วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 14:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปล. เราว่าคุณพังพัน กับคุณกรัชกาย ตั้งกระทู้ถามตอบกันไปเลยส่วนตัวกันดีกว่าไหมอะคะ... รู้สึกจะเยอะเกิน แถมมีกองเชียร์อีกต่างหาก
ผิดเป้าหมายของกระทู้นี้คะ



ขอบคุณที่แนะนำนะขอรับคุณวา

อดนึกถึงคนๆหนึ่งที่กรัชกายตามหว่านเสน่ห์อยู่ไม่ได้ :b16:


ต้องการดูว่าปฏิบัติกรรมฐานเป็นยังไงประสบกับภาวะอะไร แล้วจะทำยังไง จึงจะผ่านพ้นจุดนี้ภาวะนั้นไปได้

นี่คือปัญหา ได้รวบรวมจากบอร์ดต่างๆไว้ที่

http://www.free-webboard.com/home.php?n ... hammachati

http://fws.cc/whatisnippana/index.php


พึงกำหนดละ มิใช่สิ่งที่ควรยึดถือ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 13 มี.ค. 2010, 09:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 08:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การรู้อาการต่างๆ ของรูปเป็นเพียงการฝึกเรียกสติกลับสู่ฐานครับ แต่จะเกิดปัญญาต่อเมื่อพิจารณาด้วยว่ารูปที่มีอาการต่างๆนั้น ภายในของมันประกอบด้วยอะไร มีเราหรือไม่



ขออนุญาต จขกท.อีก คห.นะครับ :b1:

ฝากข่าวถึงคุณพงพัน ประเด็น มีเราไม่มีเรานั่น เราตั้งกระทู้สนทนากันดีไหมขอรับ

เริ่มจากประเด็นนี้แหละก่อน :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 11:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


nuttida เขียน:
จริงอย่างพี่ทักทายพูดเลยค่ะ ทุกวันนี้ตั้งใจจะตื่นตี 5 มาเดินจงกรม แต่ไ่ม่เคยทำได้สักทีพอนาฬิกาปลุก ก็จะไม่ยอมลุกเป็นมาเป็นเดือนแล้วค่ะต้องมีข้ออ้างสำหรับตัวเองมาตลอด เลยต้องอาศัยเวลาเดินตอนเย็น :b41: :b41:


พี่ทักทายก็ยังต้องสู้กับเขาอยู่แทบทุกวันเหมือนกัน
ลองตั้งใจให้แน่วแน่สักวันซิค่ะพอนาฬิกาดังปุ๊ป..ลุกปั๊ป อย่าปล่อยช่องว่าง
ให้ใจหาข้ออ้างหรือไม่ก็ลอง...คิดว่าลุกเดินดูก่อน...ถ้าง่วงค่อยกลับมานอนต่อ
อะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองทำอย่างที่ตั้งใจให้ได้...ถ้าชนะวันนี้ได้...พรุ่งนี้ก็ไม่ยาก....
แลัววันต่อๆไปเจ้าตัวอ้างโน่นอ้างนี่มันก็จะหายไปเอง :b1:


อ้างคำพูด:
เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ชอบเดินมาก เดินเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่ค่อยชอบนั่ง แต่ทุกวันนี้กลับกัน ไม่อยากเดินเลย เวลาเดินก็ต้องพยายามกำหนดว่าเบื่อหนอ เบื่อหนอ ตลอด แต่ก็เดินจนครบเวลา ทุกวันนี้ชอบนั่งมาก เวลานั่งก็พยายามกำหนดว่าชอบหนอ ชอบหนอ พยามยามปฏิบัติให้ได้ทุกวัน แต่บางวันก็มีเหตุให้ไม่ได้ทำเหมือนกัน


ไม่มีอะไรคงทนทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา...
วันนี้ชอบแบบนี้...พรุ่งนี้ไม่ชอบ...วันนี้อยากนั่งมากๆ...พรุ่งนี้อยากเดินมาก
บางวันก็ขึ้เกียจไม่อยากเดินเอาเสียเลย...ตัวกิเลสนี่เขาเก่งนะค่ะ..จะปรับปรุง..
เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ....อ้างก็เก่ง...งอแงก็เก่ง....ก็ดูเขาไป...ดูเฉยๆ อย่าตามเขาก็แล้วกัน

อนุโมทนานะค่ะน้องนัท...ขอให้เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 11:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


กรัชกาย เขียน:
ขอบคุณที่แนะนำนะขอรับคุณวา
อดนึกถึงคนๆหนึ่งที่กรัชกายตามหว่านเสน่ห์อยู่ไม่ได้ :b16:
ต้องการดูว่าปฏิบัติกรรมฐานเป็นยังไงประสบกับภาวะอะไร
แล้วจะทำยังไง จึงจะผ่านพ้นจุดนี้ภาวะนั้นไปได้


โถ...น่าฉงฉาน..

ประกาศ

ใครที่ถูกน้ำมันพรายของคุณกรัชกาย
รายงานตัวด่วน... :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ของอนุญาติเจ้าของกระทู้เพื่อตอบคำถามอีกสักหน่อยนะครับ

ต้องขอรบกวนหน่อยนะครับ :b1:


กบนอกกะลา เขียน:
พงพัน เขียน:
ถ้าเป็นการพิจารณาอารมณ์ สำหรับผมในตอนนี้ ผมจะน้อมสติระลึกอยู่ที่กายครับ ไม่สนใจกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นและต้นเหตุของอารมณ์นั้น

แต่ถ้าให้แนะนำผู้ที่ไม่เคยวิปัสสนา ควรพิจารณาดูอารมณ์นั้นๆตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่พยายามวิ่งหนีหรือไล่ดับ จนมันดับไปเองครับ


การ..ไม่สนใจกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นและต้นเหตุของอารมณ์นั้น..เป็นสมถะ..มิใช่หรือ??
เพราะไม่เห็น..พิจารณาอะไรด้วยปัญญา..เลยนิ
:b6: :b6: :b6:


เป็นวิปัสสนาสิครับ พิจารณากายสู่ความเป็นไตรลักษณ์ไง
ก็เพราะว่า เมื่อพิจารณาจนยอมรับในจิตใจแล้วว่า
ต้นตอแท้ๆของอารมณ์นั้นๆ มันก็มาจากกาย ถ้าไม่มีกายนี้อารมณ์จะมาจากที่ไหน
เราก็น้อมเขามาในกาย เพื่อดูกายว่าควรยึดมั่นตรงไห
ในเมื่อเป็นสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่น เป็นของสกปรก และไม่ใช่เราแล้ว
อารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันก็จะไม่มีสาระสำคัญใดๆเลย

แต่ต้นเหตุ ที่เป็นเหตุการณ์ทำให้เกิดอารมณ์นั้น
ผมจะไม่สนใจเลยครับ เพราะจะเพิ่มความคิดปรุงแต่งในเรื่องนั้นๆเข้าไปอีก
ทำให้อารมณ์ไม่จบไม่สิ้น

แต่ถ้าผู้ที่ไม่เคยฝึก ถ้ามาพิจารณากายอย่างเดียว เพื่อดับอารมณ์ มันก็จะยากหน่อย
เพราะยังไม่เคยฝึก พิจารณา เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้จิตใจมันยอมรับว่า ไม่ใช่เราแน่ๆแล้ว
ใจมันก็จะยังสาละวนกับ ความคิดและอารมณ์ ที่เกิดอยู่ร่ำไป เพราะยังไม่แจ้งถึงใจในความเป็นไตรลักษณ์ของมัน
แรกๆของการปฏิบัติ มีสภาวะใดๆก็ตามเกิดขึ้น จึงควรพิจารณาสภาวะนั้นๆทันที จนกว่ามันจะดับไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
ปล. เราว่าคุณพังพัน กับคุณกรัชกาย ตั้งกระทู้ถามตอบกันไปเลยส่วนตัวกันดีกว่าไหมอะคะ... รู้สึกจะเยอะเกิน แถมมีกองเชียร์อีกต่างหาก
ผิดเป้าหมายของกระทู้นี้คะ


ต้องขออภัยอย่างสูงครับ
ไม่คิดว่ามันจะยืดเยื้อ เยิ่นเย้อเช่นนี้ :b9:
แต่การให้ยืมสถานที่เพื่อการสนทนาธรรม ได้บุญนะครับคุณ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
การรู้อาการต่างๆ ของรูปเป็นเพียงการฝึกเรียกสติกลับสู่ฐานครับ แต่จะเกิดปัญญาต่อเมื่อพิจารณาด้วยว่ารูปที่มีอาการต่างๆนั้น ภายในของมันประกอบด้วยอะไร มีเราหรือไม่



ขออนุญาต จขกท.อีก คห.นะครับ :b1:

ฝากข่าวถึงคุณพงพัน ประเด็น มีเราไม่มีเรานั่น เราตั้งกระทู้สนทนากันดีไหมขอรับ

เริ่มจากประเด็นนี้แหละก่อน :b1: :b12:


อย่างไรเล่าครับคุณกรัชกาย
จะให้ผมอธิบายว่ามันไม่มีเราอย่างไรเนี่ยหรอครับ ไล่แต่กายไปเลยหรอครับ :b5:
ไปก๊อบมาวางได้มั้ยครับ :b32:

ว่าแต่ จะเอาจริงหรือครับ
ขอทราบวัตถุประสงค์ในการสนทนาด้วยครับ
เพราะถ้าแค่อยากทราบภูมิธรรมของผม ก็คงไม่มีประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการสนทนานี้
ผมเหนื่อยสังขารด้วยครับ
แต่ถ้าสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นในการปฏิบัติก็โอเคครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราไปสนทนากันที่นี่เถอะครับคุณพงพัน

viewtopic.php?f=1&t=30024

ตรงนี้ จขกท. เค้าจะได้เล่าอะไรต่ออะไรของเขาไปตามเรื่อง :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่มีอะไรคงทนทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา...
วันนี้ชอบแบบนี้...พรุ่งนี้ไม่ชอบ...วันนี้อยากนั่งมากๆ...พรุ่งนี้อยากเดินมาก
บางวันก็ขึ้เกียจไม่อยากเดินเอาเสียเลย...ตัวกิเลสนี่เขาเก่งนะค่ะ..จะปรับปรุง..
เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ....อ้างก็เก่ง...งอแงก็เก่ง....ก็ดูเขาไป...ดูเฉยๆ อย่าตามเขาก็แล้วกัน


ขอบคุณพี่ทักทายมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


อืมม... ลองนั่งเฉยๆ หรือเดิน ทำอานาปานสติดูไม๊ แน่นอนว่ามันฟุ้ง แต่นั่ง 5 นาที 10 นาที ไปบ่อยๆ มันจะค่อยๆ หายฟุ้งไปเอง หรือจะสวดมนต์สัก 10 นาที...

บางทีการพิจารณาบนความฟุ้ง มันก็สร้างความเห็นผิดได้นะ แต่เพราะเรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง ถ้าคิดว่าทำวิธีนี้แล้ว รู้สึกสบายดี ก็โอเค...


เพิ่มเติม: เรารู้สึกแปลกๆ กับวิธีปฏิบัติหลายๆ อย่าง ซึ่งเราว่า มันทื่อๆ พิกล และคิดว่า คงไม่เห็นผลอะไรชัดเจนนัก เช่น อยากให้เห็นความไม่เที่ยงของสังขาร ก็พิจารณาความแก่ชรา แบบ จากตึงไปเหี่ยว กันซะดื้อๆ
จริงๆ เรารู้สึกว่า การพิจารณาแบบนี้ อาจทำให้เกิด ความกลัวแก่ มากขึ้นไปด้วยซ้ำ

เราคิดว่านะ... การจะลดละอะไรพวกนี้ มันใช้เวลานะ คือค่อยๆ ฝึกไป มันจะค่อยๆ ละไปเอง โดยที่เรา ไม่ต้องไปพยายาม ถ้าจะพยายามละ ก็พยายามไป วันหนึ่งอาจจะรู้สึกเซ็งไปเอง... อิอิ

เวลาเราแนะนำใคร เราก็มักจะแนะให้ ลดความฟุ้ง เป็นอันดับแรก จะด้วยวิธีอะไรก็ตามแต่ เช่น สวดมนต์ อานา กสิณ หรือฟังบทสวด
แน่นอน มันต้องใช้เวลา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว...


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 13 มี.ค. 2010, 21:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


nuttida เขียน:
จริงอย่างพี่ทักทายพูดเลยค่ะ ทุกวันนี้ตั้งใจจะตื่นตี 5 มาเดินจงกรม แต่ไ่ม่เคยทำได้สักทีพอนาฬิกาปลุก ก็จะไม่ยอมลุกเป็นมาเป็นเดือนแล้วค่ะต้องมีข้ออ้างสำหรับตัวเองมาตลอด เลยต้องอาศัยเวลาเดินตอนเย็น

เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ชอบเดินมาก เดินเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่ค่อยชอบนั่ง แต่ทุกวันนี้กลับกัน ไม่อยากเดินเลย เวลาเดินก็ต้องพยายามกำหนดว่าเบื่อหนอ เบื่อหนอ ตลอด แต่ก็เดินจนครบเวลา ทุกวันนี้ชอบนั่งมาก เวลานั่งก็พยายามกำหนดว่าชอบหนอ ชอบหนอ พยามยามปฏิบัติให้ได้ทุกวัน แต่บางวันก็มีเหตุให้ไม่ได้ทำเหมือนกัน

:b41: :b41:






เคยเป็นเหมือนกันค่ะ พอมีความเพียรได้ที่ มันจะต่อเนื่องเอง
ให้หยุดก็ยังไม่ยอมหยุดเลยค่ะ เพราะการหยุด นั่นคือ เราต้องเริม่นับหนึ่งใหม่ทุกๆครั้ง
ใหม่ๆก็ฝืนไปก่อน สารพัดที่จะข่มขู่กิเลสตัวเอง ให้ยอมสงบลงไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
วันที่ 12 มีค. 2553
เดิน 30 นั่ง 5

วันนี้เดินแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากเดินเท่าไร แล้วก็ขี้เกียจพิจารณา ก็เลยไม่ค่อยพิจารณาอะไรเท่าไรในการเดินวันนี้

มีบ้างที่เบื่อ ไม่อยากเดินต่อ แต่ก็ต้องเดินจนหมดเวลา

นั่ง ไม่มีอะไรมาก เริ่มมองเห็นการประสานของลมหายใจที่จมูกและท้องว่าประสานยังไง
โดยรวมแล้วขี้เกียจนั่ง แต่ก็ต้องนั่ง




อนุโมทนาค่ะ :b8:
ดูตามความเป็นจริงไปนี่แหละค่ะ เบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ
ขี้เกียจก็ให้รู้ว่าขี้เกียจ แต่ที่ทำ เพราะว่าต้องทำ
ใหม่ๆก็ต้องฝืนกันแบบนี้ทุกคนแหละค่ะ น้อยคนมากๆที่จะเริ่มต้นแบบเต็มใจได้ตลอดเวลา
ใหม่ๆก็ดูกระตือรือล้นดี พอนานวันเข้าโดนกิเลสเล่นงานสารพัดรูปแบบ
เลยทำให้กลายเป็น ทำมั่งไม่ทำมั่ง ก็ได้อยู่นะคะ ได้แบบ ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง
จะทำมาก จะทำน้อย ขอให้ทำให้ได้ทุกวันละกันค่ะ


ถ้าจะให้ดี ควรทำให้ต่อเนื่อง เรื่องของเวลา ไม่ใช่ตัววัดผล
แต่ความต่อเนื่องต่างหากที่ทำให้ก้าวหน้าขึ้น
:b41:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
varinne เขียน:

ไม่มีอะไรมาก เริ่มมองเห็นการประสานของลมหายใจที่จมูกและท้องว่าประสานยังไง โดยรวมแล้วขี้เกียจนั่ง แต่ก็ต้องนั่ง

จบการบันทึกเพียงเท่านี้


หากมีเวลา..ก็ลองมองดู..

เจ้าตัว..ขี้เกียจนั่ง..นี้

มาจากไหน???
:b12:

น่าสนใจดีคะ :b12: แต่ว่าขอทำให้ตัวเองเป็นผู้ดูความขี้เกียจแทน... ล่ะกันน๊า


ไวโรจนมุเนนทระ เขียน:
อนุโมทนากับการปฏิบัติครับ
อาจารย์ในนี้มีเยอะมาก มีแต่ดี ๆ ขอนั่งฟังแล้วกัน

ขอแจมเรื่องนี้นิดนึง หนุก ๆ เพลิน ๆ

เรื่องเสียงลอยมา เคยเจอเหมือนกัน เป็นประสบการณ์ ครั้งแรกที่เริ่มปฏิบัติธรรม
เล่าสู่ฟังนิด ๆ


ประมาณปี 2525 หรือ 2526 ประมาณนี้ ไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำตอง จ.เชียงใหม่
อยู่กับพระอาจารย์สุชิน (พระอาจารย์ที่ไปด้วยครั้งนั้น วันนี้เป็นพระอาจารย์ผู้ใหญ่มากในสายหลวงพ่อชา)


สมัยนั้น มีศรัทธามาก ๆ สถานที่ตรงนั้น มีเรื่องเล่ามากมาย ท่านที่มองไม่เห็นมีมาก ๆ

"วันหนึ่ง ตั้งใจจะเดินจงกรม วันนั้นเดินในกุฏิเล็ก ๆ นานมาก นานเกิน 4 ชั่วโมง
แทบหมดแรง ต้องเอามือค้ำฝากุฎิเดิน กลางวันแสก ๆ เดินลืมตา ไม่ได้หลับ ก็มีเสียงคนตรีไทย
ลอยมา ลอยมา ตามสายลม ดังมาก จนนึกว่า ใครหนอมาแห่นาคแถวนี้ แต่แห่นานจัง
ออกมา ชะเง้อ ชะแง้ แลหา ก็ไม่มี เฮ้อ เดินต่อ ได้ยินอยู่นาน
พอตอนเย็น มาสอบอารมณ์ ถามใคร ก็ไม่มีใครได้ยิน อ้าว จิต หลอกตัวเอง หรือ สิ่งที่มองไม่เห็นบันดาล
ยากจะเดา"


ภายหลัง มาได้รู้อย่างหนึ่งว่ามีเรื่องมากมาย ที่เราไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่มีอยู่
อาจจะมีอยู่จริงโดยสภาวะ หรือ สมมุติก็ตาม แต่ก็มีเงื่อนไขแห่งการคงอยู่ของมัน


ผมไม่ใช่พระนะครับ ห้ามใครมาปรับอาบัติ เล่าได้สบาย ๆ

ไวโรจนมุเนนฺทระ


ชอบเรื่องการที่ได้ยินเสียงเพียงลอยมา เพียงที่มาจากเครื่องดนตรีไทยน่ะคะ ยิ่งเป็นเพลงจากสรวงสวรรค์คงไพเราะมิใช่น้อย จะว่าไปแล้วก็อยากฟังเหมือนกันนะ คนที่ได้ฟังต้องเป็นคนที่มีบุญมากๆแน่ๆเลยคะ

taktay เขียน:
อ้างคำพูด:
มันจะเหลือแต่คำว่า รัก ทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเขาจะเคยเป้นใคร
ทำอะไรกับเราหรือมีความไม่พอใจอะไรมาก่อนหรือเปล่าซึ่งนั้นก็คือพรหมวิหารสี่


ความคิดของพี่นะค่ะ ถูกผิดอย่างไร? ต้องขออภัย
พี่คิดว่ายังไม่ใช่ "พรหมวิหารสี่" ตัวจริงหรอกค่ะ แค่สภาวะธรรมที่เกิดขึ้น
ถ้าตัวจริงต้องมีอยู่ในใจเราตลอดเวลา...มิใช่จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่ปฏิบัติ
หรือเรียกง่ายๆว่า กิเลสกำลังลวงเรา....แต่จะอะไรก็ตาม...รู้อย่างเดียว


ที่เกิดขึ้นตอนที่ปฎิบัติก็เพราะเป็นช่วงที่กิเลสโดนโบกให้หายไปเยอะน่ะคะ... ก็เลยเห็นช่วงนั้น (คิดว่านะ)
ส่วนเรื่องพรหมวิหารสี่ ตัวจริงหรือไม่จริง ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสำหรับเราน่ะคะ
เพราะวันนี้คิดแบบนั้นได้ แต่วันข้างหน้าอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ ความรู้ที่เราได้มานั้นยังไม่เที่ยง ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่
เพราะว่าเรายังไม่ถึงแก่นที่แท้จริง นั้นก็คือการเข้าใจที่แท้จริง
ที่เราบันทึกแบบนั้นก็เพราะเราคิดอะไรยังไงเราก็บันทึกไปตามที่คิดล่ะ... ไม่ได้พิธีรีตรองอะไรมาก

สำหรับพรหมวิหารสี่บริสุทธิ์จริงๆเราว่าต้องอยู่ในระดับพระโสดาบันนะ จึงจะทรงพรหมวิหารสี่ได้อย่างเต็มเปี่ยม


อ้างคำพูด:
ตัวที่จะทำให้เราก้าวหน้าในการปฏิบัติที่สำคัญคือ
ความเพียร...ถ้าขาดตัวนี้ก็แทบจะไม่ไปไหนเลย....พี่ทักทายจะเป็นบ่อยมากๆ
วันนี้ปวดหัวจังเลย...ยังไม่ปฏิบัติดีกว่า ขืนทำไปก็ไม่ได้อะไร...วันนี้เดินแค่
ยี่สิบนาทีพอ..เพราะทำท่าจะเจ็บเท้า....วันนี้นั่งสิบนาทีพอ...เพราะฟุ้ง
ขืนทำไปก็ไม่มีประโยชน์... :b5:

พอเราทำตามที่กิเลสมันเรียกร้อง...พรุงนี้มัน
ก็จะมาในรุปแบบใหม่...และเพิ่มมากขึ้น....มีทุกวัน..อ้างโน่นอ้างนี่ได้
ทุกวัน...จนเกือบจะเลิกปฏิบัติไปเลยก็มี....แต่มานึกถึงคำที่อาจารย์
ย้ำนัก ย้ำหนาว่า...มากหรือน้อย...ทำไปเรื่อยๆ....อย่าหยุด..เพราะถ้า
หยุด...ก้าวต่อไปก็คือเลิกทำ.... :b7:

ถูกของพี่ทักทายเลยล่ะคะ เรื่องความเพียร ต้องมีความเพียรให้มากๆ
อันนี้เราคิดว่าเราเคยเป็นนะ... แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้วอะ...
มันกลายเป็นความขี้เกียจอย่างละเอียด ความขี้เกียจมันเลเวลอัพได้น่ะคะ.... รูปภาพรูปภาพรูปภาพ

เรามะยอมแพ้หรอกคะ... ก็พี่เรายังบอกให้เราเพียรต่อไปอย่าหยุดน่ะนะ... จะว่าไปแล้วถ้าพี่ไม่อยู่เราคงเลิกทำละมั้ง
แต่ตอนนี้คงหยุดไม่ได้แล้วเพราะว่าโดนบอกว่าให้ทำๆไปเรื่อยๆ อย่าหยุด... ก็คงจะหยุดไม่ได้แล้วน่ะคะ
ถ้าหยุดไปละก็... ชาติหน้าเราอาจจะไม่ได้เจอกับพี่อีก ก็ได้นะคะ

nuttida เขียน:
จริงอย่างพี่ทักทายพูดเลยค่ะ ทุกวันนี้ตั้งใจจะตื่นตี 5 มาเดินจงกรม แต่ไ่ม่เคยทำได้สักทีพอนาฬิกาปลุก ก็จะไม่ยอมลุกเป็นมาเป็นเดือนแล้วค่ะต้องมีข้ออ้างสำหรับตัวเองมาตลอด เลยต้องอาศัยเวลาเดินตอนเย็น

เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ชอบเดินมาก เดินเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่ค่อยชอบนั่ง แต่ทุกวันนี้กลับกัน ไม่อยากเดินเลย เวลาเดินก็ต้องพยายามกำหนดว่าเบื่อหนอ เบื่อหนอ ตลอด แต่ก็เดินจนครบเวลา ทุกวันนี้ชอบนั่งมาก เวลานั่งก็พยายามกำหนดว่าชอบหนอ ชอบหนอ พยามยามปฏิบัติให้ได้ทุกวัน แต่บางวันก็มีเหตุให้ไม่ได้ทำเหมือนกัน
:b41: :b41:

ตามความเห้นของเราแล้ว ถ้าเดินจงกรมมากกว่าการนั่งสมาธิ จะดีกว่าน่ะคะ
ที่ไม่อยากเดินเพราะว่าคาดหวังอะไรกับการเดินมากไปล่ะมั้ง ...
สำหรับเราการเดินนั้นเราได้พิจารณาไปดู เดินดูเท้าไปด้วยน่ะคะ ผิดกับตอนนั่งที่เราจะฟุ้งได้ง่ายกว่า

taktay เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขอบคุณที่แนะนำนะขอรับคุณวา
อดนึกถึงคนๆหนึ่งที่กรัชกายตามหว่านเสน่ห์อยู่ไม่ได้ :b16:
ต้องการดูว่าปฏิบัติกรรมฐานเป็นยังไงประสบกับภาวะอะไร
แล้วจะทำยังไง จึงจะผ่านพ้นจุดนี้ภาวะนั้นไปได้


โถ...น่าฉงฉาน..

ประกาศ

ใครที่ถูกน้ำมันพรายของคุณกรัชกาย
รายงานตัวด่วน... :b32:

น้ำมันพรายเนี่ย... ลนมาจากคางของวิญญานสาวตายทั้งกลม อะเปล่าคะ b32: b32: b32: b32: b32:
ล้อเล่นนิดๆคะ อย่าว่ากัน รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

murano เขียน:
อืมม... ลองนั่งเฉยๆ หรือเดิน ทำอานาปานสติดูไม๊ แน่นอนว่ามันฟุ้ง แต่นั่ง 5 นาที 10 นาที ไปบ่อยๆ มันจะค่อยๆ หายฟุ้งไปเอง หรือจะสวดมนต์สัก 10 นาที......

เดินทำอานาปานสติเราไม่คุ้นน่ะคะ เดินดูเท้าดีกว่า อิอิ (ซึ่งเดินดูเท้าไปบางทีก็ฟุ้งอยู่ดีล่ะน๊า~)

murano เขียน:
เวลาเราแนะนำใคร เราก็มักจะแนะให้ ลดความฟุ้ง เป็นอันดับแรก จะด้วยวิธีอะไรก็ตามแต่ เช่น สวดมนต์ อานา กสิณ หรือฟังบทสวด
แน่นอน มันต้องใช้เวลา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว...

นั้นสินะคะ... เรายังไม่ได้ไปทำการลดความฟุ้งเลย ก็ไปเดินแล้วล่ะ... แต่จริงๆแล้วก็จะสวดมนต์ก่อนเดินนะ
ขอบคุณที่แนะนำคะท่าน :b8:

walaiporn เขียน:

ถ้าจะให้ดี ควรทำให้ต่อเนื่อง เรื่องของเวลา ไม่ใช่ตัววัดผล
แต่ความต่อเนื่องต่างหากที่ทำให้ก้าวหน้าขึ้น
:b41:

รู้สึกว่าตัวเองก้าวหน้าขึ้นมากเหมือนกันคะ ขอบพระคุณมากคะ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2010, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 13 มีนาคม 2553
เดิน 30 นั่ง 5

ช่วงแรกของการเดินวันนี้ ก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย... ขึ้นมาอีกแล้ว ก็คิดๆ... ว่ากระทู้ที่เราเอาบันทึกไปลงนั้น คนอ่านเขาแนะนำว่าอะไรบ้าง เราก็เลยจำได้ว่า เราน่าจะเป็นผู้มองความขี้เกียจที่มีอยู่ในตัว เราก็เลยทำการมองมัน จากนั้นเราก็ฟุ้งบ้าง อะไรบ้าง ช่วงแรกก็ดูเท้าสามระยะ ซึ่งตอนแรกก็มองออก แต่หลังๆก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เดินอยู่บ้างทีก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดไปไหนหรืออะไรอยู่ รู้เพียงแค่ตัวเองกำลังเดินอยู่

ต่อมาก็เริ่มมาพิจารณาเรื่องของเวลา ก็เลยรู้ว่าเราเป็นคนที่ใจร้อนมากๆอยู่ ถ้าเรามองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงได้มากขึ้น เราก็คงจะไม่มีปัญหานี้ การทำกรรมฐานของเราไม่ได้ใช้เวลานานอะไรเลย ใช้เวลาเพียง 35 นาทีและสมควรที่จะทำนานมากกว่านี้ แต่สำหรับเราเต็มที่ได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่อยากให้จิตมีความเครียดมากเกินไป

เราเริ่มพิจารณาเรื่องเวลา ก็พบว่าตัวเองยังมีความวิตกกังวลอยู่ และก็ใจร้อน
วันนี้เราเจอตัวโทสะแหละ.... เรารู้สึกว่าตัวโทสะน่ะมันร้อนมากมาย เรารู้สึกถึงมันได้แปปเดียวแล้วมันก็หายไป
แล้วก็ได้ความรู้มาว่า การที่มีโทสะมากนั้นจะทำให้เป็นคนที่หยาบคาย (ซึ่งเราไม่ใช่คนที่พูดหยาบอะไรหรอก แต่พอมาเจริญสติขุดกิเลสแล้วมันก็โผล่มาให้เราดูเอง)

ตอนนี้ก็เริ่มๆเป็นคนใจเย็นลงบ้าง แต่ก็ยังร้อนอยู่ เห็นโทษของความใจร้อน และอะไรต่างๆ
แต่ก็ยังไม่ใจเย็นเท่าไหรหรอก...

เพิ่มเติม : จริงๆแล้วเราก็คิดนะว่า เมื่อราวๆสองวันก่อน เรายังพิจารณาเรื่องเครื่องในอยู่เลย มาวันนี้เปลี่ยนเรื่องซะแล้ว... แปลกดีเนอะ เราคงเป็นคนเบื่อง่ายแหละ... มั้งงงง

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 01:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทั้งน้องวาและน้องนัท ชอบเดินมากกว่านั่ง
แต่พี่กลับชอบนั่งมากกว่าเดิน พี่มักฟุ้งตอนเดิน...นั่งจะนิ่งกว่า
ทุกวันนี้อาจารย์สั่งให้พี่เดินให้มากๆ ให้นั่งแค่หนึ่งในสามของเวลาเดิน...
ท่านบอกว่าสติของพี่ด้อยกว่าสมาธิ....พยายามปรับให้สมดุลย์กันมาหลายเดือนแล้ว
เท่ากันยากจังบางครั้งสติก็จะโด่งล้ำหน้าสมาธิ...บางครั้งสมาธิก็พุ่งขึ้นสุดกู่
สติด้อยลงติดดิน...ผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่อย่างนี้...
นั่งสภาวะจะชัดกว่าเดิน :b41:

วันนี้ก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกัน...เริ่มเดินก็เริ่มคิดเลย...คิดเรื่องความอิจฉา
ริษยาของคน...ทำทุกอย่างเพื่อสนองกิเลสให้ตัวเอง..ถึงจะเหยียบใคร
เพื่อดันให้ตัวเองสูงขึ้น...ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น...ช่างไม่รุ้บ้างเลยว่า
การที่จะเหยียบไหล่คนอื่นเพื่อยกตัวเองให้สูงนั้น...ถ้าคนนั้นล้มลง
คนที่เจ็บมากที่สุด...ก็คือคนที่อยู่บนไหลนั่นแหละ...ตกลงมาฟาดพื้น
แรงและเจ็บกว่า.... :b48:

แล้วก็มาคิดว่าเราคงเคย..กระทำกรรมแบบนี้มาก่อน...โดยที่อาจจะรู้ตัวบ้าง
ไม่รู้ตัวบ้าง...แต่ที่แน่ๆคงไม่รู้ว่ามันเป็นกรรมอันน่าติเตียนเป็นอย่างยิ่ง
พิจารณาแล้ว...ก็ได้แต่สลดใจ...สังเวชทั้งตัวเอง...และผุ้คน...อโหสิกรรม
ให้กับทุกคนที่ล่วงเกินเราไม่ว่าแต่ปางไหน?....ไม่อยากถืออะไรไว้ในใจ
ค่อยๆปล่อยออกวันละนิด...วันละหน่อย...พอรู้ตัวก็กลับมาหาที่เท้าเดิน
ได้ประมาณสามสิบเปอร์เซนต์เองมั้งวันนี้...คือคิดนำ...รู้ที่เท้าน้อย
มาดีเอาช่วงท้ายๆของเวลา....นั่งก็เหมือนกัน...คิดนำมาก่อนเลย....
ก็ได้แต่ปล่อยๆ...คอยดูไปเรื่อยๆ....ชักจะออกนอกมากเกินไปก็กลับมา
ที่กายนั่งตรง...ก็เอาเถิดเอาล่ออยู่อย่างนี้....จนใกล้จะหมดเวลาตาม
ที่เคยกำหนดไว้ในใจ...โดยที่ไม่ตั้งนาฬิกาว่า..สิบนาทีนะ...เกิดอาการ
เบา...สบายๆ...สงบ...รู้พองยุบชัดมากๆ...รู้ได้เลยว่าใกล้สิบนาทีแล้ว
พอยิ่งสงบ...ก็จะรู้สึกสบายแล้วเริ่มชอบ...พอชอบหนอๆ...กำหนดออก
ได้เลย....พอลืมตาปุ๊ป...สิบนาทีเป๊ะแบบไม่ขาดไม่เกิน....ทั้งๆที่วันนี้
คิดเอาไว้ว่าจะนั่งมากกว่าสิบนาทีดู...เพราะไม่มีงานช่วงเช้า...ปรากฎว่า
ไม่ได้เพราะบันทึกนาฬิกาใจไว้แล้ว....คงต้องแก้ตรงนี้อีกแล้ว...ต้องปรับ
เปลี่ยนใหม่...เนื่องจาก สิ่งที่กำหนดไว้ได้กลายเป็น "สัญญา" ไปเสียแล้ว :b55:

วันนี้ไม่มีความเห็นใดๆ...ขอเป็นฝ่ายเล่าเรื่องการปฏิบัติของตัวเองบ้าง :b40:


อ้างคำพูด:
แต่ตอนนี้คงหยุดไม่ได้แล้วเพราะว่าโดนบอกว่าให้ทำๆไปเรื่อยๆ
อย่าหยุด... ก็คงจะหยุดไม่ได้แล้วน่ะคะถ้าหยุดไปละก็...
ชาติหน้าเราอาจจะไม่ได้เจอกับพี่อีก ก็ได้นะคะ


แม้ว่าการปฏิบัติในวันนี้ของน้องวาจะมีเป้าหมายเพียงเพราะ
ต้องการได้ "เจอ" กับพี่คนนั้นอีก...พี่คนนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องอย่าละความเพียร
เพื่อวันข้างหน้าเป้าหมายของน้องอาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่ดีกว่าประเสริฐกว่านี้ก็ได้นะค่ะ :b42:

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ :b43:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร