วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 12:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สอบผ่านแบบมีกิเลสอันผ่องใสแล้วตุ๊ดสสสส์์์์์์์ แบบตงฟางปุ๊ป้าย นักปาด ปรู๊ด ปร๊าด(ตด ถ่ายคูถเขาไปทั่ว) ไม่เอา ดีกว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้พร้อมด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ญาณ 73 ประการ ล้วนประกอบเป็นองค์ธรรมในพระจิตอันหาประมาณมิได้นั้น
สัมมาสัมโพธิจิต จึงเป็นอย่างนั้นแล


มีจตุตถฌานอันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญาเป็นบาท พร้อมด้วยพุทธญาณ อันไม่ปรากฏเป็นการทั่วไปแก่พระสาวก




สัมมาสมาธิ และโลกุตรฌาน ทำไมจึงมีความคิดเกิดขึ้นได้

เหมือนข้อความที่ยกมาอ้างอิงข้างบน นี่ถูกต้องเลย ถึงแม้จะเป็นจตุตถฌานแต่เป็นโลกุตรฌาน
ก็เกิดความคิดได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ถ้าไม่เกิดความคิดสิ เรื่องแปลก

มานำสภาวะฌานของบุคคลธรรมดา ไปเทียบว่าต้องเหมือนกับสภาวะฌานของอริยบุคคลได้อย่างไร


อิอิ โลกุตรฌานถึงพร้อมด้วยอวิชชาของอาจานป้า มีความคิดเกิด ก็ไหลตามความคิดไป ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ผู้ที่ไม่คิด

๑. คนตาย

๒. เข้าฌานสมาบัติ

๓. เข้าผลาสมาบัติ

๔. เข้านิโรธสมาบัติ


อิอิ ไม่คิดชั่วคราว แต่อาจานป้าคิดทั้งวันทั้งคืนเลยละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของ มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ

มิจฉาสมาธิ ความคิดมีผลต่อสมาธิ ถ้ามีความคิดเกิด นั่นคือ
สมาธิคลายตัวจากอัปปนาสมาธิแล้ว


ไหลตามความคิด ก็ขาดสติ ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
สัมมาสมาธิ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ ทุกสภาวะที่เกิดขึ้นจะแยกออกจากกัน
คือ มีความคิดก็ส่วนความคิด ญาณย่อมดำเนินไปตามสภาวะของญาณ สมาธิดำเนินไปตามสมาธิ
มีเวทนาเกิดก็ส่วนเวทนา ทุกสภาวะที่เกิดขึ้น จะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ



สัมมาสมาธิแบบอาจานป้า ไหลตามสมาธิ สติอ่อน ปัญญาอ่อน ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของโลกียฌานกับโลกุตรฌานที่เห็นได้อย่างชัดเจน

โลกียฌาน ฌานของคนธรรมดาทั่วๆไป ความคิดมีผลต่อสมาธิ
คนที่ได้ฌานขั้นสูง จะเข้าทั้งฌานขั้นสูงและฌานขั้นต่ำได้
บางทีเข้าตั้งแต่ฌานขั้นต่ำขึ้นไปหาฌานขั้นสูงเท่าที่ทำได้

โลกุตรฌาน ฌานของอริยะ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ
อริยบุคคลเข้าได้แต่ผลาสมาบัติ ( ในขั้น ) ของตนๆเท่านั้น
พระอริยะชั้นสูง ไม่เข้าผลาสมาบัติชั้นต่ำ

บุคคลที่เคยได้ฌานสมาบัติ ๘ เมื่อมาเป็นอริยบุคคล สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้



ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิของอาจานป้า

เพราะไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ จึงไม่สามารถทำลายความคิดได้ ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ความเหมือนของการเข้าสภาวะฌานสมาบัติกับการเข้าสภาวะผลาสมาบัติคือ

ขณะที่นั่งอยู่ จะเกิดอาการว่างหายไป แล้วรู้สึกตัว แล้ววูบหายไป แล้วรู้สึกตัวอีกที
อาการวูบสั้นบ้าง ยาวบ้าง ตามกำลังของสมาธิ



อิอิ ไหลตามอาการวูบๆว่างๆ สติไม่มีกำลัง ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของการเข้าฌานสมาบัติและการเข้าผลาสมาบัติคือ


การเข้าฌานสมาบัติไม่มีวิปัสสนาญาณเกิด

การเข้าผลาสมาบัติจะต้องผ่านวิปัสสนาญาณนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณเป็นต้นไป
แต่ถ้าไม่เห็นโดยอาการต่างๆด้วยวิปัสสนาญาณทั้งหลายนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณ
จะไม่สามารถเข้าผลาสมาบัติได้

( สทฺธมฺมปกาสินี,ฉบับ ภูมิพโลภิกขุ,ทุติยภาค,น.๙๙ )

อนึ่งการเข้าผลาสมาบัติ มรรคญาณจะไม่เกิดขึ้น เพราะอริยมรรคแต่ละชั้นจะเกิดมรรคจิตครั้งเดียว
มรรคญาณ ๔ ชั้นเกิดมรรคจิต ๔ ครั้ง แต่ผลญาณและผลจิตเกิดได้หลายครั้งและหลายวาระ
เช่นการเข้าสมาบัติ


ไม่มีสติ ก็ไม่เห็นตามความเป็นจริง ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:

คนที่ยังกางตำราสอบอารมณ์ลำบากนะ เพราะไม่ได้รู้โดยสภาวะ

ขนาดสภาวะสัมมาสมาธิยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดขึ้นได้
โดยที่ไม่มีผลใดๆต่อสภาวะญาณและสมาธิที่กำลังเกิดขึ้น
แล้วจะไปรู้จักสภาวะของโลกุตรฌานได้อย่างไร



อิอิ คนที่ไหลตามสมาธิลำบากนะ เพราะไม่รู้สภาวะตัวเอง

ขนาดความคิดเกิดขึ้น ยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดเกิดจากอะไร

แล้วจะไปรู้จักสภาวะของสัมมาสมาธิได้อย่างไร ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ยิ่งนิโรธสมาบัติที่พระพุทธองค์ทรงปริวิตกนั้น เป็นสภาวะที่ละเอียดยิ่งกว่า
การเข้าผลาสมาบัติ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย แค่คาดเดาเอาน่ะ นำมาใช้ไม่ได้หรอก


อิอิ ดับไม่เหลือ เหลือแต่ปริวิตก ละจ้าๆ

แต่ก็ยังเป็นสภาวะที่ละเอียดเกินกว่า

นักดูสภาวะระดับหนึ่งยังไม่สองจะส่องได้

การคาดเดา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ระหว่าง สับคัทเอาท์ลงแล้วไฟดับทีเดียวหมด พูดแบบนี้ยังรู้ได้
แล้วสับคัทเอาท์ขึ้น ไฟก็ติดทีเดียวหมดเลย พูดแบบนี้ก็เข้าใจได้

แต่ถ้าบอกว่า ดับไฟทีละดวง จนกระทั่งดวงสุดท้าย แล้วทุกอย่างก็ดับหมด
บอกแค่นี้ยังรู้ไม่ได้เลยว่า แล้วดวงไหนที่ดับดวงแรก แล้วดวงไหนดับดวงสุดท้าย

แล้วเวลาไฟดวงแรกติด ดวงไหนติดก่อน แล้วดวงที่ติดดวงสุดท้ายล่ะดวงไหน
เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก

อุปกิเลส ไม่ได้เกิดแค่ญาณ ๔ แต่เกิดในทุกๆญาณ ทุกๆสภาวะที่เปลี่ยนไป


อิอิ ตอนเค้าสับคัทเอาท์

อาจานป้ามัวไปนั่งหลับตา ก็ไม่รู้ ละจ้าๆ

ไม่มีสติ เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก ละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ก้มหน้าส่องเป้า กางเกงดูเพศ แกก่อน สิไอ้ตุ๊ดสสสส์ ก่อนจะมาสอนคนอื่นดูจิตดูใจ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ก้มหน้าส่องเป้า กางเกงดูเพศ แกก่อน สิไอ้ตุ๊ดสสสส์ ก่อนจะมาสอนคนอื่นดูจิตดูใจ :b32:


หุหุ

เพศหญิง เพศชาย เพศตุ๊ดสสสส์

เกิดจากมิจฉาทิฏฐิของเดียรถีย์หลับอยู่ทั้งนั้นละจ้าๆ

จิต ไม่มีเพศละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกให้ก้มดุเพสตัวเองไง ไอ้ ตงฟางปุ๊ป้าย กระเทยฟายย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
walaiporn เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้พร้อมด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ญาณ 73 ประการ ล้วนประกอบเป็นองค์ธรรมในพระจิตอันหาประมาณมิได้นั้น
สัมมาสัมโพธิจิต จึงเป็นอย่างนั้นแล


มีจตุตถฌานอันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญาเป็นบาท พร้อมด้วยพุทธญาณ อันไม่ปรากฏเป็นการทั่วไปแก่พระสาวก




สัมมาสมาธิ และโลกุตรฌาน ทำไมจึงมีความคิดเกิดขึ้นได้

เหมือนข้อความที่ยกมาอ้างอิงข้างบน นี่ถูกต้องเลย ถึงแม้จะเป็นจตุตถฌานแต่เป็นโลกุตรฌาน
ก็เกิดความคิดได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ถ้าไม่เกิดความคิดสิ เรื่องแปลก

มานำสภาวะฌานของบุคคลธรรมดา ไปเทียบว่าต้องเหมือนกับสภาวะฌานของอริยบุคคลได้อย่างไร


อิอิ โลกุตรฌานถึงพร้อมด้วยอวิชชาของอาจานป้า มีความคิดเกิด ก็ไหลตามความคิดไป ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ผู้ที่ไม่คิด

๑. คนตาย

๒. เข้าฌานสมาบัติ

๓. เข้าผลาสมาบัติ

๔. เข้านิโรธสมาบัติ


อิอิ ไม่คิดชั่วคราว แต่อาจานป้าคิดทั้งวันทั้งคืนเลยละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของ มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ

มิจฉาสมาธิ ความคิดมีผลต่อสมาธิ ถ้ามีความคิดเกิด นั่นคือ
สมาธิคลายตัวจากอัปปนาสมาธิแล้ว


ไหลตามความคิด ก็ขาดสติ ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
สัมมาสมาธิ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ ทุกสภาวะที่เกิดขึ้นจะแยกออกจากกัน
คือ มีความคิดก็ส่วนความคิด ญาณย่อมดำเนินไปตามสภาวะของญาณ สมาธิดำเนินไปตามสมาธิ
มีเวทนาเกิดก็ส่วนเวทนา ทุกสภาวะที่เกิดขึ้น จะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ



สัมมาสมาธิแบบอาจานป้า ไหลตามสมาธิ สติอ่อน ปัญญาอ่อน ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของโลกียฌานกับโลกุตรฌานที่เห็นได้อย่างชัดเจน

โลกียฌาน ฌานของคนธรรมดาทั่วๆไป ความคิดมีผลต่อสมาธิ
คนที่ได้ฌานขั้นสูง จะเข้าทั้งฌานขั้นสูงและฌานขั้นต่ำได้
บางทีเข้าตั้งแต่ฌานขั้นต่ำขึ้นไปหาฌานขั้นสูงเท่าที่ทำได้

โลกุตรฌาน ฌานของอริยะ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ
อริยบุคคลเข้าได้แต่ผลาสมาบัติ ( ในขั้น ) ของตนๆเท่านั้น
พระอริยะชั้นสูง ไม่เข้าผลาสมาบัติชั้นต่ำ

บุคคลที่เคยได้ฌานสมาบัติ ๘ เมื่อมาเป็นอริยบุคคล สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้



ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิของอาจานป้า

เพราะไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ จึงไม่สามารถทำลายความคิดได้ ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ความเหมือนของการเข้าสภาวะฌานสมาบัติกับการเข้าสภาวะผลาสมาบัติคือ

ขณะที่นั่งอยู่ จะเกิดอาการว่างหายไป แล้วรู้สึกตัว แล้ววูบหายไป แล้วรู้สึกตัวอีกที
อาการวูบสั้นบ้าง ยาวบ้าง ตามกำลังของสมาธิ



อิอิ ไหลตามอาการวูบๆว่างๆ สติไม่มีกำลัง ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของการเข้าฌานสมาบัติและการเข้าผลาสมาบัติคือ


การเข้าฌานสมาบัติไม่มีวิปัสสนาญาณเกิด

การเข้าผลาสมาบัติจะต้องผ่านวิปัสสนาญาณนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณเป็นต้นไป
แต่ถ้าไม่เห็นโดยอาการต่างๆด้วยวิปัสสนาญาณทั้งหลายนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณ
จะไม่สามารถเข้าผลาสมาบัติได้

( สทฺธมฺมปกาสินี,ฉบับ ภูมิพโลภิกขุ,ทุติยภาค,น.๙๙ )

อนึ่งการเข้าผลาสมาบัติ มรรคญาณจะไม่เกิดขึ้น เพราะอริยมรรคแต่ละชั้นจะเกิดมรรคจิตครั้งเดียว
มรรคญาณ ๔ ชั้นเกิดมรรคจิต ๔ ครั้ง แต่ผลญาณและผลจิตเกิดได้หลายครั้งและหลายวาระ
เช่นการเข้าสมาบัติ


ไม่มีสติ ก็ไม่เห็นตามความเป็นจริง ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:

คนที่ยังกางตำราสอบอารมณ์ลำบากนะ เพราะไม่ได้รู้โดยสภาวะ

ขนาดสภาวะสัมมาสมาธิยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดขึ้นได้
โดยที่ไม่มีผลใดๆต่อสภาวะญาณและสมาธิที่กำลังเกิดขึ้น
แล้วจะไปรู้จักสภาวะของโลกุตรฌานได้อย่างไร



อิอิ คนที่ไหลตามสมาธิลำบากนะ เพราะไม่รู้สภาวะตัวเอง

ขนาดความคิดเกิดขึ้น ยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดเกิดจากอะไร

แล้วจะไปรู้จักสภาวะของสัมมาสมาธิได้อย่างไร ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ยิ่งนิโรธสมาบัติที่พระพุทธองค์ทรงปริวิตกนั้น เป็นสภาวะที่ละเอียดยิ่งกว่า
การเข้าผลาสมาบัติ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย แค่คาดเดาเอาน่ะ นำมาใช้ไม่ได้หรอก


อิอิ ดับไม่เหลือ เหลือแต่ปริวิตก ละจ้าๆ

แต่ก็ยังเป็นสภาวะที่ละเอียดเกินกว่า

นักดูสภาวะระดับหนึ่งยังไม่สองจะส่องได้

การคาดเดา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ระหว่าง สับคัทเอาท์ลงแล้วไฟดับทีเดียวหมด พูดแบบนี้ยังรู้ได้
แล้วสับคัทเอาท์ขึ้น ไฟก็ติดทีเดียวหมดเลย พูดแบบนี้ก็เข้าใจได้

แต่ถ้าบอกว่า ดับไฟทีละดวง จนกระทั่งดวงสุดท้าย แล้วทุกอย่างก็ดับหมด
บอกแค่นี้ยังรู้ไม่ได้เลยว่า แล้วดวงไหนที่ดับดวงแรก แล้วดวงไหนดับดวงสุดท้าย

แล้วเวลาไฟดวงแรกติด ดวงไหนติดก่อน แล้วดวงที่ติดดวงสุดท้ายล่ะดวงไหน
เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก

อุปกิเลส ไม่ได้เกิดแค่ญาณ ๔ แต่เกิดในทุกๆญาณ ทุกๆสภาวะที่เปลี่ยนไป


อิอิ ตอนเค้าสับคัทเอาท์

อาจานป้ามัวไปนั่งหลับตา ก็ไม่รู้ ละจ้าๆ

ไม่มีสติ เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก ละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:



enlighted เขียน:
ดูตำราตั้งตีห้าตีหก ก็ยังสอบตก เป็นเพราะเหตุอันใด

ผู้ที่ไม่คิด

๑. คนตาย เก็บไปคิดต่อชาติหน้า

๒. เข้าฌานสมาบัติ แล้วก็คิดเข้าใหม่

๓. เข้าผลาสมาบัติ ก็ไหลตามคิด

๔. เข้านิโรธสมาบัติ คิดออกมาก็ถอยออกจากนิโรธ





สำรอกกิเลสได้ตามสบายนะจ๊ะ :b32:
ไม่คิดว่าจะชอบการส่งอารมณ์แบบนี้

ไปตรวจสอบสภาวะตัวเองนะว่ายังเป็นแบบนี้หรือเปล่า

การเดินจงกรม
ยังใช้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ถ้ายังใช้อยู่ สติ สัมปชัญญะยังไม่พอนะจ๊ะ
ยังยึดติดรูปแบบ ยึดติดในบัญญัติอยู่

นั่ง
ยังใช้พองหนอ ยุบหนอ จิตยังจับอยู่แต่พองยุบ ยังยึดติดกับบัญญัติอยู่

ถือว่า สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอนะจ๊ะ
มีแต่สภาวะปรมัตถ์เท่านั้น ที่จะผ่านได้


แต่ดูสภาวะโดยรวมแล้ว ยังไงๆก็ยังไม่ผ่าน เพราะคุณสมบัติไม่ผ่าน
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ ศิลไม่สะอาด ตราบใดที่ศิลยังพร่อง นั่นคือ ผ่านได้ยาก


การละสักกายะทิฏฐิ
สภาวะที่สำรอกกิเลสออกมานั้นแสดงได้ชัดเจนมากๆว่ายังละไม่ได้
เพราะยังมีการติติงแนวทางปฏิบัติอื่นๆอยู่


ถ้าไม่มีทั้งเขาและเราแล้ว การปฏิบัติแบบไหนๆ ล้วนไม่มีถูกหรือผิด
ถูกหรือผิด เป็นเพียงความคิดที่ไปปรุงแต่งตามกิเลสของตัวเอง

เขาต้องปฏิบัติตามแต่กิเลสของผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ตามกิเลสของผู้สอบอารมณ์
การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยกระทำมา
เกิดจากกิเลสที่มีมากน้อยแตกต่างกันไปที่ได้ลงมือกระทำตามกิเลสของตัวเอง

การปฏิบัติล้วนอยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม สุดแต่ว่าผู้ปฏิบัติจะถูกกับแนวทางไหนเท่านั้นเอง
เรียกว่า ไม่มีการยึดติดหรือยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบกัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 23:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
noohmairu เขียน:
walaiporn เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้พร้อมด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ญาณ 73 ประการ ล้วนประกอบเป็นองค์ธรรมในพระจิตอันหาประมาณมิได้นั้น
สัมมาสัมโพธิจิต จึงเป็นอย่างนั้นแล


มีจตุตถฌานอันเป็นที่ตั้งแห่งอภิญญาเป็นบาท พร้อมด้วยพุทธญาณ อันไม่ปรากฏเป็นการทั่วไปแก่พระสาวก




สัมมาสมาธิ และโลกุตรฌาน ทำไมจึงมีความคิดเกิดขึ้นได้

เหมือนข้อความที่ยกมาอ้างอิงข้างบน นี่ถูกต้องเลย ถึงแม้จะเป็นจตุตถฌานแต่เป็นโลกุตรฌาน
ก็เกิดความคิดได้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ถ้าไม่เกิดความคิดสิ เรื่องแปลก

มานำสภาวะฌานของบุคคลธรรมดา ไปเทียบว่าต้องเหมือนกับสภาวะฌานของอริยบุคคลได้อย่างไร


อิอิ โลกุตรฌานถึงพร้อมด้วยอวิชชาของอาจานป้า มีความคิดเกิด ก็ไหลตามความคิดไป ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ผู้ที่ไม่คิด

๑. คนตาย

๒. เข้าฌานสมาบัติ

๓. เข้าผลาสมาบัติ

๔. เข้านิโรธสมาบัติ


อิอิ ไม่คิดชั่วคราว แต่อาจานป้าคิดทั้งวันทั้งคืนเลยละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของ มิจฉาสมาธิกับสัมมาสมาธิ

มิจฉาสมาธิ ความคิดมีผลต่อสมาธิ ถ้ามีความคิดเกิด นั่นคือ
สมาธิคลายตัวจากอัปปนาสมาธิแล้ว


ไหลตามความคิด ก็ขาดสติ ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
สัมมาสมาธิ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ ทุกสภาวะที่เกิดขึ้นจะแยกออกจากกัน
คือ มีความคิดก็ส่วนความคิด ญาณย่อมดำเนินไปตามสภาวะของญาณ สมาธิดำเนินไปตามสมาธิ
มีเวทนาเกิดก็ส่วนเวทนา ทุกสภาวะที่เกิดขึ้น จะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ



สัมมาสมาธิแบบอาจานป้า ไหลตามสมาธิ สติอ่อน ปัญญาอ่อน ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของโลกียฌานกับโลกุตรฌานที่เห็นได้อย่างชัดเจน

โลกียฌาน ฌานของคนธรรมดาทั่วๆไป ความคิดมีผลต่อสมาธิ
คนที่ได้ฌานขั้นสูง จะเข้าทั้งฌานขั้นสูงและฌานขั้นต่ำได้
บางทีเข้าตั้งแต่ฌานขั้นต่ำขึ้นไปหาฌานขั้นสูงเท่าที่ทำได้

โลกุตรฌาน ฌานของอริยะ ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิ
อริยบุคคลเข้าได้แต่ผลาสมาบัติ ( ในขั้น ) ของตนๆเท่านั้น
พระอริยะชั้นสูง ไม่เข้าผลาสมาบัติชั้นต่ำ

บุคคลที่เคยได้ฌานสมาบัติ ๘ เมื่อมาเป็นอริยบุคคล สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้



ความคิดไม่มีผลต่อสมาธิของอาจานป้า

เพราะไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ จึงไม่สามารถทำลายความคิดได้ ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ความเหมือนของการเข้าสภาวะฌานสมาบัติกับการเข้าสภาวะผลาสมาบัติคือ

ขณะที่นั่งอยู่ จะเกิดอาการว่างหายไป แล้วรู้สึกตัว แล้ววูบหายไป แล้วรู้สึกตัวอีกที
อาการวูบสั้นบ้าง ยาวบ้าง ตามกำลังของสมาธิ



อิอิ ไหลตามอาการวูบๆว่างๆ สติไม่มีกำลัง ละจ้าๆ

walaiporn เขียน:
ความแตกต่างของการเข้าฌานสมาบัติและการเข้าผลาสมาบัติคือ


การเข้าฌานสมาบัติไม่มีวิปัสสนาญาณเกิด

การเข้าผลาสมาบัติจะต้องผ่านวิปัสสนาญาณนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณเป็นต้นไป
แต่ถ้าไม่เห็นโดยอาการต่างๆด้วยวิปัสสนาญาณทั้งหลายนับตั้งแต่พลวอุทยัพพยญาณ
จะไม่สามารถเข้าผลาสมาบัติได้

( สทฺธมฺมปกาสินี,ฉบับ ภูมิพโลภิกขุ,ทุติยภาค,น.๙๙ )

อนึ่งการเข้าผลาสมาบัติ มรรคญาณจะไม่เกิดขึ้น เพราะอริยมรรคแต่ละชั้นจะเกิดมรรคจิตครั้งเดียว
มรรคญาณ ๔ ชั้นเกิดมรรคจิต ๔ ครั้ง แต่ผลญาณและผลจิตเกิดได้หลายครั้งและหลายวาระ
เช่นการเข้าสมาบัติ


ไม่มีสติ ก็ไม่เห็นตามความเป็นจริง ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:

คนที่ยังกางตำราสอบอารมณ์ลำบากนะ เพราะไม่ได้รู้โดยสภาวะ

ขนาดสภาวะสัมมาสมาธิยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดขึ้นได้
โดยที่ไม่มีผลใดๆต่อสภาวะญาณและสมาธิที่กำลังเกิดขึ้น
แล้วจะไปรู้จักสภาวะของโลกุตรฌานได้อย่างไร



อิอิ คนที่ไหลตามสมาธิลำบากนะ เพราะไม่รู้สภาวะตัวเอง

ขนาดความคิดเกิดขึ้น ยังไม่รู้เลยว่า ความคิดเกิดเกิดจากอะไร

แล้วจะไปรู้จักสภาวะของสัมมาสมาธิได้อย่างไร ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ยิ่งนิโรธสมาบัติที่พระพุทธองค์ทรงปริวิตกนั้น เป็นสภาวะที่ละเอียดยิ่งกว่า
การเข้าผลาสมาบัติ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย แค่คาดเดาเอาน่ะ นำมาใช้ไม่ได้หรอก


อิอิ ดับไม่เหลือ เหลือแต่ปริวิตก ละจ้าๆ

แต่ก็ยังเป็นสภาวะที่ละเอียดเกินกว่า

นักดูสภาวะระดับหนึ่งยังไม่สองจะส่องได้

การคาดเดา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย ละจ้าๆ


walaiporn เขียน:
ระหว่าง สับคัทเอาท์ลงแล้วไฟดับทีเดียวหมด พูดแบบนี้ยังรู้ได้
แล้วสับคัทเอาท์ขึ้น ไฟก็ติดทีเดียวหมดเลย พูดแบบนี้ก็เข้าใจได้

แต่ถ้าบอกว่า ดับไฟทีละดวง จนกระทั่งดวงสุดท้าย แล้วทุกอย่างก็ดับหมด
บอกแค่นี้ยังรู้ไม่ได้เลยว่า แล้วดวงไหนที่ดับดวงแรก แล้วดวงไหนดับดวงสุดท้าย

แล้วเวลาไฟดวงแรกติด ดวงไหนติดก่อน แล้วดวงที่ติดดวงสุดท้ายล่ะดวงไหน
เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก

อุปกิเลส ไม่ได้เกิดแค่ญาณ ๔ แต่เกิดในทุกๆญาณ ทุกๆสภาวะที่เปลี่ยนไป


อิอิ ตอนเค้าสับคัทเอาท์

อาจานป้ามัวไปนั่งหลับตา ก็ไม่รู้ ละจ้าๆ

ไม่มีสติ เดาให้ตายก็เดาไม่ถูก ละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:



enlighted เขียน:
ดูตำราตั้งตีห้าตีหก ก็ยังสอบตก เป็นเพราะเหตุอันใด

ผู้ที่ไม่คิด

๑. คนตาย เก็บไปคิดต่อชาติหน้า

๒. เข้าฌานสมาบัติ แล้วก็คิดเข้าใหม่

๓. เข้าผลาสมาบัติ ก็ไหลตามคิด

๔. เข้านิโรธสมาบัติ คิดออกมาก็ถอยออกจากนิโรธ





สำรอกกิเลสได้ตามสบายนะจ๊ะ :b32:
ไม่คิดว่าจะชอบการส่งอารมณ์แบบนี้

ไปตรวจสอบสภาวะตัวเองนะว่ายังเป็นแบบนี้หรือเปล่า

การเดินจงกรม
ยังใช้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ถ้ายังใช้อยู่ สติ สัมปชัญญะยังไม่พอนะจ๊ะ
ยังยึดติดรูปแบบ ยึดติดในบัญญัติอยู่

นั่ง
ยังใช้พองหนอ ยุบหนอ จิตยังจับอยู่แต่พองยุบ ยังยึดติดกับบัญญัติอยู่

ถือว่า สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอนะจ๊ะ
มีแต่สภาวะปรมัตถ์เท่านั้น ที่จะผ่านได้


แต่ดูสภาวะโดยรวมแล้ว ยังไงๆก็ยังไม่ผ่าน เพราะคุณสมบัติไม่ผ่าน
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ ศิลไม่สะอาด ตราบใดที่ศิลยังพร่อง นั่นคือ ผ่านได้ยาก


การละสักกายะทิฏฐิ
สภาวะที่สำรอกกิเลสออกมานั้นแสดงได้ชัดเจนมากๆว่ายังละไม่ได้
เพราะยังมีการติติงแนวทางปฏิบัติอื่นๆอยู่


ถ้าไม่มีทั้งเขาและเราแล้ว การปฏิบัติแบบไหนๆ ล้วนไม่มีถูกหรือผิด
ถูกหรือผิด เป็นเพียงความคิดที่ไปปรุงแต่งตามกิเลสของตัวเอง

เขาต้องปฏิบัติตามแต่กิเลสของผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ตามกิเลสของผู้สอบอารมณ์
การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยกระทำมา
เกิดจากกิเลสที่มีมากน้อยแตกต่างกันไปที่ได้ลงมือกระทำตามกิเลสของตัวเอง

การปฏิบัติล้วนอยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม สุดแต่ว่าผู้ปฏิบัติจะถูกกับแนวทางไหนเท่านั้นเอง
เรียกว่า ไม่มีการยึดติดหรือยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบกัน


เหอๆๆ

สำรอกเองกลืนเอง

การเดินจงกรม
ยังใช้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ถ้ายังใช้อยู่ สติ สัมปชัญญะยังไม่พอนะจ๊ะ
ยังยึดติดรูปแบบ ยึดติดในบัญญัติอยู่

นั่ง
ยังใช้พองหนอ ยุบหนอ จิตยังจับอยู่แต่พองยุบ ยังยึดติดกับบัญญัติอยู่

ถือว่า สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอนะจ๊ะ
มีแต่สภาวะปรมัตถ์เท่านั้น ที่จะผ่านได้

สภาวะที่สำรอกกิเลสออกมานั้นแสดงได้ชัดเจนมากๆว่ายังละไม่ได้
เพราะยังมีการติติงแนวทางปฏิบัติอื่นๆอยู่


เหอๆๆ
สติแบบหนูน้อย รู้จักสภาวะปรมัตถ์ ที่กำลังโห่ฮิ้ว อยู่นี่ได้แล้วล่ะหรือ

โห่ ฮิ้วๆๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอนไลท์กัดเก่งจัง :b12:

ต้องการที่ครอบปากไหม?

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก๊ากกกก.........

:b21: :b21:

เดียวเขาก็กัดครอบปาก..อีกนั้นแหละ..คอยดูซิ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก๊ากกกก.........

:b21: :b21:

เดียวเขาก็กัดครอบปาก..อีกนั้นแหละ..คอยดูซิ

:b32: :b32: :b32:


โดนใจเราจิงๆ คุณกบ :b12: :b12:

คนแบบนี้ไม่สำนึกหรอก เขาไปไกลแล้ว ไปสู่แดนนิรมิตที่ไม่ตกนรกแล้ว

พระโสดาบันยังไม่ใช่เลย แต่กลับไม่ลงนรก

คนแบบนี้ชอบฝ่ากฎธรรมชาติคะ สักวันต้องถูกธรรมชาติลงโทษอยู่ดี :b12:

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยไม่ได้..ก็ปล่อยไป..ทำงัยได้ละ :b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

สำรอกกิเลสได้ตามสบายนะจ๊ะ :b32:
ไม่คิดว่าจะชอบการส่งอารมณ์แบบนี้

ไปตรวจสอบสภาวะตัวเองนะว่ายังเป็นแบบนี้หรือเปล่า

การเดินจงกรม
ยังใช้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ถ้ายังใช้อยู่ สติ สัมปชัญญะยังไม่พอนะจ๊ะ
ยังยึดติดรูปแบบ ยึดติดในบัญญัติอยู่

นั่ง
ยังใช้พองหนอ ยุบหนอ จิตยังจับอยู่แต่พองยุบ ยังยึดติดกับบัญญัติอยู่

ถือว่า สติ สัมปชัญญะยังไม่มากพอนะจ๊ะ
มีแต่สภาวะปรมัตถ์เท่านั้น ที่จะผ่านได้




อิอิ

อาจานป้า walaiporn นักดูสภาวะระดับหนึ่งยังไม่สองจ้า

ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นอิริยาบถ ละจ้าๆๆ

ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปด้วยกรรม นะจ้าๆ

ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของตน บังคับบัญชาไม่ได้ ละจ้าๆ


อ้างคำพูด:
แต่ดูสภาวะโดยรวมแล้ว ยังไงๆก็ยังไม่ผ่าน เพราะคุณสมบัติไม่ผ่าน
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ ศิลไม่สะอาด ตราบใดที่ศิลยังพร่อง นั่นคือ ผ่านได้ยาก


ดูสภาวะตัวเองให้เห็นก่อนนะจ้าๆ

walaiporn เขียน:
การละสักกายะทิฏฐิ
สภาวะที่สำรอกกิเลสออกมานั้นแสดงได้ชัดเจนมากๆว่ายังละไม่ได้
เพราะยังมีการติติงแนวทางปฏิบัติอื่นๆอยู่


ถ้าไม่มีทั้งเขาและเราแล้ว การปฏิบัติแบบไหนๆ ล้วนไม่มีถูกหรือผิด
ถูกหรือผิด เป็นเพียงความคิดที่ไปปรุงแต่งตามกิเลสของตัวเอง

เขาต้องปฏิบัติตามแต่กิเลสของผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ตามกิเลสของผู้สอบอารมณ์
การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยกระทำมา
เกิดจากกิเลสที่มีมากน้อยแตกต่างกันไปที่ได้ลงมือกระทำตามกิเลสของตัวเอง

การปฏิบัติล้วนอยู่ในกาย เวทนา จิต ธรรม สุดแต่ว่าผู้ปฏิบัติจะถูกกับแนวทางไหนเท่านั้นเอง
เรียกว่า ไม่มีการยึดติดหรือยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบกัน


อิอิ

อาจานป้าเดียรถีย์สอนให้ปฏิบัติตามกิเลสตัวเองละจ้าๆ

พระพุทธเจ้าสอนให้ ละกิเลส นะจ้าๆๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอากะมันซี.. :b14: :b14:
อัต..ธรรม..ดันไม่เอา :b5: :b5:

เอาแต่เพ้อเจ่อ..ไปวัน ๆ :b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 00:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu มาหาความรู้

หรือมาหาที่แขวะ อะ ไม่เข้าใจ :b10:

ช่วยดูกิเลสของตัวเองให้ดีก่อนนะ แล้วค่อยไปว่าคนอื่น

ทำแบบนี้มันสื่อให้เห็นเลยว่าตัวคุณไม่ได้มีความรู้ดีอะไรเลย

ดีแค่แถ ไปวันๆ

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2010, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เอากะมันซี.. :b14: :b14:
อัต..ธรรม..ดันไม่เอา :b5: :b5:

เอาแต่เพ้อเจ่อ..ไปวัน ๆ :b7: :b7:


เขาต้องปฏิบัติตามแต่กิเลสของผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ตามกิเลสของผู้สอบอารมณ์

เหอๆๆ

ก็ไปเอาอาจารย์ป้า เดียรถีย์สิ
ที่สอนให้ปฎิบัติตามกิเลส
พระพุทธเจ้าองค์ไหนสอน
เหอๆๆ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร