วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 22:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ท่านอาจารย์มหาราชันย์ และท่านอาจารย์ murano (ขอดื้อเรียกท่านอาจารย์
อยู่ได้ไหมคะขอสมัครเป็นลูกศิษย์คนแรกของอาจารย์ก็แล้วกันถึงแม้วัยวุฒิของอาจารย์
จะน้อยกว่าลูกศิษย์ก็ตามแต่คุณวุฒิของอาจารย์เหนือกว่าอยู่แล้วอย่างที่เห็นๆ น่ะค่ะ ถ้าไม่ได้อย่าง
ไรทักท้วงมาอีกทีนะคะ)

ที่อาจารย์มหาราชันย์สอน
มาคันทยะพราหมณ์ และมาคันทยะพราหมณีปฏิบัติตามคาถาบทนี้ แล้วบรรลุอนาคามีผลครับ
คาถบทนี้จึงน่าขะเหมาะกับคุณศรีวรรณ์ ไคร้งามที่ชอบเจริญอาการ 32 ครับ


ขอบพระคุณค่ะ จะนำคำสอนนี้ไปปฎิบัติค่ะ

ที่อาจารย์ murano สอน
ก็ดูกลุ่มแสงไปเรื่อยๆ แหล่ะนะ จนกว่าจะไม่มีอะไรปรากฎอีก

เพื่อความเข้าใจ จะอธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อย...
ที่แนะนำให้ทำสมถะ จุดมุ่งหมายคือ เพื่อให้รู้ว่า ความสงบ เป็นอย่างไร


รับคำสอนและจะนำไปปฎิบัติค่ะ และที่อาจารย์สอน
การพิจารณาทั้งหลายที่ทำมานั้น เป็นเบื้องต้นที่จะนำจิตให้เข้าสู่สมาธิ และยังเป็นการละกิเลสอย่างหยาบ (ในความหมายว่า ความรู้สึกอยากได้ใคร่มีที่รุนแรงและเด่นชัด) เมื่อสามารถเข้าสมาธิได้ดีแล้ว และลดละกิเลสอย่างหยาบได้แล้ว ก็สมควรจะใช้วิธีอื่นเพื่อก้าวต่อไป

พึงสังเกตไว้ว่า การลดละกิเลสอย่างหยาบ คือการสร้างอารมณ์เบื่อหน่าย หรือสลดสังเวช ส่วนการลดละกิเลสอย่างละเอียด ต้องใช้การเห็นจริง และจะ ไม่มีอารมณ์หดหู่หรือเบื่อหน่าย แต่อย่างใด (เป็นอุเบกขา) คุณอาจจะกลับมาแต่งตัวสวยๆ อีก แต่จะไม่มีความรักสวยรักงามแบบเดิมๆ อีกต่อไป
(กิเลสอย่างละเอียดนี้ เราหมายความถึง อารมณ์ที่ไม่เด่นชัด หรืออีกนัยหนึ่ง แทบจะแฝงมาเป็นเนื้อเดียวกับความคิด)

การจะเข้าถึงการเห็นจริงนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำใจให้สงบ ไม่อย่างนั้นจะแยกแยะสิ่งที่ไม่สงบไม่ออก...
เห็นด้วยค่ะ เรื่องนี้เป็นปัญหากับตัวดิฉันเองพอสมควร อย่างนั้นขออนุญาตเล่าค่ะ(มีต่อค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุผลในการปฎิบัติสมาธิภาวนามีสาเหตุดังนี้ค่ะ
1. ขณะอายุ 20 ปี กำลังเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจ.พิษณุโลก ฝันเห็นน้องชายขับรถเมล์
ของพ่อไปชนผู้ชายขับมอเตอร์ไซด์หัวพาดไปอยู่คูน้ำ กลับบ้านตอนปิดเทอมเหตุการณ์เป็นไป
ตามนั้น เริ่มรู้ว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นได้
2. ขณะอายุ 26 ปี วันที่นั่งทำรายงานในห้องสมุดที่กรุงเทพฯ มีพระไตรปิฎกวางอยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว
เปิดอ่านดู 2 ตอนเพราะว่างขณะนั้นไม่เข้าใจอะไรเลย
3. ขณะอายุ 30 ปี เพื่อนแนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งเขาบอกว่าเขานั่งสมาธิมาประมาณ 20 ปีแล้ว
เขาว่าเราจิตใสคืนนี้จะมาหา เราก็ไม่เชื่อเพราะเขาไม่รู้จักที่คอนโดของเราแต่พอเวลาตี 3 ตกใจ
ตื่นจากนอนหลับเพราะเห็นของหล่นลงตรงหน้าขณะฝัน เลยเข้าห้องน้ำล้างหน้าปรากฎภาพมัวๆ
ขาวๆ กรอบรอบหน้าของผู้ชายคนนั้นพร้อมคำแนะนำเรื่องชาติภพของเรา ไม่สนใจยกมือไหว้
ขอเขาอย่ามายุ่งมาเกี่ยวกับเราอีกเลยไม่อยากทราบอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตแต่อย่างใด มีแต่
ความรู้สึกกลัวกับตกใจอย่างที่สุดในชีวิตอย่างเดียว วันรุ่งขึ้นไปค้นงานหลวงพ่อจรัญ และงาน
ของท่านพุทธทาส มาอ่านจึงโมเมพอเข้าใจไปบ้างและเริ่มนั่งสมาธิครั้งแรก ปรากฎว่ามีแต่ภาพ
ไหลมาเยอะแยะเลยเลิกนั่งและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้าง
4. ต่อจากนั้นอีกเรื่อยๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้นั่งสมาธิก็เห็นเหมือนคนยืนอยู่มีเสื้อผ้าครบและหายไป อยู่
2 ครั้งแต่ไม่ใช่คนเดิม ขึ้นบนรถทัวร์เดินทางไปกรุงเทพฯ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่ตลอดพอหลับไป
ฝันเห็นคนมาเล่าว่าเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายมากในฝันถึง 3 ศพ ก็สัญญาว่าจะใส่บาตรให้ก็ตกใจ
ตื่นพอถึงกรุงเทพฯ ก็ไปใส่บาตรให้
5. ก่อนการนั่งสมาธิวันเข้าพรรษาที่ผ่านมานี้เกิดอาการแปลกๆคือ ได้ยินเสียงคนเขาคุย
กันไกลๆ บ่อยๆ ก็คิดว่าตัวเองคงบ้าเลยไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อขอรับการรักษา คุณหมอ
ท่านคุยด้วยท่านไม่ให้ยาและบอกว่าดิฉันไม่ได้บ้าแต่อย่างใด คนบ้าต้องควบคุมสติไม่ได้ไม่รู้ตัวว่า
ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดิฉันก็เลยเชื่อคุณหมอและหาหนังสือธรรมะมาอ่านอีกได้ของพระอาจารย์
ท่านหนึ่งจำชื่อไม่ได้ค่ะ ท่านอธิบายเรื่องสมาธิเรื่องเสียงต่างๆ ก็เลยหันมาอ่านพระไตรปิฎกอีกครั้ง
และเริ่มทำสมาธิ โดยไม่หวังอะไรเลย มาอ่านพระไตรปิฎกเพราะอยากหาคำอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
การปฎิบัติธรรมโดยไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ใช้เท่าทีมีและไม่แต่งตัวเพราะเห็นองค์คถาคถสอน
เกี่ยวกับการละอาสวะ(ใช่หรือไม่ถ้าผิดช่วยแก้ให้ด้วยค่ะ) ด้วยการละเว้น ด้วยการประทังฯลฯ ก็เห็นด้วย
และปฎิบัติโดยไม่เห็นว่าคนอื่นไม่ทำก็ไม่ได้ผิดแต่เราอยากจะทำเพราะเชื่อในคำสอน เรื่องนี้เป็นข้อ
ปฎิบัติที่ปฎิบัติตามได้ง่ายที่สุด มีความสุขที่ได้ปฎิบัติและไม่เกิดทุกข์ใดๆ อีกทั้งไม่ได้มุ่งหวังเพื่อผล
ของการปฎิบัติอื่นแต่อย่างใดมีเพียงอย่างเดียวคือเห็นด้วยกับพระธรรมเท่านั้น (มีต่อค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
เหตุผลในการปฎิบัติสมาธิภาวนามีสาเหตุดังนี้ค่ะ

.......


เข้าใจความรู้สึกของคุณจริง ๆ เลยยยย..... :b20: :b20:

โดยเฉพาะตอนที่คุณเล่าว่า....

"...ก็คิดว่าตัวเองคงบ้าเลยไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อขอรับการรักษา คุณหมอ
ท่านคุยด้วยท่านไม่ให้ยาและบอกว่าดิฉันไม่ได้บ้าแต่อย่างใด คนบ้าต้องควบคุมสติไม่ได้ไม่รู้ตัวว่า
ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่..."


:b20: :b20:

ขอบอก...เรา...อยากจะให้กำลังใจคุณมาก ๆ ... มากสุดหัวใจเลย..
มากเกินกว่าที่จะมีคำพูดใด ๆ มากล่าว...
เพราะเรา... ก็เคยรู้สึกอยากเข้าศรีธัญญา.......

ขอ :b8: :b8: กับการตั้งกระทู้ของคุณค่ะ...
ตอนที่นั่งอ่าน...เราก็รู้สึกอยู่ว่าคุณต้องมี...สภาวะบางอย่าง... อย่างว่า

ท่านอาจารย์ทั้งหลาย ช่วยดูแลเพื่อนธรรมท่านนี้...อย่างดีด้วยนะคะ...

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 25 ธ.ค. 2009, 16:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอบอก...เรา...อยากจะให้กำลังใจคุณมาก ๆ ... มากสุดหัวใจเลย..
มากเกินกว่าที่จะมีคำพูดใด ๆ มากล่าว...
เพราะเรา... ก็เคยรู้สึกอยากเข้าศรีธัญญา



"เฝ้าไข้ใกล้เตียง" :b20:

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=4258

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 ธ.ค. 2009, 17:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับเรื่องทานเจ ที่ยังทานอยู่เป็นเพราะชอบทานผักและผลไม้อยู่แล้ว ดิฉันทราบว่าเนื้อที่เราไม่ได้ฆ่า
เนิ้อที่เราไม่ได้ยินไม่ได้เห็น และเนื้อที่เราไม่รังเกียจทานได้ แต่เรื่องสั่งปลามาขาย
ตอนแรกมีปัญหามากเพราะดิฉันไม่สั่งมาขายเลยถ้าไม่มีปลาที่ตายเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งลูกค้า
หายไปๆ ถ้าต้องปิดร้าน ตัวดิฉันเองไม่กระทบกับอะไรเพราะคุณพ่อคุณแม่มีการค้าอื่นที่ทำให้อยู่ได้
อยู่แล้ว แต่พนักงานหลายสิบชีวิตจะทำอย่างไร ที่ร้านให้เงินเดือนพนักงานมากกว่าที่อื่นๆ พอสมควร
เพราะดิฉันสงสารพวกเขาพวกเขาบางคนสามารถเลี้ยงพ่อแม่อายุ 70 กว่าได้ เด็กสาวหลายคนสามารถ
ส่งเสียตัวเองเรียนได้ มีรายหนึ่งมาทำงานด้วยตั้งแต่อายุ 16 ปัจจุบัน 19 แล้วส่งตัวเองเรียนด้วย
ส่งเงินให้แม่ด้วย รายนี้ดิฉันช่วยข้าวสารประจำ สุดท้ายดิฉันก็เลยสั่งปลามาขายตามปกติแล้วค่ะ
ดิฉันสามารถวางอุเบกขาในเรื่องนี้ได้แล้ว (มีต่อค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเรื่องการปฎิบัติเพราะอยากได้ผลการปฎิบัติไม่ใช่เลยค่ะ ในความเป็นจริงตัวดิฉันเคร่งครัดใน
เรื่องศีลเพราะเห็นด้วยกับพระธรรม ดิฉันอยากบวชมานานแล้วค่ะ มิใช่ปฎิบัติเพื่อสมาธิที่ดี หรือ
เพื่ออย่างอื่น การที่เขียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาจารย์อ่านก็เพราะว่า อาจารย์คิดว่าภาพที่เกิดขึ้น
อาจเป็นการสร้างภาพของดิฉันเอง ดิฉันเลยเขียนให้อ่านเพื่ออาจารย์จะได้มีข้อสรุปที่ชัดเจนขึ้น
น่ะค่ะ

ขอให้พิจารณาให้ด้วยค่ะ
ถ้าอย่างไรฟันธงมาได้ค่ะรับได้ค่ะดิฉันจะได้ดูแลตนเองได้น่ะค่ะ
ขอบพระคุณอย่างยิ่งค่ะ
ศรีวรรณ์ ไคร้งาม

ปล. สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์กรัชกราย แอบเป็นลูกศิษย์อาจารย์อยู่บ่อยๆ ถ้าอย่างไรช่วยวิเคราะห์
ให้ด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากที่ถามอาการไข้มา ที่นี้เป็นกันเยอะมากค่ะ อากาศเปลี่ยนน่ะค่ะ
ตอนนี้ดิฉันหายแล้วค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เมื่อ 25 ธ.ค. 2009, 18:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปล. สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์กรัชกราย แอบเป็นลูกศิษย์อาจารย์อยู่บ่อยๆ
ถ้าอย่างไรช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากที่ถามอาการไข้มา ที่นี้เป็นกันเยอะมากค่ะ อากาศเปลี่ยนน่ะค่ะ
ตอนนี้ดิฉันหายแล้วค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ


สวัสดีครับคุณศรีวรรณ์ :b8: :b20:

เห็นที่คุณเรียกกรัชกายว่าอาจารย์ เลยต้องกลับไปทบทวนกระทู้เก่าของคุณ

viewtopic.php?f=2&t=25774&st=0&sk=t&sd=a

ว่าตนเองได้เคยให้คำแนะนำอะไรคุณไว้บ้างหรือไม่ ไม่มีครับ ไม่มีชื่อกรัชกาย :b1:

ส่วนบทความที่กรัชกายลงไว้ ใครๆก็อ่านได้อ่านแล้วเก็บสารัตถะไปต่อประโยชน์ให้ตนของตนได้

ก็อนุโมทนาครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์


ส่วนกระทู้นี้รัชกายก็ไม่ได้ติดตามมาแต่ต้น เพราะเห็นเหล่าอาจารย์ผู้ทรงธรรมต่างก็ช่วยกันวิเคราะห์ช่วยเหลือ

คุณอยู่หลายคนแล้ว ดังที่ปรากฏชื่ออยู่แล้วนั้น

มากันครบหมดแล้วครับ :b1: :b12:

คิดว่า คืนนี้ ท่านคงจะช่วยกันแนะนำทางรอด (นิสสรณะ) ให้คุณ เพราะว่าคุณเปิดอกเปิดใจเล่า

ข้อมูลจนหมดแล้วใช่ไหมครับ


ส่วนกรัชกายเองขอฟังเพลงอยู่ใกล้ๆเตียงคนไข้ ดูๆ เขาไปก่อนนะครับ

(เปลี่ยนเวอร์ชั่น)

http://www.esnips.com/doc/4c29fc82-ca47 ... 2%E0%B8%87

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 ธ.ค. 2009, 07:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


พรุ่งนี้ค่อยมานะ พอดีวันนี้กลับมาค่ำนิดหนึ่ง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2009, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ในกาลทุกเมื่อ
มีปัญญา มีใจตั้งมั่นดีแล้ว
ปรารภความเพียร มีตนส่งไปแล้ว
ย่อมข้ามโอฆะที่ข้ามได้ยาก
เขาเว้นขาดแล้วจากกามสัญญา
ล่วงรูปสัญโญชน์ได้
มีภพเป็นที่เพลิดเพลินสิ้นไปแล้ว
ย่อมไม่จมในห้วงน้ำลึก ฯ




ตัณหาเป็นกระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์
กระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์เหล่าใดในโลก

สติ เป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น.
เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย
กระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์เหล่านี้อันปัญญาย่อมปิดกั้นได้.





เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ขอบอก...เรา...อยากจะให้กำลังใจคุณมาก ๆ ... มากสุดหัวใจเลย..
มากเกินกว่าที่จะมีคำพูดใด ๆ มากล่าว...
เพราะเรา... ก็เคยรู้สึกอยากเข้าศรีธัญญา


"เฝ้าไข้ใกล้เตียง" :b20:

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=4258
.
.
.
ส่วนกรัชกายเองขอฟังเพลงอยู่ใกล้ๆเตียงคนไข้ ดูๆ เขาไปก่อนนะครับ





:b46: :b42: :b46: จานป้อ... แบบว่า ไบกอน..ฟังเพลงนี้ :b46: :b42: :b46:
:b46: :b42: :b46: แล้วรู้สึกว่า...ไบกอนมีความหวังที่จะตายมากกว่าอยากรอดน่ะ... :b46: :b42: :b46:



รูปภาพ

:b46: :b42: :b46: เปลี่ยนเพลงได้ป่าว... :b46: :b42: :b46:





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Nice_Photo31.jpg
Nice_Photo31.jpg [ 74.37 KiB | เปิดดู 6169 ครั้ง ]
เอรากอน เขียน:

จานป้อ... แบบว่า ไบกอน..ฟังเพลงนี้
แล้วรู้สึกว่า...ไบกอนมีความหวังที่จะตายมากกว่าอยากรอดน่ะ [/color]

เปลี่ยนเพลงได้ป่าว...


ไงไบกอนเป็นงั้นล่ะขอรับ ซึ้งมากหรือไง

รอหมอก่อนคืนนี้คงทยอยๆ กันมา มีแพทย์หญิงด้วยนะ :b20:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 ธ.ค. 2009, 08:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณ murano
เช้านี้ทานข้าวกับอะไรค่ะ ดิฉันทานฉู่ฉี่ปลาดุกและปลาทะเลทอดค่ะ ขอบพระคุณที่แนะนำค่ะ
เมื่อคืนนี้นั่งสมาธิเวลา 24.00 น. ตามแบบที่สอนมา ผลมีช่วงหนึ่งรู้สึกว่ามือหายไปทั้งสองข้าง ก็ขยับ
นิ้วมือปรากฎว่ายังอยู่ค่ แต่เรารู้สึกไปเองเท่านั้น อีกช่วงหนึ่งรู้สึกไม่มีลมหายใจเลย ก็เลยพยายามสูดลม
หายใจลึกๆ เพื่ดเรียกลมและดูดลมเข้า-ออก ต่อไปค่ะ เลิกนั่งเวลา 24.50 น.พอดี
วันนี้ปรากฏว่าเป็นเหน็บชาอยู่เหมือนเดิมจะให้คิดเกี่ยวกับเหน็บชาว่าอย่างไรดีค่ะ กรุณาสอนด้วยค่ะ
จะขอลา อาจารย์ทุก ๆ ท่านเพื่อพักเล่นกับหลานซัก 10 วัน นะค่ะ วันนี้หลานสองคนกำลังเดินทางมาจากรุงเทพฯ ค่ะ แล้วจะเขียนรายงานผลการปฏิบัติมาให้อาจารย์ทุก ๆ ท่านแนะนำอีกค่ะ
สำหรับคำแนะนำเมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่ได้อ่านยังไม่สบายอยู่จะอ่านทีหลังนะค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ


(มีต่อค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2009, 17:47
โพสต์: 58

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled21.bmp
untitled21.bmp [ 342.24 KiB | เปิดดู 6141 ครั้ง ]
เนื่องในโอกาส ส่งท้านปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2553
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้อาจารย์ ทุกๆ ท่าน
และทุก ๆ ท่านในเว็บนี้ มีความสุข ความเจริญ สมหวัง ทุกประการด้วยเทอญ


ศรีวรรณ ไคร้งาม
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็... พื้นฐานดีนะ สิ่งที่เล่ามา หากเกิดจากการทำสมาธิ เขาจะเรียกว่า ทิพยจักษุและทิพยโสต :b6: :b6: :b6:

เรื่องของโอปปาติกะ คงต้องบอกว่า...
ว่ากันตามจริง ผีผู้ตายนั้น ไม่มี แต่จะมีโอปปาติกะอื่นๆ มาแกล้งบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้เราทำบุญให้
การทำสมถะจะมีประโยชน์ในแง่นี้เป็นผลพลอยได้ คือเป็นการเพิ่มบารมี (กำลังจิต) หากมีบารมีมาก ก็จะไม่ค่อยถูกรบกวนจากพวกนี้ แต่จะมีโอปปาติกะอีกกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งมีบารมีสูงกว่า) เข้ามาดูเราแทน... (บางคนเรียกว่า มีเทพมารักษา) เวลาทำสมาธิ ก็แผ่เมตตาให้เขาด้วยละกัน เขาอุตสาห์มาดู อิอิ
ส่วนคำที่ใช้ ก็ตามชอบตามสะดวก

ที่ไม่ฟันธงว่า นิมิตที่คุณวรรณ์เห็นคืออะไร เพราะปกติ ถ้าเราสร้างนิมิตใดเป็นประจำ มันก็มีโอกาสที่นิมิตนั้นจะปรากฎออกมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้าเรามีความสงบมากพอ จนไม่มีนิมิตใดๆ เกิดขึ้นอีก เราก็พอจะแน่ใจได้ว่า นิมิตที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะเป็นจริง

ส่วนการใช้ชีวิตในโลกนั้น บางทีก็ต้องชั่งน้ำหนัก อย่าเถรตรงจนเกินไป การขายปลาเป็น อาจถือเป็นมิจฉาตามตำรา แต่ในโลกยุคปัจจุบัน การจะดำรงชีวิตให้ สัมมา เสียทุกอย่างนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฆราวาส


มาถึงการปฏิบัติต่อ... จริงๆ การทำสมาธินั้น ยากนักที่จะบอกว่าควรทำยังไง เพราะจริงๆ มันขึ้นอยู่กับเราว่า ทำแบบไหนแล้ว มันลื่นไหลดี บางคนอาจทำอานาปานสติไปตลอด บางคนอาจใช้การดูกลุ่มแสง บางคนอาจใช้การสวดมนต์ในใจ ส่วนเรา... ใช้วิธีนอกตำราแบบสุดๆ คือ ฟังเพลงสวด อิอิ
แต่โดยทั่วไป เราจะแนะนำให้ดูแสงที่ปรากฎเป็นหลัก เพราะเราจะมีจุดสนใจอยู่ที่จุดเดียว คือที่แสง

ที่สำคัญคือ... อย่าสงบตลอดเวลา เมื่ออยู่นอกเวลาการทำสมาธิ ก็ให้ใช้ชีวิตไปตามปกติ
ความสงบในสมาธิ จะค่อยๆ ตัดความไม่สงบนอกสมาธิไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย โดยที่เราไม่รู้ตัว


ปล. เรื่องอาการเหน็บชานั้น เป็นเรื่องของท่านั่งและการลงน้ำหนัก ลองขยับๆ ถ้าหาท่านั่งที่ลงตัวได้ จะไม่เป็นอีก ที่บางคนว่า หากได้ฌาณแล้ว จะไม่เหน็บนั้น ไม่จริงหรอก แต่ที่จะเป็นคือ ตอนนั่งไม่รู้ แต่พอเลิกนั่งก็แทบพิการเลย อิอิ
ปล 2. อย่าพยายามรักษาใครโดยไม่จำเป็น ยกเว้นคนที่มีกรรมร่วมกันมา เช่นคนในครอบครัว และเวลากำหนดดวงสว่างในตัวผู้อื่น ให้กำหนดด้วยแสงดวงเล็กๆ ก่อน กำลังจิตที่ต่างกันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 26 ธ.ค. 2009, 23:16, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศรีวรรณ์ ไคร้งาม เขียน:
เมื่อคืนนี้นั่งสมาธิเวลา 24.00 น. ตามแบบที่สอนมา ผลมีช่วงหนึ่งรู้สึกว่ามือหายไปทั้งสองข้าง ก็ขยับ
นิ้วมือปรากฎว่ายังอยู่ค่ แต่เรารู้สึกไปเองเท่านั้น อีกช่วงหนึ่งรู้สึกไม่มีลมหายใจเลย ก็เลยพยายามสูดลม
หายใจลึกๆ เพื่ดเรียกลมและดูดลมเข้า-ออก ต่อไปค่ะ เลิกนั่งเวลา 24.50 น.พอดี



สวัสดียามดึกครับคุณศรีวรรณ์ ไคร้งาม


วิธีเจริญกายคตาสติที่มีผลานิสงส์มาก



พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็กายคตาสติอันภิกษุเจริญแล้วอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า
.........เธอย่อมมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
.........เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
.........หรือเมื่อหายใจ เข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว
.........เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น
.........หรือเมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
.........สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก
.........ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า
.........สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจออก
.........ว่าเราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า

เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท
มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้
ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้
เพราะละความดำริพล่านนั้นได้
จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง
เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ



เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 426 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร