ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=28059 |
หน้า 9 จากทั้งหมด 9 |
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 30 ม.ค. 2010, 17:24 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ | ||
เอราก้อน เขียน ยังไงท่านเล่าต่อได้รึเปล่าคะ เล่ายังไงก็ได้ ไปเปิดกระทู้เกี่ยวกับ ประสบการณ์สมาธิในแบบฉบับของท่านก็ได้... ขี้เกี้ยมจะไปติดตาม...นะเจ้าคะ... แบบอยากจะชำแหละ...ความเข้าใจของตัวเอง...หงะ...ค่ะ อนัตตาธรรม เขียน ผมเปิดกระทู้เองแล้ว 2 กระทู้ ที่หายไปผมไปพบและฝากตัวเป็นศิษย์ท่านอโศกะ สนทนาธรรมกัน มันส์ 3 วัน 2 คืน ทัศนะตรงกัน ได้อะไรดีๆมาเยอะ จะค่อยๆนำมาถ่ายทอดสู่กันฟังครับ อยากพบท่านอโศกะเชิญทีี่ http://www.free-webboard.com/home.php?nm=asoka2552 ซิครับ ท่านไปพักตัวอยู่ที่นั่นครับ
|
เจ้าของ: | ปญฺญาวโร [ 23 ก.พ. 2010, 03:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ |
เราต้องยึดเอาสิ่งที่ปฎิบัติได้จริงในปัจจุบันถึงจะได้ประโยชน์ครับ คือพูดง่ายๆคือการเกิดขึ้นโดยอาศัยกับเนี่องไปของทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง ( ไม่ควรใช้มรณะยืนพื้น แต่เป็น ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส สัมปโยโค วิปโยโค อุปายสะ ) คือเมื่อมีอวิชชาคือความไม่รู้จัก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคอยู่ ทำให้เรานำเอาการรับรู้ต่างๆทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาคิดปรุงแต่ง ความชอบใจไม่ชอบใจและเวทนาต่างด้วยตัณหา(ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ความไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น)จนเกิดเป็น "ตัวเราของเรา"ขึ้นมาทุกข์มันก็เกิด ส่วนการแก้กันนั้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่านี้แหละคือเหตุทำให้เกิดทุกข์ คือเราต้องฝึกสมาธิแค่ให้เรามีสติตลอดไม่ประมาทเพื่อจะได้สำรวจตัวเองว่า เมื่อเริ่มรู้สึกว่าจะเกิดเวทนา ทั้ง ทุกข์ สุข ทุกขมสุข(ไม่ทุกข์ไม่สุข) ให้ตัดตรงนั้นอย่าให้เกิดตัณหาขึ้นมาได้เพราะถ้าเกิดตัณหามันต้องทุกข์แน่นอน เพราะเมื่อมีตัณหาแล้วมันมีตัวเราของเราแน่นอน การยึดมั่นมันทำให้ทุกข์ ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้ทำได้อย่างนี้ นิพพานก็เป็นเรื่องของชาตินี้ทำได้จริง แปลกมากที่เราพูดคำว่าเกิด เกิดทุกข์ เกิดความโศกเศร้า เกิดความไม่สบายใจ แต่กับแปลพระบาลี คำว่าชาติแค่คำว่าการเกิดของร่างกายการเกิดจากแม่อย่างเดียว มันทำให้เราไม่สามารถสอนปฏิจจสมุปบาทกันให้เป็นปัจจุบันได้เพราะการยึดคำว่าเกิดแบบผิดๆ สรุป บุญคือกรรมขาว บาปคือกรรมดำ กรรมไม่ขาวไม่ดำคือกรรมฐาน |
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 26 ก.พ. 2010, 16:50 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ | ||
เราต้องยึดเอาสิ่งที่ปฎิบัติได้จริงในปัจจุบันถึงจะได้ประโยชน์ครับ สาธุครับ มีอะไรบ้างที่ปฏิบัติได้จริงในปัจจุบัน กรูณานำมาเล่าสู่กันฟังเยอะๆนะครับ
|
เจ้าของ: | ปญฺญาวโร [ 27 ก.พ. 2010, 02:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ |
สิ่งที่ปฏิบัติได้จริงที่ผมพูดคือผมหมายถึง ปฏิจจสมุปบาทที่เป็นปัจจุบัน เป็นขณะนี้ เดี๋ยวนี้ สังเกตุเห็นได้ด้วยสติ จะทำให้เราสามารถที่จะปฏิบัติได้จริงเพราะเราสามารถมองเห็นได้จริงๆว่า แค่ชั่วขณะที่เรากำลังเคี้ยวอาหารอยู่หนึ่งคำนั้น มันสามารถที่จะเกิดรอบของปฏิจจสมุปบาท ได้แล้วอย่างน้อยหนึ่งรอบ คือผมอยากจะบอกว่า สำหรับท่านที่ยังเรียนปฏิจจสมุปบาทตามพระไตรปิฏกอยู่นั้น จงพิจารณาดูดีๆว่าการแปลความบาลีในอรรถคาถานั้นขัดกัน การแปลความแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ อวิชชา สังขารา วิญญาณ อยู่ส่วนที่หนึ่งคือ ชาติที่แล้ว แป็นกรรมส่งผลมาชาตินี้ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน อยู่ส่วนที่สอง ปัจจุบันกำลังเป็นอยู่ ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสก ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ส่วนที่สาม กรรมไปรอชาติหน้า ถ้าแปลกันอย่างนี้ทุกข์ที่เกิดขึ้นในชาตินี้ที่เรากำลังรับอยู่ เราก็ไม่สามารถดับได้ เพราะ ผลชาตินี้แต่เหตุอยู่ชาติที่แล้ว เหตุชาตินี้ไปรอรับผลเอาชาติหน้า มันไม่ถูก ปฏิจจสุมปบาทอนุโลมเป็นสมุทัย ปฏิจจสมุปบาทปฏิโลมเป็นนิโรธ คือหัวใจของศาสนาสำคัญมากขอฝากด้วยครับ เมื่อมีความไม่รู้จักอริยสัจสี่อยู่ความคิดปรุงแต่งต่างๆก็ฟุ้งไปตามสิ่งเร้า(รูปรสกลิ่นเสียงสำผัสความคิด) ที่กระทบทำให้เกิดเวทนา ชอบ ไม่ชอบ ฯ ต่างๆเกิดตัณหา เช่น ถ้าชอบก็อยากได้อยากมีเป็นของเรา ถ้าไม่ชอบก็ไม่อยากเจอ เกลียด ไม่อยากได้ แล้วก็เกิดความทุกข์ |
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 10 มี.ค. 2010, 16:06 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ | ||
อ้างคำพูด: คุณปัญญาวโร จงพิจารณาดูดีๆว่าการแปลความบาลีในอรรถคาถานั้นขัดกัน การแปลความแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ อวิชชา สังขารา วิญญาณ อยู่ส่วนที่หนึ่งคือ ชาติที่แล้ว แป็นกรรมส่งผลมาชาตินี้ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน อยู่ส่วนที่สอง ปัจจุบันกำลังเป็นอยู่ ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสก ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ส่วนที่สาม กรรมไปรอชาติหน้า ถ้าแปลกันอย่างนี้ทุกข์ที่เกิดขึ้นในชาตินี้ที่เรากำลังรับอยู่ เราก็ไม่สามารถดับได้ เพราะ ผลชาตินี้แต่เหตุอยู่ชาติที่แล้ว เหตุชาตินี้ไปรอรับผลเอาชาติหน้า มันไม่ถูก ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของชีวิตมนุษย์ ใช้เวลา วงจรละ ประมาณ 70 - 80 ปี การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของสภาวะ อารมณ์ เรื่องราว ต่างๆ ใช้เวลาเพียงนิดเดียว แต่ก็มีที่มาเริ่มต้นจาก อวิชชา ความไม่รู้ หรือ ความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) อย่างเดียวกัน สาธุอนุโมทนากับความเข้าใจอันดี ลึกซึ้งในปฏิจจสมุปบาทของคุณปัญญาวโร ครับ
|
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 23 พ.ค. 2010, 18:25 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ศึกษาปฏิจจสมุปบาทด้วยภาพ | ||
เนื่องในโอกาสแห่งวิสาขะปุณมีกาล อันเป็นวารและโอกาสแห่งการบรรลุธรรม ขอบรรดาเหล่าชาวพุทธทั้งปวงได้ตั้งใจกระทำปฏิบัติบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเกิดดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรม เข้าถึงมรรค ผล นิพพาน เนื่องในโอกาสอันวิเศษ (26 - 29 พค.53)นี้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เทอญ
|
หน้า 9 จากทั้งหมด 9 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |