วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 22:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนากับคุณพี่ทักทายด้วยคะที่ยอมรับในกิเลสที่ตัวเองมีอยู่ กิเลสเราก็พอๆกะคุณทักทายมิต่างกัน :b12: :b12: :b12: :b12: มันคงเป็นอารมณ์ของผุ้มีมานะ หรือว่าเป็นอารมณ์ของผู้หญิงที่ออกแนวรุนแรงบ้าง... น่ะคะ
อันนี้ก็ต้องเรียนรู้กันไป...

โมทนากะคุณทักทายมากๆคะ :b8: :b8: :b8:

ลงบันทึกต่อเลยนะคะ :b27:


---------------------------------------------

14 มีนาคม 2553
วันนี้เดิน 30 นั่ง 3 นอน 2

ก่อนเดินนั้น เราเข้าห้องนอนไปสัมผัสกับแอร์เย็นๆ ไฟที่ปิดแล้ว ผ้าม่านที่ปิดหน้าต่างทำให้บรรยากาศในห้องเย็นช้ำน่านอนมาก เตียงก็แสนนุ่ม หมอนก็อบอุ่น เราก็เลยลงไปนอนเล่นบนเตียงก่อน นอนกลิ้งฟัดหมอนข้างไปมาซึมซับความรู้สึกอบอุ่นและเย็นสบายที่ได้รักจากการสัมผัส แล้วก็คิดอะไรหลายๆอย่าง ก่อนจะรู้สึกว่า ความรู้สึกนั้นมันอยู่แค่ชั่วคราวแล้วก็หายไป...

เราปล่อยใจให้ฟุ้งในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะเตรียมใจพร้อมสำหรับการเดินที่จะเริ่มต้นขึ้นบัดนี้

ช่วงที่เดินนั้นมันก็เกิดความเบื่ออีกแหละ... ทำไมต้องเดิน ทำไม อย่างนู้นอย่างนี้ เกิดความท้อใจ เพียงชั่วครู่ แล้วเราก็ไปดูเท้าต่อ ก็เดินไปบางทีก็คิดพิจารณาไป สักพักหนึ่งจิตระลึกถึงความหลังเก่าๆได้ เรื่องที่เราทำอะไรไม่ดีลงไป ตอนนั้นน้ำตาก็ซึม หลายครั้งเหมือนกัน มันรู้สึกสะเทือนใจที่เราได้ไปทำร้ายคนที่รักเรา แล้วจากนั้นเราก็ตัดสินใจลืมๆอดีตไป แต่ตอนนี้เรากลับเห็นภาพในวันนั้น และในหลายๆเหตุการณ์ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ ณ ตอนนั้นก็คือการเป็นเพียงแค่ผู้ดู ยอมรับว่าเคยเกิดเรื่องแบบนั้น ถึงแม้ว่าเราจะเครียด แต่ก็ต้องเป็นผู้ดู

หลังจากนั้นก็ไปพิจารณาเรื่องอื่น แล้วจู่ๆมันเหมือนความคิดมันดับหมด แบบว่าเงียบมากๆอย่างบอกไม่ถูก แต่รู้ว่ายังมีสติ ยังเดินอยู่ ยังดูเท้าอยู่ แล้วรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังรู้ว่าทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยงจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นานก็ฟุ้งไปเลย ฟุ้งเรื่องเกม... อยากเล่นอย่างนู้นอย่างนี้ จิตวิ่งไปหาสิ่งที่ชอบ

ส่วนวันนี้ก็มีความรู้เพิ่มขึ้นมา เหมือนว่าจิตกำลังกำจัดตัว อคติ ออกไป

เพื่อนเราบอกว่า เราคิดไกลเกินไป เราก็เลยคิดว่านั้นคงเป็นสาเหตุของความทุกข์สินะ... ก็มันเป็นอย่างที่เพื่อนบอกนี่นา เราก็พอรู้ตัวบ้าง แต่พอเพื่อนพูดมาแบบนี้เราก็เลยเริ่มคิด เออ... มันก็จริงนะ ดังนั้นดูที่ปัจจุบันน่ะดีที่สุดแล้ว

ความรู้สึกความปรารถนาในใจเราก็คือ เราอยากมองเห็นตามความเป็นจริงให้มากขึ้น

ตอนนี้เราก็เจอความทุกข์ของเราแล้วน่ะนะ แต่ว่าไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี เราหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นซึ่งเราจะยอมปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ จนกว่าเราจะทำกรรมฐานไปเรื่อยๆแล้วเราได้รับคำตอบ ที่ทำให้เราหมดทุกข์ในปัจจุบันที่เจอเสียที

ตอนนั่งนั้น เราดูลมหายใจได้ไม่ชัดเท่าไหร หลังจากนั้นก็เลยนอนดูท้องพองยุบ ดูลมที่จมูก แต่ว่ามันฟุ้งได้ง่ายนะ

-------------------------------------------------
ขออนุโมทนาความเห็นทั้งหลายที่แนะนำข้าพเจ้ามา ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และอนาคตกาลนี้
ขอบพระคุณคะ

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 02:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วันนี้พี่ก็ฟุ้งกระจัดกระจายเลย ไม่ได้อะไรเลย
คงเป็นเพราะ...เมื่อคืนนี้นอนดึกเนื่องจาก...เปิดยูทู๊บ..แล้วเจอกรุเพลงเก่า
ทั้งลูกทุ่ง ลูกรุง...บางเพลงดังสมัยที่ยังไม่เข้าโรงเรียนเลย...แต่จำได้
เพราะเมื่อก่อนจะฟังเพลงต้องเปิดจากวิทยุเอเอ็มอย่างเดียว...แล้วถ้าเพลงไหนดัง
ทุกสถานีก็จะเปิดแต่เพลงนั้น...จนเด็กบางคนพูดยังไม่ชัดแต่ก็สามารถร้องเพลงจบได้

ประกอบกับวันนี้เขาเปลี่ยนเวลา...ต้องเดินหน้าเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง คือจากตีหนึ่ง
ต้องเป็นตีสอง เพราะฉะนั้นปกติตื่นแปดโมงเช้า...ก็จะหายไปหนึ่งชั่วโมงเพราะ
แปดโมงเช้าของวันนี้ คือเจ็ดโมงเช้าของเมื่อวาน...ตกลงนอนปกติแต่ตื่นเร็วกว่า
ปกติ...ก็เลยค่อนข้างงัวเงีย...การเดินเลยฟุ้ง...ล่องลอยเหมือนคนละเมอเลย...รู้ที่เท้า
น้อยมาก....แทบจะไม่รู้เลย พอรู้ตัวก็พยายามดึงกลับมาที่เท้า..แว่บเดียวก็ลอยออก
ไปอีก...เลยเดินได้แค่ยี่สิบนาที...นั่งดีกว่าเดินนิดหน่อย...ถึงจะคิดแต่ก็ยังรู้พองยุบ
อยู่บ้าง....แต่ไม่ละเอียด คือพองเลย และยุบเลย ไม่ค่อยๆพอง ค่อยๆยุบ..

สรุปวันนี้ไม่ได้อะไรเลย นอกจากฟุ้ง...เดินยี่สิบ นั่งสิบ นอนทั้งคืนจนสว่าง :b32:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 06:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนะคะ
ได้สิคะ ได้ทั้งสองคนเลยแหละค่ะ เพียงแต่อาจจะยังไม่รู้ว่าได้
การเจริญสติ ไม่ว่าจะทำมากหรือน้อย ไม่ว่าจะทำแบบไหนๆก็ตาม
ล้วนได้รับผลตามที่กระทำทั้งสิ้น เหมือนสะสมหน่วยกิตไปเรื่อยๆ
วันใดได้เก็บเกี่ยว วันนั้นถึงจะเข้าใจ

อย่างคุณทักทาย อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้เรื่องความฟุ้ง
ความฟุ้งมี 2 แบบ

1. ฟุ้งซ่าน
2. ฟุ้งแบบปกติ

ถ้าเป็นฟุ้งซ่าน จะหาความสงบไม่ได้หรอกค่ะ นั่งแค่ 5 นาทีก็จะตายให้ได้แล้ว
ส่วนความฟุ้งแบบปกตินั้น จิตยังสามารถเป็นสามาธิได้

ถ้าสติทันความคิดที่ปรุงแต่ง พอสติทัน ความฟุ้งหรือความคิดก็จะดับลงไป
เห็นได้ว่าอย่างน้อยยังกลับมารู้ที่กายเคลื่อนไหวได้ ถึงแม้จะเป็นเพียง พองกับยุบก็ตามค่ะ :b41:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 01:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ต้องขออภัยด้วย..

เดินได้แค่ 15 นาที
แต่ก็ได้เจอตัวโทสะ

จะบอกว่าวันนี้ทรมานสุดๆไปเลยก็ได้

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

ปล. ขี้เกียจมั้ยล่ะ รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


แก้ไขล่าสุดโดย varinne เมื่อ 16 มี.ค. 2010, 01:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 04:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เนื่องจากเมื่อวานฟุ้ง....วันนี้ก็เลยใช้แผนกิเลสล้างกิเลส
ก่อนเข้าบัลลังค์เริ่มงอแง...อิดๆออดๆ...ก็เลยนั่งดูหนังเสียเลย...แล้วก็คิดตามหนัง
ว่า "เออ..คนเราที่ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะ ความอาฆาต พยาบาท อิจฉาริษยา
กันนี่เอง บางคนเกิดมาเรียกว่าเพรียบพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็ไม่เคยพอ ยังคง
ไขว่คว้าหาสิ่งที่บางครั้ง ยังด้อยกว่าตัวเองเสียอีก เพียงเพื่อมาเติมให้ตัวเอง..ให้ครบร้อย
โดยการใช้สิ่งที่ตัวมีอยู่ไปแลก...แทนทีจะได้ แต่กลับสูญเสีย..." ดูเสร็จกำลังจะเข้า
บัลลังค์....พอดีพี่สาวที่ แอล.เอ ส่งข่าวค่อนข้างดีมา...ฟังแล้วก็ได้แต่เตือนตัวเองว่า
อะไรมันก็ยังไม่แน่...มันก็เป็นแค่ ทางที่มองเห็น...แต่ยังไม่รู้ว่าเราจะเดินไปทางนั้นได้
หรือไม่?....หรือระหว่างทางที่เดินไป...จะมีอะไรต้องผจญอีกมากไหม?...จะผ่านไปได้
หรือเปล่า?....ไม่ควรจะคาดหวังอะไรมากนัก...กี่ครั้งกี่หนแล้วที่...ข่าวดี กลับกลายเป็น
สิ่งที่เลวร้าย แค่ชั่วไม่ถึงอึดใจ...ไม่ควรหลงในภาพมายา :b43:

แล้วก็เข้าปฏิบัติ วันนี้สายมาก....ระยะแรกของการเดิน...คิดนำหน้าโด่งสุดๆ...ก็เรื่อง
ความหวังจากข่าวดีที่ได้รับมานั่นแหละ....คิดไป...ก็สอนตัวเองไป...ขณะที่ทั้งคิดทั้งสอน
ยังคงรู้ที่เท้าเดินอยู่...แต่ความคิดชัดกว่า....หลงบ้างนิดหน่อย...พอหลงปุ๊ป ก็รู้ปั๊ปเหมือนกัน
ว่าอ้าว...ต้องเหยียบหนอ...ไม่ใช่หย่างหนอ...หรือต้องซ้ายอย่างหนอ ไม่ใช่ขวาหย่างหนอ
ก็รู้มาเป็นระยะๆ...แล้วก็วนกลับไปหาเรื่องคิดอันเดิม...ก็ได้แต่เตือนตัวเองอีกว่า เราคิดถึง
สิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกแล้ว...."จิต" นี่เก่งนะ...สามารถสรรค์สร้างอะไรๆ ได้ แบบทั้งใหญ่
ทั้งกว้าง และไกล แบบไม่มีที่สิ้นสุด เริดหรู อลังการ์...ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายล้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างไว้ ได้ภายในชั่วกระพรีบตายังเร็วกว่า...ถ้าไม่อยากผิดหวัง
ก็ต้องไม่คาดหวัง...นี่คือความจริง :b39:

มีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว..แป๊ปเดียวหมดเวลาที่กำหนดไว้...แปลกใจว่าทั้งที่คิด
แต่ไม่ว้าวุ่น ไม่อึดอัด ไม่กระวนกระวาย ทุกอย่างเป็นไปแบบระเบียบเรียบร้อย
ที่จริงจะเดินต่อก็ได้ แต่ไม่แน่ใจเกรงว่าระหว่างที่กำลังปฏิบัติ...แล้วจะมีงานเข้ามา
พาลจะไม่เหลือเวลาให้นั่ง...บัลลังค์ก็จะไม่ครบอีกก็เลยออก :b44:

พอมานั่ง...เริ่มต้นรู้ที่พองยุบได้ชั่วขณะ...ความคิดก็เข้ามา..เรื่องเดิมของตอนที่เดิน
ขณะที่คิด..ก็ยังรู้พองยุบ...เพียงแต่มันแผ่วๆลงไป คิดชัดกว่า...ดูไปตามนั้น
นั่งขาดไปสองนาที เพราะงานเข้าจริงๆ.....ความรู้สึกเหมือนตอนเดินคือ...ถึงจะคิด
แต่ก็ไม่อึดอัด ไม่มั่ว...คือเรียงมาแบบเป็นระเบียบเรียบร้อยดี...จะมีการโต้แย้ง
พร้อมสอนสั่งอยุ่ในความคิดนั้นๆตลอดเวลา..... :b48:


อย่างน้อยๆ..วันนี้น้องวา...ก็รู้ว่าตัวเองถูก "โทสะ" เล่นงาน
จึงทรมาน...ต่อไปก็จะทราบวิธี "ระงับ" เพราะรู้ด้วยตัวเองว่า เพราะโกรธ ทำให้
ไม่สบาย...ถ้าอยากสบาย ก็ต้องไม่โกรธ....อย่ายอมแพ้นะค่ะ...ส่งกำลังใจมาให้
เต็มเปี่ยมพร้อมนี้แล้วค่ะ :b4:


ยินดีรับฟังคำแนะนำค่ะ อ.น้ำ อนุโมทนา สาธุ :b8:

เจริญในธรรม :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:
วันนี้ต้องขออภัยด้วย..

เดินได้แค่ 15 นาที
แต่ก็ได้เจอตัวโทสะ

จะบอกว่าวันนี้ทรมานสุดๆไปเลยก็ได้

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

ปล. ขี้เกียจมั้ยล่ะ รูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพรูปภาพ





อุตส่าห์เดินได้ตั้ง 15 นาที พลาดไปนิดเดียวค่ะ โอกาสที่จะสร้างกุศลได้มากกว่านี้
ครั้งต่อไป ลองนั่งต่ออีกสักนิดนึงนะคะ หรือ เบื่อนั่ง ขี้เกียจนั่ง
ก็นอนลงไปเลยค่ะ ดูอาการของกายกี่นาทีก็ได้ค่ะ
จะได้กุศลทั้งเดินจงกรมและนั่งกำหนดหรือนอนกำหนด
เห็นไหมคะ ได้กุศลจิตเพิ่มทันทีเลยค่ะ :b4:
เพิ่มบันทึกลงไปในจิตอีกหน่อยนะคะ เห็นแล้ว เสียดายแทนน่ะค่ะ รางวัลแห่งความสุขอยู่ตรงหน้าเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
เนื่องจากเมื่อวานฟุ้ง....วันนี้ก็เลยใช้แผนกิเลสล้างกิเลส
ก่อนเข้าบัลลังค์เริ่มงอแง...อิดๆออดๆ...ก็เลยนั่งดูหนังเสียเลย...แล้วก็คิดตามหนัง
ว่า "เออ..คนเราที่ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะ ความอาฆาต พยาบาท อิจฉาริษยา
กันนี่เอง บางคนเกิดมาเรียกว่าเพรียบพร้อมเกือบร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็ไม่เคยพอ ยังคง
ไขว่คว้าหาสิ่งที่บางครั้ง ยังด้อยกว่าตัวเองเสียอีก เพียงเพื่อมาเติมให้ตัวเอง..ให้ครบร้อย
โดยการใช้สิ่งที่ตัวมีอยู่ไปแลก...แทนทีจะได้ แต่กลับสูญเสีย..." ดูเสร็จกำลังจะเข้า
บัลลังค์....พอดีพี่สาวที่ แอล.เอ ส่งข่าวค่อนข้างดีมา...ฟังแล้วก็ได้แต่เตือนตัวเองว่า
อะไรมันก็ยังไม่แน่...มันก็เป็นแค่ ทางที่มองเห็น...แต่ยังไม่รู้ว่าเราจะเดินไปทางนั้นได้
หรือไม่?....หรือระหว่างทางที่เดินไป...จะมีอะไรต้องผจญอีกมากไหม?...จะผ่านไปได้
หรือเปล่า?....ไม่ควรจะคาดหวังอะไรมากนัก...กี่ครั้งกี่หนแล้วที่...ข่าวดี กลับกลายเป็น
สิ่งที่เลวร้าย แค่ชั่วไม่ถึงอึดใจ...ไม่ควรหลงในภาพมายา :b43:
ที่สร้างไว้ ได้ภายในชั่วกระพรีบตายังเร็วกว่า...ถ้าไม่อยากผิดหวัง
ก็ต้องไม่คาดหวัง...นี่คือความจริง :b39:





อันนี้เรื่องจริงนะคะ มีแล้วยังไม่พอ ยังตะเกียกตะกายที่จะทำให้มีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
กิเลสก็พอกพูนขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนเงาตามตัว

อนาคตยังไม่เกิด จะไปจับให้มั่นคั้นให้ตายก็ไม่ได้ เกิดไม่ได้ดั่งที่หวัง
จะทำให้เกิดความเสียใจหรือความทุกข์ใจอีกแล้ว

นี่แหละค่ะ ผลของการฝึกเจริญสติ จะทำให้รู้เท่าทันต่อการปรุงแต่งที่เกิดขึ้น
แม้นจะทันบ้าง ไม่ทันบ้าง สักวันก็จะทันการปรุงแต่ง

การไม่คาดหวังใดๆ เป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อสมหวังก็จะไม่ไปสุขจนเกินไป
เมื่อไม่สมหวังก็จะไม่ทุกข์จนเกินไป ใจมันจะวางได้ไวขึ้น




taktay เขียน:


"จิต" นี่เก่งนะ...สามารถสรรค์สร้างอะไรๆ ได้ แบบทั้งใหญ่
ทั้งกว้าง และไกล แบบไม่มีที่สิ้นสุด เริดหรู อลังการ์...ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายล้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างไว้ ได้ภายในชั่วกระพรีบตายังเร็วกว่า...ถ้าไม่อยากผิดหวัง
ก็ต้องไม่คาดหวัง...นี่คือความจริง :b39:






เพราะยังถูกความไม่รู้ครอบงำอยู่ค่ะ ความไม่รู้ก็คือ " กิเลส " นี่เอง





taktay เขียน:
มีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว..แป๊ปเดียวหมดเวลาที่กำหนดไว้...แปลกใจว่าทั้งที่คิด
แต่ไม่ว้าวุ่น ไม่อึดอัด ไม่กระวนกระวาย ทุกอย่างเป็นไปแบบระเบียบเรียบร้อย
ที่จริงจะเดินต่อก็ได้ แต่ไม่แน่ใจเกรงว่าระหว่างที่กำลังปฏิบัติ...แล้วจะมีงานเข้ามา
พาลจะไม่เหลือเวลาให้นั่ง...บัลลังค์ก็จะไม่ครบอีกก็เลยออก :b44:

พอมานั่ง...เริ่มต้นรู้ที่พองยุบได้ชั่วขณะ...ความคิดก็เข้ามา..เรื่องเดิมของตอนที่เดิน
ขณะที่คิด..ก็ยังรู้พองยุบ...เพียงแต่มันแผ่วๆลงไป คิดชัดกว่า...ดูไปตามนั้น
นั่งขาดไปสองนาที เพราะงานเข้าจริงๆ.....ความรู้สึกเหมือนตอนเดินคือ...ถึงจะคิด
แต่ก็ไม่อึดอัด ไม่มั่ว...คือเรียงมาแบบเป็นระเบียบเรียบร้อยดี...จะมีการโต้แย้ง
พร้อมสอนสั่งอยุ่ในความคิดนั้นๆตลอดเวลา.....






จิตเมื่อเป็นสมาธิ จะไม่ไปเสวยอารมณ์อื่นๆ มันจะแค่รู้ต่อสิ่งที่มากระทบ
ถึงจะมีความคิดเกิด มันจะแค่รู้ว่าคิด แต่ไม่ไปวุ่นวายใดๆค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่พอจะบ่งบอกถึงความก้าวหน้าได้ ก็คือ... แม้จะฟุ้ง (คือคิดเป็นเรื่องเป็นราวไป) แต่การฟุ้งนั้น เป็นการฟุ้ง เรื่องเดียว หรือเปล่า
หมายถึง... ฟุ้งทีละเรื่อง ไม่ใช่แบบแวบไปแวบมา เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้

ถ้าสามารถฟุ้งเรื่องเดียวได้ ฝึกอีกไม่นาน ก็น่าจะได้เอกัคคตา อันหมายถึง ฌาณ

varinne เขียน:
...แล้วจู่ๆมันเหมือนความคิดมันดับหมด แบบว่าเงียบมากๆอย่างบอกไม่ถูก แต่รู้ว่ายังมีสติ ยังเดินอยู่ ยังดูเท้าอยู่...


เอกัคคตาระดับต้นๆ ก็น่าจะเป็นแบบนี้ เขียนแบบนี้ ก็อย่าดีใจมากล่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 16 มี.ค. 2010, 20:50, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณพี่ๆทุกคนมากคะ :b8: :b8: :b8: :b8:

ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่กระทู้นี้มีประโยชน์มากมาย ทั้งให้ผู้ปฎิบัติด้วยกันไม่ย่อท้อและได้ทวนสภาวะของตัวเองด้วย
ขอบพระคุณทุกคนมากๆคะ :b27: :b8: :b8:


murano เขียน:
สิ่งที่พอจะบ่งบอกถึงความก้าวหน้าได้ ก็คือ... แม้จะฟุ้ง (คือคิดเป็นเรื่องเป็นราวไป) แต่การฟุ้งนั้น เป็นการฟุ้ง เรื่องเดียว หรือเปล่า
หมายถึง... ฟุ้งทีละเรื่อง ไม่ใช่แบบแวบไปแวบมา เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้

ถ้าสามารถฟุ้งเรื่องเดียวได้ ฝึกอีกไม่นาน ก็น่าจะได้เอกัคคตา อันหมายถึง ฌาณ

varinne เขียน:
...แล้วจู่ๆมันเหมือนความคิดมันดับหมด แบบว่าเงียบมากๆอย่างบอกไม่ถูก แต่รู้ว่ายังมีสติ ยังเดินอยู่ ยังดูเท้าอยู่...


เอกัคคตาระดับต้นๆ ก็น่าจะเป็นแบบนี้ เขียนแบบนี้ ก็อย่าดีใจมากล่ะ


ขอบพระคุณมากคะท่าน ตอนนี้ก็ฟุ้งเป็นเรื่องๆไปน่ะคะ ไม่ค่อยแวบไปแวบมาแล้ว

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


แก้ไขล่าสุดโดย varinne เมื่อ 17 มี.ค. 2010, 01:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 01:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 16 มีนาคม 2553
เดิน 30 นอน 5

ช่วงแรกที่เดินนั้น มีความรู้สึกสะเทือนใจเนืองๆกัน รู้สึกอยากจะร้องไห้หลายๆครั้ง เพราะว่าจิตนึกไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ แล้วมันก็รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีลงไป ก็เสียใจ ในช่วงแรก
วันนี้เจอตัวโลภะ จริงๆแล้วเห็นมานานแล้วแต่ไม่รุ้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง พอตอนนี้เริ่มมองเห็นตัวมันจริงๆจึงเริ่มวางๆได้ เมื่อเข้าใจตัวกิเลส จึงสามารถวางมันได้อย่างแท้จริง

แต่กลัวกิเลสหลบในนะ... อันนี้ก็ต้องดูๆกันไป

วันนี้ที่ไม่รู้สึกเบื่อหรือไม่อยากทำ เพราะว่าเราไม่ไปคิดว่ามันเบื่อ พอไม่คิดมันก็เลยไม่รู้สึกอะไร

ต่อมาก็เริ่มคิด.. ว่าตกลงเดินไปเพื่ออะไรกันนะ
สักพักหนึ่งมันก็ได้คำตอบ

ทำกรรมฐาน เพื่อเป็นอิสระจากกิเลส

ไม่ต้องหวังนิพพานขณะปฎิบัติเลยนะ จิตมันรู้เองเป็นไปโดยอัตโนมัติ

ไม่ต้องพยายามนึกภาพอสุภะกรรมฐานให้จิตวางจากร่างกายเลย จิตมันนึกโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องไปพยายามกำหนดอะไรเลย
เพียงแค่ดูเท้าสามระยะ ตามที่เราได้เคยเรียนรู้มาจากวัดตาลเอน แค่นั้น....

ตอนนี้เริ่มไม่ขี้เกียจเดินแล้วล่ะ แต่ขี้เกียจบันทึกมากกว่า
(อิอิ....)

ส่วนตอนนอน ก็
ห้องแอร์มันเย็นๆนะ แล้วทำไมเดินห้องนี้แล้วเกิดปวดหลังก็ไม่รู้ ก็เลยนอนภาวนาซะเลย
นอนก็... จับดูที่ลมหายใจ ถ้าฟุ้งไปนิดคิดว่าคงได้ฟุ้งยาว
ไม่มีอะไรมากหรอกตอนนอน (ก็ 5 นาทีเองนี่เนอะ)

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


03/16/10 ยังคงระดังความฟุ้ง

วันนี้ก็ยังคงระดับความคิดเหมือนเมือวาน...คิดเรื่องของอนาคต...
คิดเรื่องราวความรัก ความพลัดพรากของทุกคน เกิดมามีแต่ความทุกข์กัน...
ทุกขเรื่องความรัก...ความใคร่...นำหน้าปัญหาใดๆในโลก...

นึกถึงตอนที่เราผจญกรรมเรื่องนี้
รู้เลยว่ามันทรมานมาก.....กว่าจะพ้นสภาวะนั้นมาได้...
เรียกว่าถ้าเจ็บครั้งหนึ่งแล้วตาย....วันหนึ่งๆคงตายแล้วเกิด...ตายแล้วเกิดเป็นพันหน.....

รู้ที่เท้าน้อยมาก...แต่รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว....
จะมาเริ่มรู้ที่เท้าระยะท้ายๆของการเดินเมื่อใกล้จะหมดเวลา....

นั่งก็เช่นกัน...แต่ยังอยู่กับพองยุบมากกว่าเดิน...
ระยะท้ายเริ่มสงบขึ้น...แล้วมีแสงเหมือนสายฟ้าผ่า
แล่นเป็นเส้นตรงจากข้างบน...เข้าสู่กลางหน้าผาก....
มีแสงวูบๆวาบๆตามมา...มานึกได้เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ได้แต่รู้หนอไป
ตอนกลางคืนนอน...อาการจั๊กจี๋ที่ท้องกลับมาอีกแล้ว อาการเหมือนไฟช๊อต
ที่นั่นที่นี่ตามตัวก็กลับมาขณะกำลังเดิน
วันนี้หลง และเอนมาก คงเป็นเพราะเปิดไฟสลัวๆด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้.......

นอนตอนกลางวันเพราะเพลียมากๆ....ขณะที่กำลังหลับสนิท...มีความรู้สึกว่าตัวลอย
ออกไปทางด้านข้างเยี้องขึ้นข้างบน...แต่ส่วนเท้ายังแนบกับตัวเองก็ยังนอนอยู่ที่เดิม....
กำหนดรู้หนอทันทีที่รู้สึกแบบนั้น...ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหลับสนิทจริงๆ.....สักอึดใจ
ตัวก็ลอยกลับมาท่าที่นอนอยู่...แต่รู้สึกว่าตัวเองนุ่มมากๆ....เหมือนลูกโป่งที่ใส่น้ำแล้วนิ่มมือ
และยังเป็นสีขาวนมสด...แต่ใส และแปลกตรงที่เห็นคิ้ว เป็นเส้นสีดำชัดตัดกับสีตัว
กำหนดรู้หนอ...แล้วก็รู้สึกตัวลุกขึ้นทันที...แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน

จะมีเวลามาก หรือน้อย ก็พยายามเข้าบัลลังค์ ตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย
ถ้าวันไหนไม่ได้เข้า....อีกวันต้องเริ่มต้นต่อสู้กับตัวขี้เกียจกันแบบถึงพริกถึงขิง
เพราะได้ช่อง จะงอแง ไม่ยอมเข้า.... :b42:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แวะมาก่อกวน เอ้ย เยี่ยมชมบันทึกครับ
หลังจากที่เคยมาก่อกวน เอ้ย รบกวนใช้พื้นที่กระทู้นี้สนทนาธรรมอยู่ช่วงนึง
รู้สึกดีที่ได้เห็นวัยรุ่นตั้งใจฝึกสมาธิ สมัยนี้หาได้ยากมั่กๆๆ

การเห็นโทสะหรือความขี้เกียจต่างๆอยู่บ่อยๆนั้นก็ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างไม่รู้ตัวได้ครับ
ไม่ใช่ความก้าวหน้าที่เกิดจากการทำสมาธิ แต่เป็นความก้าวหน้าของปัญญาที่เห็นสภาวะตามความเป็นจริงครับ

ขอเล่าบันทึกกรรมฐานของผมบ้างนะครับ
วันนี้มีเวลาว่าง
นั่งกำหนดลมหายใจช่วงนึง แล้วก็เข้าพิจารณารูปนาม
เวลาผ่านไปรู้สึกเมื่อย จึงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นท่านอนตะแคง
เวลาผ่านไปรู้สึกง่วง จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ
กลับมานั่งพิจารณาต่อ
หิวครับ ก็เลยแผ่เมตตาแล้วก็ไปหาของกิน
ไม่ได้จับเวลาครับเลยไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด
จบครับ

ได้ประโยชน์อะไรหรือเปล่าเนี่ย :b6:
แบบว่าอยากเล่าน่ะครับ :b32:



taktay เขียน:
เมื่อก่อนจะฟังเพลงต้องเปิดจากวิทยุเอเอ็มอย่างเดียว...แล้วถ้าเพลงไหนดัง
ทุกสถานีก็จะเปิดแต่เพลงนั้น...จนเด็กบางคนพูดยังไม่ชัดแต่ก็สามารถร้องเพลงจบได้

:b5: :b5: :b5:
:b10: :b10: :b10:

อะไรคือวิทยุเอเอ็มน่ะครับ ผมไม่รู้จัก :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


varinne เขียน:

วันนี้เจอตัวโลภะ จริงๆแล้วเห็นมานานแล้วแต่ไม่รุ้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง พอตอนนี้เริ่มมองเห็นตัวมันจริงๆจึงเริ่มวางๆได้ เมื่อเข้าใจตัวกิเลส จึงสามารถวางมันได้อย่างแท้จริง
แต่กลัวกิเลสหลบในนะ... อันนี้ก็ต้องดูๆกันไป




สภาวะที่เจอ ถ้าไม่ใช่อกุศล ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ถูกแล้วค่ะ
รู้ว่าเรามี รู้ว่าเราเป็น ไม่ปฏิเสธความจริง

ถ้าเป็นอกุศล อย่าลืมกำหนดด้วยนะคะ



varinne เขียน:

วันนี้ที่ไม่รู้สึกเบื่อหรือไม่อยากทำ เพราะว่าเราไม่ไปคิดว่ามันเบื่อ พอไม่คิดมันก็เลยไม่รู้สึกอะไร
ต่อมาก็เริ่มคิด.. ว่าตกลงเดินไปเพื่ออะไรกันนะ
สักพักหนึ่งมันก็ได้คำตอบ
ทำกรรมฐาน เพื่อเป็นอิสระจากกิเลส

ไม่ต้องหวังนิพพานขณะปฎิบัติเลยนะ




ถูกต้องเลยค่ะ ไม่ต้องไปคาดหวัง


varinne เขียน:

ไม่ต้องพยายามนึกภาพอสุภะกรรมฐานให้จิตวางจากร่างกายเลย จิตมันนึกโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องไปพยายามกำหนดอะไรเลย
เพียงแค่ดูเท้าสามระยะ ตามที่เราได้เคยเรียนรู้มาจากวัดตาลเอน แค่นั้น....



สติดี สมาธิดี ในระดับหนึ่งค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:

วันนี้ก็ยังคงระดับความคิดเหมือนเมือวาน...คิดเรื่องของอนาคต...
คิดเรื่องราวความรัก ความพลัดพรากของทุกคน เกิดมามีแต่ความทุกข์กัน...
ทุกขเรื่องความรัก...ความใคร่...นำหน้าปัญหาใดๆในโลก...

นึกถึงตอนที่เราผจญกรรมเรื่องนี้
รู้เลยว่ามันทรมานมาก.....กว่าจะพ้นสภาวะนั้นมาได้...
เรียกว่าถ้าเจ็บครั้งหนึ่งแล้วตาย....วันหนึ่งๆคงตายแล้วเกิด...ตายแล้วเกิดเป็นพันหน.....

รู้ที่เท้าน้อยมาก...แต่รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว....
จะมาเริ่มรู้ที่เท้าระยะท้ายๆของการเดินเมื่อใกล้จะหมดเวลา....


ไม่เคยผิดพลาด แล้วจะนำเรื่องดีๆที่ไหนมาแบ่งปันกันล่ะคะ จริงไหม?
ยังดีค่ะ ยังกลับมารู้เท้าได้บ้าง



taktay เขียน:

นั่งก็เช่นกัน...แต่ยังอยู่กับพองยุบมากกว่าเดิน...
ระยะท้ายเริ่มสงบขึ้น...แล้วมีแสงเหมือนสายฟ้าผ่า
แล่นเป็นเส้นตรงจากข้างบน...เข้าสู่กลางหน้าผาก....
มีแสงวูบๆวาบๆตามมา...มานึกได้เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ได้แต่รู้หนอไป



จิตเป็นสมาธิน่ะค่ะ ไม่มีอะไร


taktay เขียน:

นอนตอนกลางวันเพราะเพลียมากๆ....ขณะที่กำลังหลับสนิท...มีความรู้สึกว่าตัวลอย
ออกไปทางด้านข้างเยี้องขึ้นข้างบน...แต่ส่วนเท้ายังแนบกับตัวเองก็ยังนอนอยู่ที่เดิม....
กำหนดรู้หนอทันทีที่รู้สึกแบบนั้น...ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหลับสนิทจริงๆ.....สักอึดใจ
ตัวก็ลอยกลับมาท่าที่นอนอยู่...แต่รู้สึกว่าตัวเองนุ่มมากๆ....เหมือนลูกโป่งที่ใส่น้ำแล้วนิ่มมือ
และยังเป็นสีขาวนมสด...แต่ใส และแปลกตรงที่เห็นคิ้ว เป็นเส้นสีดำชัดตัดกับสีตัว
กำหนดรู้หนอ...แล้วก็รู้สึกตัวลุกขึ้นทันที...แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน




วันนี้รู้สึกสมาธิดีนะคะ คุณทักทายจะปล่อยสภาวะนี้ก็ได้นะคะ คือปล่อยให้เกิดตามความเป็นจริง
เพราะถ้ากำหนดรู้หนอ จะทำให้เกิดสติ จิตจะกลับมารู้ที่กายค่ะ
สภาวะนี้ถือว่าขอเล่าแบ่งปันกัน เล่าสู่กันฟังสักนิดนึงนะคะ
คือ ถ้าเกิดสภาวะนี้ ใหม่ๆอาจจะทำให้ตกใจกลัวได้ ก่อนที่ ความรู้สึกที่บอกว่า




" มีความรู้สึกว่าตัวลอย ออกไปทางด้านข้างเยี้องขึ้นข้างบน...
แต่ส่วนเท้ายังแนบกับตัวเองก็ยังนอนอยู่ที่เดิม.... ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหลับสนิทจริงๆ




ถ้าอยากจะลองเล่นกับสภาวะนี้ดูก็ได้ค่ะ มันเป็นเรื่องของสมาธิในระดับหนึ่ง
ที่เขาใช้สื่อภาษากันว่า " กายทิพย์ "

คิดว่า ถ้าคุณทักทายลองเล่นจริงๆ ไม่น่าจะไปติดใจอะไร
เพราะเคยเห็นนิมิตอะไรมามากมาย

อาจจะทำให้รู้สึกกลัว เพราะว่า เรากำลังรู้สึกตัวขณะที่เกิดสภาวะนี้
จะรู้สึกกลัวแค่ครั้งแรกเท่านั้นแหละค่ะ พอทำได้ชำนาญก็จะไม่กลัว
ผิดกับที่ช่วงกึ่งครึ่งหลับครึ่งตื่น อันนั้นจะไม่น่ากลัว

เพียงแต่ว่า อย่าไปกำหนดรู้หนอ คือให้ปล่อยตัวตามสบาย
ระวังกิเลสด้วยนะคะ ถ้าจะเล่นกับสภาวะนี้

แต่ถ้าถามความคิดเห็นของน้ำนะคะ อย่าไปเล่นดีกว่า เสียเวลา
เพราะไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แค่ไปทัวร์นอกเวลาเท่านั้นเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:

ขอเล่าบันทึกกรรมฐานของผมบ้างนะครับ
วันนี้มีเวลาว่าง
นั่งกำหนดลมหายใจช่วงนึง แล้วก็เข้าพิจารณารูปนาม
เวลาผ่านไปรู้สึกเมื่อย จึงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นท่านอนตะแคง
เวลาผ่านไปรู้สึกง่วง จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ
กลับมานั่งพิจารณาต่อ
หิวครับ ก็เลยแผ่เมตตาแล้วก็ไปหาของกิน
ไม่ได้จับเวลาครับเลยไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด
จบครับ

ไม่ลองมาเดินจงกรมบ้างอะคะ เผื่อแจ่มขึ้น อิอิ

พงพัน เขียน:
อะไรคือวิทยุเอเอ็มน่ะครับ ผมไม่รู้จัก :b32:

วิทยุมีสองคลื่นน่ะคะ คือ FM กับ AM

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร