วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 12:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 12

เดินไปเรื่อยๆๆๆ

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดินได้20นาที นั่ง5นาที
ตอนเช้ามาปฎิบัต เดินไป1ชม นั่ง30นาที มีความคิดเกิดขื้นทั้งเดินและนั่ง รู้อย่างเดียว



ooสาธุoo says:
พอดีได้ฟังจากหลวงปู่ชามานะครับ ธรรม มีพระผรั่งถามท่าน
ข้อที่1ถามว่าทำไมผมปฎิบัตธรรมมากกว่าคนอื่นทำไมผมไม่ก้าวหน้าเลย
ท่านตอบว่าถ้าเธอทำดว้ยความอยาก ไม่มีวันบรรลุธรรมได้เลย

สุขที่แท้จริง says:
โดนเลยย ทำมากหรือน้อย ไม่ใช่ตัววัดผล

ooสาธุoo says:
แหมรู้ทันจัง ข้อ2อืกครับ ท่านตอบในทำนองว่า ให้ดูกายดูจิต ตัวเราเนี่ยจะตอบตัวเราได้ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการกินมากกินน้อย นอนมากนอนนอ้ย โดนผมทุกข้อเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ไม่ใช่คนอื่นๆมาบอกเรา นั่นแหละค่ะ
เห็นไหมคะ ทุกคำถามมีคำตอบ คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ เรา ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
เขา เรา ล้วนไม่แตกต่างค่ะ เมื่อเรารู้ของเราได้แล้ว เราย่อมรู้ของคนอื่นๆได้

ooสาธุoo says:
เหมือนกันเลยกับที่คุณบอกผม แหมธรรมของพระองค์สอนเราทุกอย่างจริงๆๆๆ ทุกเรื่องเลย

สุขที่แท้จริง says:
กาย เวทนา จิต ะรรม ทุกคนไม่มีแตกต่าง ที่แตกต่างคือ กิเลส ที่มีมาก น้อยไม่เท่ากัน
เหตุที่พบอีก ต่างกัน ตามเหตุที่เคยทำมา เหตุที่เกิดในปัจจุบันคือ ผลของในอดีตที่เราเคยทำไว้

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนการปฏิบัติ สภาวะที่เจอ ไม่แตกต่างกันเลย เกิดอนิจจัง ต้องเกิดทุกขังและอนัตตา
เพียงแต่ใครสร้างเหตุตัวไหนชัดที่สุดเท่านั้นเอง ได้อ่านบล็อกคุณเก๊ะแล้วค่ะ

กลับมารู้อยู่กับกายน่ะ ความคิดจะแค่แผ่วๆ จะไม่ส่งผลใดๆต่อสภาวะ
แต่เมื่อใด เราไปสนใจและให้ค่า ส่งผลทันที

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ไม่มีเคลิ้มใช่ไหมคะ ตอนทำเต็มรูปแบบน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
มีครับ แต่น้อยครับ

สุขที่แท้จริง says:
งั้น นั่งเท่าเดิมไปก่อนนะคะ เห็นเขียนไว้ว่าเดิน 1 ชม. นั่ง 30

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ตอนนี้เริ่มใช้เวลาได้ตามที่ตั้งไว้นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ นี่แหละค่ะ การฝึกจิต เดินรู้เท้า รู้กายได้ชัดขึ้นไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับ พอใส่คำบรกรรมลงไปเดินเห็นชัดขื้นครับ
เมื่อกอ่นผมเดินโดยไม่มีคำบริกรรมนะครับ มีความคิดเกิดเข้ามามาก
พอมีคำบริกรรม น่าจะมีสมาธิเพิ่มขื้นมั้งครับ ความคิดน้อยลง แล้วจะจับความคิดได้

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ แต่ละคนเริ่มไม่เหมือนกัน พอถึงจุดๆหนึ่ง ทำเหมือนๆกัน กำลังของสมาธิจะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ
ยิ่งมีกำลังของสมาธิแรงมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาจิตเป็นสมาธิ จะรู้สึกถึงความหน่วงของสมาธิ
ที่เกิดขึ้นได้ชัดมากค่ะ จับความคิดว่าไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
มีหลายเรื่องครับ แต่ดูอย่างเดียว มีสั้นมียาว ดับเร็วบ้างดับช้าบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ให้จิตรู้อยู่กับกายให้ได้มากที่สุดค่ะ แล้วสภาวะจะดำเนินอย่างต่อเนื่องไปเอง
ไปเรื่อยแหละค่ะความคิด จบเรื่องนี้ ไปเรื่องอื่นๆต่อ

ooสาธุoo says:
คุณบอกให้ผมดูอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ให้ดู แต่อย่าลงไปเล่น

ooสาธุoo says:
จะดับช้าดับเร็วเดี๋ยวนี้เฉยๆๆๆครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เมื่อเข้าใจถึงตัวความคิด จะไม่ไปสนใจจดจ้อง จะเกิดหรือดับก็แค่ความคิด เราห้ามไม่ได้
หน้าที่เราคือ เอาจิตรู้อยู่กับองค์กรรมฐาน คือ กายนี่เอง

รู้อยู่กับลมหายใจ พอสมาธิมากขึ้น ลมหายใจหาย มาดูกาย ดูท้องพองยุบ สมาธิมากขึ้น
เห็นแต่กายกระเพื่อมเบาๆ พอสมาธิคลาย จับลมได้อีก สลับไปมาแบบนี้

ooสาธุoo says:
เมื่อกี้คุณบอกว่าการปฎิบัตไม่แตกกต่างกัน
จริงด้วยครับ ท่านถามว่า คนที่เป็นสัญชาติอื่น ถามว่าจะปฎิบัติเหมือนกันไหม
ท่านตอบได้โดนอีกนะละ คนทุกคนมีกิเลสไม่ต่างกัน

สุขที่แท้จริง says:
เห็นป่ะ กิเลสคือตัวแม่ กรรมหรือการกระทำคือตัวพ่อ จึงก่อภพชาติไปด้วยความไม่รู้
ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสตินะคะ จะไม่มีวันเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้เลย จะไม่มีทางรู้จักกิเลสที่แท้จริง
ของสภาวะกิเลสได้เลย ไปพูดให้คนที่เขาไม่ได้ปฏิบัติ เขาก็งง สภาวะกิเลสมีด้วยหรือ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เอออีกเรื่องครั นี่ยิ่งโดนเลย
ท่านตอบเรื่งคนขี้สงสัยว่า ดูที่จิตว่าสงสัยมาจากไหน แล้วก็จะไม่สงสัยอะไรเลย

สุขที่แท้จริง says:
ตัวเราทั้งนั้นแหละค่ะ มาจากความคิดของเราเอง
ooสาธุoo says:
หัวเราะยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเราแค่ดู นะคะ แล้วประกอบกับเข้าใจสภาวะด้วย จะวางความสงัยไปได้เลย
เพราะทุกคำตอบ มันมี ไม่ใช่จากใครที่ไหน จากเรานี่เอง ปฏิบัติไป เดี๋ยวรู้เอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ๆๆๆๆเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
สงสัยจะสักแต่ว่าสงสัย แค่ดูไป คนอื่นๆมาตอบนะคะ อย่างมากก็ฟัง แต่ไม่เชื่อทั้งหมด
ยังมีความคิดว่า ใช่แน่หรือ พอรู้ดก้วยตัวเองนะคะ กระจ่างเลย อ๋ออออออ ยาวเลยย
ตัดความสงสัยไปได้ สภาวะจะไปได้ด้วยดี ยิ่งตัดความอยากลงไปได้

ตัวอยากนี่แหละตัวร้ายเลย ทั้งหลอกลวง ทั้งโกหกตัวเอง สารพัดเลยเจ้าตัวนี้
ถ้าตัดความอยากไปได้อีกตัว สภาวะยิ่งดำเนินไปแบบไม่หยุด
เรามีหน้าที่คือ ดูตามความเป็นจริง รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น รู้อะไร รู้อยู่ในกายและจิต

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ได้เนื้อๆๆๆเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ทุกวันซดน้ำเยอะหรือคะ น้ำมั่ง เนื้อมั่ง อีกหน่อยก็ไม่มีทั้งน้ำและเนื้อ จะเหลือแค่ดู

ooสาธุoo says:
ครับผมพอดีผมมีพี่เลี้ยงดีนะครับ ผมทำน้ำไป เป็นเรื่องน้ำๆๆๆทั้งนั้น

สุขที่แท้จริง says:
เหตุน่ะค่ะ ต้องขอบคุณนะคะ ถ้าไม่รู้จักน้ำ คุณเก๊ะจะแยกออกไหมว่าอันไหนคือน้ำ อันไหนคือเนื้อ
ตอนนี้เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ คือพี่เลี้ยงตอบตามคนถามนะครับ คนถามมีแต่น้ำ พี่เลี้ยงตอบยากก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำกันมาน่ะค่ะ
ตอนนี้สร้างเหตุดีแล้วนะคะ ผลไม่ต้องไปหวังใดๆ เพราะดีอย่างแน่นนอนเลยไม่ต้องไปหวัง

ooสาธุoo says:
บางคำตอบผมยังไม่เข้าใจ อีกหน่อยผมก็จะเข้าใจเอง ด้วยตนเอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เรียนรู้ด้วยตนเอง คำตอบย่อมมีอย่างแน่นอน
สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ใครจะรู้ก่อนกัน รู้ก่อน เหตุย่อมสั้นลงก่อน
ธรรมนี้อกาลิโก คือ อยู่เหนือกาลเวลา

ooสาธุoo says:
ครับ คุณถืงบอกว่าไม่อยากเกิดอีก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ไม่อยากเกิดแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
เกิดมาก็ไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สุขหลอกลวง ทุกข์หลอกลวง จิตเราไปปรุงทั้งสิ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย

สุขที่แท้จริง says:
ทุบให้ตายก็ไม่ตายหรอก อุปทาน ตราบใดที่ยังมีเขา มีเรา ปรุงไปไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
คุณเก๊ะรู้ไหม เวลาไหน เป็นเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

ooสาธุoo says:
ไม่ทราบครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความตายค่ะ เวลาที่เรากำลังจะขาดใจตาย นั่นคือช่วงข้อต่อของเวลา จากมิติหนึ่งไปสูอีกมิติหนึ่ง
เราจึงต้องมาฝึกเจริญสติเพราะเหตุนี้ เพราะขณะที่กำลังจะขาดใจตาย ตัวสติ สัมปชัญญะสำคัญที่สุด
ไม่ใช่เรื่องไฟธาตุแตกแบบที่เขาพูดๆกัน

แต่เป็นช่วงที่เราตะเกียกตะกายเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจหรือ
ช่วงของลมหายใจกำลังจะหมดลง

ลองนึกถึงภาพคนที่ขาดอากศหายใจสิคะ อันดับแรกที่ทุกคนทำคือ ตะเกียกตะกาย ถูกไหมคะ
ดิ้นรน ไขว่คว้า กลัวหรือเปล่าคะ เพราะกำลังพูดเรื่อง สภาวะของความตายให้ฟัง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ไม่ครับ ทุกคนหนีไม่พ้นอยู่แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
เราสามารถพูดในตอนนี้ได้ว่า ไม่ แต่พอจริงๆนะคะ ขาดสติ
เพราะมันไม่มีอากาศหายใจแล้ว เจอมาแล้วค่ะ สภาวะนี้ ผ่านมาแล้วเลยกล้าพูดได้

ooสาธุoo says:
ผมเคยลองกลั้นหายใจ มันยังทรมานน่าดูเลย

สุขที่แท้จริง says:
ของจริงมันยิ่งกว่าทรมาณค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ บางคนจืงบอกว่า ไว้ตอนตายค่อยตั้งสติก็ได้ ผมคน1ละ

สุขที่แท้จริง says:
เพอเจอสภาวะนั้นมาเลยเข้าใจทันที ความตาย สภาวความตายที่อยู่ซ้อนความตายอีกชั้นหนึ่ง
ไม่ได้ทำได้ง่ายๆเลยค่ะ

ooสาธุoo says:
ไม่เอาละ ผมผืกตอนนี้ดีกว่า

สุขที่แท้จริง says:
จำไว้นะคะ รู้อยู่กับกายและจิตนี้ ใช้ได้จนกระทั่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย
โดยเราไม่ต้องไปทรมาณกับสภาวะที่กำลังจะหมดลมหายใจ
เราเพียงแค่ทิ้งเปลือกนี้ไป เพราะหมดอายุขัยแล้ว

ตอนจะทิ้งนี่แหละ มันยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง คุณเก๊ะมีหน้าที่คือดู ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดตามความเป็นจริง
ไม่ต้องไปดิ้นรนใดๆ เอาจิตรู้อยู่กับกายให้ได้ตลอด
นอกจากตัดกรรมใหม่ไม่ให้เกิดแล้ว เรายังฝึกเตรียมตัวตายทุกวันเลยนะคะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เพราะความตายมาเมื่อไรไม่มีใครสามารถรู้ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะทุกๆสภาวะมันอยู่ซ้อนกัน ถ้ายังสงสัยตรงไหนอยู่ ถามได้นะคะ อย่าเก็บเอาไว้

ooสาธุoo says:
ตอนนี้หมดความสงสัยเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
จะคอยดูค่ะ ที่ว่าหมดสงสัย เพราะหลายๆคำตอบ คุณเก๊ะได้รู้จากตัวเองแล้ว เลยทำให้มั่นใจมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมไปตีค่ามันเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ
ตัวนี้สำคัญ ให้ค่าเมื่อไหร่ เสร็จกิเลสทันที

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะ เข้าใจคำว่าดู ขึ้นมาอีกสภาวะหนึ่ง ดูซ้อนดู
มันจะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับบททดสอบที่มีมาเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
มันจะแยบยลลงไปเลื่อยๆๆๆมั้งครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แบบเนียนมากๆ กว่าจะรู้น่ะ พอรู้แล้ว ผ่านได้ ตัวใหม่มาต่อ

ooสาธุoo says:
เราก็คือดูกายดูจิตไปเรื่อยๆๆๆใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
วันนี้ฟังบทสวดของพระโพธิสัตยเกือบทั้งวันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ฟังแล้วรู้สึกเย็นสบายนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ได้สมาธิด้วยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เป็นการใช้เสียงในการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งได้
หลับตา นั่งตามสบาย เอาจิตจดจ่อรู้อยู่กับกาย

แรกๆอาจจะมีเสียงดังเข้ามาอย่างชัดเจน
พอสักพักสมาธิเกิด เสียงที่ดังชัดจะกลายเป็นสักแต่ว่าเสียง นี่แหละค่ะ สมาธิเกิดแล้ว
ชอบฟังของธิเบต กับของจีนน่ะค่ะ ดนตรีเขาเพราะ

ooสาธุoo says:
ผมฟังของธิเบตอยู่นะครับ

ooสาธุoo says:
ผมถามอะไรต่อนะครับ ถ้าคนที่นั่งสมาธิมาอย่างเดียวละครับ อย่างเพื่อนผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
อันนั้น ถ้าสมาธิเข้าไปสู่ระดับลึก จะขาดความรู้สึกตัวค่ะ ปัญญาจะเกิดไม่ได้

ooสาธุoo says:
ตอนนี้เขาบอกว่าเขาจับลมไม่ได้แล้ว

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ จับลมไม่ได้ ให้ดูกายสิคะ มีอก มีท้องที่เคลื่อนไหว

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าจิตเสพสมาธิสูงมาก จะเห็นอกเคลื่อนไหวแบบแผ่วๆอยู่

ooสาธุoo says:
ตอนนี้เขาบอกว่ามาจับที่อก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ อย่าไปดึงลมกลับมานะคะ
พอสมาธิคลายตัว จะจับลมได้เองค่ะ ลมหาย รู้กาย ทำแค่นี้แหละค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ของเขาไม่ต้องดูที่จิตคิดหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วคุณเก๊ะดูจิตที่คิดหรือเปล่าล่ะคะ

ooสาธุoo says:
อ๋อ โง่อีกแล้วผม

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ คือ คุณเก๊ะ คิดปุ๊บ โพล่งปั๊บเลย

ooสาธุoo says:
ใช่ ฮือจริงๆๆๆ เราจะต้อง

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยคุณเก๊ะจำได้ จะหยุดก่อน

ooสาธุoo says:
คือผมไปงงที่คำพูดนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ตัวหนังสือไงคะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมไปนืกถึงตัวหนังสือ

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะไปพูดให้ตัวเองงงเอง
ในเมื่อเขาไม่ถามมา เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้เขาฟัง เขาถามอะไรมา เราค่อยตอบไป

ooสาธุoo says:
พอดีชว่งที่ไปกับเขานะ เขาจะถามพระนะครับ ว่าลมหายแล้ว ผมจะไปจับที่ไหน
พระท่านก็บอกว่า ตอนนี้มันมาดูที่ไหนละ เขาก็ตอบว่ามาที่หัวไหล่บ้าง ไปที่อกบ้าง
พระท่านก็บอกว่าให้ดูตามนั้นละ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วสงสัยตรงไหนหรือคะ

ooสาธุoo says:
ไม่หรอกครับ ผมได้แต่ฟังที่เขาถามนะละ เพราะว่าผมไม่กล้าบอกหรอกครับ
เพราะเขาปฎิบัตมานานแล้วนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ รู้ตรงไหนก็ได้ เพื่อไม่ให้จิตไปติดนิ่ง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 12 พ.ค. 2010, 21:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เย่
อนุโมทนาจร้า

เดินไปเรื่อยๆ เราไม่เหนือย เราไม่เมื่อย
เดินไปเรื่อยๆ เราไม่เมื่อยเราไม่เหนื่อย

เย่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 13
เดินไปเรื่อยๆๆๆ



เมื่อคืนหลังจากปิดร้านได้ขื้นไปปฎิบัต เดินไป30นาทีนั่งอีก20นาที
ตอนเช้าปฎิบัตต่อเดินไป1ชม นั่ง30นาที ความคิดมีเกิดขื้นบ้างดูอย่างเดียว ( แค่รู้ รู้ว่ามี )


ooสาธุoo says:
มิกี้เผลอเพ่งแปปเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ความคิด แค่ดู แล้วรู้ว่ามันมี แค่นั้นจบค่ะ ไม่ไปใส่ใจรายละเอียด

ooสาธุoo says:
มึนเลย

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเพ่งจะมึน

ooสาธุoo says:
ผมงงเหมือนกันนะครับว่าไปเพ่งเมื่อไร

สุขที่แท้จริง says:
เป็นได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมเล่าอะไรให้ฟังเล่นๆๆๆนะครับ คือเมื่อเช้าผมไปส่งแฟน
พอดีเปิดชีดีของหลวงปู่ชาให้เขาฟัง

เขาก้เลยคุยให้ผมฟังว่า
มีคนบอกว่าคุณน้ำนั่งสมาธิแปปเดียวหลับทุกที ผมเลยบอกเขาไปว่า

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ

ooสาธุoo says:
เขาไม่ได้วัดความอึดนะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สภาวะแต่ละครั้งจะแตกต่างไป คนที่พูดเขายังไม่เข้าใจในเรื่องนี้

ooสาธุoo says:
ครับ แต่ผมก็พอดีเปิดพอดีไง เลยบอกให้แฟนฟัง
แต่ผมก็ไม่ได้ถามแฟนหรอกนะว่าเดินแล้วนั่งเป็นไงบ้าง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเขาพร้อม เขาจะเล่าให้ฟังเองค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ เดี๋ยวถามผมตีความเองอีกยุ่งตายเลย

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เราจะถามคนๆนั้นได้ ถ้าเขามีศรัทธาแล้ว
ถ้าเขายังมองแค่เรื่องเก่าๆเดิม แล้วนำมาเป็นประเด็น ปล่อยไปค่ะ

คนนะคุณเก๊ะ การมองนั้นแตกต่างกัน เรามองเรื่องศิล เรื่องข้อวัตร
แต่คนโดยทั่วๆไป มองแบบสร้างรูปแบบขึ้นมาว่าจะต้องอย่างงั้นอย่างงี้
มองเป็นผู้วิเศษไป แต่เขาเหล่านั้นลืมไปว่า ทุกคนก็คือยังเป็นคนโดยทั่วๆไปอยู่

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เมื่อก่อนผมก็มองแบบนั้นละครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ เพราะนิยายมีให้อ่านเยอะ

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมุมมองใหม่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ต้องทำ ทำแล้วเห็น แล้วรู้ ถึงจะเข้าใจ

ooสาธุoo says:
ในชีดีอันนี้ก็มี หลายสำนัก ท่านตอบว่าเวลาไปกรุงเทพไม่ได้มีทางเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แล้วแต่เหตุที่ทำมา

ooสาธุoo says:
มีหลายทางแล้วแต่จะไปทางไหน มีอยู่20กว่าขอ้ที่ท่านตอบ
ผมนั่งหัวเราะทุกที เวลาโดนตัวเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ฟังคำสอนดีค่ะ ทำให้ได้ทบทวนตัวเอง วันนี้ได้อ่านประวัติของหลวงปู่แหวน
อ่านแล้ว ไม่อยากเจ็บป่วยแบบท่าน วิบากกรรมนะคะ หนีไม่พ้น

ดูพระโมคคัลลานะ ดูพระพุทธเจ้า แล้วเราจะไปเหลืออะไร
นี่แหละค่ะ การใช้หนี้ที่ลงทุนน้อยที่สุด ยังดีที่ได้ใช้ไปบ้าง
ดีกว่าให้เขามารุมทวงตอนกำลังจะขาดใจตาย

ooสาธุoo says:
เบาหนักขื้นอยู่ที่เรากระทำ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เหตุทั้งหมดคือตัวเรานี่เอง วางนะคะ เดี๋ยวนี้วางลงไปมาก

ooสาธุoo says:
ผมทราบเลยว่าคุณวางลงไปมากแน่ๆๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใครจะว่าอะไรยังไงนั่นเขา เขาเป้นคนรับ แต่ถ้าเหตุนั้นมีเราเกี่ยวข้อง นั่นคือผลที่เราต้องรับ
เรามีหน้าที่คือ ให้อภัยกับเขา และหมั่นสร้างแต่เหตุดีต่อไป ใครๆก็ช่วยเราไม่ได้ เราต้องช่วยตัวเราเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เราก่อเราก็ใช้เองนะละครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันมองด้วยความเข้าใจนะคุณเก๊ะ เขาเหมือนเราในสมัยก่อน ทำไปเพราะความไม่รู้
ตามใจกิเลสที่มีอยู่ในจิต

ooสาธุoo says:
อย่าว่าเขาเลยครับ เราปฎิบัตเราเองยังหลุดเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ว่าใครหรอกค่ะ มีแต่อโหสิกรรมให้ เพราะเราเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
หากอ่านตัวเองยังไม่ออก ยากค่ะที่จะเข้าใจคนอื่นๆได้

ทำต่อไปค่ะ หน้าที่มีแค่นั้น
ช่วยได้ตามกำลัง ตามเหตุที่เคยทำร่วมกันมา

ooสาธุoo says:
ครับ แค่นี้ผมก็ถือว่าโชคดีมากๆๆๆแล้วครับ ที่มีพี่เลี้ยงไม่เบื่อผม

สุขที่แท้จริง says:
มียิ่งกว่าคุณเก๊ะอีกค่ะ มีแต่ข้อสงสัย คุยทั้งคืน จะเอาแต่ดูกายดูจิต ก็เลยบอกว่าตามสะดวก ตามถนัด

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นนะ แฟนจะว่าผมประจำว่าทำบุญนะไม่ว่าแต่ให้พอสมควร
ผมเลยมานึกขื้นได้ว่า การทำบุญก็เหมือนการปฎิบัต ทำไปเรื่อยๆๆๆ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำได้หลายรูปแบบ การให้ทานแก่คนอื่นๆก้คือการทำบุญอย่างหนึ่ง

ooสาธุoo says:
ครับ
ผมยังตอ้งปรับนิสัยอีกพอควรนะครับ ผมพยายาม ดูตัวเอง ให้มากๆๆๆหน่อยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกๆการกระทบ จะทำให้เราเรากลับมาดูตัวเองทุกๆครั้งคะ
ทำบุญ ทำทาน ทำตามกำลังของเราที่มี ไม่ให้เดือดร้อน แต่การปฏิบัตินี่ไม่ขาด ทำตลอด

ooสาธุoo says:
การปฎิบัตนี่ก็คือการทำบุญอย่าง1ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะการปฏิบัติเป้นตัวขัดเกลากิเลสที่มีอยู่ในใจของเรา ทำให้เรารู้จักที่จะให้กับคนอื่นๆมากขึ้น
ใช่ค่ะ แต่จัดเป็นมหากุศลคือได้บุญเยอะกว่าบุญอื่นๆ เพียงแต่ว่าบุญอื่นๆเราก็ต้องทำไว้
เพื่อเป้นปัจจัยภายนอกที่เราต้องใช้ในวันหน้า

ooสาธุoo says:
ผมยังมีการระวังมากไปนะครับ บางทีทำให้เครียด แต่เดี๋ยวนี้ดีหน่อยพอเครียดขื้นมา เราจะรู้ตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
ที่คุณเก๊ะมีความระวัง เพราะคุณไปรู้เรื่องราวของอนาคตที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวคุณเอง
บางครั้งเลยทำให้ระวังจนเครียด ถึงบอกกับคุณว่า ให้ดูตามความเป็นจริง กระทบมาก็รู้
เหมือนหมู เขาเองบางครั้งก็ระวังจนเครียดไปโดยไม่รู้ตัว

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
อีกหน่อยจะปรับตัวได้ค่ะ แล้วจะไม่ไปเครียดกับตัวเอง
ตัวน้ำเอง เหมือนคนมาจากอนาคต นำเรื่องอนาคตมาเล่าให้ฟัง ว่าทำแบบนี้แล้วต่อไปจะเป็นยังไง
ใครๆที่มาปฏิบัติด้วยเลยเหมือนกับก้าวกระโดด แทนที่จะเป็นไปตามขั้นตอน

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่เก็บที่คุณพูดไปคิดว่าจะต้องอย่างงั้นอย่างงี้

สุขที่แท้จริง says:
ดีแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมว่ามันต้องรู้ด้วยตัวเองทุกอย่าง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือ ทำผิดก่อนที่จะทำถูก
เพราะเมื่อรู้ผล เลยทำให้ระวังเหตุกัน บางครั้งระวังมากไป เลยทำให้เครียด
แต่คนที่ยังไม่รู้ เขาก้ทำไปด้วยความไม่รู้ ผิดคือผิด ถูกคือถูก รับผลไปตามนั้น วัฏฏะถึงยาวไกล

ooสาธุoo says:
ครับใช่เลย เหมือนกับว่าผมรู้เลยพยายามจะไม่ให้หลุด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่สิ่งนี้เขาก็บอกแล้วว่าบังคับไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อไปรู้อนาคตล่วงหน้า เลยเป็นแบบนี้แหละค่ะ บังคับไม่ได้ แต่รู้ทันได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถึงต้องมาเจริญสติไงคะ ตอนนี้กำลังสติของคุณเก๊ะยังไม่พอ เลยทำให้มีเครียดในบางครั้ง

ooสาธุoo says:
ผมถืงทราบว่า บางท่านรู้แล้วหลุดน้อยบ้างหรือไม่หลุดเลย ก็ยังต้องผืกสติตลอด

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เราทุกคนยังชื่อว่าเป็นผู้ฝึกตนอยู่ค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นนะครับ ผมนึกว่าถ้าเราทำได้ระดับที่เราพอใจ ระดับนั้นคงอยู่กับเราตลอด
คิดว่าการฝึกเนี่ยมีจบ ที่ไหนได้ทุกสิ่งไม่เที่ยง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 14

เมื่อคืนหลังจากปิดร้านขื้นไปปฎิบัต เดินประมาณ30นาทีนั่งประมาณ10นาที
ตอนเช้าปฎิบัตตามปรกติคือเดินประมาณ30นาที นั่งประมาณ30นาที
มีเวทนาเกิดขื้นก็ดู ตอนนี้มีความคิดเกิดขื้น คิดว่าสติตามดูได้ชัดขื้น


oสาธุoo says:
วันนี้ฟังชีดีต่อไปอืก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เป็นไงมั่งคะ

ooสาธุoo says:
ผมเพิ่งเข้าใจคำกล่าวที่ว่ารูปกับนามนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ลองอธิบายมาสิคะ

ooสาธุoo says:
เข้าไปถืงใจเลยครับ
รูปคือสิ่งที่เห็นด้วยตา นามจะเห็นได้จากตาในใช่ไหมครับ ความเข้าใจของผมนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
นามคือสิ่งที่รู้ด้วยใจค่ะ ตามองเห็น ใจคือผู้รู้

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวนี้ถ้ารู้ด้วยความจำนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ อันนี้รูปนามแบบหยาบๆที่พอจะอธิบายเป็นรูปธรรมให้เห็นได้น่ะค่ะ
ส่วนที่เป็นสภาวะ อธิบายไม่ได้ค่ะ ต้องรู้ด้วยตัวเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เดี๋ยวนี้รู้ด้วยความจำนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่เป็นไรค่ะ ศึกษาได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ไม่ทราบชื้งเท่ารู้ด้วยใจนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้ หรือว่าไม่รู้จะดีกว่า
เพราะมันไม่มีอะไรดีกว่าอะไรแต่อยู่ที่เหตุกระทำกันมาค่ะ

ooสาธุoo says:
ตอนนนี้นะครับ ผมว่ารู้ดีกว่าแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปแล้วสภาวะจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ สภาวะนะ จะปรากฎให้เรารู้เอง เร่งก็ไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้แล้วกิเลสลดคือถูกทางค่ะ รู้แล้วกิเลสเพิ่มมากขึ้นคือผิดทางค่ะ

ooสาธุoo says:
จะรู้ก็รู้เอง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ ปราศจากการคาดเดาหรือความคิดใดๆทั้งสิ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างสภาวะที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุที่เราทำมา สภาวะนั้นๆคือกิเลสของเรา
นี่หมายถึงทางโลกด้วยนะคะ

ooสาธุoo says:
วันนี้นะครับความคิดเกิดน้อยมาก โล่งมาก เหมือนกับเราปล่อยตามสบาย จับที่กาย

สุขที่แท้จริง says:
พอจับจุดได้ถูก จะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ

ooสาธุoo says:
เวลามีความคิดเกิดก็ดู

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ดูแต่ไม่ยุ่ง รู้สึกอิสระใช่ไหมคะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ายุ่งด้วยเมื่อไหร่ การปรุงแต่งไปแล้ว เวลาสุขก็ให้รู้ว่าสุขนะคะ พอดูความคิดได้ มันจะมีแต่สุข

ooสาธุoo says:
แต่เวลานั่งนะครับ เกิดเวทนาหนักจะขาดสติ ตอนนี้ยังมีความอยากให้มันหายอยู่
ต้องมองให้มันเป็นธรรมดา

สุขที่แท้จริง says:
กำลังของสติและสมาธิยังไม่มากพอค่ะ คุณเก๊ะ ใช้รู้หนอเข้าช่วยก่อนสิคะ อย่าถอยหนี
เอาสมาธิเข้าช่วย การกำหนดรู้หนอลงไป ทำให้เกิดสมาธิค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมจะดูพอดูก็จะกลับมาที่ลม

สุขที่แท้จริง says:
พอกำลังของสมาธิและสติได้ที่ เวทนาจะหายไปค่ะ และถ้าสติดีมากขึ้น
สมาธิตั้งมั่นได้นานมากขึ้น เราจะเห็นเวทนาตั้งแต่เกิดจนกระทั่งดับไป

ooสาธุoo says:
แต่เดี๋ยวนี้จะไม่หนีครับ

สุขที่แท้จริง says:
อนุโมทนาค่ะ ดีแล้ว ดูสภาวะเขาให้ดูใน 1 ชม. นี่แหละค่ะ นั่ง 1 ชม.

ooสาธุoo says:
แต่ตอนนี้ผมยังนั่งได้ประมาณ30-40นาทีอู่ยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงแนะนำไปว่าค่อยๆเพิ่มเวลาเพื่อปรับอินทรีย์ให้เสมอกัน ดูสมาธิเป็นหลักค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับจะคอ่ยๆๆๆเพิ่มขื้นทีละนอ้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าเพิ่มแล้ว มีงูบ มีง่วง มีเคลิ้ม ให้ลดลงค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับตอนนี้บางวันยังมีเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
หมั่นสังเกตุดูค่ะ เฉพาะเวลาเต็มรูปแบบนะคะ เวลาอื่นๆ มันเล็กๆน้อยๆ ตรงนั้นถือว่าสะสมไป

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เดินในร้านผมคิดว่าเดินย่อยอาหาร แต่จับเท้าได้ แต่ไม่ชัดเท่ามีคำบริกรรม

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ถ้าสติยังไม่มากพอ การใช้คำบริกรรมจะทำให้รู้ได้ชัดมากขึ้นค่ะ
ถ้าวันใดสติ สัมปชัญญะมีกำลังมากพอ คำบริกรรมจะหายไปเองค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อกอ่นผมฟังว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะวาดภาพให้จิต ว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้
ถ้าไม่ได้ดังใจก็จะเกิดทุกข แต่เดี๋ยวนี้พอรู้ด้วยใจ จะสบายกว่ากันมากครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้ด้วยใจ มันจะมีแต่ปล่อยได้ไวมากขึ้น ไม่ไปยึดติดแบบก่อนๆ

ooสาธุoo says:
มีอะไรก็ดู ถ้ามีมากฟุ้งมาก ก็จะมาจับที่กาย แล้วสักพักเขาจะเข้ามาที่ลมเอง

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พยายามเอาจิตรู้อยู่กับกาย ช่วยได้เยอะมากๆ

ooสาธุoo says:
วันนี้ยังนั่งคิดถืงเรื่องรัฐบาลสลายการชุมนุมเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ได้แผ่เมตตาให้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ว่ามีกรรมกันมากอ่น

สุขที่แท้จริง says:
ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมวัฏด้วยกัน

ooสาธุoo says:
ระหว่างผู้นำทั้ง2ผ่าย

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสน่ะคุณเก๊ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ กิเลส อำนาจ ยึดมาเป็นของตัวเอง

สุขที่แท้จริง says:
การจองเวรไม่จบสิ้น หากยังมองไม่เห็นตามความเป็นจริง

ooสาธุoo says:
ครับ วันนี้ในชีดีพูดเหมือนคุณเลยว่า รู้ทีแรก เครียดมาก
แต่พอรู้ได้พอควรแล้วจะรู้ว่า การก่อภพก่อชาติ ขนาดไหน

สุขที่แท้จริง says:
นี่แหละค่ะที่รู้ได้ยาก

ooสาธุoo says:
ธรรมของพระองค์นะครับ ผมว่าเริ่มปฎิบัตแรกๆๆๆนะจะยากมาก แต่ถ้าพอเข้าถืงแล้วนะจะง่ายขื้น

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เพียงจับจุดได้ถูก

ooสาธุoo says:
ผมนั่งึนกย้อนตัวเองนะครับ สภาวะที่เราเจอนะไม่แตกต่างกับแรกๆๆๆเลย แต่เรายังไม่ทราบ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ รู้กับไม่รู้นี่แตกต่างกันมากๆ

ooสาธุoo says:
ผมเลยเข้าใจเลยว่า คนที่เป็นอาจารสอนนะ จะต้องให้ลูกศิษยเข้ามาถาม
อาจารถึงรู้ว่าไปได้แค่ไหนแล้ว ถ้าอาจารบอกสิ่งที่ตนรู้ ลูกศิษยไปไม่ถึงก็จะไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารสอน

สุขที่แท้จริง says:
รู้แค่ไหน ย่อมตีความได้แค่นั้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เหมือนพระไตรปิฎก คนที่ไม่ได้ศึกษาจริงๆจะอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลย ผิดกับคนที่ปฏิบัติ
ถึงแม้จะไม่ได้ศึกษามาเลยก้ตาม พอปฏิบัติถึงจุดๆหนึ่งแล้ว อ่านรู้เรื่องได้

ooสาธุoo says:
ผมว่าการนั่งสมาธิที่อย่างเพื่อนผมทำที่ผมถามคุณนะว่าไม่แตกต่างกัน คือดูที่กายเหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:
ถ้านั่งแล้ว ไม่ขาดความรู้สึกตัว สามารถรู้อยู่กับกายและจิตได้ตลอด นั่นคือมาถูกทางแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อก่อนผมเลือกมากดิ้นรนมากว่าอันไหนง่าย
พอมาถืงนะจุดนี้ ผมทราบเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างขื้นกับตัวเราเท่านั้น
ไม่ว่าสถานที่หรือสิ่งต่างๆๆๆ ที่ไหนได้สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง อย่างอื่นไม่เมีผลเลย

สุขที่แท้จริง says:
ผู้ที่ยังไม่รู้ ย่อมมองนอกตัวและกล่าวโทษนอกตัวค่ะ
มองไปทางไหน เห็นแต่คนมีความทุกข์นะคะ

ooสาธุoo says:
ผมเล่าทุกอย่างให้คนที่เป็นคนสอนผมฟังทุกคน เดี๋ยวนี้รู้ความจริงก็คือความจริง หนีไม่พ้นครับ
ดีนะผมว่า เขาจะได้รู้ว่าเมื่อกอ่นเราเป็นยังไง เดี๋ยวนี้เราเป็นยังไง
เขาเองเป็นคนตัดสิน เราไม่ตอ้งไปอธิบายให้ยุ้งยากสะอีก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
ทุกๆๆๆอย่างจะวัดกันที่การกระทำ ไม่ใช่เปลือกนอก

สุขที่แท้จริง says:
ต้องทั้งต่อหน้าและลับหลังนะคะ

ooสาธุoo says:
เข้ามาได้ขนาดนี้แล้วทั้งต่อหน้าและลับหลังยังไม่พอนะครับ
ทั้งข้างในยังสอาดหมดจดเลยครับ มีแต่ให้สิ่งดีๆๆๆๆกับคนอื่นแล้วละครับ

สุขที่แท้จริง says:
โห ถ้าสะอาดหมดจดต้องพระอรหันต์ค่ะ เราน่ะยังเหตามกิเลสอยู่ค่ะ
จะมากหรือน้อยก้ขึ้นชื่อว่ายังเห เห็นไหมคะคำพูด ต้องระวังนะคะ

ooสาธุoo says:
วันนี้ผมยังเข้าไปดูเวบคุณหมุเลยครับ กิเลสมาเลย วัดค่า คุณหมูนะปฎิบัตตอนกี่โมงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไปแล้วค่ะ กำลังปฏิบัติอยู่

ooสาธุoo says:
ไปปฎิบัตตอนนี้เลยหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนมากเขาจะเดิน 1 ชม. นั่ง 30 นาที

ooสาธุoo says:
พอปฎิบัตเสร็จก็มาคุยกับคุณต่อหรือครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เขาต้องมาพูดให้ฟังเรื่องสภาวะของเขา บางอย่างต้องแนะนำเขาเพิ่ม

ooสาธุoo says:
ครับ ดีจัง เจอพี่เลี้ยงอย่างนี้นะสุดยอดเลย

สุขที่แท้จริง says:
ธรรมะ หรือแนวทางของพระพุทธองค์ที่ทรงถ่ายทอดไว้ ไม่จำกัดกาล
เรียกว่าไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาจริงเลยนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่านะ มันขื้นอยู่กับตัวผู้ปฎิบัตนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำมากันค่ะ

ooสาธุoo says:
ก็ด้วยนะครับ อย่างผมนะปิดร้านแล้วขื้นไปปฎิบัต มักจะง่วงประจำ
ผมเลยทำเต็มรูปไปทำตอนเช้านะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความเคยชินยังมีอยู่น่ะค่ะ ถึงให้ทำน้อยๆไปก่อนเพื่อปรับอินทรีย์
ทำตามความเป็นจริงค่ะ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะมากหรือน้อยไป

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ น่าจะอย่างที่คุณว่านะครับความเคยชิน

สุขที่แท้จริง says:
ความกังวลคือรูปแบบหนึ่งของความอยากแฝงอยู่น่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
นี่ละคือสิ่งที่ต้องการ เวลาผมปฎิบัตนะครับ ผมจะตั้งเวลาไว้ พอมีเวทนาเกิด
ความอยากเริ่มมาแล้ว เมื่อไรจะหมดเวลาที่เราตั้งไว้ เอออจริงๆๆๆๆ
ผมลืมดูเลยว่านี่ละคือความอยาก อยากเลิก จริงๆๆๆๆๆๆ ไม่สะกิดผมเลย ผมลืมเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ความอยากจะแฝงอยู่ตลอดเวลาค่ะ จากหยาบๆจนกระทั่งละเอียด
พอนั่งแล้วสบาย แหมม เวลาหมดเร็วจัง
พอเจอเวทนา เมื่อไหร่จะหมดเวลาสักทีหนอ
จิตปรุงได้สารพัดรูปแบบ

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่าแล้วละ ทำไมผมสติขาด เพราะว่ามีความอยากเข้ามา

สุขที่แท้จริง says:
เปล่าค่ะ เพราะสติของคุณเก๊ะยังไม่มีกำลังมากพอค่ะ
ถ้าขาดสติ คุณเก๊ะก็หลงหรือเผลอไปแล้วสิคะนี่รู้ตลอด

เวลาคุณเก๊ะจะไล่สภาวะ ไล่แบบนี้สิคะ ไล่ไปทีละขั้น
ทำไมเราถึงอยากให้หมดเวลา เพราะเวทนามันเกิด

ทำไมเวทนาจึงเกิด เพราะเราเกิดอุปทานไปยึดมั่นว่ากายนี้เป็นของเรา
ทำยังไงถึงจะละอุปทานตัวนี้ไปได้

ก็สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่ไง เจริญสติ
แต่ตอนนี้กำลังสติของเรายังไม่มากพอ ที่จะเท่าทันต่อการปรุงแต่งของจิตได้

ooสาธุoo says:
ได้เนื้อๆๆๆเลย ถึงตอนจบเลย

สุขที่แท้จริง says:
ลองฝึกไล่ดูนะคะ

ooสาธุoo says:
ครับ ต้องลองผืกตามที่คุณบอกดู

สุขที่แท้จริง says:
ฝึกบ่อยๆ จะช่วยถ่ายถอนอุปทานลงไปได้เยอะค่ะ เวลาเกิดสภาวะ หรือเกิดเวทนา
อย่างวันนี้ก็เจอค่ะ ตอนนั่งสมาธิ เจอสภาวะแมลงเข้าหู มาทั้ง 2 หูเลย ค่อยๆไต่เข้าหูทั้งสองข้าง
เมื่อก่อนทนไม่ได้ค่ะ สติแตก เอามือแยงๆทันที แยงทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีตัวอะไรเลย แต่มันคือสภาวะ

ผลวันนี้คือ เรานั่งดูสภาวะที่เกิดขึ้น แค่รู้ว่ามีแมงเข้าหูนะ มันคือสภาวะ หรือจะเป็นของจริงห็ช่างมัน
เอาจิตมารู้อยู่กับกายอย่างเดิม สักพักสภาวะแมลงเข้าหูหายไปเอง

พอสภาวะแมงเข้าหูหาย เจอเวทนาเล่นละ ปวดขา ก็นั่งดูอีก เห็นตั้งแต่ตอนกำลังเริ่มปวดไล่ไปตามขา
จนกระทั่งดับหายไป รู้อยู่อย่างงั้นโดยเราไม่ได้ไปปวดด้วย สิ่งเหล่านี้อีกหน่อยคุณเก๊ะต้องเจอเหมือนๆกัน

ooสาธุoo says:
ครับ คือผมที่แรกว่าจะถามเหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งเลยดีกว่าคิดในใจนะครับ
ผมคิดว่าสิ่งต่างๆๆๆเดี๋ยวเราปฎิบัตไปเรื่อยๆๆๆเดี๋ยวรู้เอง
แต่จริงๆๆๆนะ ต้องมีอาจารคอยสอนบอกว่าควรลองพิจารณาดู

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ พอเจอกับสภาวะเอง ไม่ถามเลยเพราะเคยอ่านเจอมาแล้วว่ามันมีอยู่จริง

ooสาธุoo says:
ฮือจริงๆๆๆครับ
เวลาผมเกิดเวทนา ผมต้องลองไล่ดูบ้างแล้วละครับ อย่างเรื่องมีอะไรไร่มีอะไรมากัด
ผมเคยครับ แต่ถ้าสติไม่ทันจะปัดหรือเกาทันที ถ้าสติทันก็จะดู แล้วสักพักก็จะหาย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่เวทนาผมยังไม่เคย มีแต่ไปดู พอไปดูมันเหมือนกับปวดมากขื้น
พอปวดมากเรากับมานึกถึงเวลาเลิกมากกว่า ผมไม่ได้พิจารนาเหมือนที่คุณบอก

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันแหละค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


14 พค. 2553
เดิน 15 นั่ง 1

อะไรอ่า.. การเมือง พวกกลุ่มชุมนุม ทำไมวันนี้วุ่นวายจริงๆ = =" เมื่อไหรการชุมนุมจะจบเนี่ย
มีแต่เสียกับเสีย ไม่เห็นมีอะไรดีเลย บ้าคลั่ง ทำลายทรัพย์สิน โรงเรียนคนอื่น แถมยังบุกรพ. ด้วย มันเกินเลยสิทธิที่ประชาชนทำได้ไปแล้ว การไปละเมิดสิทธิคนอื่น การไปรบกวนคนไข้นั้นผิดอย่างร้ายแรง... ทำไมประเทศไทยถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้เน้อ... เพราะใครกันนะ....

เผอิญว่าตอนที่จะบันทึกนั้น ทีวีประกาศข่าว พอรู้สึกอย่างไรเลยพิมพ์มา

เข้าเรื่อง
วันนี้เดินแล้ว รุ้เท้าบ้าง ไม่รู้บ้าง ฟุ้งไปกับความคิด แล้วก็มาดูที่เท้าต่อ
แล้วมันก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วระลึกรู้ได้ว่า การกระทำใดๆไม่ว่าดีหรือไม่ดีนั้นส่งผลหมด
หากต้องการให้ผลดี เหตุต้องดี นี่เป็นสาเหตุที่เราควรทำความดี ไม่ควรทำความชั่ว
ไม่มีใครต้องการความทุกข์ ดังนั้นการไม่ไปละเมิดผู้อื่นจึงเป็นการไม่ทำบาป

เรารู้สึกตัว ว่าการช่วยเหลือผู้อื่นนั้น ไม่ควรมองว่าเขาทำประโยชน์ให้เราได้หรือไม่
แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีความรู้สึกมีการรับรู้ไม่ต่างกัน ก็ควรช่วยเหลือกันโดยไม่หวังผลประโยชน์

สัมผัสได้ถึงความคิดอกุศลในใจของเรา ดูมันและรู้ว่ามันบาป
บาปคือการกระทำไม่ว่า ทางกาย วาจา ใจ เมื่อกระทำหรือคิดแล้วส่งผลเป็นด้านลบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาก ถ้าสติดีกว่านี้
ก็คงยับยั้งการทำบาปได้น้อยลง
ต้องระวังความคิดให้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

ปล. นอกเรื่อง
เพราะว่าติดเกมออนไลน์ เลยอยากเลิกเล่นมากๆ
พอเลิกไม่ได้เลยพาลใส่คนอื่น คนนู้นคนนี้ จนหัวกิลไม่พอใจเลยเตะออกจากกิล
แต่เพื่อนๆที่อยู่ในกิลด้วยกัน เขาสนิทกะเรามากกว่าหัวกิลคนนั้น ทั้งรุ่นเพื่อนรุ่นน้อง
ก็เลยให้เรามาตั้งกิลใหม่กลายเป็นเราได้เป็นหัวกิลแทน = ="
พลิกผันดีนะ.. สรุปก็คือ เราก็เลยมีภาระมากกว่าเดิม

เอาเถอะ จะทำให้เต็มที่ละกัน *_*"

มองโลกในแง่++++++++
ถือว่าได้ฝึกภาวะการเป็นผุ้นำ การไม่ทำตัวไร้สาระ คือต้องเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น
และการฝึกสัมพันธ์ภาพที่ดีกับคนอื่นๆและคนในกิลของตัวเอง


ปล2. ถ้าวาดภาพลงคอมได้อีกครั้งหนึ่งจะเอาภาพลงที่นี้ด้วยคะ ^^ ตอนนี้กำลังทยอยวาดอยู่

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 00:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 15 พค.

oสาธุoo says:
ผมไม่ได้พิมพสภาวะ1ลงไปในบล็อกนะครับ พอดีจะรอถามนะครับ
คือว่าตอนที่ผมเดินนะครับ ผมมีความคิดเกิดขื้นมา เหมือนกับที่คุณแนะนำผมนะครับ

คือตอนเดินอยู่นะครับ อยากให้หมดเวลาไวๆๆ ผมก็ย้อนกลับไปว่า ใครเป็นคิดให้หมดเวลาไวๆๆๆ
อย่างนี้นะครับ เราคิดได้ไหมครับ แต่ตอนที่คิดนะครับ รู้มีสติตลอดนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ ไม่ได้ห้ามค่ะ แต่ที่บอกว่าให้แค่ดู คือการปรุงแต่งจะได้ไม่เกิดขึ้น

ooสาธุoo says:
ฮือ แต่นี่น่าจะผมลงไปคิดด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
พอปรุงแล้ว ไม่ไหลไปอดีตก็ไหลไปหาอนาคต
แต่การพิจรณาคือการหาเหตุหาผล คนละอย่างกับความคิดโดยทั่วๆไป

การพิจรณา เราจะมีสติรู้อยู่กับความคิดนั้นๆ
ว่าสิ่งที่เรากำลังคิดอยู่นั้นเป็นเรื่องอะไร ทำไมหรืออย่างไร

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
คุณเก๊ะ ทำในสิ่งที่เป็นตัวของคุณเก๊ะเอง ไม่ต้องกลัวว่าถูกหรือผิด ตราบใดที่ไม่ใช่ความคิดอกุศลค่ะ
ทำแล้ว เราจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ

หลักการปฏิบัติจริงๆมีหลักๆนิดเดียวค่ะ เดินให้รู้เท้า รู้อยู่กับกาย นั่ง ให้รู้อยู่กับลมหายใจ กับกาย
มีแค่นี้แหละค่ะ ส่วนที่เกินนอกจากนี้ ล้วนเป็นการปรุงแต่งของจิตเราเอง

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าความคิดไม่ว่าจะดีหรือร้าย

ผมเข้าใจแล้วละครับ ว่าเรามีหน้าที่คือดูอย่างเดียว ว่าคิดเรื่องอะไร

ไม่ใช่สิ มีหน้าที่คือดูอย่างเดียว ดูกายดูจิต นอกจากนั้นคือการปรุงแต่ง

สุขที่แท้จริง says:
คือ แค่รู้ รู้ว่ามีความคิด แต่ไม่ใส่ใจ ยกเว้นความคิดอกุศลเท่านั้นถึงจะกำหนดรู้หนอ เอาสติจับไว้
เพื่อไม่ให้เกิดการปรุงแต่ง

พอเราแค่รู้ ความคิดเขาจะแผ่วๆลงไป จะทำให้เรารู้อยู่กับกายและจิตได้มากขึ้น ไม่ไปแว่บข้างนอก
สมาธิที่เกิดขึ้นก้จะตั้งมั่นได้นานมากขึ้นค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ความคิดนะครับตอนนี้ของผมนะครับ
ผมรู้ที่กาย เวลาเดินหรือนั่ง พอมีความคิดเกิดสติไปจับมันจะดับครับ

พอดีนะเมื่อวานฟังคุณเล่าว่า ตอนเกิดเวทนา คุณบอกว่าคุณดูตั้งแต่เกิดจนมันดับเอง
ไม่ใช่ลงไปคิด ครับผมเข้าใจแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันมีสองแบบน่ะค่ะ

การคิดโดยแยบคายคือ หาเหตุและผล ซึ่งได้ยกตัวอย่างให้ฟังไปแล้ว
และเมื่อมีสติ สัมปชัญญะกับสมาธิในระดับหนึ่ง เราจะเห็นตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ
ตั้งแต่เวทนาเกิดขึ้น ขณะที่เกิดจนกระทั่งหายไปหรือดับไป

เห็นไหมคะ รูปแบบ แล้วแต่สภาวะ แล้วแต่กำลังของสติ สัมปชัญญะและกำลังของสมาธิ
ว่ามีกำลังตั้งมั่นได้นานแค่ไหน ฉะนั้นจึงไม่มีรูปแบบตายตัวในเรื่องของสภาวะ

ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ เจอด้วยตัวเอง แล้วเรียนด้วยตัวเอง จะเข้าใจได้ชัดเจนกว่าคนอื่นๆมาพูดให้ฟังค่ะ

ooสาธุoo says:
แสดงว่าวันนี้ผมเล่นกับกิเลสโดยตรงเลยสิครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คุณเก๊ะจะตอบคำถามที่ถามมาได้เองค่ะว่า ลงไปเล่นกับกิเลส หรือว่าพิจรณาหาเหตุและผล

ooสาธุoo says:
จริงๆๆอะครับ วันนี้ผมคิดแบบแยบคายจริงๆๆๆ
มันมีเหตุและผล ผมรู้นะครับว่ามันคิด คิดว่ามันคิดไปในทางธรรมนะครับ
เลยปล่อยไปเรื่อยๆๆๆๆ แล้วก็ลงไปเล่นกับมันเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละ ไหลไปกับความคิด

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ไว้เดี๋ยวได้สมาธิและสติมากขื้น คงจะได้รู้ด้วยตัวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำไปตามความเป็นจริงค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับ ดูตามความจริง ว่ามันคิดอะไร

สุขที่แท้จริง says:
กำลังเรามีแค่ไหน จะรู้มากหรือน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือรู้กิเลสในใจของเรา

ooสาธุoo says:
เราเพียงดูเฉยๆๆๆใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดู แล้วรู้ว่ามันมี แล้วกลับมารู้ที่เท้า ถ้ากำลังเดินอยู่ ถ้ากำลังนั่งอยู่ ให้กลับมารู้ที่กายหรือลมหายใจ

ooสาธุoo says:
แหมวันนี้มันมาแบบแยบยลเลย

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสมันจะเนียนค่ะ

ooสาธุoo says:
ดีนะวันนี้ยังถามคุณ ไม่งั้นเดี๋ยวมันมาอีก ผมลงไปเล่นกับมันสนุกอีก
ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่างนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แบ่งปันกันค่ะ เมื่อเคยผ่านมาแล้ว ย่อมบอกได้ค่ะ
อีกหน่อยตัวคุณเก๊ะก็จะโดนถามแบบที่คุณเก๊ะถามๆมานั่นแหละค่ะ
แล้วคุณก็จะนำสิ่งที่คุณผ่านมาทั้งหมด เล่าให้คนอื่นๆฟังต่อ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2010, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 16


เมื่อคืนจะขื้นไปปฎิบัตแต่มีอารมณเหมือนกับขี้เกียจมาก พอตอนเช้ามาปฎิบัตตามเดิม
แต่วันนี้ทำไม่นานคือเดินไป20นาทีนั่ง10นาที รู้ว่าตัวเองวันนี้หงุดหงิด

สุขที่แท้จริง says:
หงุดหงิดเพราะอากาศร้อน หรือเพราะอะไรคะ

ooสาธุoo says:
สงสัยเมื่อเช้าไปว่ายน้ำมานะครับ กลับมาเลยทานเยอะไปนะครับ อาหารเลยไม่ย่อย
หิวมากไปมั้งครับ

การอ่านสภาวะของคนอื่นนี่ดีไหมครับ
แต่ที่ผมอ่านของคุณหมูนะครับ ก็คล้ายๆๆๆกันนะครับ
สภาวะส่วนให่ญ่จะเหมือนๆๆๆกันไหมครับ หรือมันแล้วแต่เหตุครับ

สุขที่แท้จริง says:
ส่วนมากเลยค่ะ จะเหมือนๆกัน แต่แตกต่างตรงเรื่องรายละเอียดว่าใครฟุ้ง
หรือใครกลับมารู้ที่กาย ที่ลมหายใจได้ก่อนกัน

คนไหนมารู้หลักๆที่กายที่ลมหายใจได้ จะไม่ค่อยมีข้อปลีกย่อยมากมาย
ส่วนคนที่ยังจับหลักไม่ได้ ก็ยังคงฟุ้งต่อไปค่ะ

บางคนอ่านแล้วชอบนำมาเปรียบเทียบกับตัวเอง ถ้าเห็นว่าดีกว่าเขา
กิเลสคือ ใจฟูฟ่อง ถ้าเห็นว่าแย่กว่าเขา ความฟุ้งซ่านเอาไปกิน

ooสาธุoo says:
ครับ ใช่ครับ
การที่เรามีสมาธิมากขื้น เราก็จะรู้ที่กายมากขื้นใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จะอยู่ที่กายได้ดี คือ รู้อยู่กับรูปนาม ไม่ไปฟุ้งข้างนอก
บางครั้งอาจจะเจอสุข เจอปีติ ก็แล้วแต่กำลังของสมาธิและสติ
ถ้าสมาธิมีกำลังแนบแน่นดี สติ สัมปชัญญะดี จะไม่มีสุข แต่จะรู้อยู่ในกายได้ดี

ooสาธุoo says:
บ้างทีเรารู้อยู่ที่กาย การรู้อยู่ที่กายนะครับ เป็นการผืกสมาธิอย่าง1ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือฝึกทั้งสมาธิ และสติ สัมปชัญญะค่ะ สมาธิแบบนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิค่ะ
คือ รู้ความคิด รู้กาย รู้ลมหายใจ เรียกว่ามีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
แต่ถ้าไม่ได้ฝึกแบบนี้ จะมีสมาธิอีกแบบคือ ขาดความรู้สึกตัว แบบนั้นคือมิจฉาสมาธิ

ooสาธุoo says:
เออผมถามอีกทีนะครับ คือว่าเวลาผมเดินหรือนั่งนะครับ ผมจะมีความรู้สืกเป็นบ้างครั้ง
จับได้ทั้งลมหน้าอกท้อง จับได้เป็นบ้างครั้งนะครับ
จับได้ทั้งลม ทอ้ง หน้าอก ผมก็จะรู้อย่างเดียว
สักพักมันก็จะมาจับที่ลมตามเดิม หรือมาจับที่ท้อง

สุขที่แท้จริง says:
แล้วยังไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
ทีแรกผมนืกว่าเป็นการรู้ทั่วพร้อมสะอีก
แต่คุณตอบให้ผมฟังมาแล้วว่าความรู้ทั่วพ้รอมคืออะไร
รู้ทั้งลม กาย และความคิด

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เรื่องความคิด คือ มันอาจจะรู้ชัด หรือรู้แผ่วๆ
แต่หลักๆจะรู้ลม รู้กายได้ดี แบบนี้คือ มีทั้งสมาธิและสติ สัมปชัญญะ
ถ้าขาดสติและสมาธิ จะไม่สามารถรู้ได้ตลอดแบบนี้ได้

ooสาธุoo says:
อย่างนี้นะครับ คือเมื่อกอ่นนะครับ
ผมนึกว่าจิตเรานะ สามารถรู้ได้ทีละ1อย่าง คือถ้าตอนนั่งมีการคิดก็จะไปรู้คิด
แต่ตอนนี้เวลาเดินนะครับรู้เท้าและจะมีความคิดเกิดก็จะรู้ด้วย
เพียงแต่ว่าจะชัดหรือไม่ชัดเท่านั้น

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แล้วไงหรือคะ

ooสาธุoo says:
ก็เข้ากับที่คุณบอกผมใช่ไหมครับว่าถ้าเรามีสมาธิดี สติดี สัมปชัญญะดี มันจะรู้ได้พร้อมกัน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ทุกอย่างมันจะแยกออกเป็นส่วนๆ ไม่มาปนกัน
คือ รู้ทั้งหมดจริง แต่มันจะมีชัดที่สุดทีละจุด

ooสาธุoo says:
ครับ บางทีนะครับ ผมนะไม่มีอะไรจะถามนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
บางทีคำศัพท์นะคุณเก๊ะ ถ้าเราไปยึดติดกับคำเรียกต่างๆ ก็สามารถทำให้เกิดความสงสัยไม่รู้จบ
นั่นเรียกอะไร นี่เรียกอะไร แล้วเราอยู่ตรงไหน มันทำให้กลายเป็นความฟุ้งไปได้ค่ะ
หน้าที่หลักๆของเราคือ เดินรู้เท้า นั่ง รู้ลมหายใจ รู้อยู่กับกาย มีแค่นี้เองค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ แต่เดี๋ยวนี้นะครับ พอผมพอรู้ว่าอันไหนคือตัวรู้ อันไหนคือความคิด

ใช่ครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่สงสัยมากแล้วละครับ เพราะว่าทีแรกสงสัยมากว่ารู้อู่ยกับกาย
มันจะไปรู้อะไรเพิ่มอีกได้ไง

แต่เดี๋ยวนี้รู้แล้วละครับว่า ถ้าเรารู้อู่ยกับกาย
พลังของสมาธิและสติจะพัฒนาขื้นไปเองใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ กำลังของสมาธิจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังของสติ สัมปชัญญะจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
เดี๋ยวนี้ผมอาจจะไม่เกิดความฟุ้งมากเหมือนเมื่อก่อนก็ได้

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ารู้แบบนี้ได้ ความคิดจะเกิดน้อยค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
มันจะเห็นแต่ลมหายใจ จากลมหายใจหายไป จะมารู้อยู่กับกาย สลับไปมาแบบนี้

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เรามีหน้าที่คือ เฝ้าดู ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
บางทีนะคุณเก๊ะ น้ำนะจะนั่งดูอยู่แบบนี้ได้หลายๆชม.

ไม่ใช่นั่งกับพื้นนะคะ นั่งกับพื้นจะจำกัดสภาวะไว้ที่ 1 ชม.
ไม่งั้นโอกาสที่ว่าสมาธิเอาไปกินหมด มันมีมาก นี่คือ เวลานั่งที่โซฟาน่ะค่ะ
บางทีนั่งดูไปแบบนี้ บางครั้งดับไปในสมาธิบ้าง รู้ตัวบ้าง 5 ชม. นี่นั่งได้สบายๆเลย

ooสาธุoo says:
คือตอนนี้นะครับ เวลาผมเผ้าร้านนะครับ
ผมรู้อยู่ที่ลม แต่ตานะจะไปมองที่คนอื่นนั่งเล่นอู่ย

สุขที่แท้จริง says:
ได้ค่ะ นั่งคุยทางเอมแบบนี้ พอรอคำพูดของอีกคนก็สามารถรู้พองยุบได้ตลอดค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ ผมคุยกับคุณ เวลารอก็จะรู้ที่ลม

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ มันจะเป็นเอง เพราะจิตมันจำ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ เมื่อก่อนตอนเดินนะครับ ผมยังจะนั่งคิดเลยว่าจะไปจับที่เท้าหรือลมดี
แต่มันยังกับอึดอัดนะครับ เลยปล่อยว่าแค่รู้

บางทีไปที่ลมบ้างทีไปที่เท้า เบาสบายกว่ามากเลยครับ
คือถ้าเราตีกรอบให้เขาเนยมันเหมือนจะอึดอัดใช่ไหมครับ ก็คือเกิดการเพ่งขื้นมาใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คิดมันยังเป็นการบังคับ บังคับให้เป็นดังใจที่ต้องการ

ooสาธุoo says:
อธิบายเลย ผมชอบมากเลยครับ เพราะว่าอธิบายแล้วเห็นสภาวะที่อธิบายได้

สุขที่แท้จริง says:
คือต้องถามมาน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
บางทีนะครับ รับกับคุณตรงๆๆๆเลย บางทีไม่มีคำถาม
แต่ถ้าบางทีคุยไปคุยมา ก็จะนึกขื้นมาได้

วันนี้ที่หงุดหงิดหรืออะไร นะครับ ผมว่าน่าจะมีการตีค่าเข้ามาบ้าง กลัวหลุดเป็นบ้างครั้ง
พอกลัวหลุด พอมีสติก็จะรู้เลยว่าราไปกลัวหลุด ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เลยเหมือนไปกดเอาไว้

ooสาธุoo says:
ครับ คือบางทีนะ เราปล่อยตามธรรมชาติไปนะครับ
ความคิดบางอย่างที่เราไม่เกิดขื้นมานานแล้ว มันกลับมาเกิดอีก แต่ความเป็นจริง
เราเพียงแค่รู้ก็พอ แต่บ้างทีผมไปตีค่า

สุขที่แท้จริง says:
อุปทานน่ะค่ะ ตราบใดที่ยังมีการยึดมั่นถือมั่นในตัวเองอยู่ ก้จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ
เราจะชอบไปให้ค่าต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่มากระทบ

ถ้าเพียงเรามีสติรู้อยู่ รู้แค่ว่ามันเกิดการกระทบ แต่ไม่ไปให้ค่าต่อสิ่งที่มากระทบ
สภาวะนั้นก็จะดับไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
เราจะสงบ นิ่ง รู้อยู่กับกายของเรา
ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็รู้ ไม่ไหลไปตามสิ่งที่มากระทบ
ใช้เวลาน่ะคุณเก๊ะ อย่าคาดหวัง ตัวนี้คือจุดสำคัญ อย่าอยาก

เวทนาเกิด อยากให้หาย อยากให้หมดเวลาเร็วๆ เรามีหน้าที่คือดูตามความเป็นจริง
ปวดก็ให้รู้ว่าปวด ปวดเพราะเรายังมีอุปทานยึดติดอยู่กับกายนี้อยู่

ooสาธุoo says:
ผมยอมรับเลยนะครับ การมีสติตลอดนะ ดี
แต่ถ้าเราขาดสตินะ ก็จะโดนเลย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ หากเราไม่ได้มาฝึกเจริญสติ เราจะรู้แบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
สังเกตุนะคะ เราจะเก็บรายละเอียดต่างๆได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

ooสาธุoo says:
จริงครับ คือสภาวะนะ สภาวะทุกอย่างมันจะพัฒนาตัวมันเอง
ขิ้นอยู่กับจิตของเราที่พัฒนาขื้นไปด้วยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกอย่างเป็นไปตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ และสมาธิค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ใจนะครับ ทีแรกผมคุยกับแต๋วว่าผมอยากให้ไป แต่แฟนให้เหตุผลมานะ
ก็ใช้ได้นะครับ ว่าเขายังมีภารที่รับผิดชอบ

สุขที่แท้จริง says:
พูดแค่ควรพูดค่ะ หากกุศลเขามีและส่งผล เขาย่อมได้ไปค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมเลยคิดว่าจะสอนให้เขาเดินกับนั่งสมาธิ

สุขที่แท้จริง says:
วิบากกรรมของแต่ละคนมี ฉะนั้นเขาจะได้ไปเมื่อไหร่ นั่นอยู่ที่เหตุเขาทำมาค่ะ เราพูดแค่ควรพูดพอ

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ย้อนกลับมาดูที่คุณเก๊ะสิคะ เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงวาระ ยังไงๆเราก็คงยังไม่ได้คุยกัน
ถ้าเราเข้าใจตัวเองได้ เราย่อมเข้าใจเหตุของทุกๆคนได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ อันนี้นะครับ ถ้าใครไม่ได้สัมผัสเอง เล่าให้ตายก็ไม่รู้ว่าคุณนะสุขยังไง

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ สุขทางโลก กับสุขทางธรรมมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

ooสาธุoo says:
ถ้าคนเข้ามาสัมผัสแล้วจะรู้เลยว่าความสุขของคุณคือสุขยังไง

จริงอย่างคุณว่าถ้าเราไปคาดหวังมาก เดี๋ยวผิดหวังมา ตัวใจอาจจะไม่ทุกข์เรากับมาทุกข์เอง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ เราไปเก็บเกี่ยวทุกข์เข้ามาหาตัวเราเอง
ถือว่าพูดในสิ่งที่คิดจะพูด จบแล้ว เราก็ไม่จำเป้นต้องไปพูดอะไรต่อ

ถ้าไปเซ้าซี้ มองดีก็ดี มองไม่ดีก็มองว่าเราไปหวังอะไรจากเขา
อยู่ตรงกลางดีกว่าค่ะ ไม่เบียดเบียนทั้งตัวเราและตัวเขาเอง

ooสาธุoo says:
ครับใช่ บางสิ่งบางอย่างมากไปก็ไม่ดี

สุขที่แท้จริง says:
กลับมารู้กายเราดีกว่าค่ะ รู้แบบนี้สบายดี

ooสาธุoo says:
เราเอาตัวเองให้ดีก่อนที่สุดเลยใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่เลยค่ะ เหตุของใครเหตุของคนๆนั้น
ถึงเวลา ทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 17


เมื่อคืนปิดร้านแล้วขื้นไปปฎิบัต เดินได้30นาทีแต่นั่งได้แค่5นาทีเองเกิดง่วงก่อน
พอมาตอนเช้าก็ปฎิบัตคือเดินไป1ชม นั่งไป40นาที ตอนนั่งเกิดเวทนาก็รู้อย่างเดียวว่ามีเวทนาเกิด

ooสาธุoo says:
การเมืองไปกันให่ญแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
พอดียามที่ทำงานเล่าให้ฟัง พนักงานมาคุยให้ฟัง
วันนี้เลยทำกรรมฐานทั้งวันแผ่เมตตาช่วยทุกๆคนค่ะ เหตุเขาทำมาร่วมกัน
หน้าที่เรามีนะคะ เราต้องทำหน้าที่เราต่อ ถ้าเรามัวไปส่งจิตออกนอก
ใจเราจะฟุ้งไปตามสิ่งที่มากระทบ

ooสาธุoo says:
อนุโมทนาด้วยครับ

สุขที่แท้จริง says:
สาธุค่ะ

ooสาธุoo says:
เมื่อเช้านั่งนะครับ เกิดเวทนามาก ก็รู้อย่างเดียวว่าเกิดเวทนามาก

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ ใหม่ๆจะเจอแบบนั้นแหละค่ะ สุดๆ
บางทีเล่นเอาน้ำตาร่วง เพราะเรามีอุปทานมาก ยังยึดติดกับร่างนี้อยู่

ooสาธุoo says:
ครับ ถ้าเป็นเมื่อกอ่นนะครับ ผมถอนแล้ว แต่ถ้าถอนอยู่ประจำก็จะไปไม่ถึงไหน
พอถึงตรงนี้ก็ถอนที่ผมตั้งเวลานะครับ เพราะอย่างนี้ด้วยนะครับ ต้องเอาให้ได้ตามเวลาที่เราตั้งไว้

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ตามเวลาที่กำหนดไว้

ooสาธุoo says:
นี่คือการอยากอย่างนึงไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เขาเรียกว่าความทุกข์บีบคั้นค่ะ ความอยากคือ อยากมี อยากได้ อยากสำเร็จ
อยากให้หมดเวลาไวๆ นี่ก็ความอยาก แต่อยากเพราะทุกข์บีบคั้น

ooสาธุoo says:
อ๋อคือความทุกขบีบเรานะหรือครับ คือความเจ็บปวด
เราเลยเกิดความอยากขื้นมา ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อยากให้หมดเวลา
ความอยากตัวนี้เป็นแบบหยาบๆค่ะ เราเลยมองเห็นได้
วันนี้มีคำถามแค่เรื่องเดียวหรือคะ

ooสาธุoo says:
ครับ มีอาการขี้เกียจ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ เรื่องปกติค่ะ ยังเป็นเหมือนกันค่ะ ในบางครั้ง

ooสาธุoo says:
แต่ผมต้องเข็นให้ทำเป็นกิจวัตร

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ แรกๆต้องเข็น ให้ทำต่อเนื่องให้ได้

ooสาธุoo says:
ครับ เพราะเมื่อวานคุณก็อธิบายเรื่องเวทนาให้ผมฟังแล้วนะครับ ว่าถ้ามีสมาธิมากขื้น ก็จะทราบเอง

สุขที่แท้จริง says:
สติด้วยค่ะ 2 อย่างทำงานร่วมกัน จึงจะเห็นตามความเป็นจริงได้

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ วันนี้มีชว่งสั้นๆๆๆที่เวทนาหายไป แล้วก็กลับมาอีก รู้อย่างเดียวพอใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ เอาไว้จะเจออะไรที่มากกว่านี้ค่ะ เล่าให้ฟัง ไม่เท่ากับเห็นด้วยตัวเอง
คือ ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อย่าเอาเราหรือความคิดของเราเข้าไปข้องเกี่ยวในการปรุงแต่ง
แต่ถ้าจะใช้วิธีพิจรณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยง จะทำแบบนั้นก็ทำได้ค่ะ

ooสาธุoo says:
อะไรทุกอย่างถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะถามแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมรู้แล้วละครับว่าต้องรู้ดว้ยตัวเอง
กำลังเราได้แค่ไหนก็แค่นั้นละครับ ยิ่งได้ยินอะไรมาเอามาคิด ก็มีความอยาก

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ทำตามกำลังเรา สบายใจที่สุด ใครดีหรือไม่ดี นั่นแค่ความคิดของเราฝ่ายเดียว
เราเห็นแค่เปลือก เปลือกก็คือเปลือก

ooสาธุoo says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราจึงควรมองกายและจิตของเราให้มากๆ คือ รู้อยู่ในตัวเองให้ได้มากที่เที่เราทำได้

ooสาธุoo says:
ครับ เดี๋ยวนี้ตามใจคนอื่นมากกว่าตัวเองแล้วละครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทำแล้วดีนะคุณเก๊ะ มันจะไม่ค่อยส่งจิตออกนอก ความคิดต่างๆจะน้อยลง
จะรู้อยู่แต่ในกายและใจ เอาตามกำลังของเรา รุ้แค่ไหนเอาแค่นั้น แล้วเปลี่ยนอริยาบทใหม่

ooสาธุoo says:
ครับ ทุกวันนี้นะครับความคิดนะเกิดน้อยกว่าเดิมเยอะมากครับ
นั่งเฉยๆๆๆเดี๋ยวเขามาจับที่ลมเอง ไม่เหมือนเมื่อก่อนต้องบังคับ เดี๋ยวนี้บางทีเข้ามาเอง

มีความคิดเกิดบางเรื่องเรายังมีคาใจบ้างนะครับ แต่พอเราถอยออกมานั่งสักพักมันก็จะหายคาใจ
การรู้เฉยๆๆๆ ฟังง่ายครับ แต่ตอนนี้ผมรู้เลยว่ายากนะ สติไม่ทันนะ ลงไปเล่นสะแล้ว

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ ทำเองถึงจะรู้ค่ะ

ooสาธุoo says:
แต่ที่หลุดนะครับ บางทีเราไปตีค่ามันอีกทีนี้ละก็เรื่องยาวอีก
บางทีตอ้งถอยออกมานั่งสักพัก จึงรู้ว่าเราไปตีค่ามันเอง ไปยึดเอง

สุขที่แท้จริง says:
นั่นแหละค่ะ การให้ค่านี่แหละตัวร้าย

ooสาธุoo says:
มิกี้คุณบอกว่า เวลาเกิดเวทนานะครับ มี2อย่างคือรู้เฉย กับการเอาอะไรมานะครับ

สุขที่แท้จริง says:
การพิจรณาถึงความไม่เที่ยงค่ะ เช่นที่ว่าปวด ปวดเพราะอะไร ไล่ไปทีละสเตป

ooสาธุoo says:
อันนี้คือเราเอาธรรมมาคิดใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ อนุมานเอาเอง

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
จนกว่าจิตจะเห็นตามความเป้นจริง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


May 18


เมื่อคืนปิดร้านขื้นไปปฎิบัตคือเดินได้10นาทีนั่ง10นาที
ตอนเช้าปฎิบัตคือเดินไป1ชม นั่ง40นาที


ooสาธุoo says:
วันนี้นะครับ ผมนั่งนะครับ ผมคิดธรรมเกี่ยวกับการเกิดเวทนา เวทนาเบาลง
ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเราเอาจิตไปคิด เลยไม่ไปจับที่เวทนาอะเปล่าครับ
เลยทำให้เบาและเพลินไปดว้ย เวลาหมดไว ใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ปีติเกิดน่ะค่ะ เลยเพลินกับสภาวะ ทำให้มีความรู้สึกว่าเวลาหมดไว ทั้งๆที่เวลาก็เหมือนเดิมทุกอย่าง
การพิจรณา ทำให้เราไม่ได้ไปจดจ้องที่เวทนา จะว่าหลบก็เหมือนหลบ ให้ดูที่เจตนา

ooสาธุoo says:
ครับ ผมว่าจะทำอย่างนี้ได้ไหมครับ วันไหนถ้าสมาธิจับที่ลมได้ เราก็ดูอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
เมื่อไม่ไปจดจ้อง จิตเขาไปเพลินอยู่กับการพิจรณา ทำให้รู้สึกว่าเวทนาเบาบางลงไป
จริงๆแล้ว เวทนาทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ความปวดเมื่อย ความเจ็บปวด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงอุปทานเท่านั้นเอง

ooสาธุoo says:
แต่วันนี้นะครับ สมาธิไม่นิ่งครับ ตอนนั่งเกิดการคุยกันในตัวเองเกี่ยวกับธรรม
ว่าเวทนาที่เกิดนะ มันก็เกิดของมันอู่ยแล้ว ร่างกายนี้ก็เหมือนกัน
เรามาอาศัยเขาอยู่มันเหมือนกับคุยกับตัวเองนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เข้าใจค่ะ ถ้าไม่มีสมาธิ พิจรณาแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ จะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกตลอดเวลา

ooสาธุoo says:
อันนี้นะครับ มันก็คือความคิดใช่ไหมครับ วันนี้มีปัญหาเยอะ
รอพี่เลี้ยงโดยเฉพาะเลย มาถึงก็ถามอย่างเดียวเลย

สุขที่แท้จริง says:
การถาม มีหลายแบบนะคะคุณเก๊ะ
ถ้าหลังปฏิบัติแล้ว เกิดความสงสัย ความสงสัยตัวนั้นคือสภาวะ
ผู้ตอบ ย่อมตอบตามสภาวะ

แต่มีการถามอีกแบบที่เจอบ่อยคือ ไม่ได้ปฏิบัติ แต่อ่านมามาก แล้วจำมาถาม
อันนี้ยอมรับค่ะว่ารู้สึกเบื่อมากๆ

แต่ก็ต้องตอบเขาไป เพราะเข้าใจคนแต่ละคนว่าสร้างเหตุมาไม่เหมือนกัน
ให้เวลากับเขาเหล่านั้น

สุดท้าย เขาก็หันมาปฏิบัติ ทีนี้ คำถามเขาจะแคบลง
เขาจะถามแต่สภาวะที่เขาเจอ

เราก็จะตอบแค่สภาวะที่เขาเจอ ส่วนที่เขาถามล่วงหน้าในข้อเปรียบเทียบ
เราก็แนะนำว่า ให้เขาลองไปทำดู แล้วจะได้คำตอบเอง

นึกถึงคุณเก๊ะนะคะ
ตอนที่คนๆนี้ถาม ถามแบบแหลกรานเลย
ตอนนั้นเขายังไม่ได้ปฏิบัติ แต่มีความสงสัยมากมายจริงๆ
เหมือนเด็กน่ะค่ะ กระโดดไปเรื่องโน้นเรื่องนี้

ที่ว่านึกถึงคุณเก๊ะคือ ตอนที่คุณเล่าให้ฟังถึงเพื่อนของคุณเขาต่อว่าคุณน่ะค่ะ
แล้วคุณตอบว่าก็ถามแทนไง คนนั้นไงคุณเก๊ะ ที่ส่งลิงค์ของเขาให้อ่านน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
ครับจำได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งที่เขาถามมา พอดีตรงกับความสงสัยของหมูและคุณเก๊ะพอดี ตอบ 1 ได้อีก2

ooสาธุoo says:
ไม่เหนื่อยมากครับ ตอนนี้เจอแต่คนขี้สงสัยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แรกๆก็ยอมรับนะคะ ไม่มีอะไร พอเขาถามติดต่อหลายวันเข้า ความหงุดหงิดเริ่มมา
แล้วใจคิดนะคะ จะถามอะไรนักหนา ทำก็ไม่ทำ เอาแต่ถาม
แต่ พอเราสงบลง สติมา ปัญญาเกิด

เราควรเมตตาต่อเขา เขาถามเพราะความไม่รู้ ไปถามใครๆก็ตอบเขาไม่ได้
เขาจึงจ้องจะถามเราเพราะเหตุนี้ เขาคือหนึ่งสภาวะที่มาทดสอบเรา

ooสาธุoo says:
โหอนุโมทนาเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราสอบตก สาธุค่ะ
นี่แหละคุณเก๊ะ บททดสอบจะมาให้เราทำข้อสอบแบบไม่รู้ตัว ไม่มีการเตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น
ตอนนี้เขามาปฏิบัติแล้วค่ะ เขาจะมาถามหลังปฏิบัติทุกวัน มีแต่แปลกๆค่ะที่เข้ามาหาแต่ละคน

ooสาธุoo says:
ดีครับ สิ่งนี้นะครับ ถ้าเข้ามาปฎิบัต แล้วมองย้อนหลังไปนะครับ
ถืงบางอ้อเลยครับ ยิ่งถามมากยิ่งวน

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คือจะมีแต่ความสงสัย พอเขาได้ทำเอง เขาเข้าใจมากขึ้น

นี่เมื่อวานเขาก็ถามอีก เดินมาก เดินน้อย นั่งมาก นั่งน้อย ต่างกันยังให้ แล้วให้ผลเป็นแบบไหน
ก็บอกเขาว่า ให้ลองทำด้วยตัวเอง แล้วจะได้คำตอบ เขาก็บอกว่า ตกลง เขาจะทำ แล้วจะมาบอก

ooสาธุoo says:
ตานี้ผมถามต่อ ตอนผมนั่งนะครับ
ตาในนะครับจะไปเห็นสิ่งต่างๆๆๆๆ ผมว่าอันนี้คือจิตคิดใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
เห็นอะไรหรือคะ เห็นยังไง

ooสาธุoo says:
เห็นสิ่งทั่วไปนะครับ พอผมกับมาที่กายก็จะหาย สักพักก็มาให่ม

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งทั่วไปคืออะไรคะ
ถ้าคุณเก๊ะ ไม่บอกมาตรงๆ ตอบไม่ได้ค่ะว่านั่นคือความคิด หรือว่านิมิต หรือว่าอะไร

ooสาธุoo says:
บอกไม่ถูกนะครับ บางทีก็เห็นมือเราที่ว่างอู่ยบนตัก
บางทีก็เห็นแมวที่เราเลี้ยง บางทีก็ร่างกายทั้งร่าง

สุขที่แท้จริง says:
อ๋อ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่ารู้ค่ะ ไม่มีอะไร มันจะเห็นสารพัดค่ะ เห็นแบบนี้ ให้กลับมารู้ที่กายน่ะถูกแล้วค่ะ

ooสาธุoo says:
ผมก็จะมาจับที่ลม ครับผม

สุขที่แท้จริง says:
เห็นลมหรือคะ ถึงไปจับที่ลม ไม่ได้ไปฝืนดึงกลับไปที่ลมนะคะ

ooสาธุoo says:
ขณะที่เห็นนะก็จับลมอยู่นะครับ วันนี้ตอนเดินตอนเช้านะครับ
หรือนั่งนะครับไม่มีสมาธิเลยนะครับ ก็ดูตามความเป็นจริง ไม่มีก็ไม่มี เดินต่อไป จับได้แค่ไหนก็แค่นั้น

สุขที่แท้จริง says:
กำลังจะบอก นั่นแหละค่ะ
มีแค่รู้ว่ามี ไม่มีก็คือไม่มี ไม่ไปให้ค่าทั้งการมีและไม่มี แต่ดูตามความเป็นจริง ตามที่รู้จริงๆ

ooสาธุoo says:
ครับ ตอนนี้นะครับ คุณสอนผมให้ดูตามความเป็นจริงนะครับ
ผมก็ดูตามนั้นด้วยความเต็มใจเลยนะครับ มองตามความเป็นจริง

แต่พอมาในร้านเดินนั่ง มีสมาธิดีมากครับ
การที่เรานั่งโชฟานะครับ ไม่มีเวทนาเกิดมาก จะมีก็แต่หลับอย่างเดียว
วันนี้ผมนั่งไม่หลับจับลมได้ตลอด อันนี้น่าจะมีสติและสมาธิดีใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ จะทำให้รู้ตัวได้ตลอด พร้อมๆกับสมาธิเกิดได้ตลอด เป็นการสะสมไปค่ะ
สิ่งที่เรากระทำเนืองๆในยามที่ไม่ได้ทำเต็มรูปบบ จะเป้นการสะสมไปเรื่อยๆ พอถึงเวลาทำเต็มรูปแบบ
สังเกตุได้ค่ะ สติจะทันมากขึ้น เวลาเกิดสภาวะ กำลังของสมาธิก็มีเมมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกแนบแน่นมากขึ้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมปฎิบัตตามที่คุณสอนผมมาเนี่ยนะครับ ประมาณ1เดือนเนี่ย
ผมรู้ด้วยตัวเองเลยครับว่าผมมีสมาธิมากขื้นและสติก็มากขื้น

มีอะไรเกิดตอนนั่งไม่ว่าใครจะทำไรเมื่อก่อนนะครับ
จะโทษเลยว่าทำเสียงดังไม่มีสมาธิเลย

แต่เดี๋ยวนี้จะดูตัวเองเป็นหลัก แก้ตัวเองเป็นหลัก
ไม่ไปโทษสิ่งข้างนอก ต้องหาที่แก้ที่ตัวเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
ถูกต้องเลยค่ะ แหมมโดนใจจริงๆ
เราไปแก้คนอื่นๆไม่ได้หรอกค่ะ ทุกคนต้องแก้ที่ตัวเอง

เหตุเกิดที่ไหน แก้ที่นั่น ไม่ใช่ไปแก้นอกตัว
วิธีแก้ พูดง่ายแต่จะทำง่ายหรือยากก็อยู่ที่เหตุกระทำมา และที่กำลังกระทำ
คือ ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รู้ลงไป โดยไม่มีความชอบหรือชัง ไม่ไปคิดแก้ไขใดๆทั้งสิ้น
ตัวเราทั้งนั้นเลยนะคะ ที่ขยันสร้างเหตุไปด้วยความไม่รู้ ไม่รู้จบ

ooสาธุoo says:
ตอนนี้ผมรู้ตัวเองเลยนะครับ ตอนปฎิบัตนะ ยังไม่ละเอียด
คือบางทีลงไปเล่นกับความคิดอะเปล่าบางทียังไม่รู้นะครับ
ผมก็ปฎิบัตไปเรื่อยๆๆๆๆ สภาวะนะครับ มันจะชัดขื้นเองใช่ไหมครับ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ คุณเก๊ะ อ่านของหมูสิคะ เขาสรุปสภาวะของเขาในวันนี้

viewtopic.php?f=7&t=25996&p=203044#p203044 กระทู้ล่างสุดเลยค่ะ

หลังจากที่เขาเคยคิดว่า วนๆ กลัวไม่ก้าวหน้าแต่ทำต่อเนื่อง จากที่ไม่รู้อะไเลย
เคยเลิกทำมาหลายครั้ง ก่อนที่จะมาเจอกันน่ะค่ะ

ooสาธุoo says:
อ่านแล้วอธิบายให้ผมได้เป็นบางข้อเลยครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เราจะได้คำตอบที่เคยสงสัยและกำลังสงสัยด้วยการปฏิบัติของตัวเราเอง
รู้ถูกคือ รู้ไม่หลงในกิเลส

ไม่มีคำว่าดี ไม่ดี ถูก ผิด คำบัญญัติทั้งหลายไม่มี แต่จะเห็นแต่กิเลส
กิเลสที่ทำให้เราทุกข์

ooสาธุoo says:
อ่านเสร็จมีกิเลสเลย อิจฉา สอบตก

สุขที่แท้จริง says:
น่านนนน ผลัดกันอิจฉา เฮ้ออออ หมูเขาน่ะอ่านของคุณเก๊ะ เขาก็อิจฉา
อย่าอิจฉาเลยค่ะ มันแค่สภาวะ

ooสาธุoo says:
ครับ ไว้เจอหน้ากับคุณหมูเนี่ย คงต้องหัวเราะใส่กัน

สุขที่แท้จริง says:
มันเป็นสภาวะจริงๆค่ะ ทุกคนไม่แตกต่างเลย ที่เราเห็นว่าคนนั้นดีกว่า หรือเราดีกว่าเขา
เพราะ รู้แค่ไหน ย่อมอ่านสภาวะของแต่ละคนได้แค่นั้น

ooสาธุoo says:
ครับใช่

สุขที่แท้จริง says:
ถ้าเข้าใจสภาวะได้จริงๆแล้ว เวลาอ่านจะรู้เลยว่า เหมือนๆกัน
แต่แตกต่างตรงตัวกิเลสของเขา ที่เขาได้เจอกัน

ooสาธุoo says:
คือผมจะเตือนตัวเองตลอดแล้วนะ ว่าการปฎิบัตไม่ใช่การแข่งขัน

สุขที่แท้จริง says:
แบบนั้นแหละค่ ะ หมั่นเตือนตัวเอง กำหราบเอาไว้
กิเลสใคร กิเลสมัน ต่างเฝ้าดูและละมันลงไป

มีมาก มีน้อย แตกต่างกันไป ตามเหตุที่ทำมา
สติทัน ดับไวขึ้น สติไม่ทัน โดนกิเลสลากไปกิน

ooสาธุoo says:
ครับใช่ ผมอ่านที่คุณเขียนมานี่3รอบ
ค่อยๆๆๆอ่าน จริงๆๆๆครับ มันคือสภาวะอย่าง1

สุขที่แท้จริง says:
กำลังจะถามว่า ที่ว่าเขียน คือ อันไหนคะที่คุณเก๊ะกำลังอ่าน

ooสาธุoo says:
ประโยคสุดท้ายนะครับ
มันเป็นสภาวะ ไม่ต้องอิจฉากันหลอก มันขื้นกับเหตุ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ ตอนนี้ เรากำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้แล้วนะคะ
เพราะต่างคนต่างเข้าใจชัดเจนกับเรื่องของสภาวะมากขึ้น

แรกๆยังละล้าละลัง กล้ำๆกลึ่งๆ
ถ้าไประลึกถึงอดีต อย่าแปลกใจนะคะ เพราะจะเป็นแบบนั้นจริงๆ
สภาวะเขาจะทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา
เป็นการตอกย้ำความผิดพลาดที่เราเคยทำลงไปด้วยความไม่รู้

ooสาธุoo says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
และผลที่เราได้รับ แต่เราก็ยังไม่รู้ แถมยังมีการตอบโต้กลับไปด้วยความไม่รู้อีก

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เดิน 15 นั่ง 1

ไม่ได้มาบันทึกเสียนาน บันทึกหน่อยดีกว่า =w=
เมื่อวานเจอเรื่องเครียดอย่างรุนแรง ก็เลยเริ่มรู้สึกตัว เราเล่นเกมน่ะแล้วเอาชนะเด็กคนหนึ่งไม่ได้
ก็เลยโกรธมาก ทำยังไงๆ ก็แพ้ เจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
ก็เลยรู้สึกตัวว่า ไม่อยากจะสัมผัสความรู้สึกแบบนี้อีก ไม่อยากจะคิดอาฆาตใคร ดังนั้นเลยไม่อยากจะเล่นเกมออนไลน์แล้ว
เพราะมันเป็นแนวฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ได้ เหมือนเป็นแหล่งสะสมแรงโทสะนะ
เราเองกลับไปเล่นโปเกมอนคนเดียว สู้แพ้ก็แพ้โปรแกรมในคอมดีกว่า
ไม่อยากจะสร้างกรรมกับใคร ไม่อยากทำให้ใครไม่พอใจ หรือว่าไม่อยากให้ใจมีเรื่องบาดหมางกับใคร
พอได้แล้ว... * * อยากมีชีวิตที่เป็นอิสระ

แต่แค่คิดมันทำไม่ได้หรอก... เพราะว่ายังไม่ได้รับบทเรียนไง
ถึงยังไงเราก็มองว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดี ที่ไม่เชื่อฟังพี่ แม้ว่าใจจะอยากเชื่ออยากทำให้ได้อย่างนั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันห้ามกระแสกรรมไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ได้ จนกว่าจะหมดเคราะห์นั้นๆไป
ต้องเจริญสติสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งแล้วสติจะเป็นตัวบอกความจริงให้กับเรา
ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู๋มันคืออะไร

หลายครั้งที่สับสน ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู๋นั้นถูกไหม
ทำยังไงจึงจะเป็นไปในทางที่ดี อนาคตข้างหน้าจะมีเรื่องดีๆรออยู่ที่ปลายทางไหม
เรื่องนี้ก็เคยทำให้เราสับสนอยู่บ้าง... บางทีการไม่คิดเลยน่าจะดีกว่า พยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด

สิ่งที่เราพูดๆมา เราอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองก็ได้
แต่สิ่งที่แน่ใจก็คือ ไม่อยากเจอความทุกข์อีก รับรู้ว่าความทุกข์มันเป็นอย่างไร

เหมือนเวลาที่เราชอบดูคนทะเลาะกัน เปรียบกับคนเชียร์มวยที่อยากให้ฝั่งตรงข้ามชนะ
เพียงแค่มีจิตยินดี ก็ถือว่าเป็นการสร้างกรรม
รู้ว่าตัวเองมีจิตยินดี ในบางครั้งที่เห็นความทุกข์ หรือว่าความไม่ได้ดั่งใจของผู้อื่น
เราจะไม่ให้ความรู้สึกยินดีในทางกิเลสอกุศลนั้นเกิดขึ้นอีก

เราคิดเรื่องชีวิตในอุดมคติมาตลอด... เราอยากจะทำให้ได้อย่างนั้น แต่ว่าใจไม่ยอมทำสักที ก็เลยต้องทุกข์เรื่อยไป
ในวันนี้เราก็ยังมองเห็นภาพชีวิตในอุดมคติของเราอยู่ เราทำอย่างนั้นอย่างนี้ที่มีสาระและประโยชน์ให้ตัวเอง..
อาจจะเป้นเพียงความเพ้อฝัน ที่ไม่น่าเอาความอยากเข้ามาเกี่ยวด้วย
ดังนั้น ถ้าเป็นเพียงความคิดและการวางแผน ไม่เอาความอยากเข้าไปเกี่ยว ก็น่าจะดี

ต่อไปนี้ หากเราจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม
เราก็จะยินดี หากการสูญเสียเหล่านั้นเป็นไปเพื่ออิสระ เป็นไปเพื่อหนีออกจากกองทุกข์
เราก็จะยินดี
ไม่ต้องการที่จะลังเลอะไรอีกต่อไป

ในวันที่เราไม่ได้มาบันทึก เราก็ยังคงทำอย่างต่อเนือง วันละ 10 นาทีบ้าง 5 บ้าง สลับกันไป (ส่วนใหญ่10)
เรามีความรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ เลยเดินนานๆไม่ได้ มันทรมาน เรายังไม่รุ้ว่าความรุ้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร
ถ้าเป็นไปได้ เราอยากจะไปวัดอีก อยากจะไปปฎิบัติที่วัด เพื่อเพิ่มกำลังสติและกำลังบุญให้กับตัวเอง
รักพี่น้ำที่ดูแลเรามาตลอด ตอนนี้เราคิดเสมอว่าเราเป็นเด็กไม่ดี ที่ทำไม่ได้อย่างจุดมุ่งหวัง
แต่เราก็พยายามอยู่นะ...
ถ้ามีสติตลอดเวลาก็ดี ก็จะห้ามอารมณ์ที่เป็นอกุศลได้ จะได้ไม่ต้องเอาไปปรุงแต่งให้เกิดความทุกข์ต่อ

เมื่อกี้เอานิ้วจุ่มน้ำให้ปลาทองตอด... รู้สึกมีความสุขจัง..

--------------------------------------------------------------------------------------

นี่คือภาพที่เราวาดเมื่อราวๆ 3-4 วันก่อน เพื่อเอาไปทำกระทู้เกมกระทู้หนึ่ง
ไม่ได้มาบันทึกเลยไม่มีโอกาสได้เอามาลง
ขอเอามาแปะที่นี่ด้วยนะ * *

รูปภาพ

ในบอร์ดนี้ตอนเราไม่อยู่มีคนนินทาเราด้วยอ่า... สงสัยต้องไปอ่านหน่อยแล้ว * *

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำยังไงก็เป็นคนดีไม่ได้
พอพ้นจากก้าวนี้ไปแล้ว ก็พบกับข้อเสียของก้าวต่อไปที่รออยู่...
สงสัยการเป็นคนที่เฟอร์เฟ็ตนั้นยากเย็นจริงๆ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์กันนะ...

อ่า.. เหนื่อยจัง...

เรียนรู้กันไป
และคงต้องพยายามให้มากกว่าเดิม

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
ทำยังไงก็เป็นคนดีไม่ได้
พอพ้นจากก้าวนี้ไปแล้ว ก็พบกับข้อเสียของก้าวต่อไปที่รออยู่...
สงสัยการเป็นคนที่เฟอร์เฟ็ตนั้นยากเย็นจริงๆ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์กันนะ...

อ่า.. เหนื่อยจัง...

เรียนรู้กันไป
และคงต้องพยายามให้มากกว่าเดิม





ภาพสวยนะคะ พี่น้ำวาดรูปไม่เป็นค่ะ
เห็นไหมคะ แต่ละคนมีความแตกต่างกันไป ตามเหตุที่กระทำมา

คิด สักแต่ว่า คิดค่ะ
อย่าไปให้ค่าให้ความหมายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เพียงดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แล้วแค่รู้ อย่าไปยึดติดจนทำให้เกิดอุปทานขึ้นมา

คำว่า " คนดี " เป็นเพียงการให้ค่าเท่านั้นเองค่ะ
เป็นการให้ค่าต่อสิ่งที่มากระทบ ที่เรามองเห็นแค่เปลือกที่ห่อหุ้มอยู่ ที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เมื่อเกิดความชอบใจหรือพอใจในสิ่งๆนั้น ตรงกับความรู้สึกของเรา เราก็ให้ค่าแก่สิ่งนั้นว่า " ดี "
เช่นเดียวกับเมื่อเกิดความไม่ชอบใจหรือไม่พอใจในสิ่งๆนั้น ที่ตรงข้ามหรือมีความเห็นต่าง
กับความรู้สึกของเรา เราก็ให้ค่าแก่สิ่งนั้นว่า " ไม่ดี "

ทุกอย่างล้วนเกิดจากอุปทาน แล้วเราไปเกาะเกี่ยวเข้ามา ปรุงแต่งมันเองค่ะ
คำว่า " ดี " หรือ " ไม่ดี " ล้วนเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นเองค่ะ
หน้าที่ของเราคือ เจริญสติต่อไป ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
แค่ดู แค่รู้ อย่าไปให้ค่า ให้ความหมายใดๆ

อย่าคาดหวัง ถ้าคาดหวัง ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี ทุกอย่างมันไม่เที่ยง

อย่าคาดเดา เมื่อคาดเดา สภาวะย่อมเปลี่ยนไป ทุกอย่างมันไม่เที่ยง

อย่าอยาก เพราะ ความอยากเป็นตัวปิดกั้นปัญญาไม่ให้เกิด
ยิ่งมีความอยากมากเท่าไหร่อุปทานยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งกลายเป็นว่า ส่งจิตออกนอกมากขึ้นเท่านั้น

ใครจะทำอะไรหรืออย่างไร นั่นคือเขาไม่ใช่เรา
เรา เขา ล้วนไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าใครก็ตาม สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลตามนั้น
ตอนนี้เรากำลังสร้างเหตุดีนะคะ นี่คือชีวิตใหม่ของเราค่ะ


.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 19:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
ทำยังไงก็เป็นคนดีไม่ได้
พอพ้นจากก้าวนี้ไปแล้ว ก็พบกับข้อเสียของก้าวต่อไปที่รออยู่...
สงสัยการเป็นคนที่เฟอร์เฟ็ตนั้นยากเย็นจริงๆ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์กันนะ...

อ่า.. เหนื่อยจัง...

เรียนรู้กันไป
และคงต้องพยายามให้มากกว่าเดิม



=_=คิดมาก ก็เคยบอกไปแล้วว่าไม่มีใครเฟอร์เฟ็ตไปหมดหรอก ทุกๆคนก็ต้องมีสิ่งที่ไม่ดีและดีปะปนกันไป

ขอเพียงว่าเข้าใจและยอมรับข้อเสียปรับปรุงได้ก็พอ

ทำทุกๆอย่างให้มันดีเท่าที่เราทำได้ก็พอ ไม่ต้องไปพยายามฝืนเกิน ทำเท่าที่เราทำได้โดยไม่ฝืน นั้นแหละดีแหละ

ไม่มีใครที่ไม่มีดีและไม่มีใครที่ไม่ดีเลย...ทุกคนทำดีก็เคยผิดพลาดก็เคย เป็นกันหมดแหละ

วารินเน่เป็นคนที่ถ้าไม่พอใจจะแสดงอารมณ์ออกมาและยังเป็นคนที่คิดไม่ค่อยรอบคอบ อาจเพราะประสบการณ์ยังน้อยกว่าเพื่อนๆทุกๆคนเขาก็เป็นห่วง ตอนนี้จำไว้ว่าเวลาทำอะไรคิดอะไรก็ใจเย็นๆคิดโมโหอะไรก็ตั้งจิตคิดให้เย็นๆเราจะมองข้อผิดพลาดได้ง่ายกว่าอีกมากและยอมรับมันได้อีกมาก

สู้ๆ^^~อยุ่ข้างเธอเสมอ คุณเพื่อน อย่าไปคิดมากที่ทุกๆคนเทศน์หรือพูดก็เพราะเป็นห่วงเธอกันนะแหละ

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 22:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลบค่ำ เขียน:
varinne เขียน:
ทำยังไงก็เป็นคนดีไม่ได้
พอพ้นจากก้าวนี้ไปแล้ว ก็พบกับข้อเสียของก้าวต่อไปที่รออยู่...
สงสัยการเป็นคนที่เฟอร์เฟ็ตนั้นยากเย็นจริงๆ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์กันนะ...

อ่า.. เหนื่อยจัง...

เรียนรู้กันไป
และคงต้องพยายามให้มากกว่าเดิม



=_=คิดมาก ก็เคยบอกไปแล้วว่าไม่มีใครเฟอร์เฟ็ตไปหมดหรอก ทุกๆคนก็ต้องมีสิ่งที่ไม่ดีและดีปะปนกันไป

ขอเพียงว่าเข้าใจและยอมรับข้อเสียปรับปรุงได้ก็พอ

ทำทุกๆอย่างให้มันดีเท่าที่เราทำได้ก็พอ ไม่ต้องไปพยายามฝืนเกิน ทำเท่าที่เราทำได้โดยไม่ฝืน นั้นแหละดีแหละ

ไม่มีใครที่ไม่มีดีและไม่มีใครที่ไม่ดีเลย...ทุกคนทำดีก็เคยผิดพลาดก็เคย เป็นกันหมดแหละ

วารินเน่เป็นคนที่ถ้าไม่พอใจจะแสดงอารมณ์ออกมาและยังเป็นคนที่คิดไม่ค่อยรอบคอบ อาจเพราะประสบการณ์ยังน้อยกว่าเพื่อนๆทุกๆคนเขาก็เป็นห่วง ตอนนี้จำไว้ว่าเวลาทำอะไรคิดอะไรก็ใจเย็นๆคิดโมโหอะไรก็ตั้งจิตคิดให้เย็นๆเราจะมองข้อผิดพลาดได้ง่ายกว่าอีกมากและยอมรับมันได้อีกมาก

สู้ๆ^^~อยุ่ข้างเธอเสมอ คุณเพื่อน อย่าไปคิดมากที่ทุกๆคนเทศน์หรือพูดก็เพราะเป็นห่วงเธอกันนะแหละ


=A=""...

ถือเป็นโชคดีของเราอะนะ ที่มีเพื่อนดีๆ(=A=) กับแฟนที่ดี เข้าใจทุกอย่าง ><

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2010, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 21 พค 2553
เดิน 14 นั่ง 1

ทำใจให้เย็นลงแล้วเริ่มมองว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไร..
สัมผัสได้ถึงจิตนิ่งๆที่เป็นตัวตนของเราได้เพียงลางๆ

คิดว่าถ้าได้รุ้จักจริงๆ เราคงใจเย็นกว่านี้และมีสมาธิกว่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร