ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เด้กใหม่ใคร่รู้ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=26229 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | m4p4n1 [ 12 ต.ค. 2009, 12:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | เด้กใหม่ใคร่รู้ |
สวัสดีกัลยานมิตรทุกท่านนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ต้องการผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการศึกษาและปฏิบัติธรรมครับ ผมเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งน่ะครับ..ก็สนใจศึกษาธรรมะมานานแล้วล่ะ..แต่เป็นแบบลุ่มๆดอนๆอาจจะเป็นเพราะด้วยวัย และ สังคม ที่เป็นแบบปัจจุบันนี้นะครับ (โทษสังคมซะงั้น )555 ผมก้เลยไม่ได้ลงมือทำจริงๆจังๆสักที ก้เลยหวังว่าจะพบกัลยานมิตรคอยชี้แนะและชักจูงให้ผมไม่คลายศรัทธาไปมากกว่านี้นะครับ สิ่งที่ผมอยากจะถามนะครับ รบกวนตอบเป็นข้อๆเลยนะครับ ![]() 1 ผมสงสัยว่าผมควรจะเริ่มศึกษาพระธรรมในเชิงภาคทฎษฎีหรือภาคปฏิบัติก่อนดี...เป็นไปได้มั้ยว่าทำพร้อมกันได้..แต่ผมรูสึกว่าผมอยากเข้าสู่ภาคปฏิบัติเลย ( ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ศึกษาแต่ภาคทฎษฎีอะครับ...ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดผล หรือนำไปต่อยอดยังไงดีอ่ะครับ ) 2 ผมเคยได้ยินมาว่า การฝึกสมาธิจำเป็นจะต้องมีผู้รู้หรือครูบาอาจารย์คอยสอนคอยแนะนำใช่มั้ยครับ....เพราะถ้าเราฝึกเองอาจจะหลงทางหรือทำไม่ถูกต้อง รบทุกท่านช่วยตอบข้อสงสัยด้วยนะครับ เอาเป็นว่าผมถามขอถาม 2ข้อก่อนแล้วกัน ที่จริงมีเยอะมากเลยอ่ะครับ..แต่ผมไม่รูจะเริ่มตรงไหนก่อนดี เอาเป็นว่า ตอนนี้ผมอยากฝึกสมาธิมากๆๆเลยอ่ะครับ ![]() ถ้าหากผู้รู้ทุกท่านมีข้อแนะนำ หรืออยากเสนอแนะอะไรดีก็ได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ขอขอบพระคุณทุกความกรุณานะครับ แล้วผมจะมาร่วมสนทนาใหม่นะครับ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Supareak Mulpong [ 12 ต.ค. 2009, 13:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เด้กใหม่ใคร่รู้ |
บุคคลใดไม่มีปริยัติ ปริปุจฉาก็ไม่มี อธิคมก็ไม่มี ปฏิภาณของบุคคลนั้นจักแจ่มแจ้งได้อย่างไร? viewtopic.php?f=7&t=25875 การจะปฏิบัติธรรมให้ถูกทางได้นั้น ก็มีลักษณะเดียวกับการกระทำใดๆ ของเราในทางโลก ที่จะทำให้ถูกต้องได้นั้น ต้องมีการศึกษาเรียนรู้สิ่งที่เราจะไปทำนั้นให้รู้และเข้าใจสิในสิ่งนั้นๆ ให้ดีก่อน การกระทำของเราในสิ่งนั้นจะถูกต้องครบถ้วนมีผลสำเร็จเกิดขึ้นตามที่เราได้ตั้งใจไว้ มีเพียงความตั้งใจเฉยๆ ไม่มีความรู้ประกอบ การกระทำของเราไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรมก็ไม่ประสพความสำเร็จ เพราะเป็นการหลับตากระทำ หรือทำโดยความไม่รู้ ถ้าผู้ปฏิบัติไม่เข้าใจพระธรรมคำสั่งสอน การปฏิบัติจะให้ถูกทางนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ พาตัวเองหลงไปในคำสอนของศาสนาอื่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พากันไปหลบทุกข์หลังความสงบ ยิ่งถ้าเข้าใจว่าตัวเองปฏิบัติถูกแล้ว เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเป็นทิฏฐิมานะ ก็แทบจะเรียกได้ว่าเสียชาติเกิดไปชาติหนึ่ง เป็นการบำเพียรความพอใจไม่พอใจ พากันเดินลงนรกเหมือนจับไปวางไว้ ไปด้วยความเต็มใจไม่ได้มีใครบังคับ การปฏิบัติธรรมถูกทางนั้นสำคัญต่อชีวิตคนเรามาก ผิดพลาดไม่ได้ ถ้าผิดพลาดหลงทางไปแล้ว โอกาสที่จะกลับมาปฏิบัติถูกทางนั้นแทบจะไม่มีอีกเลยในชีวิต พุทธศานาเป็นศานาที่ว่าด้วยปัญญา หากมีใครมาชักชวนว่า จงทำตามนี้เกิดอย่างเพิ่งถาม แบบนี้ให้ฟังหูไว้หู พระพุทธองค์ไม่เคยสอนสาวกให้ดำเนินตามทางแบบนี้ การสนทนาธรรมต้องได้ปัญญา ใบไม้กำเดียวในมือพระพุทธองค์ viewtopic.php?f=7&t=24873 สมาธิในพุทธศาสนานั้น มีความแตกต่างชัดเจนไม่เหมือนกับสมาธิในศานาอื่นๆ กล่าวคือ เป็นสมาธิที่เกิดกับจิตที่เป็นกุศล และมีปัญญาประกอบ (มหากุศลจิตญาณสัมปยุติ) หากปฏิบัติไม่ถูกทางแล้ว จะเป็นความสงบที่เกิดมาจากความพอใจ (อุเบกขา+โลภะ) หรือเกิดกับจิตที่เป็นอกุศล แปลว่า ผู้นั้นกำลังบำเพ็ญลงนรก เพราะกำลังสะสมโลภะโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อเริ่มผิดปลายจะถูกนั้นเป็นไปไม่ได้ ความสงบที่เกิดกับจิตที่เป็นกุศล และที่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศล ไม่สามารถแยกออกได้ง่ายๆ แต่หากผู้นั้นมีปัญญาประกอบด้วยแล้ว (คือผู้สำเร็จธรรมตั้งแต่โสดาปัตติผลเป็นต้นไป) จึงสามารถทำสมาธิได้ ดังนั้น หากยังไม่มีปัญญา การจริญสมถะจึงต้องทำคู่ไปกับการเจริญปัญญาด้วย หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย ให้เจริญปัญญาเป็นหลักก่อน แล้วจึงไปเจริญสมถะภายหลัง ความสงบของจิต หรือความสงบที่เกิดขึ้นภายในจิตของพุทธศาสนาเรานั้น เป็นผลเกิดจากการที่เราขัดเกลาจิตใจเราให้ละลดเลิกอกุศลกรรมทั้งหลายลงไปได้ ศาสนาอื่นๆ จะให้ไปนั่งสมาธิเป็นบ้าเป็นบอเป็นตอไม้ เพราะหวังฤทธิ์ โดยไม่รู้จักการขัดเกลาจิต ผลที่ออกมาก็คือ ได้ความสงบเฉพาะตอนนั่งสมาธิเท่านั้น พอออกจากสมาธิ ก็เป็นคนดิบปกติเหมือนเดิม มีฤทธิ์เป้นผลานิสงค์ แต่ก็เสื่อมหายไปได้ง่ายๆ เมื่อสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลกรรมทั้งหลาย เพราะอุปธิวิเวก ความสงบของจิตในระดับปฐมฌานก็เกิดขึ้น เกิดความปิติ สุข มั่นคงไม่เสื่อมถอย (ถือเป็นการสำเร็จธรรมขั้นต้นๆ) อุปธิวิเวก คือ ธรรมใดๆ ที่เป็นเครื่องมือขัดเกลาจิตใจ สามารถนำเราออกจากกิเลสกามได้ ... ![]() สมาธิสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เรียกว่า ขณิกกะสมาธิ ใช้ในการดำเนินชีวิต การเรียน การทำงาน ฯ สมาธิแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ประกอบกับการเคลื่อนใหว บางตำรายังไม่ถือว่าเป็นสมาธิ สมาธิระดับนี้สามารถฝึกฝนกันได้ร่วมกับกิจกรรม เช่น เล่นกีฬา เต้นรำ ฯ |
เจ้าของ: | 1เอง [ 12 ต.ค. 2009, 15:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เด้กใหม่ใคร่รู้ |
viewtopic.php?f=2&t=19826 ลองอ่านตามลิงค์นี้ดูแล้วลองปฏิบัติดูก่อนก้ได้นะครับ ตำรวจไม่จับครับ เจริญในธรรมนะครับ |
เจ้าของ: | bbb [ 12 ต.ค. 2009, 16:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เด้กใหม่ใคร่รู้ |
ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า.... สัพเพ ธมมํ นาลํ อภินิเวสาย "สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" อันนี้หัวใจของพุทธศาสน์ รู้และทำตามได้เท่านี้ ก็เท่ากับรู้พระไตรปิฏกทั้งเล่ม การปล่อยวางจาก"ตัวเรา..ของเรา" และก้าวสู่ความว่าง นี่คือเจตนารมณ์อันแท้จริงของพระศาสดา ... ยังมีอันใดอีกหรือ?? อนุโมทนาครับ ![]() |
เจ้าของ: | อายะ [ 12 ต.ค. 2009, 18:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เด้กใหม่ใคร่รู้ |
m4p4n1 เขียน: 1 ผมสงสัยว่าผมควรจะเริ่มศึกษาพระธรรมในเชิงภาคทฎษฎีหรือภาคปฏิบัติก่อนดี...เป็นไปได้มั้ยว่าทำพร้อมกันได้..แต่ผมรูสึกว่าผมอยากเข้าสู่ภาคปฏิบัติเลย ( ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ศึกษาแต่ภาคทฎษฎีอะครับ...ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดผล หรือนำไปต่อยอดยังไงดีอ่ะครับ ) 2 ผมเคยได้ยินมาว่า การฝึกสมาธิจำเป็นจะต้องมีผู้รู้หรือครูบาอาจารย์คอยสอนคอยแนะนำใช่มั้ยครับ....เพราะถ้าเราฝึกเองอาจจะหลงทางหรือทำไม่ถูกต้อง รบทุกท่านช่วยตอบข้อสงสัยด้วยนะครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ ตอบข้อ 1 ควรเริ่มจากทฤษฏีก่อนแต่ไม่จำเป็นต้องให้จบเปรียญ 9 ที่ผมเห็นว่าจำเป็นก็คือทฤษฏีที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ โดยเฉพาะองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ หรือโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ โดยเฉพาะอินทรีย์ 5 แล้วก็สิ่งกีดขวางนั่นก็คือ นิวรณ์ 5 และในระหว่างที่ศึกษาอยู่นี้ก็ปฏิบัติไปพลางๆ ด้วย ตอบข้อ 2 ผมเห็นว่าจำเป็น ผมเปรียบการปฏิบัติเหมือนการทำวิทยานิพนธ์ ผุ้ปฏิบัติเป็นนักศึกษา ครูอาจารย์เปรียบเหมือน อาจารย์ที่ปรึกษา นักศึกษาขยันอาจารย์ที่ปรึกษาเก่งและใส่ใจก็จะทำวิทยานิพนธ์ได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ผมเห็นว่าท่านควรหาครูอาจารย์ครับ แต่จะได้ครูอาจารย์ที่เก่ง สอนไม่ผิด มีเวลาใส่ใจผู้ปฏิบัติ อันนี้ก็ต้องขึ้นกับบารมีที่ได้สั่งสมมาด้วยครับ การหาครูอาจารย์ควรจะยึดธรรมที่ท่านแสดงเป็นสำคัญอย่าไปยึดในอิทธิปาฏิหารที่ท่านแสดง ผมเห็นว่าครูอาจารย์ที่เก่งนั้นควรจะแก้ปัญหาการปฏิบัติของผู้ปฏิบัติได้ดี ผู้ปฏิบัติมีความก้าวหน้า(ถ้าผู้ปฏิบัติตั้งใจ) สามารถหาสาเหตุของการปฏิบัติไม่ก้าวหน้าได้ ซึ่งในขั้นนี้การศึกษาทฤษฏีมาบ้างก็จะเป็นข้อมูลหนึ่งให้เราสามารถพิจารณาได้ว่าเราควรจะขอเป็นศิษย์ผู้ใดครับ ผมขอยกตัวอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ มีอุบาสิกาท่านหนึ่งอยากปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านแนะนำให้อย่าเพิ่งปฏิบัติให้กลับบ้านไปขอขมาบิดามารดาก่อน เนื่องอุบาสิกาท่านนี้เคยล่วงเกินบิดามารดาของตัวเองไว้มาก จิตเกิดความเศร้าหมองมากปฏิบัติอย่างไรก็จะไม่ก้าวหน้า เมื่ออุบาสิกาท่านนั้นกลับไปขอขมาบิดามารดาตัวเองแล้วมาปฏิบัติ ผลของการปฏิบัติก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ ความเห็นผมประมาณนี้ครับ เจริญธรรมครับ |
เจ้าของ: | murano [ 12 ต.ค. 2009, 20:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เด้กใหม่ใคร่รู้ |
ถ้าเปรียบกับการขับรถ จะทำอย่างไรดี... อ่านหนังสือสอนขับรถอย่างเดียว ศึกษาวิศวกรรมยานยนต์จนทะลุปรุโปร่ง หรือยังไงดี... อานาปานสติ ทำได้เลย ตั้งแต่วันนี้... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |