการสร้าง สุตมยปัญญาญาน ให้เกิดขึ้นครับ เป็นสัญญาที่เป็นปัญญาสำหรับผมใช้ในการเพียรเผ่ากิเลส ลด ละ เลิก ครับ วิสุทโธ เขียน: ถึงในพระไตรปิฏกจะเกิดจากการสังคายนาโดยพระอรหันต์ คุณแน่ใจหรือว่า..คุณเข้าใจทั้งหมด ทุกตัวอักษร ทุกประโยค... ถ้าเป็นตำราทางแพทย์ เขียนแต่งตำราโดยศาสตราจารย์นายแพทย์ คุณอ่านเอง ศึกษาเอง เข้าใจได้เองหรือปล่าว... ถ้าคิดอย่างนั้น ก็ตรงกับอนาคตกาลสูตร ตามที่ยกมาข้างบนแล้วละครับ ท่านวิสุทโธ แล้วผมก็คิดว่าชัดเจนแล้วละครับ ในเมื่อไม่รู้ ก็ต้องพยายามศึกษาหาคำแปล ซึ่งมีทั้งบุคคล หนังสือคำแปล เหมือนกับที่ท่านพูดแหละครับต้องเข้าพบบัณฑิตผู้รู้ ซึ่งเป็น 1 ในมงคล 38 ประการครับ อย่าลืมนะครับ อริยะผล มีตั้ง 4 ระดับ ครับขึ้น กับ กิเลส ตัณหาในใจของเราทุกคนครับ และที่สำคัญจุดมุ่งหมายในการเดินทางนี้ด้วยครับ วิสุทโธ เขียน: วิธีการ Copy จากการค้นหาใน Google เมื่อหาธรรมะมาลงในกระทู้ แบบนี้ต้องบอกวิธีการคัดลอกมาหรือเปล่า..น่าจะให้เครดิต Google ครับทุกวันนี้ผมต้องขอบคุณ ลุง Google มากครับ ที่ทำให้ผมไม่ต้องเสียเงินซื้อพระไตรปิฎกมาเก็บไว้เอง ได้แต่ร่วมทำบุญซื้อให้ตามวัดต่างๆ ที่ยังไม่มี ได้มีไว้ศึกษาครับ และที่สำคัญประหยัดเวลาผมมากในการค้นหรือหาคำแปล ของศัพท์บาลี สันตกฤต ที่ผมแปลไม่ออกครับ ทำให้ผมอ่านพระไตรปิฎกได้เข้าใจมากขึ้นครับ และวิธีการที่คุณพูดนะ มันทำให้คุณและผมสนทนากันได้รวดเร็ว ได้ศึกษาธรรมะร่วมกันครับ วิสุทโธ เขียน: แล้วประโยคนี้..ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา...... มีที่มาในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหน ครับ ช่วยยกมาอ้างอิง... แล้วจะเรียกตัวเองมีมิฉฉาทิฐิ ได้ไหมครับ เพราะไม่มีในพระไตรปิฏกเล่มไหน หน้าไหน แล้วประโยคนี้จะเรียกว่าพอใจและถูกใจ ถูกจริตตัวเอง ..ได้ไหมครับ เมื่อนำมาเผยแผ่ กลายเป็นบาปบริสุทธิ์ไปหรือเปล่าครับ... รบกวนกลับอ่านใหม่ดีๆนะครับ หรือลองอ่านคำตอบในช่วงที่ 2 ของผมก็ได้ครับ สำหรับผมยอมรับครับ ว่าพอใจและถูกใจ ถูกจริตตัวเอง ครับ เพราะผมถือปฏิบัติตามนี้จริงๆ เพื่อเร่งสร้างปัญญาที่เป็นโลกุตระธรรมครับ เพราะต้องการสร้างเหตุอันเป็นโลกุตระเพื่อให้ได้ผลที่เป็นโลกุตระธรรม นั้นคือ มัคค 4 ผล 4 ครับ ตามสัจจะแห่งอริยสัจจ์ครับ ผมไม่ปารถนากามาวจรกุศลจิตครับ สำหรับกรณีที่ผมที่ไม่ยกพระไตรปิฎกมาอ้างอิงในตอนท้าย เพราะเป็นสภาวะธรรมที่ผมได้ของผมเอง ถ้าสนใจก็ถามผมมาเหมือนที่ท่านวิสุทโธถามผมมานี้แหละครับ แต่คงต้องเป็นกระทู้ใหม่ครับ เพราะกระทู้นี้ต้องการพิจารณาเรื่องภาษาธรรมครับ แต่ที่สำคัญคือท่านวิสุทโธ ถ้าท่านอ่านพระอภิธรรม เล่ม 1 เรื่อง กามาวจรมหากุศลจิต ทั้ง 8 ดวง คงไม่ถามผมมาแบบนี้หรอกครับ เจริญในธรรม ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรครับ |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 04 ต.ค. 2009, 22:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
อ้างคำพูด: สำหรับกรณีที่ผมที่ไม่ยกพระไตรปิฎกมาอ้างอิงในตอนท้าย เพราะเป็นสภาวะธรรมที่ผมได้ของผมเอง ภาษาธรรมที่ผมตั้งกระทู้นี้ ก็เป็นสภาวะธรรมที่ผมได้ของผมเอง เหมือนกันครับ คุณเองก็หลงประเด็น กับหัวข้อกระทู้ คิดว่า..ผมไปเอามาจากที่อื่น..ดดยไม่ถามผม..คิดเอาเอง เพราะศัพท์คำนี้ไม่ได้มาจากพระไตรปิฎก ผมถึงไม่อ้างอิงที่มา ถ้าจะให้ผมตอบถูกใจคุณ ตลกฝืด..55555 |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 04 ต.ค. 2009, 22:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
เอ๊ะ ![]() ชาติ งง ![]() ไหง ไปๆมาๆ มาออกอีท่านี้ล่ะครับเนียะ ![]() แอบไปสับกันฉากอื่นมาก่อนก่อนรึเปล่าคับ ผมตามไม่ทัน ![]() |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 04 ต.ค. 2009, 22:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
แค่เรื่อง..การจับผิด ทั้งที่ไม่ได้อ่านพิจารณาให้ดี...ถึงวัตถุประสงค์เจตนา ถ้าในกรณีประโยคธรรมของตัวเอง..ก็บอกว่า..เป็นสภาวะธรรมที่ผมได้ของผมเอง ไม่ต้องอ้างที่มา แต่..ประโยคธรรมของคนอื่น ก็คิดว่า..ไปเอามาจากที่อื่น...ต้องอ้างอิงที่มา น้ำเน่า...แพทเทริน์แบบนี้.. |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 22:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
เรียน ท่านชาติสยาม ผมก็สนทนากับเขาที่นี้แหละครับ เพียงแต่ต่อไปนี้ ตรงลายเซ็นต์ ที่เป็นคำคม ส่วนตัวนี้ต้องมีแหล่งมาอ้างอิงด้วย ท่าน Webmaster ต้องประกาศกฎใหม่แล้วละครับ ทุกท่านจะได้ถือปฏิบัติ ผมละเศร้าใจจริงๆ ครับ แถไปได้ดีจริงๆ ครับ |
เจ้าของ: | วิสุทโธ [ 04 ต.ค. 2009, 22:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
ถ้าสนทนาไป คงเถียงกันไม่หยุด...ไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนที่เข้ามาอ่าน แพ้หรือชนะก็ไม่ได้อะไร..มีแต่เสีย.. เอาเป็นว่า....จบดีกว่า |
เจ้าของ: | โคตรภู [ 04 ต.ค. 2009, 22:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาษาธรรม |
วิสุทโธ เขียน: แค่เรื่อง..การจับผิด ทั้งที่ไม่ได้อ่านพิจารณาให้ดี...ถึงวัตถุประสงค์เจตนา ด้วยความเป็นกัลยาณมิตร ครับไม่คิดว่าคุณจะคิดเช่นนั้น การที่สนทนาธรรมเพิ่มมุมมองซึ่งกันและกัน กลับโดนเป็นว่าจ้องจับผิด น่าอนาถใจครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |