ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

-- อยู่ในฌาณใด --
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=30970
หน้า 2 จากทั้งหมด 21

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 08:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

อยู่ในฌาณใดก็รู้

ไม่อยู่ในฌาณใดก็รู้
อยู่ไม่อยู่ก็รู้
มั่วก็รู้
ไม่รู้ว่ามั่วก็รู้
รู้ไม่จริงก็รู้
ต่างๆนาๆ ๆลๆก็ รู้

วาทะ รอเรือ สระอู ไม้โท รู้
เล่นไม่ยากส์ เล่นไม่ยากส์

ก็รู้ :b32: :b32: :b32: :b6: :b30:

เจ้าของ:  มหากัป [ 22 เม.ย. 2010, 08:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
ฌานที่ไปนึก

ตามตำรา แบบนั้น

ฌานที่พระพุทธเจ้า พูดไว้คือ ฌานโลกุตร

ไม่ใช่ฌาน 4 แบบไปนึกเอา

เฮ้อ น่า เศร้า

อย่าลืมนะ


ผู้รู้จริงมีอยู่




งั้นขอเชิญท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ได้โปรดชี้แจง

ถึงฌาณที่พระพุทธเจ้าทรงดำริไว้ คือ ฌานโลกุตร กับ โลกียฌาณ

มีอาการของฌาณแตกต่างกันอย่างไร ขอรับ อยากได้แบบประสบการณ์จริง

ของท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ที่เป็น ฌานโลกุตร นะขอรับ ไม่เอาจากตำรา

เพราะผมเองหาเปิดอ่านในอินเตอร์เน็ตได้ขอรับ


ตามที่ผมเข้าใจโลกุตรฌาณ อันนี้ เป็นของพระอริยหรือเปล่าครับ

ตัวของผมเองก็ยังมิได้ บรรลุธรรมใดๆ ก็ยังคงเป็น โลกียฌาณ อยู่

ขอคำแนะนำด้วยขอรับ สาธุ สาธุ

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 22 เม.ย. 2010, 16:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

มหากัป เขียน:
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
ฌานที่ไปนึก

ตามตำรา แบบนั้น

ฌานที่พระพุทธเจ้า พูดไว้คือ ฌานโลกุตร

ไม่ใช่ฌาน 4 แบบไปนึกเอา

เฮ้อ น่า เศร้า

อย่าลืมนะ


ผู้รู้จริงมีอยู่




งั้นขอเชิญท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ได้โปรดชี้แจง

ถึงฌาณที่พระพุทธเจ้าทรงดำริไว้ คือ ฌานโลกุตร กับ โลกียฌาณ

มีอาการของฌาณแตกต่างกันอย่างไร ขอรับ อยากได้แบบประสบการณ์จริง

ของท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ที่เป็น ฌานโลกุตร นะขอรับ ไม่เอาจากตำรา

เพราะผมเองหาเปิดอ่านในอินเตอร์เน็ตได้ขอรับ


ตามที่ผมเข้าใจโลกุตรฌาณ อันนี้ เป็นของพระอริยหรือเปล่าครับ

ตัวของผมเองก็ยังมิได้ บรรลุธรรมใดๆ ก็ยังคงเป็น โลกียฌาณ อยู่

ขอคำแนะนำด้วยขอรับ สาธุ สาธุ



เอาง่ายๆในตำราก็มี

ส่วนการปฏิบัติค่อยคุยกันที่หลังงับ


สมาธิสูตรที่ ๑
[๒๒๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมากเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ พึงมีหรือหนอแล การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมีความสำคัญใน
ปฐวีธาตุ ว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุ ว่าเป็นเตโชธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่า
เป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอากาสานัญจายตนะว่าเป็นอากาสานัญจายตนะ
เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญจายตนะว่าเป็นวิญญาณัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่
พึงมีความสำคัญในอากิญจัญญายตนะว่าเป็นอากิญจัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในเนวสัญญานาสัญญายตนะว่าเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้ว
แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงมีได้ การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการ
ที่ตนไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ฯลฯไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่
ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้งที่ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้ว
ด้วยใจ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พึงมีได้อย่างไร การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมี
ความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ฯลฯ ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียง
ที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้วแสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจ ก็แต่ว่า
พึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญอย่างนี้ว่า ธรรมชาติ
นั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต คือ ความสงบสังขารทั้งปวงความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความ
สิ้นตัณหา ความสิ้นกำหนัด ความดับ นิพพานดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงมีได้อย่างนี้แล การที่
ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมี
ความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุว่าเป็นเตโช
ธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่าเป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในอากาสานัญจายตนะว่าเป็นอากาสานัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญ
จายตนะว่าเป็นวิญญาณัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอากิญจัญญาจายตนะว่าเป็น
อากิญจัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ว่าเป็นเนวสัญญา
นาสัญญายตนะเป็นอารมณ์ไม่พึงมีความสำคัญในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความ
สำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน
อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจก็แต่ว่าพึงเป็นผู้
มีสัญญา ฯ


อันนี้ในตำรา

แต่ยังมีในภาคปฏิบัติ ไว้คุยกันที่หลังนะงับ

เจ้าของ:  enlighted [ 22 เม.ย. 2010, 16:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

หลับอยุ่ เขียน:
อยู่ในฌาณใดก็รู้

ไม่อยู่ในฌาณใดก็รู้
อยู่ไม่อยู่ก็รู้
มั่วก็รู้
ไม่รู้ว่ามั่วก็รู้
รู้ไม่จริงก็รู้
ต่างๆนาๆ ๆลๆก็ รู้

วาทะ รอเรือ สระอู ไม้โท รู้
เล่นไม่ยากส์ เล่นไม่ยากส์

ก็รู้ :b32: :b32: :b32: :b6: :b30:


เหอๆๆ

งั้นมาเล่น แบบไม่ยากส์

แค่ เล่น เสี่ยงๆ ริมขอบนรกกัน
มาลองวิเคาะห์ สภาวะธรรมในพระไตรปิฎกนี้

ถ้าเป็นเพียงวาทะ ไม่ใช่สัจธรรม ก็ลงนรกไปเลย

จะดูวาทะ รู้ ของเดียรถีย์ หลับอยู่
ว่าออกจากวาทะ
หรือ ออกจากรู้ อันแท้จริง



๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.[/color]


ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต


ยกวาทะมา วิเคาะห์ได้เลย

เจ้าของ:  มหากัป [ 22 เม.ย. 2010, 16:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
มหากัป เขียน:
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
ฌานที่ไปนึก

ตามตำรา แบบนั้น

ฌานที่พระพุทธเจ้า พูดไว้คือ ฌานโลกุตร

ไม่ใช่ฌาน 4 แบบไปนึกเอา

เฮ้อ น่า เศร้า

อย่าลืมนะ


ผู้รู้จริงมีอยู่




งั้นขอเชิญท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ได้โปรดชี้แจง

ถึงฌาณที่พระพุทธเจ้าทรงดำริไว้ คือ ฌานโลกุตร กับ โลกียฌาณ

มีอาการของฌาณแตกต่างกันอย่างไร ขอรับ อยากได้แบบประสบการณ์จริง

ของท่าน ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ ที่เป็น ฌานโลกุตร นะขอรับ ไม่เอาจากตำรา

เพราะผมเองหาเปิดอ่านในอินเตอร์เน็ตได้ขอรับ


ตามที่ผมเข้าใจโลกุตรฌาณ อันนี้ เป็นของพระอริยหรือเปล่าครับ

ตัวของผมเองก็ยังมิได้ บรรลุธรรมใดๆ ก็ยังคงเป็น โลกียฌาณ อยู่

ขอคำแนะนำด้วยขอรับ สาธุ สาธุ



เอาง่ายๆในตำราก็มี

ส่วนการปฏิบัติค่อยคุยกันที่หลังงับ


สมาธิสูตรที่ ๑
[๒๒๕] ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมากเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ พึงมีหรือหนอแล การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมีความสำคัญใน
ปฐวีธาตุ ว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุ ว่าเป็นเตโชธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่า
เป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอากาสานัญจายตนะว่าเป็นอากาสานัญจายตนะ
เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญจายตนะว่าเป็นวิญญาณัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่
พึงมีความสำคัญในอากิญจัญญายตนะว่าเป็นอากิญจัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในเนวสัญญานาสัญญายตนะว่าเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์
ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้ว
แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงมีได้ การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการ
ที่ตนไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ฯลฯไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่
ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้งที่ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้ว
ด้วยใจ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พึงมีได้อย่างไร การที่ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมี
ความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ฯลฯ ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียง
ที่ได้ยิน อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้วแสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจ ก็แต่ว่า
พึงเป็นผู้มีสัญญา ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้มีความสำคัญอย่างนี้ว่า ธรรมชาติ
นั่นสงบ ธรรมชาตินั่นประณีต คือ ความสงบสังขารทั้งปวงความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความ
สิ้นตัณหา ความสิ้นกำหนัด ความดับ นิพพานดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงมีได้อย่างนี้แล การที่
ภิกษุได้สมาธิโดยประการที่ตนไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมี
ความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุว่าเป็นเตโช
ธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่าเป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญ
ในอากาสานัญจายตนะว่าเป็นอากาสานัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญ
จายตนะว่าเป็นวิญญาณัญจายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอากิญจัญญาจายตนะว่าเป็น
อากิญจัญญายตนะเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ว่าเป็นเนวสัญญา
นาสัญญายตนะเป็นอารมณ์ไม่พึงมีความสำคัญในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความ
สำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน
อารมณ์ที่ทราบ ธรรมที่รู้แจ้ง ที่ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ตรองตามแล้วด้วยใจก็แต่ว่าพึงเป็นผู้
มีสัญญา ฯ


อันนี้ในตำรา

แต่ยังมีในภาคปฏิบัติ ไว้คุยกันที่หลังนะงับ






ยังไม่กระจ่างครับยังไม่ทราบเลยครับว่า ฌานโลกุตร กับ โลกียฌาณ

มีอาการของจิตในฌาณแตกต่างกันอย่างไร

ท่านขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ จึงได้บอกว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสแต่

ฌานโลกุตร มิได้กล่าวถึง โลกียฌาณ เลยหรือครับ


แล้ว วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัตคตารมณ์ อันนี้พระพุทธองค์ ทรงตรัส

ถึงฌาณประเภทใดไว้หรือครับ ฌานโลกุตร หรือ โลกียฌาณ


อ้างอิงขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ
ฌานที่ไปนึก

ตามตำรา แบบนั้น

ฌานที่พระพุทธเจ้า พูดไว้คือ ฌานโลกุตร

ไม่ใช่ฌาน 4 แบบไปนึกเอา

เฮ้อ น่า เศร้า

อย่าลืมนะ

ผู้รู้จริงมีอยู่



( ผู้รู้จริงมีอยู่ ) อันนี้ที่ท่านขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธว่า

ปริยัติ หรือว่า ปฏิบัติ ล่ะขอรับ ชี้แจงด้วยขอรับ

สาธุ สาธุ

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 20:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

หลับอยุ่ เขียน:
อยู่ในฌาณใดก็รู้

ไม่อยู่ในฌาณใดก็รู้
อยู่ไม่อยู่ก็รู้
มั่วก็รู้
ไม่รู้ว่ามั่วก็รู้
รู้ไม่จริงก็รู้
ต่างๆนาๆ ๆลๆก็ รู้

วาทะ รอเรือ สระอู ไม้โท รู้
เล่นไม่ยากส์ เล่นไม่ยากส์

ก็รู้ :b32: :b32: :b32: :b6: :b30:


enlighted ก็ไม่ได้รู้ แบบพระสูตรหรอก ก็รู้....เห็นแหมะ ไม่ยากส์ :b32:

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 20:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

enlightedกลับกลอกก็รู้ อยู่ในพระสูตรนี้หรือก็ไม่รู้หรือก็รู้ดี อ่า :b32:

ตัดพระไตรปิฏกมาแปะ กับเขาด้วย :b14: ดีๆ อ่านให้แตกนะว่านั่นขั้นบรรลุ ธรรมชั้นสูงแล้วไม่ใช่รู้แบบ มั่วๆ ก็รู้ :b32:

ไม่ภาวนาก็แบบนี้แหละ :b7:

ก็รู้ ไม่ยากส์ๆ :b32:

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 20:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

enlighted เขียน
จะดูวาทะ รู้ ของเดียรถีย์ หลับอยู่
ว่าออกจากวาทะ
หรือ ออกจากรู้ อันแท้จริง


ยกวาทะมา วิเคาะห์ได้เลย
--------------------------------------------
หลับอยู่เขียน
ผมยังรู้ไม่จริงหรอกครับ แต่ก็ไม่ ยัด คำว่ารู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็รู้(มั่ว) เลอะเทอะไปทั่ว :b32:


ก็ รู้เล่นง่ายๆ :b13: :b32:

เจ้าของ:  enlighted [ 22 เม.ย. 2010, 21:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

หลับอยุ่ เขียน


ตัดพระไตรปิฏกมาแปะ กับเขาด้วย ดีๆ อ่านให้แตกนะว่านั่นขั้นบรรลุ ธรรมชั้นสูงแล้วไม่ใช่รู้แบบ มั่วๆ ก็รู้

ไม่ภาวนาก็แบบนี้แหละ

.....................................................................................................

เหอๆๆ ปอดแหกล่ะซี



ไหนลองบอกหน่อยซิ สภาวะธรรมที่ยกมาจากพระไตรปิฎกนั้น
เรียกว่าบรรลุธรรมขั้นสูง ได้ยังไง

อยู่ในฌานไหน

เป็น ปฐมฌานแล้วยัง

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 21:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ปอดแหกก็รู้ :b32:

เจ้าของ:  enlighted [ 22 เม.ย. 2010, 21:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.

.................................................


อยู่ในฌานไหน

เป็น ปฐมฌานแล้วยัง

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 21:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ก็ไม่รู้ :b32: :b32: :b32:

ก็รู้ :b32: :b9: :b32:

enlighted มาโต้แทน หนูไม่รู้ :b10: :b6:

เจ้าของ:  noohmairu [ 22 เม.ย. 2010, 21:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

หลับอยุ่ เขียน:
อยู่ในฌาณใดก็รู้

ไม่อยู่ในฌาณใดก็รู้
อยู่ไม่อยู่ก็รู้
มั่วก็รู้
ไม่รู้ว่ามั่วก็รู้
รู้ไม่จริงก็รู้
ต่างๆนาๆ ๆลๆก็ รู้

วาทะ รอเรือ สระอู ไม้โท รู้
เล่นไม่ยากส์ เล่นไม่ยากส์

ก็รู้ :b32: :b32: :b32: :b6: :b30:


อิอิ อยู่ที่หลับ ไม่ได้อยู่ที่ รู้ ก็ไม่รู้

ไหลตามเล่นไป ก็ไม่รู้

คิดว่า รู้ ก็ไม่รู้


หลับอยุ่ เขียน:

enlighted ก็ไม่ได้รู้ แบบพระสูตรหรอก ก็รู้....เห็นแหมะ ไม่ยากส์ :b32:


อิอิ รู้แบบพระสูตร ก็ไม่รู้

หลับอยุ่ เขียน:
enlightedกลับกลอกก็รู้ อยู่ในพระสูตรนี้หรือก็ไม่รู้หรือก็รู้ดี อ่า :b32:

ตัดพระไตรปิฏกมาแปะ กับเขาด้วย :b14: ดีๆ อ่านให้แตกนะว่านั่นขั้นบรรลุ ธรรมชั้นสูงแล้วไม่ใช่รู้แบบ มั่วๆ ก็รู้ :b32:

ไม่ภาวนาก็แบบนี้แหละ :b7:

ก็รู้ ไม่ยากส์ๆ :b32:


อิอิ คิดว่า รู้ ก็ไม่รู้

หลับอุตุอยู่ขอบนรก ก็ยังไม่รู้


หลับอยุ่ เขียน:
enlighted เขียน
จะดูวาทะ รู้ ของเดียรถีย์ หลับอยู่
ว่าออกจากวาทะ
หรือ ออกจากรู้ อันแท้จริง


ยกวาทะมา วิเคาะห์ได้เลย
--------------------------------------------
หลับอยู่เขียน
ผมยังรู้ไม่จริงหรอกครับ แต่ก็ไม่ ยัด คำว่ารู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็รู้(มั่ว) เลอะเทอะไปทั่ว :b32:


ก็ รู้เล่นง่ายๆ :b13: :b32:


หุหุ วาทะ รู้ แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของหลับอยู่

แสดงภูมิปัญญาปริพาชกคางคกเดียรถีย์ละจ้า

เพียงวาทะลมปากไม่แตกต่างจากการผายลมละจ้า

เล่นง่ายๆ ลงนรกง่ายๆๆๆ ละจ้า


หลับอยุ่ เขียน:
ปอดแหกก็รู้ :b32:


อิอิ หลับอยู่จะลงนรกเพราะอวด รู้ แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ละจ้า



อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 21:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ก็รู้ก็ไม่รู้ :b32: ไปตอบคุณกรัชกายด้วยนะ เดี๋ยวหาว่าไม่บอกไม่รู้ :b6:

หนูไม่รู้ รู้แจ้ง ว่า ใครจะตกนรกไม่ตกนรก ก็รู้ :b32:

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 เม.ย. 2010, 21:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: -- อยู่ในฌาณใด --

ขอพองตัวหน่อยนะ

ก็รู้ :b32: :b32: :b32: เล่นไม่ยากส์ๆ :b13:

หน้า 2 จากทั้งหมด 21 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/