วันเวลาปัจจุบัน 26 มิ.ย. 2025, 04:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




001.jpg
001.jpg [ 22.09 KiB | เปิดดู 4384 ครั้ง ]
ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙ เป็นธรรมนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งธรรม]

ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙ เป็นธรรมนานัตตญาณอย่างไร


พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายอย่างไร


พระโยคาวจร.............

.....ย่อมกำหนดกามาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต

.....ย่อมกำหนดรูปาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต

.....ย่อมกำหนดอรูปาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต

.....ย่อมกำหนดโลกุตรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต ฯ


พระโยคาวจรย่อมกำหนดกามาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างไร




ย่อมกำหนดกามาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างนี้ ฯ

พระโยคาวจร.....

ย่อมกำหนด.....กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นฝ่ายกุศล

ย่อมกำหนด.....อกุศลธรรมบถ ๑๐ เป็นฝ่ายอกุศล

ย่อมกำหนด.....รูป วิบากและกิริยา เป็นฝ่ายอัพยากฤต



ยังมีต่อ


เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2009, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างไร ??

พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างนี้

ย่อมกำหนดฌาน ๔ ของบุคคลผู้ยังอยู่ในโลกนี้ เป็นฝ่ายกุศล
ย่อมกำหนดฌาน ๔ ของบุคคลผู้เกิดในพรหมโลก เป็นฝ่ายอัพยากฤต



พระโยคาวจรย่อมกำหนดอรูปาวจรธรรม เป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างไร ??

พระโยคาวจรย่อมกำหนดอรูปาวจรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างนี้

ย่อมกำหนดอรูปาวจรสมาบัติ ๔ ของบุคคลผู้ยังอยู่ในโลกนี้ เป็นฝ่ายกุศล
ย่อมกำหนดอรูปาวจรสมาบัติ ๔ ของบุคคลผู้เกิดในพรหมโลก เป็นฝ่ายอัพยากฤต


พระโยคาวจรย่อมกำหนดโลกุตรธรรม เป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างไร ??


พระโยคาวจรย่อมกำหนดโลกุตรธรรมเป็นฝ่ายกุศล เป็นฝ่ายอัพยากฤต อย่างนี้


พระโยคาวจร........

ย่อมกำหนดอริยมรรค ๔ เป็นฝ่ายกุศล
ย่อมกำหนดสามัญญผล ๔ และนิพพาน เป็นฝ่ายอัพยากฤต

(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2009, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ


เมื่อพระโยคาวจร.....

.....มนสิการโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
.....เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


เมื่อพระโยคาวจร.....

.....มนสิการโดยความ เป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
.....เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


เมื่อพระโยคาวจร.....

.....เมื่อมนสิการโดยความเป็นอนัตตาย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
.....เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น

(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2009, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการรูปโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการรูปโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการรูปโดยความเป็นอนัตตาย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


(ยังมีต่อ)


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2009, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการเวทนาโดยความไม่เที่ยงย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการเวทนาโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการเวทนาโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น

(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการสัญญาโดยความไม่เที่ยงย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการสัญญาโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการสัญญาโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น

(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ (ต่อ)




เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการสังขารโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการสังขารโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

เมื่อมนสิการสังขารโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


ยังมีต่อ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ (ต่อ)


เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการวิญญานโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการวิญญานโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

เมื่อมนสิการวิญญานโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหาราชันย์ เมื่อ 07 พ.ย. 2009, 21:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ (ต่อ)



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการจักขุโดยความไม่เที่ยงย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการจักขุโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

เมื่อมนสิการจักขุโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น

(ยังมีต่อ)


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ (ต่อ)



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการโสตโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการโสตโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการโสตโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


(ยังมีต่อ)


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 19:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการฆานโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการฆานโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการฆานโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น


(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการชิวหาโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการชิวหาโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการชิวหาโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการกายโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการกายโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการกายโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น




(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการมโนโดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการมโนโดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการมโนโดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น




(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2009, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมีความปราโมทย์เป็นเบื้องต้น ๙ ประการ



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการ ...ฯลฯ "ชาติ ชรา มรณะ"โดยความไม่เที่ยง ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการ ...ฯลฯ "ชาติ ชรา มรณะ"โดยความเป็นทุกข์ ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น



เมื่อพระโยคาวจร.....

มนสิการ ...ฯลฯ "ชาติ ชรา มรณะ"โดยความเป็นอนัตตา ย่อมเกิดปราโมทย์
.....เมื่อถึงความปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
.....เมื่อใจมีปีติ กายย่อมสงบ
.....ผู้มีกายสงบย่อมได้เสวยสุข
.....ผู้มีความสุขจิตย่อมตั้งมั่น
.....เมื่อจิตตั้งมั่น ย่อมรู้ย่อมเห็นตามความเป็นจริง
.....เมื่อรู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย
.....เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายความกำหนัด
เพราะคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น




(ยังมีต่อ)



เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร