วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 21  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน



หลับอยุ่ เขียน:
อนุโมทนาแบบ ปลิ้นปล้อน ตอแหล ก็รู้ เล่นง่ายๆ

อิอิ ตื่นแล้วหรอ ก็ไม่รู้ก็รู้


..................................................................
noohmairu เขียน


อิอิ ปลิ้นปล้อนตอแหลมีอยู่ในใจเธอก็สำรอกออกมาเองละจ้า

เอาปลิ้นปล้อนตอแหลออกจะได้มีที่ให้สัมมาทิฏฐิเข้าไปในใจบ้างไงละจ้า



อนุโมทนาสาธุจ้า

............................................................................

เทียบพระธรรมให้ดู จะได้เห็นความบันลัย ในการปรามาศ ธรรมอันเป็นเครืองสำรอก
ที่ได้อนุโมทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 22:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามซ้ำอีกที

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

สภาวะนี้ ที่ว่า เป้นธรรมสภาวะสูงสุด นั่นจริงหรือ

เป็นฌานใด

เป็นปฐมฌาน หรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
เล่นเป็น2เพศ ก็เป็นโมฆะบุรุษ หรือว่าโมฆะสตรีดี อ่า....งง :b10:
งงก็ไม่รู้ งงก็รู้ :b32:


หลับอยุ่ เขียน:
ก็ผม เก่ง อ่ะ คนโรคจิตเล่น2โปรก็รู้ :b32: :b32: :b32:

เล่นไม่ยากส์ๆ :b30:


อิอิ คิดว่า รู้ ก็ไม่รู้ :b32:

มีแต่สำรอกความคิดมิจฉาทิฏฐิออกมาละจ้า :b22:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:

:b17: :b16: :b17: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2010, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เฮ้อ..นี้มันอะไรกัน..นะ :b7: :b7:

ลานธรรม..หรือ..ลานนกกระจอก..หรือว่า..ลานหมาบ้า

พูดจาแต่ละที..พูดดี ๆ ไม่เป็น..เอาแต่เสียดสีไปมา..

ไหน ๆ ยกธรรมะมาให้เห็นอย่างดีแล้ว..ก็ให้เห็นศีล..เห็นธรรม..เห็นวาจาชอบ..ด้วยหน่อยซิ

กบฯแค่สัตว์เดรัจฉาน..ก็อยากรู้ว่าคนเค้าคุยกันแบบไหนนะ???.. :b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เฮ้อ..นี้มันอะไรกัน..นะ :b7: :b7:

ลานธรรม..หรือ..ลานนกกระจอก..หรือว่า..ลานหมาบ้า

พูดจาแต่ละที..พูดดี ๆ ไม่เป็น..เอาแต่เสียดสีไปมา..

ไหน ๆ ยกธรรมะมาให้เห็นอย่างดีแล้ว..ก็ให้เห็นศีล..เห็นธรรม..เห็นวาจาชอบ..ด้วยหน่อยซิ

กบฯแค่สัตว์เดรัจฉาน..ก็อยากรู้ว่าคนเค้าคุยกันแบบไหนนะ???.. :b7: :b7:



เหอๆ

กบนันทวิศาล พอใจแต่เสพของชอบ เฉกเช่นโคนันทวิศาล

ออกมาแล้วก็ดี

ออกมาวิเคาะห์ สภาววะธรรม ตามพระไตรปิฎกข้อนี้
จะได้พ้นจากภูมิสัตว์เดียรฉาน


๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:
ภูมิของสัตว์ฯ..มันจะไปรู้เรื่องฌาณเรื่องญาณ..ได้จากที่แห่งใดละพ่อเอ๋ย..
อยากรู้แต่ก็ไร้คนบอกคนสอน..

พ่อคนใจบุญ..เมตตาประกอบแล้ว..ปัญญาทำมาดีแล้ว..พ่อรู้แล้วก็อนุเคราะห์กับเหล่าสัตว์เถิด..

ว่า..เป็นฌาณอะไร..ได้สมาบัติอะไร..

..สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ..การให้ธรรมะเป็นทาน..ชนะการให้ทั้งปวง..นะท่าน

สาธุ..ล่วงหน้า.. :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:
ภูมิของสัตว์ฯ..มันจะไปรู้เรื่องฌาณเรื่องญาณ..ได้จากที่แห่งใดละพ่อเอ๋ย..
อยากรู้แต่ก็ไร้คนบอกคนสอน..

พ่อคนใจบุญ..เมตตาประกอบแล้ว..ปัญญาทำมาดีแล้ว..พ่อรู้แล้วก็อนุเคราะห์กับเหล่าสัตว์เถิด..

ว่า..เป็นฌาณอะไร..ได้สมาบัติอะไร..

..สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ..การให้ธรรมะเป็นทาน..ชนะการให้ทั้งปวง..นะท่าน

สาธุ..ล่วงหน้า.. :b16: :b16: :b16:


เหอๆๆ

ก็อยากสลัดออกจากภูมิของสัตว์เดียรัจฉานไม่ใช่หรือ
รอฟังไป ถ้ามีวาสนา
มั่นใจได้แน่นอนว่า ไม่เคลื่อนจิดแม้แต่น้อย
แต่ถ้าเคลื่อนจิต แม้แต่นิดเดียว ได้เปลี่ยนภูมิ ลงนรกทันที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:



เหอๆๆ

จิตคิดจิตเกิด วิเคาะหสภาวะพระพุทธองค์ ด้วยความเคลื่อนแล้วแม่หนูน้อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:



เหอๆๆ

จิตคิดจิตเกิด วิเคาะหสภาวะพระพุทธองค์ ด้วยความเคลื่อนแล้วแม่หนูน้อย




เปล่าเลย ... แค่ขำๆ ในสิ่งที่คนบางคนที่ยกมาอ้าง แต่ไม่เคยสัมผัส
ไม่งั้นคงไม่นำไปเปรียบเทียบกับฌานหรอก :b1:

เมื่อเห็นคำถามที่ถามมาก็เลยมีคำว่า " คิดว่า .... "

แต่พอเห็นคำตอบมาว่า " สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย "
ก็เลยบอกว่า " เปล่าเลย "

หมดเรื่องสนทนาแล้ว ขอบคุณที่มาสนทนากัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 23 เม.ย. 2010, 22:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:



เหอๆๆ

จิตคิดจิตเกิด วิเคาะหสภาวะพระพุทธองค์ ด้วยความเคลื่อนแล้วแม่หนูน้อย




เปล่าเลย ... แค่ขำๆ ในสิ่งที่คนบางคนที่ยกมาอ้าง แต่ไม่เคยสัมผัส
ไม่งั้นคงไม่นำไปเปรียบเทียบกับฌานหรอก :b1:


เหอๆๆ
ก็หมายความว่า
สภาวะพระพุทธองค์ ไม่ได้ทรงฌานตลอดเวลา งั้นหรือ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:



เหอๆๆ

จิตคิดจิตเกิด วิเคาะหสภาวะพระพุทธองค์ ด้วยความเคลื่อนแล้วแม่หนูน้อย




เปล่าเลย ... แค่ขำๆ ในสิ่งที่คนบางคนที่ยกมาอ้าง แต่ไม่เคยสัมผัส
ไม่งั้นคงไม่นำไปเปรียบเทียบกับฌานหรอก :b1:


เหอๆๆ
ก็หมายความว่า
สภาวะพระพุทธองค์ ไม่ได้ทรงฌานตลอดเวลา งั้นหรือ






ถามจริงๆ ตั้งคำถามมาน่ะ ไม่รู้เลยหรือ?
การทรงฌานได้ตลอดน่ะ ไม่ต้องพระพุทธองค์หรอก
คนที่ชำนาญหรือมีวสีน่ะ เขาเข้าออกได้ตลอดเวลา
คือจิตเขาสามารถทรงฌานได้ตลอดเวลา

มีดับ 2 ชนิดนะ
ดับนาม,รูป กับ ดับโดยสังขาร

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 23 เม.ย. 2010, 22:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

เป็นฌานอะไร ได้สมาบัติอะไร

เหอๆๆ




" ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "

สภาวะนี้ไม่ใช่ฌาน แต่เป็นสภาวะที่ละเอียดกว่าฌาน


เหอๆๆ

อ่านดูได้เท่านี้หรือ นักดูสภาวะ ระดับหนึ่งยังไม่สอง

สภาวะนี้ไม่ได้ละเอียดละอออะไร เลย





คิดว่า ....
เปล่าเลย :b32:



เหอๆๆ

จิตคิดจิตเกิด วิเคาะหสภาวะพระพุทธองค์ ด้วยความเคลื่อนแล้วแม่หนูน้อย




เปล่าเลย ... แค่ขำๆ ในสิ่งที่คนบางคนที่ยกมาอ้าง แต่ไม่เคยสัมผัส
ไม่งั้นคงไม่นำไปเปรียบเทียบกับฌานหรอก :b1:


เหอๆๆ
ก็หมายความว่า
สภาวะพระพุทธองค์ ไม่ได้ทรงฌานตลอดเวลา งั้นหรือ






ถามจริงๆ ตั้งคำถามมาน่ะ ไม่รู้เลยหรือ?


เหอๆๆ

ถ้าไม่แทงตลอดในสภาวะ เช่นนั้น มีหรือจะกล้าตั้งคำถาม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 21  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron