วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 21  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 15:31
โพสต์: 7

แนวปฏิบัติ: อานาปนสติ + วิปัสสนา
สิ่งที่ชื่นชอบ: หลายเล่ม
ชื่อเล่น: ยี้
อายุ: 24

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้ผมนำไปโพสที่ บอร์ดพลังจิต ก็เลยคิดว่าน่าจะนำมาโพสที่ธรรมะจักรนี้ด้วยครับ

น่าจะเป็นความรู้ ให้กับผู้ที่ที่ปฏิบัติธรรม

โมทนาสาธุกับผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน :b8:ทุกท่านที่ปฏิบัติธรรมจนได้ฌาณ ก็ขึ้นชื่อได้ว่า

ได้ทำครุกรรมในฝ่ายดีแล้ว เมื่อตายไปก็จะได้เสวยผลกรรมดีที่ได้เจรญภาวนาแล้วก่อน

ส่วนกรรมในฝ่ายอื่นรอให้ผลในภายหลัง แต่ตัวผมเองก็ขอแนะนำให้ท่านผู้ปฏิบัติ

เมื่อปฏิบัติจนได้ฌาณ ก็ให้ยกขึ้นวิปัสสนา เพื่อทำ พระนิพพานให้แจ้ง ให้เป็นไปตาม

คำสอนขององค์พระศาสดา


อันนี้นี้ถือเป็นความรู้เกี่ยวกับเรี่อง อาการจิต ขณะอยู่ในฌาณ

- อารมณ์ในฌาณ 4 เป็นอย่างนี้ครับ ไม่สนใจในสิ่งรอบๆตัว อย่างเช่นเสียง

เราจะไม่ได้ยินหรืออาจได้ยินเบามากแต่ก็ไม่สนใจ รู้สึกมีสติมาก เหมือนว่า

มีจิตเราอยู่อย่างเดียว ลอยอยู่ ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดหรือปวดเหมื่อย

ของร่างกาย ไม่รับรู้ว่ามีกายอยู่ เหมือนว่าเราหลับแต่มีสติตื่นรู้อยู่อย่างมาก

มีสติอยู่ลึกๆ แต่หากมาลองสังเกตุที่ลมหายใจ เราจะรู้สึกว่าเราไม่หายใจแต่

ที่จริงเราหายใจอยู่ อาการประมาณนี้ครับ

--ในฌาณ 4 นี้ แนะนำให้ประคองจิตเอาไว้


- อาการในฌาณ 3 มีลักษณะถึงอาการจิตมีสติ แต่ก็เจือไปด้วยอาการเคลิ้ม

เหมือนจะหลับต้องคอยพยุงจิตเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจหลับได้ครับ ด้วยอาการ

ในฌาณ 3 มีความสุข จนทำให้เราเคลิ้ม แนะนำให้ต้องเจริญสติควบคู่กันไป

เนื่องจากหากสมาธิมีมากกว่าสติ อาจทำให้เราเคลิ้มจนหลับได้ ต้องมีสติ คอย

พยุงจิตเอาไว้ ก็จะสมารถข้ามผ่าน ในฌาณ 3 นี้ได้ หากลองสังเกตุที่ลมหายใจ

จะรู้สึกว่าแผ่วเบามาก

--ในฌาณ 3 นี้แนะนำให้ประคองจิตเอาไว้จึงจะผ่านฌาณนี้ได้ครับ


- อาการในฌาณ 2 อันเกิดปิติ ตัวของผมเองเคยเกิดเพียงแค่ครั้งเดียว คือมี

อาการ ตัวสั่นคล้ายหนาวสั่น ต้องกำหนดรู้ และไม่สนใจ จึงจะผ่านตัวนี้ได้

ผมมีเพื่อนอยู่คนนึงก็ติดอยู่ที่ตัวนี้ คือนั่งแล้วมีอาการขนลุก เค้าพยายามกำหนด

รู้แล้วแต่ก็ยังคง ละจากอาการนั้นไม่ได้เป็นอันว่า ต้องพยามรู้มันไปเรื่อย ใน

ฌาณ 2 นี้ปิติไม่จำเป็นต้องเกิดในทุกครั้งที่นั้งก็ได้หรือบางครั้งมันเกิดขึ้น แต่

แล้วก็ดับไปในเวลารวดเร็วจนเราอาจจะสังเกตุไม่ทัน แต่ก็เป็นอันข้าม ฌาณ 2

ไปได้
--ในฌาณ 2 นี้แนะนำให้กำหนดรู้ที่ตัวปิติ และไม่สนใจ หรือ

อยากให้เกิดอาการปิติ เพราะหากเราข้ามจากฌาณนี้ไปได้จะได้พบกับฌาณที่

สูงกว่านี้ทำให้เราก้าวหน้าในสมาธิ


- อาการในฌาณ 1 อันนี้ จิตเราจะจดจ่ออยูคำภาวนาไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง

เหมือนยกตัวอย่าง เช่น ตอนที่เราจดจ่ออยู่กับการ อ่านหนังสือ จนทำให้เรา

ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอย่างเช่น เสียงโทรทัศน์ เป็นต้น



แต่ครั้งแรกที่ถึงฌาณ 4 อันนี้ความรู้สึกจะรู้ได้ด้วยตัวเองครับ รู้ถึงจิตที่ลอยเด่น

มีสติชัด รู้สึกว่าเรามาสุดแล้ว แต่จิตจะวางอุเบกขา ไม่รู้สึกดีใจแต่อย่างใด แต่

จะรู้สึกอัศจรรย์ใจ แล้วก็วาง ในสมาธิต้องไม่คิดถึงว่าเราอยู่ฌาณไหนต้องปล่อย

ไปก่อน และค่อยมาคิดทบทวนเองหลังจากออกจากฌาณแล้ว เรียกว่ายอมโง่

ก่อนแล้วค่อยฉลาดเอาทีหลัง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเข้าฌาณได้เรา หาก

เราคิดว่าเราอยู่ฌาณที่เท่าไหร่แล้ว ยังผลให้เราไม่เกิดสมาธินะครับ

มีแนะนำอีกนิดครับอย่าลืมยกเข้าวิปัสสนานะครับ เพราะเป้าหมายของเราจริงๆ

ก็คือ บรรลุธรรม ของ พระพุทธเจ้า ที่เรียกได้ว่าเป็น บรมสุข สุขยิ่งกว่าสุขที่เกิด

ขึ้นจากฌาณ ผลก็คือเราไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เพราะไม่รู้ว่าซัก

ชาติใดชาตินึงเราอาจหลงไปทำผิด แล้วอาจจะต้องลงนรกก็เป็นได้ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย มหากัป เมื่อ 20 เม.ย. 2010, 17:22, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุด้วยครับท่านมหากัป :b8:

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 21:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มหากัป เขียน:

แต่ครั้งแรกที่ถึงฌาณ 4 อันนี้ความรู้สึกจะรู้ได้ด้วยตัวเองครับ รู้ถึงจิตที่ลอยเด่น

มีสติชัด รู้สึกว่าเรามาสุดแล้ว แต่จิตจะวางอุเบกขา ไม่รู้สึกดีใจแต่อย่างใด แต่

จะรู้สึกอัศจรรย์ใจ แล้วก็วาง ในสมาธิต้องไม่คิดถึงว่าเราอยู่ฌาณไหนต้องปล่อย

ไปก่อน และค่อยมาคิดทบทวนเองหลังจากออกจากฌาณแล้ว เรียกว่ายอมโง่

ก่อนแล้วค่อยฉลาดเอาทีหลัง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเข้าฌาณได้เรา หาก

เราคิดว่าเราอยู่ฌาณที่เท่าไหร่แล้ว ยังผลให้เราไม่เกิดสมาธินะครับ

มีแนะนำอีกนิดครับอย่าลืมยกเข้าวิปัสสนานะครับ เพราะเป้าหมายของเราจริงๆ

ก็คือ บรรลุธรรม ของ พระพุทธเจ้า ที่เรียกได้ว่าเป็น บรมสุข สุขยิ่งกว่าสุขที่เกิด

ขึ้นจากฌาณ ผลก็คือเราไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เพราะไม่รู้ว่าซัก

ชาติใดชาตินึงเราอาจหลงไปทำผิด แล้วอาจจะต้องลงนรกก็เป็นได้ครับ


อิอิ มีแนะนำนิดเดียวละจ้า

ฌาณไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


:b12: อืมห์ อย่างกะว่า เรากำหนดให้มันรู้อยู่อย่างคงเส้นคงวาตลอด ไม่ได้ :b12: :b12:

:b8: :b12: มีอะไรก็ชี้แนะด้วยค่ะ :b12: :b8:

คือแบบว่า ตอนที่เอกอนขยันนั่งสมาธิ แล้วเหลือแต่รู้อยู่หง่ะ

ก็มันเหลือแค่นั้น เอกอนก็รู้อยู่ แล้วอยู่ ๆ มันก็เหมือนครึ่งรู้ ครึ่งไม่รู้

ตอนแรกคิดว่าหลับ แต่มันไม่ใช่ ความรู้สึกมันแผ่วมาก

พอเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ เข้า เอกอนก็เลย อุทานกับตัวเอง
"อ้าว...เวร อย่าบอกนะว่านี่ก็ยังไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา"
คือเอกอนก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ยังไม่เห็นสภาวะที่เราควรจะยึดถือ หรือเกาะเกี่ยวไว้ หน่ะ
ก็เข้าใจแค่นั้น จากสิ่งที่ตัวเองเจอ

ก็ไม่รู้ จนมาอ่านเจอคำกล่าวของคุณ ทำให้นึกถึงสภาวะนี้ขึ้นมา

:b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 20 เม.ย. 2010, 22:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2010, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณรู้ได้ยังไงล่ะว่า ไอ้นั่นเป็นฌาน 4 เป็นฌาน 3 บางทีอาจจะเป็นอรูปฌานก็ได้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




new61.gif
new61.gif [ 1.3 KiB | เปิดดู 8562 ครั้ง ]
เอรากอน เขียน:
noohmairu เขียน:
ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


:b12: อืมห์ อย่างกะว่า เรากำหนดให้มันรู้อยู่อย่างคงเส้นคงวาตลอด ไม่ได้ :b12: :b12:

:b8: :b12: มีอะไรก็ชี้แนะด้วยค่ะ :b12: :b8:

คือแบบว่า ตอนที่เอกอนขยันนั่งสมาธิ แล้วเหลือแต่รู้อยู่หง่ะ

ก็มันเหลือแค่นั้น เอกอนก็รู้อยู่ แล้วอยู่ ๆ มันก็เหมือนครึ่งรู้ ครึ่งไม่รู้

ตอนแรกคิดว่าหลับ แต่มันไม่ใช่ ความรู้สึกมันแผ่วมาก

พอเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ เข้า เอกอนก็เลย อุทานกับตัวเอง
"อ้าว...เวร อย่าบอกนะว่านี่ก็ยังไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา"
คือเอกอนก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ยังไม่เห็นสภาวะที่เราควรจะยึดถือ หรือเกาะเกี่ยวไว้ หน่ะ
ก็เข้าใจแค่นั้น จากสิ่งที่ตัวเองเจอ

ก็ไม่รู้ จนมาอ่านเจอคำกล่าวของคุณ ทำให้นึกถึงสภาวะนี้ขึ้นมา

:b8: :b8:


:b16: แม่นาง sirisuk ขออนุญาตตอบให้น๊ะจ๊ะ...

มันไม่อยู่คงเส้นคงวา เพราะมันยังเวียนว่ายตายเกิดไปในภพภูมิต่างๆอยู่

บางภูมิที่มันไป มันอาจจะไม่รู้เลยก็ได้

มันจะคงเส้นคงวาได้ก็ต่อเมื่อมันไปนิพพาน... :b1:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


แก้ไขล่าสุดโดย sirisuk เมื่อ 21 เม.ย. 2010, 07:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sirisuk เขียน:
เอรากอน เขียน:
noohmairu เขียน:
ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


:b16: แม่นาง sirisuk ขออนุญาตตอบให้น๊ะจ๊ะ...

มันไม่อยู่คงเส้นคงวา เพราะมันยังเวียนว่ายตายเกิดไปในภพภูมิต่างๆอยู่

บางภูมิที่มันไป มันอาจจะไม่รู้เลยก็ได้

มันจะคงเส้นคงวาได้ก็ต่อเมื่อมันไปนิพพาน... :b1:


:b12: :b1: :b15:

:b2: :b32: :b12:

:b12: :b16: :b17: :b4: :b9: :b32: :b13: :b1: :b12: :b17: :b17:

อิ อิ .... :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ugly.gif
ugly.gif [ 1.55 KiB | เปิดดู 8534 ครั้ง ]
:b32: :b32: :b32: :b12: :b16: :b27:

:b20: :b4: :b17: :b13: :b28:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
sirisuk เขียน:
เอรากอน เขียน:
noohmairu เขียน:
ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


:b16: แม่นาง sirisuk ขออนุญาตตอบให้น๊ะจ๊ะ...

มันไม่อยู่คงเส้นคงวา เพราะมันยังเวียนว่ายตายเกิดไปในภพภูมิต่างๆอยู่

บางภูมิที่มันไป มันอาจจะไม่รู้เลยก็ได้

มันจะคงเส้นคงวาได้ก็ต่อเมื่อมันไปนิพพาน... :b1:


:b12: :b1: :b15:

:b2: :b32: :b12:

:b12: :b16: :b17: :b4: :b9: :b32: :b13: :b1: :b12: :b17: :b17:

อิ อิ .... :b12: :b12: :b12:



พวกมันไปนิพพาน อ่ะจ๊ากกกก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ugly.gif
ugly.gif [ 1.55 KiB | เปิดดู 8503 ครั้ง ]
enlighted เขียน:
เอรากอน เขียน:
sirisuk เขียน:
เอรากอน เขียน:
noohmairu เขียน:
ผู้รู้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:

:b4: :b16: :b4:


:b16: แม่นาง sirisuk ขออนุญาตตอบให้น๊ะจ๊ะ...

มันไม่อยู่คงเส้นคงวา เพราะมันยังเวียนว่ายตายเกิดไปในภพภูมิต่างๆอยู่

บางภูมิที่มันไป มันอาจจะไม่รู้เลยก็ได้

มันจะคงเส้นคงวาได้ก็ต่อเมื่อมันไปนิพพาน... :b1:


:b12: :b1: :b15:

:b2: :b32: :b12:

:b12: :b16: :b17: :b4: :b9: :b32: :b13: :b1: :b12: :b17: :b17:

อิ อิ .... :b12: :b12: :b12:



พวกมันไปนิพพาน อ่ะจ๊ากกกก



:b32: :b32: อิอิ...อ่ะจ๊ากกกก....ลืมดูหัวข้อ

พูดคนละเรื่องเดียวกัน...พูดถึงยานพาหนะหรอกหรือ...ข้าน้อยดันไปพูดถึงคนนั่งยาน :b12: :b4: :b13:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:

:b12: อืมห์ อย่างกะว่า เรากำหนดให้มันรู้อยู่อย่างคงเส้นคงวาตลอด ไม่ได้ :b12: :b12:

:b8: :b12: มีอะไรก็ชี้แนะด้วยค่ะ :b12: :b8:

คือแบบว่า ตอนที่เอกอนขยันนั่งสมาธิ แล้วเหลือแต่รู้อยู่หง่ะ

ก็มันเหลือแค่นั้น เอกอนก็รู้อยู่ แล้วอยู่ ๆ มันก็เหมือนครึ่งรู้ ครึ่งไม่รู้

ตอนแรกคิดว่าหลับ แต่มันไม่ใช่ ความรู้สึกมันแผ่วมาก

พอเข้า ๆ ออก ๆ บ่อย ๆ เข้า เอกอนก็เลย อุทานกับตัวเอง
"อ้าว...เวร อย่าบอกนะว่านี่ก็ยังไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา"
คือเอกอนก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ยังไม่เห็นสภาวะที่เราควรจะยึดถือ หรือเกาะเกี่ยวไว้ หน่ะ
ก็เข้าใจแค่นั้น จากสิ่งที่ตัวเองเจอ

ก็ไม่รู้ จนมาอ่านเจอคำกล่าวของคุณ ทำให้นึกถึงสภาวะนี้ขึ้นมา

:b8: :b8:


กำหนด ก็รู้
ไม่กำหนด ก็รู้

ตอนที่เอกอนขยันนั่งสมาธิ ก็รู้
แล้วเหลือแต่รู้อยู่หง่ะ ก็รู้
ก็มันเหลือแค่นั้น ก็รู้
เอกอนก็รู้อยู่ ก็รู้
แล้วอยู่ ๆ มันก็เหมือนครึ่งรู้ ก็รู้
ครึ่งไม่รู้ ก็รู้
ตอนแรกคิดว่าหลับ ก็รู้
แต่มันไม่ใช่ ก็รู้
ความรู้สึกมันแผ่วมาก ก็รู้
พอเข้า ๆ ก็รู้
ออก ๆ ก็รู้
บ่อย ๆ เข้า ก็รู้
เอกอนก็เลยอุทานกับตัวเอง ก็รู้
"อ้าว...เวร อย่าบอกนะว่านี่ก็ยังไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา" ก็รู้
คือเอกอนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็รู้
เพียงแต่ยังไม่เห็นสภาวะที่เราควรจะยึดถือหรือเกาะเกี่ยวไว้หน่ะ ก็รู้
ก็เข้าใจแค่นั้นจากสิ่งที่ตัวเองเจอ ก็รู้
ก็ไม่รู้ ก็รู้
จนมาอ่านเจอคำกล่าวของคุณ ก็รู้
ทำให้นึกถึงสภาวะนี้ขึ้นมา ก็รู้

อยู่ที่ รู้ ไม่ไหลตาม ผู้รู้
รู้ ผู้รู้ ละจ้า

อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:

:b53: :b51: :b53: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
คุณรู้ได้ยังไงล่ะว่า ไอ้นั่นเป็นฌาน 4 เป็นฌาน 3 บางทีอาจจะเป็นอรูปฌานก็ได้นะครับ


อิอิ

:b15: ไอ้นั่น ของคุณคนดีฯ ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยละจ้า


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


วาทะอัญญเดียรถีย์
[๑๙๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนคร สาวัตถี กลับจากบิณฑบาตในเวลาปัจฉาภัตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส เช้าวันนี้ พวกข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตร และจีวรเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี พวกข้าพระองค์ต่างมีความคิดร่วม กันว่า ยังเช้าอยู่นัก อย่าเพิ่งเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีเลย ทางที่ดี พวกเราควรเข้าไปยังอารามของพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เถิด. พวกข้าพระ- องค์ต่างก็มุ่งตรงไปยังอารามของพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ ครั้นแล้วได้สนทนา ปราศรัยกับพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้น ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ เหล่านั้นได้กล่าวกะพวกข้าพระองค์ผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนผู้มี อายุทั้งหลาย พระสมณโคดมบัญญัติข้อควรกำหนดรู้กามได้ แม้พวกข้าพเจ้า ก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้กามได้ พระสมณโคดมบัญญัติข้อควรกำหนดรู้รูปได้ แม้พวกข้าพเจ้าก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้รูปได้ พระสมณโคดมบัญญัติข้อควร รู้กำหนดเวทนาได้ แม้พวกข้าพเจ้าก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้เวทนาได้ ดูก่อน ผู้มีอายุทั้งหลาย ในเรื่องนี้ อะไรเล่าเป็นข้อวิเศษ เช่นผลที่มุ่งหมาย หรือ กระทำให้ต่างกัน ระหว่างพระสมณโคดมกับพวกข้าพเจ้า เช่นการแสดงธรรม กับการแสดงธรรม อนุสาสนีกับอนุสาสนี. พวกข้าพระองค์ไม่ยินดีไม่คัดค้าน คำที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นกล่าวแล้ว ครั้นแล้วลุกจากที่นั่งหลีกไป ด้วยคิดว่า เราจักทราบข้อความแห่งภาษิตนี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
วาทะอัญญเดียรถีย์
[๑๙๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนคร สาวัตถี กลับจากบิณฑบาตในเวลาปัจฉาภัตแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส เช้าวันนี้ พวกข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตร และจีวรเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี พวกข้าพระองค์ต่างมีความคิดร่วม กันว่า ยังเช้าอยู่นัก อย่าเพิ่งเข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีเลย ทางที่ดี พวกเราควรเข้าไปยังอารามของพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เถิด. พวกข้าพระ- องค์ต่างก็มุ่งตรงไปยังอารามของพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ ครั้นแล้วได้สนทนา ปราศรัยกับพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้น ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ เหล่านั้นได้กล่าวกะพวกข้าพระองค์ผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า ดูก่อนผู้มี อายุทั้งหลาย พระสมณโคดมบัญญัติข้อควรกำหนดรู้กามได้ แม้พวกข้าพเจ้า ก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้กามได้ พระสมณโคดมบัญญัติข้อควรกำหนดรู้รูปได้ แม้พวกข้าพเจ้าก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้รูปได้ พระสมณโคดมบัญญัติข้อควร รู้กำหนดเวทนาได้ แม้พวกข้าพเจ้าก็บัญญัติข้อควรกำหนดรู้เวทนาได้ ดูก่อน ผู้มีอายุทั้งหลาย ในเรื่องนี้ อะไรเล่าเป็นข้อวิเศษ เช่นผลที่มุ่งหมาย หรือ กระทำให้ต่างกัน ระหว่างพระสมณโคดมกับพวกข้าพเจ้า เช่นการแสดงธรรม กับการแสดงธรรม อนุสาสนีกับอนุสาสนี. พวกข้าพระองค์ไม่ยินดีไม่คัดค้าน คำที่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้นกล่าวแล้ว ครั้นแล้วลุกจากที่นั่งหลีกไป ด้วยคิดว่า เราจักทราบข้อความแห่งภาษิตนี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า


อิอิ ปริพาชกคากคงเดียรถีย์ยกพระไตรปิฏกมาปิดหน้าอีกแล้วละจ้า :b32:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 23:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 745


 ข้อมูลส่วนตัว


ฌานที่ไปนึก

ตามตำรา แบบนั้น

ฌานที่พระพุทธเจ้า พูดไว้คือ ฌานโลกุตร

ไม่ใช่ฌาน 4 แบบไปนึกเอา

เฮ้อ น่า เศร้า

อย่าลืมนะ


ผู้รู้จริงมีอยู่

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 21  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร