วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 25, 26, 27, 28, 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ก็นั่งสมาธิตามปกติ

กำหนดรู้ กระดูก ฟัน ธาตุ ดินน้ำลมไฟ

มีการพิจารณา สมาธิ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปนาสมาธิ

พิจารณาสภาวะ ดูการเข้า การออก

ดูอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งครับ

แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ทุกอย่างต้องลงทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

มีอย่างหนึ่งมฝที่พิจารณาอีกเหมือนกันคือ การสละคืน

แต่ที่สำคัญคือ กุศล และ อกุศล

เราจะรักษากุศลให้ได้อย่างไร

เราจะกำกัดอกุศลที่เกิดขึ้นได้อย่างไร

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้จะเล่าประสบการณ์การทำสมาธิระหว่างการเดินครับผม

การทำสมาธิคือการตั้งจิตให้มีสติที่การเดิน
โดยรวมแล้วคือเดินก็รู้ว่าเดิน

ความหมายนี้คือเรากำลังอยู่อริยบทเดิน เราไม่ได้นั่งอยู่ เราไม่ได้นอนอยู่
แต่กำลังอยู่ในอริยบทเดินให้รู้โดยรวมๆก่อน

อย่างนี้คือสมาธิขั้น ขนิกสมาธิ

แต่เราจะใส่ธรรมะเข้าไปเสริมประการหนึ่งในการเดินเป็นไปเพื่อประโยชน์
คือการเดินด้วยการสำรวมอริยบทไม่เดินด้วยท่าทางยียวนหรือน่าหมั่นใส้แก่ผู้พบเห็น
เดินอย่างมีความสงบ ไม่มีอารมณ์แห่งความอึดอัดหรือไม่สบอารมณ์หากมีคนขวางหน้าหรือมีสิ่งกีดขวาง

อย่างนี้คือการใส่ธรรมะเข้าไปหรือเรียกว่ามีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลส

มาถึงการรู้ตัวพร้อมว่ากำลังเดินคือขนิกสมาธิคือสมาธิขั้นแรก

เมื่อมีความพร้อมอย่างนี้แล้วเราก็เข้าสู่สมาธิอีกขั้นคืออุปจารสมาธิคือความละเอียดของธรรม
ก้าวขวาก็รู้ว่าก้าวขวา ก้าวซ้ายก็รู้ว่าก้าวซ้าย
ก้าวสั้นก็รู้ ยาวก็รู้ เบาก็รู้ หนักก็รู้

ระหว่างการเดินย่อมมีการถอยเข้าถอนออกจากสมาธิเพราะกำลังสติ
เราก็ต้องพิจารณาว่า รู้เมื่อถอนออกรู้ตัวเมื่อเข้าสมาธิอย่างนี้เป็นต้นครับ

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2016, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คืนวันหนึ่ง
หลังจากอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน
จิตใจมันว้าวุ่น เรื่องจากมีเรื่องกังวลใจ
รู้ตัวเองว่า จิตใจที่ว้าวุ่นเนื่องจากเราไม่ปล่อยวางกับความคิด
จึงนั่งสมาธิตามปกติ แล้วตรวจสอบอารมณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
เราจะไปนั่งคิดว้าวุ่นแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไร
เราจะหาอุบายไหนดีที่จะสลัดความคิดนี้ไป

คิดแล้วก็เลยเผชิญหน้ากับอารมณ์นั้น
พิจารณาว่า มันอึดอัด คับแค้น มันสุมอยู่ที่อก มันพาให้มือไม้ปัดป่าย

พิจารณาอยู่ได้สักพัก บอกกับตัวเองว่า จะไม่ถอยหนี ไม่ยอมแพ้
หากไม่สงบใจลง จะไม่ล้มตัวนอน

รู้แต่เพียงว่า จิตจับอยู่ที่อารมณ์ว้าวุ่นนั้น จู่ๆ ก็เห็นความเสื่อมลงของอารมณ์
เห็นความแผ่วบางลง และเหมือนกับถึงจุดดับ เห็นการแตกสลายของอารมณ์นั้นต่อหน้า!!

ก็เลยบอกตัวเองว่า อย่าไปพิศวง อย่าไปสงสัยมาก จับตาดูตัวอารมณ์นี้ต่อไป
ก็เห็นการก่อตัวของอารมณ์ขึ้นมาใหม่ ดูต่อไปก็เกิดสภาวะแบบเดียวกัน
อารมณ์นั้นมันคับอกคับใจขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่อย่างนั้นสักพักก็แผ่วจางลงและดับแตกสลายไปต่อหน้า

จึงกำหนดรู้ซ้ำๆไปหลายต่อหลายครั้งก็เป็นลักษณะเดิม
ปรากฎเป็นความอัศจรรย์ใจอย่างมาก

นึกไม่ถึงจะมีโอกาสเห็นธรรมแบบนี้กับเขามั่ง
มีแต่อ่านจากหนังสือ

ต่อโอกาสหน้าครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2016, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การฝึก

มีสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึง

คำนึงเรื่องทุกข์

คำนึงเรื่องความเห็น

และคำนึงเรื่องความประพฤติ

ต้องไปพร้อมกัน

ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นขัดแย้งกัน

ไม่หลอมเป็นหนึ่งเดียว

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2016, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้เป็นช่วงโอลิมปิค

หลายๆคนใจจดใจจ่อกับรายการ

ผลการแข่ง นักกีฬา

ประเภท ประเทศที่ชื่นชอบ

และจำนวนเหรียญ

มีหลายอย่างที่จุดประกายเราเอง ไปถึงโอลิมปิคได้นั้น ต้องมีทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่ง

เป็นความใผ่ฝันของคนทั้งโลก

ย้อนมาดูเรา ชาตินี้เราอาจจะไม่มีโอกาสเป็นนักกีฬาไปแข่งขัน

แต่ชาตินี้ทั้งชาติเรากำลังดำเนินการแข่งขันอยู่แล้ว กับตัวเราเอง

แม้อาจจะไม่มีใครรู้ เราเองที่รู้ว่าเรากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่เช่นกัน

คือการสู้กับกิเลสตัวเองนั่นเอง

ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2016, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฎิบัติธรรมนั้น ไม่มีวันหยุด ไม่มีเสาร์อาทิตย์
ไม่ว่าเราจะเหนื่อยจากการทำงานทางโลกมากแค่ไหน
ก็ต้องปันเวลาให้กับทางธรรม
คือตั้งจุดมุ่งหมายว่า ต้องนั่งสมาธิทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว
เป็นการเข้าไปทำงานกับตนเอง
เหมือนทำงานข้างนอก ทำไปสักพักก็เป็นงาน นานๆเข้าก็สั่งสอนผู้อื่นได้
ในทางธรรมก็เช่นเดียวกัน ไปไปทุกวัน นานๆเข้าจะเริ่มสังเกตุและพิจารณาธรรมต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
ทีนี้ประโยชน์ก็มากล้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2016, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การนั่งสมาธิ ให้อยู่กับกายใจ คือไม่ส่งจิตออกนอก

การไม่ส่งจิตออกนอกคือ รู้เหตุปัจจัยของขันธ์ที่กำลังดำเนินไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2016, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตื่นเช้าขึ้นมาจำเรื่องราว บางทีเราฝันไปต่างๆ ช่วงจังหวะลืมตาตื่น ผมชอบพิจารณา ไม่ใช่พิจารณาเรื่องราวว่าฝันอะไรไปบ้าง ที่พิจารณาคือเรากำลังเห็นอารมณ์ตัวเองเด่นชัดในเรื่องการเข้าไปยึดถือความฝัน ผมจะพิจารณาว่าไร้สาระแก่นสารไม่ตรงสภาสะความเป็นจริงตอนนี้ นี่ไง! เรากำลังนอนราบอยู่บนเตียง ไม่ได้ไปสังสรรเฮฮา หรือ วิ่งหนีอะไรสักอย่าง หรือกำลังทำงาน มันทำให้เราเหนื่อยกายไปด้วย เราก็กำหนดรู้สภาวะความเป็นจริงตรงหน้าว่านอนราบอยู่ กำมืออยู่ ขาเหยียดตรงอยู่ เป็นการฝึกละอารมณ์ในวันใหม่ของวันอีกแบบหนึ่งครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2017, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เช้าตรู่วันนี้ ลืมตาตื่นขึ้นมาประมาณตี4ครึ่ง
นอนกำหนดรู้กายหรือธาตุ4ลงทุกขังไปได้สักพักจนเวลาถึงตี5
จึงได้นั่งขึ้นเพื่อทำสมาธิต่อ
นั่งกำหนดยุบพองของท้องจากลมหายใจลงทุกขัง
พิจารณาลงอนิจจังคือความไม่เที่ยงหากไม่หายใจแล้วปัจจัยแห่งการดำรงชีวิตของร่างกายคงจะถึงความพินาศ
แล้วพิจารณาธรรมทั้งปวงลงอนัตตา ชีวิตดำเนินไปตามเหตุปัจจัยเราเป็นเจ้าของชีวิตนี้เพียงแค่เหตุปัจจัยแห่งกรรม เราไม่ได้ยืมร่างกายมา แต่เพราะอำนาจกรรมนั้นสร้างเหตุปัจจัยให้ปรากฎขึ้นเพราะอวิชชา
เมื่อตายลงเหตุปัจจัยแห่งกรรมสลายลงตามอายุขัย
สักพักก็เกิดความสงบขึ้น ปล่อยวางเหตุรุมร้อมของนิวรณ์ เริ่มปรากฎความไม่เป็นของเรา แต่เป็นก้อนทุกข์ที่เป็นเพียงเหตุปัจจัยดำรงอยู่
เริ่มปรากฎแสงสว่างดวงเล็กๆนวลใสขึ้นจากจิตแล้วค่อยๆสลายไปต่อหน้าซำ้แล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง
เป็นแค่นิมิตนั่นเอง เพราะอำนาจของจิต
สักพักก็ถอนจากสมาธิเอนตัวลงนอนพักผ่อนจนถึงรุ่งเช้า
ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ปีใหม่ได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัด
ฟังพระสวดเพล ก็ตั้งใจฟังด้วยอาการสงบ พร้อมพนมมือหลับตา
จังหวะของเสียงสวดได้กระทบเข้ามาในโสต ก็ตั้งใจกำหนดรู้
รู้ทุกจังหวะกระเพื่อม คือธรรมนั้นอยู่ข้างใน ไม่ได้อยู่ข้างนอก
จนพระสวดเพลเสร็จก็ถือน้ำที่กรวดตอนแรกไปราดโคลนต้นไม้
รู้สึกถึงความเป็นสมาธิที่ยังค้างอยู่อย่างชัดเจน
ในเวลาไม่ถึง5นาที ก็เป็นประสบการณ์อีกแบบหนึ่งเอามาเล่าสู่กันฟังครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2017, 04:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อตอนเช้าได้นั่งสมาธิมีความคิดว่าจะกำหนดให้เป็นรูปญาณและอรูปญาณตามลำดับ
ก็นั่งสมาธิไปเรื่อยๆจนเริ่มสงบลง เริ่มปรากฎชัดของธรรมต่างๆ
แต่พิจารณาอย่างไรก็ไม่ลงรูปญาณและอรูปญาณ จิตบอกตลอดว่านี่คือทุกข์ ทุกข์ล้วนๆ ความบีบคั้น
ต่างๆนั้นล้วนเป็นทุกข์ มันมีแต่ความน่ากลัว เห็นทุกข์ที่ปรากฎเป็นของน่ากลัว ไม่น่าครอบครอง อยากพ้นจากทุกข์นี้
ก็กำหนดรู้ไปเรื่อยๆ รู้สึกถึงอารมณ์ที่ปรากฎออกมาในเรื่องของความไม่ยึดถือ
ต่อโอกาศหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2017, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป็นไข้อย่างหนัก ตัวหนาวสั่น กินยาไปทุกวัน ตกดึกปวดหัวอย่างหนัก และฝันเลาะเทอะ
พยายามที่จะกำหนดรู้ก็ทำได้ยากมาก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันเหมือนกับว่ามีแรงดูดให้จิตจับอยู่ที่จิตหลอนนั้นทั้งๆที่ตื่นอยู่ ร่างกายก็ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ จิตมันจับที่กายไม่ได้เลย แต่ภาพหลอนมันแสดงตลอด
วันนี้ค่อนทุเลาลง นั่งสมาธิได้
ต่อโอกาสหน้าครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2017, 23:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิิบัติรู้รูปนามเมื่อผ่านสภาพเปลี่ยนแปลง เป็นปกติ ก็จะคลายออกของพลังที่สะสมที่เป็นทุกขัง เจ็บ ปวด เหนื่อย ร้อน ชา ความกลัว เบื่อหน่าย ล้วนเป็นการคลายของสังขารที่เคยปรุงไว้ทั้งทางกายและใจ สมาธิจะค่อยๆ มีกำลังขึ้น จนเลยทุกขัง ก็จะเข้าสู่อนัตตา กำหนดได้คล่องสบายๆ จนดับรอบ
ถึงเวลานั้นสัมมาสมาธิระดับฌานจะเกิดขึ้นเอง อย่าลืมสัมมาสมาธิเป็นผล จะหวังผลไม่ได้ถ้าไม่่สร้างเหตุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2017, 20:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


suttiyan เขียน:
การปฏิิบัติรู้รูปนามเมื่อผ่านสภาพเปลี่ยนแปลง เป็นปกติ ก็จะคลายออกของพลังที่สะสมที่เป็นทุกขัง เจ็บ ปวด เหนื่อย ร้อน ชา ความกลัว เบื่อหน่าย ล้วนเป็นการคลายของสังขารที่เคยปรุงไว้ทั้งทางกายและใจ สมาธิจะค่อยๆ มีกำลังขึ้น จนเลยทุกขัง ก็จะเข้าสู่อนัตตา กำหนดได้คล่องสบายๆ จนดับรอบ
ถึงเวลานั้นสัมมาสมาธิระดับฌานจะเกิดขึ้นเอง อย่าลืมสัมมาสมาธิเป็นผล จะหวังผลไม่ได้ถ้าไม่่สร้างเหตุ


อนุโมทนาครับ

จริงอย่างมากเลยครับคุณsuttiyan
จะหวังผลไม่ได้ถ้าไม่สร้างเหตุ

เป็นคำพูดที่ลึกซึ้งและตรงต่อจุดมุ่งหมาย

เมื่อพิจารณาแล้วจะรู้ว่าเหตุที่ว่าคือ โพธิปักขิยธรรม นั่นเอง หรือธรรมอันเป็นเครื่องพัฒนาสู่ความดับทุกข์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 25, 26, 27, 28, 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร