นิมิต คืออะไร ในหลักพุทธศาสนา

ตัวข้าพเจ้าเอง เกิดนิมิตหลายครั้งนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ค่อยมีความเข้าใจตามหลักพุทธศาสนา อย่างแท้จริง ถึงแม้จะรู้ว่า นิมิต มิใช่การฝัน มิใช่นอนหลับแล้วฝันไป แต่ก็ไม่สามารถอธิบายให้ท่านผู้สนใจใฝ่เรียนรู้ ใฝ่ศึกษา ได้เกิดความเข้าใจอย่าแท้จริงได้
เมื่อวานนี้ คือ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.ข้าพเจ้าได้อ่านในพระอภิธรรมปิฎก เรื่องของ สติปัฏฐาน ๔ จึงได้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในเรื่องเกี่ยวกับนิมิต
คำว่า "นิมิต" นั้น ตามพจนานุกรมหลายฉบับ ได้ให้ความหมายไว้ใกล้เคียงกันว่าหมายถึง สร้าง,แปลง,ทำ หรือ เครื่องหมาย,ลาง,เหตุ
ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว ลักษณะหรือสภาพสภาวะของนิมิต นั้น ก็คือ การที่บุคคลได้รับการสัมผัสจากอายตนะภายนอก คือ รูป ,รส,กลิ่น,เสียงแสงสี,โผฏฐัพพะ,ธรรมมารมณ์ แล้วจดจำไว้ สามารถระลึกนึกถึงได้ โดยยังคงสภาพเดิมแห่งการได้รับสัมผัส โดยมีได้ปรุงแต่ง เช่น เมื่อเห็น รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจดจำไว้ เมื่อภวังขณะ เกิดการระลึกนึกถึง ก็สามารถเห็นรูปที่ได้จดจำไว้นั้น โดยมิได้ปรุงแต่งเป็นอย่างอื่น อย่างนี้เป็นต้น
นิมิต จึงเป็นการรับสัมผัสจากอายตนะภายนอก แล้วจดจำนำมา คิดพิจารณา ทบทวน เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ อย่างละเอียด อย่างถ่องแท้
นิมิต ตามหลักพุทธศาสนา จึงไม่ใช่การนอนหลับฝัน แต่เป็นการเห็น เป็นการรู้สึก เป็นการรับรู้ เป็นการจดจำ และสามารถระลึกนึกถึงความจำเหล่านั้นได้ โดยไม่มีการปรุงแต่เป็นอย่างอื่น คือ เห็นอย่างไร สัมผัสอย่างไร ก็รับรู้ ก็ระลึกนึกถึงอย่างนั้น ถ้าระลึกนึกถึงแล้วเกิดอารมณ์หรือความรู้สึก ไม่นับว่าเป็น นิมิต เพราะได้ปรุงแต่ง ไปจากเดิม อย่างนี้เป็นต้น

อนึ่ง อาจมีผู้รู้ ผู้เข้าใจในเรือ่งของนิมิต แสดงความคิเห็นเพิ่มเติมได้ เพราะความเข้าใจของข้พาเจ้าอาจเขียนได้ไม่ละเอียดนัก แต่ก็คงเพียงพอต่อการทำความเข้าใจ ให้กับท่านทั้งหลาย เพื่อจักได้มีสติ มีสัมปชัญญะ ไม่หลงผิด ไม่สอนกันผิดๆ

ท่านว่า เกิดนิมิตหลายครั้งนับไม่ถ้วน ขอท่านบอกสักครั้งสิขอรับ เกิดนิมิตอะไร ยังไง

ฮั่นแน่ เข้ามาอยากรู้อีกแล้วเจ้าผู้ใช้ชื่อว่า กรัชกาย เอ้า จะบอกให้ เอาที่สำคัญๆนะ

ขณะที่ข้าพเจ้าอายุได้ ประมาณ 29 ปี เดินจากบ้านพักไปทำงาน พอเดินไปถึงใต้ต้น ฉำฉา ก็เกิดอาการที่คาดคิด มองไปรอบตัวไม่มีอะไรเลย เห็นมรรคมีองค์ ๘ ลอยอยู่ตรงหน้า มรรคที่ข้าพเจ้าสอนให้ ๔ คู่ ๘ ข้อนั่นแหละ ทั้งที่ข้าพเจ้าไม่ได้คิดอะไรเลย
ผ่านเลยมาอีก หลายปี ลาอุปสมบท พอครบกำหนด ลาสิกขา มาทำงานตามปกติ และหลังมารดาข้าพเจ้าเสียชีวิตไปแล้วประมาณ ไม่ถึงเดือน ข้าพเจ้า กำลังพูดคุยอยู่กับ เพื่อนรุ่นน้อง พอจะเกิดกลับไปที่กองบังคับการ ร่างกายของข้าพเจ้าก็กลายเป็นเด็กทารก ไม่นุ่งอะไรเลย และยังเดินไปตามดอกบัวที่ผุดขึ้นมา ขณะเดินอยู่ เดินไปได้สัก สามถึงสี่ก้าว ก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม

(โปรดกรุณาใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะบุคคล) อิ อิ อิ อิ

ฮั่นแน่... อิ อิ อิ อิ
อ๊ะ...ธ่อ เห็นแค่นี้เองเหร๋อ แค่เนี๊ย... เห็นตัวเองเป็นเด็กทารก ไม่นุ่งอะไรเลย...เนี๊ยนะ



อย่านะ คุณกรัชกาย อย่าแอบแซวเราในใจนะ
ว่าอะไรเป็นเหตุให้เรารู้สึกผิดหวังในเรื่องเล่าของเขา..

พอเดินไปถึงใต้ต้น ฉำฉา ก็เกิดอาการที่คาดคิด มองไปรอบตัวไม่มีอะไรเลย เห็นมรรคมีองค์ ๘ ลอยอยู่ตรงหน้า


ท่านขอรับ ข้างๆ ทางมีแต่ต้น ฉำฉา หรอขอรับ ไม่มีต้นไม้อื่นบ้างเลยหรอ เผื่อจะหาเพลงไตเติ้ลง่ายๆ หน่อย

เพลงใต้ต้นฉำฉาไม่มี

มีแต่เพลง "ใต้เงา (ต้น)โศก"

http://www.aelyodrak.com/admin/music_bo ... d_music=96

ต้นไม้อื่นก็ย่อมมี แต่ต้นฉำฉาเขาปลูกไว้สองข้างทาง สมัยก่อนเขาปลูกไว้เลี้ยงครั่งขาย
ต้นไม้อื่น ก็มี ดอกซอมพอ,ต้นคริสมาส อยู่หน้าโรงพยาบาล ต้นชโอม เขาปลูกขึ้นมาทีหลังไม่กี่ปีนี้แหละ
ต้นดอกอะไรนะ สีเหลือง คล้ายแตรเล็กๆ จำชื่อไม่ได้
มีเยอะแยะ

อิ อิ อิ มีเยอะแยะ เช่นเหาะไปเล่นกับนางฟ้า ตอนแรกก็นั่งคุยทางใจเพราะไม่มีเสียงเวลาที่ข้าพเจ้าพูดอยู่กับนางฟ้าบนก้อนเมฆ พอข้าพเจ้าคิดว่าจะเข้าไปกอดนางฟ้า เพราะนางฟ้าหลายองค์นั้น นั่งห้อมล้อมข้าพเจ้าอยู่ พอคิดแล้วก็อ้าแขนออกไปจะกอดนางฟ้า แว๊บ นางฟ้าลอยออกไปห่างจากตัวข้าพเจ้า ทันทีเลย ไม่ทันถึงตัวนางฟ้า และตัวข้าพเจ้าก็สะท้อนหรือกระเด็นกลับลงมาบนพื้นโลกเช่นเดิม
ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า บรรดานางฟ้า ก็สำเร็จธรรม ชั้นอรหันต์เป็นอย่างต่ำเช่นกัน มารู้ในตอนที่วิจัยค้นคว้าพบแล้วว่า อริยะบุคคลในแต่ละชั้น มีลักษณะแบบใด

ถ่ายรูปมาให้ดูได้ป่าวคะ

ที่บ้านก็มีอยู่ต้นนึงนะคะ คุณแม่ปลูก เคยถามคุณแม่ คุณแม่บอกว่า ต้นพวงทอง
สี่เหลืองสดใสเลย



โอย๋.. ทำไมท่านบุ่มบ่ามอย่างนั้นล่ะคะ
ไอ้ที่สะท้อนกระเด็นกลับลงมานี่... พอจะสังเกตทันรึเปล่าคะ
ว่า นางฟ้า เธอใช้ส่วนประกอบใดส่วนใดของกายทิพย์ทำให้ท่านกระเด็น

ลุง Bud แล้วเล่าต่อค่ะ กำลังสนุก

เอ๋ แล้วนี่ยังจัดอยู่ในประเภทนิมิตอยู่หรือคะ

หรือมันจัดอยู่ในหมวดอื่นไปแล้ว.... ลุง Bud อย่าหลอกนู๋สิ่

ข้าพเจ้ายังเด็กอยู่ ตอนกระเด็นลงมา มีแสงมีส้มอ่อน จะเรียกว่าสีแดงส้ม ผสมสีขาวนวล ผลักตรงส่วนอกของข้าพเจ้า ไม่เจ็บนะ รู้สึกว่านุ่มๆ อย่างไรพิกลแฮะ
รับรองข้าพเจ้าไม่ชอบ หลอกลวงใคร ไม่โกหกด้วย

ไอ้ที่กระเด็นหน่ะ จะกระเด็นเพราะคุณ..
หรือ กระเด็นเพราะ ลุง Bud กันหล่ะ...

นี่...ลุง Bud คิดประทุษร้าย เสี่ยวจิ้ง หรือ...
ไม่ม๊างงง...

อยากอยู่สองต่อสองกับลุง Bud ในกระทู้นี้ก็บอกตรง ๆ ก็ได้นี่
ไม่เห็นต้องมาไล่เราอย่างอ้อมค้อมเลย...


ลุง Bud เล่าไปนะคะ นู๋จะไปแอบนั่งอ่านอยู่ขอบเวทีก็ได้
เพราะใครบางคนไม่อยากได้ยินเสียงนู๋...

ก็ยังสงสัย...นี่ ช่วยไม่ได้



สงสัยข้อที่หนึ่ง
ที่ลุง Bud บอกว่า
นี่ที่ลุงเล่า ๆ มา ยังไม่มีความรู้สึก หรืออารมณ์ใด ๆ ยังไม่มีการปรุงแต่งใช่ป่าวคะ

สงสัยข้อที่สอง
ที่ลุง Bud บอกว่า มีแสงสีส้มอ่อน แดงส้ม ขาวนวล
ในนิมิตที่ลุงเคยเห็น มีแสงกี่สีคะ แล้วลุงรู้มั๊ยคะ ว่าแสงแต่ละสีเกิดขึ้นได้อย่างไร
และแสงแต่ละสีหมายความว่าไง

สงสัยข้อที่สาม
แล้วทำไมลุง Bud โดนแสงผลักแล้วไม่รู้สึกเจ็บล่ะคะ นุ่ม ๆ อีกต่างหาก
การที่ลุงถูกผลักกระเด็น มันต้องมีแรงกระทำสิ่
แต่แรงกระทำประเภทไหน... ส่งวัตถุให้กระเด็นออกไปไกลได้ โดยไม่ทิ้งรอยรอยให้วัตถุนั้น ๆ
ได้รับการกระทบกระเทือน

สงสัยข้อที่สี่
แล้วนอกจากแสงแล้ว ในนิมิตที่ลุง Bud เคยเห็นมีอุปกรณ์อย่างอื่นนอกจากแสงสีอีกรึเปล่าคะ

สงสัยข้อที่ห้า
นิมิตลุง Bud ลอยขึ้นไปบนเมฆ แล้วมีบ้างมั๊ยคะ ที่ลอยขึ้นไปสูงกว่านั้น

ตอบข้อที่หนึ่ง
การปรุงแต่มีหลายอย่าง การปรุงแต่งที่ไม่ใช่นิมิต คือ การปรุงแต่งที่นำเอาสิ่งที่พบเห็นมาสร้างเป็นเรื่องราวขั้น เช่น เห็นคนแก่เดิน,เห็นเด็กร้องเพลง,เห็นผู้หญิงเต้นรำ ก็นำเอาทั้ง ๓ อันมาปรุงแต่งผสมกันเป็นเรื่องราวขึ้นมา
การที่ข้าพเจ้าบอกว่าเป็นเด็กนั้น ความจริงแล้วบนโลกมนุษย์ ตอนนั้นข้าพเจ้า อายุประมาณ ๓๐ หรือกว่าเล็กน้อยแล้ว แต่ที่ลอยขี้นไปเล่นกับนางฟ้าอยู่นั้น หมายถึงตอนที่อยู่กับนางฟ้า ข้าพเจ้าเป็นเด็ก แสงที่มีผลักอกนั้นเป็นแสงวงกว้าง พอแสงถูกตัวปุ๊ป ก็ตกลงถึงพื้นปััป จึงสามารถรับรู้ความรู้สึกได้ เป็นแรงกระทำประเภท ลมผสมดิน ผสมไฟ
ตอบข้อที่ ๒
แสงสีที่เห็นในนิมิต นอกเหนือจากที่บอกไป ก็มีแสงจากเจดีย์จุฬามณี (จำชื่อไม่ค่อยได้) มีแสงสีหลายสี เอาเป็นว่า มีทั้งแม่สี และสีอื่นๆนอกเนหือจากแม่สีด้วย และสีแต่ละสีคงไม่มีความหมายอะไร น่าจะเกิดจากแสงสะท้อนมากกว่า

ตอบข้อที่ ๓
เป็นแรงกระทำของ ลมผสมดิน ผสมไฟ ส่วนจะผสมอย่างไรนั้น คุณต้องพิสูจน์ด้วยตัวของคุณเอง โดยการขับรถ เข้าไปใกล้รถ สิบหล้อที่กำลังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วพอประมาณ แรงกระทำจะประมาณนั้น คือใกล้เคียงกัน เพราะไม่สามารถอธิบายเป็นตัวอักษรได้ ครั้นจะทำให้คุณได้รู้ได้เห็น ก็คงจะยากนะ เพราะเป็นความลับ
ตอบข้อที่ ๔
ไม่เข้าใจคำถามของคุณ อุปกรณ์อะไร ถ้าจะกล่าวถึงอุปกรณ์ ก็มีแต่อุปกรณืของสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ เป็นคล้ายไฟฉายด้ามเล็กมีที่จับ และมีที่กั้นมือ พอเปิด(เข้าใจว่าเปิด) ก็มีแสงสีขาวออกน้ำเงิน พุ่งออกมา สามารถทำร้ายจนบาดเจ็บโดยไม่มีเลือดแม้แต่น้อย
ตอบข้อที่ ๕
ลอยไปสูงได้หลายแห่ง เช่น ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ไกลกว่าดวงอาทิตย์ สถานที่หนึ่ง เป็นคล้ายสวนดอกไม้ สว่างไสวโดยไม่มีดวงอาทิตย์

ขอโทษนะคะ เจ้านู๋ จำมัย สงสัย จริง ๆ
เพราะเจ้านู๋ ไม่เข้าใจนิมิต และเจ้านู๋ก็แยกไม่ออกจริง ๆ


เห็นเป็นภาพชัดเจนที่เห็นด้วยตาจริง ๆ หรือภาพซ้อนอยู่ในโสตประสาท คะ



ไม่ใช่ค่ะ คือไม่รู้จะเรียกยังไง
แบบอุปกรณ์อื่นอย่างเช่น สายฟ้าฟาด พระเพลิง อะไรประมาณนี้




ก็เคย ๆ ได้ยินคนเล่าทำนองนี้คะ และสงสัยจังค่ะ
ว่า จริง ๆ คนเราไม่อาจจะไปยังที่นั้น ๆ ได้ แล้วการเห็นเช่นนั้น มันมาปรากฎได้อย่างไรคะ
จริง ๆ ก็เคยฟังเรื่องราวทำนองนี้มาเยอะนะคะ
แต่ก็ไม่เคยเข้าใจได้สักที
เพราะเรื่องเล่าของแต่ละคนต่างก็มีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่พิเศษเฉพาะตนไป
และเรื่องเล่าของหลาย ๆ คน ก็ดันมีจุดที่เหมือนกันได้ ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างเห็น
แล้วคุณรู้เหตุผลที่คุณเห็นเช่นนั้นรึเปล่าคะ

คือถ้าเป็นเราที่เห็น เราคงสงสัยแย่เลย
ว่าไอ้การเห็นประมาณนี้ มันเป็นมาและเป็นไปเช่นไร
และการเห็นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เราควรจะพิจารณามันอย่างไรคะ

พอจะเล่าได้รึเปล่าคะ หรือว่ามันเป็นความลับอีก..

แล้วทำไมมันถึงได้ต้องเป็นความลับคะ
ทำไมจึงเป็นสิ่งที่เปิดเผยไม่ได้...