วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 19:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 226 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โคตรภู เขียน:
smiley smiley smiley

:b16: :b16: :b16: :b16:

...โคตรภู...มีความเห็นว่า....
........จุติจิต กับ ปฏิสนธิจิต......
.......เป็นจิตชนิดเดียวกัน........
........มีคุณภาพจิตคล้ายกัน......


......ดังนั้นจิตจึงไม่เที่ยง.....เกิดดับตลอดเวลา.....
......... ขันธ์ 5 คือจิต .....เป็นสิ่งเดียวกัน......


โลกุตรจิตชั้นพระอรหันต์เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย?

ใครที่รู้ว่าเกิดดับตลอดเวลา? ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับ?

ถ้าขันธ์๕คือจิต แล้วเวลาขันธ์ดับตายลงไป จิตก็ต้องดับลงไปด้วยสิ?

แบบนี้จะเอาจุติจิตมาจากไหนไปเกิดอีกหละ?

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 24 เม.ย. 2011, 04:21, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2010, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley เรื่องนี้เขาถกเถียงกันมานานแล้วครับคุณธรรมภูติ จิตเกิดดับกับจิตดวง นี่
เจริญธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมภูต เขียน:
(1)โลกุตรจิตชั้นพระอรหันต์เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย?

(2)ใครที่รู้ว่าเกิดดับตลอดเวลา? ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับ?

(3)ถ้าขันธ์๕คือจิต แล้วเวลาขันธ์ดับตายลงไป จิตก็ต้องดับลงไปด้วยสิ?

แบบนี้จะเอาจุติจิตมาจากไหนไปเกิดอีกหละ?

smiley

แต่ก่อน.. โคตรภู... ก็คิดแบบนี้แหละ.... แต่มันขัดกับ สัจจะแห่งไตรลักษณ์.....

ผมว่า...... ท่านเช่นนั้น...ถามท่านได้ถูกต้องและตรงประเด็นแล้วและว่า....
.....จิตเป็นสังขตะหรืออสังขตะ..... ไม่อย่างนั้น 3 ข้อที่ถามมา... โคตรภู..
...ตอบคำถามท่านผิดหมด.....

เจริญในธรรมครับ
:b8:

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 08:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลิ้มธรรม เขียน:
ธรรมภูต เขียน:
โลกุตรจิตชั้นพระอรหันต์เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย?

ใครที่รู้ว่าเกิดดับตลอดเวลา? ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับ?

ถ้าขันธ์๕คือจิต แล้วเวลาขันธ์ดับตายลงไป จิตก็ต้องดับลงไปด้วยสิ?

แบบนี้จะเอาจุติจิตมาจากไหนไปเกิดอีกหละ?

:b39:

โลกุตรจิตชั้นพระอรหันต์เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย?
เเล้วคุณ..มีคำตอบหรือเปล่า?

ใครที่รู้ว่าเกิดดับตลอดเวลา? ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับ?
ล่ะคุณคิดว่าใคร?

ถ้าขันธ์๕คือจิต แล้วเวลาขันธ์ดับตายลงไป จิตก็ต้องดับลงไปด้วยสิ?
คุณรู้จัก..เเละเข้าใจ..คำว่า..นามรูปปริเฉทญาณ..มั้ยเนี่ย??
เห็นชัดเจน...คุณนี่..อุปาทานเหนียวเเน่นมากกกกกก :b31:

วางตำราลงซะเถอะ..เริ่มปฏิบัติ...ภาวนามยปัญญา..ได้เเล้ว
สัมผัสอะไรเเล้ว...ค่อยเอามาเม้าท์ดีกว่าน่า...

:b41: :b41: :b41:

๑.ผมถามคุณๆเลี่ยงที่จะตอบ คุณก็ไม่ต้องมาย้อนก็ได้
ถ้าผมไม่มีคำตอบที่ถูกต้องอยู่ก่อนแล้ว ผมจะถามหรือ?

๒.คุณจะมาถามผมอีกทำไม ก็มีตอบไปแล้วนี่ ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับหละ?

๓.คุณรู้จักขันธ์๕ มั้ยเนี่ย? ถ้ารู้จักขันธ์๕อย่างถูกต้อง ก็ต้องรู้จักรูป-นามปริเฉทญาณ
เห็นชัดเจน...คุณนี่..อุปาทานเหนียวเเน่นมากกกกกก

วางตำราลงซะเถอะ..เริ่มปฏิบัติ...สมาธิกรรมฐานภาวนา..ได้เเล้ว
เมื่อรู้จักจิตที่แท้จริงเเล้ว...คุณก็จะได้เลิกฟุ้งไปเองเสียที...

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
smiley เรื่องนี้เขาถกเถียงกันมานานแล้วครับคุณธรรมภูติ จิตเกิดดับกับจิตดวง นี่
เจริญธรรมครับ

ครับ เรื่องนั้นผมรู้มานานแล้ว เรื่องจิต เรื่องอัตตา-อนัตตา เรื่องพระนิพพาน

เรื่องพวกนี้ มีการถกเถียงกันมานับเป็นพันๆปี แต่ก็ยังมีคนทีไมเข้าใจอยู่ดี

พ่อแม่ครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติกรรมฐานภาวนา"พุทโธ" ล้วนสอนว่าจิตไม่เกิดดับ

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โคตรภู เขียน:
ธรรมภูต เขียน:
(1)โลกุตรจิตชั้นพระอรหันต์เที่ยงหรือไม่เที่ยง? ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย?

(2)ใครที่รู้ว่าเกิดดับตลอดเวลา? ถ้าไม่ใช่จิต คุณคิดว่าใครที่รู้ว่าเกิดดับ?

(3)ถ้าขันธ์๕คือจิต แล้วเวลาขันธ์ดับตายลงไป จิตก็ต้องดับลงไปด้วยสิ?

แบบนี้จะเอาจุติจิตมาจากไหนไปเกิดอีกหละ?

smiley

แต่ก่อน.. โคตรภู... ก็คิดแบบนี้แหละ.... แต่มันขัดกับ สัจจะแห่งไตรลักษณ์.....

ผมว่า...... ท่านเช่นนั้น...ถามท่านได้ถูกต้องและตรงประเด็นแล้วและว่า....
.....จิตเป็นสังขตะหรืออสังขตะ..... ไม่อย่างนั้น 3 ข้อที่ถามมา... โคตรภู..
...ตอบคำถามท่านผิดหมด.....

เจริญในธรรมครับ
:b8:

คุณอย่าพูดเองลอยๆสิ เอาหลักฐานมาว่าด้วยว่า

ขัดกับสัจจะแห่งพระไตรลักษณ์ตรงไหน

ที่คุณรู้อาจเกิดจากความเข้าใจผิดของคุณเองก็ได้...

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:37
โพสต์: 86

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทั้งนี้แสดงว่า จิตเป็นสภาพธรรมที่ไม่ได้ดับตายหายสูญ
พระพุทธองค์ทรงระลึกพระชาติได้ทุกพระชาติก่อนที่จะตรัสรู้
เป็นการแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่า
จิตดวงเดียวกันนี้ที่เวียนว่ายเข้าไปสู่ภพน้อยใหญ่อันยาวนานนับไม่ถ้วน
ถ้าเป็นจิตคนละดวงแล้ว พระองค์จะทรงระลึกชาติของจิตดวงอื่นได้หรือครับ???
แล้วพระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ด้วยจิตดวงไหนหละ?


นี้แหละครับ ถ้าอธิบายแบบนี้ ไตรลักษณ์ก็พิการไม่ทำงานครับ

เจริญในธรรมครับ

.....................................................
....ถ้าไม่ทำสัญญาให้เป็นปัญญา ทำอย่างไรก็เป็นกามสัญญา......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โคตรภู เขียน:
อ้างคำพูด:
ทั้งนี้แสดงว่า จิตเป็นสภาพธรรมที่ไม่ได้ดับตายหายสูญ
พระพุทธองค์ทรงระลึกพระชาติได้ทุกพระชาติก่อนที่จะตรัสรู้
เป็นการแสดงให้เห็นชัดอยู่แล้วว่า
จิตดวงเดียวกันนี้ที่เวียนว่ายเข้าไปสู่ภพน้อยใหญ่อันยาวนานนับไม่ถ้วน
ถ้าเป็นจิตคนละดวงแล้ว พระองค์จะทรงระลึกชาติของจิตดวงอื่นได้หรือครับ???
แล้วพระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ด้วยจิตดวงไหนหละ?


นี้แหละครับ ถ้าอธิบายแบบนี้ ไตรลักษณ์ก็พิการไม่ทำงานครับ

เจริญในธรรมครับ

อย่าเอาแต่พูดลอยๆสิ วิธีนี้คนเลี่ยงที่จะตอบเค้าชอบทำกัน

อย่าลืมสิ ที่ผมอธิบายไปนั้น มีพระพุทธพจน์รองรับอยู่นะ

"เราเวียนว่ายเข้าไปภพน้อยใหญ่อันยาวยาวนับไม่ถ้วน

เพราะเราไม่รู้เห็นอริยสัจจ๔ ตามความเป็นจริง"

คุณรู้จักกฏพระไตรลักษณ์ดีพอหรือยัง???

อะไรทีไม่เที่ยง(อนิจจัง) ล้วนเป็นทุกข์(ทุกขัง) พึ่งพาอาศัยไม่ได้(อนัตตา)ใช่มั้ย???

ที่คุณว่าไตรลักษณ์พิการไม่ทำงานหนะ? ตรงไหน? ยังไง?

อย่าใช้วิธีพูดลอยๆสิ มันไม่งามนะ

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: :b35: :b35: มานะ..คุณเนี่ย เจ๋งจิงๆๆๆ

อ้างคำพูด:
อย่าลืมสิ ที่ผมอธิบายไปนั้น มีพระพุทธพจน์รองรับอยู่นะ

อะไรจะปานนั้น... :b9: :b9: :b9:
(((((((รู้สึกตัวไว้...รู้สึกตัวไว้)))))))
(((((((Wake-up...Wake-up)))))))


แก้ไขล่าสุดโดย ลิ้มธรรม เมื่อ 25 พ.ค. 2010, 13:42, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมภูต เขียน:
อสังขตธรรม คือสิ่งที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น
เช่นแม่ธาตุทั้งหลายที่ยังไม่ได้ผสมปนกันจนเป็นสังขตธรรมไป
มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ(ธาตุรู้หรือจิต)


จิตคือธาตุรู้ ทรงความรู้ทุกกาลสมัย
ธาตุรู้ยังไงก็เป็นธาตุรู้วันยังค่ำ ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นธาตุดิน น้ำ ลม หรือ ไฟ


จิตคือธาตุรู้ รู้ผิด หรือ รู้ถูก

พระพุทธพจน์ชัดเจนอยู่แล้วว่า จิตมีดวงเดียว ที่เกิดดับตามเจตสิกอยู่นั้น คืออาการของจิต

จิตคือวิญญาณธาตุ(ธาตุรู้) ไม่ใช่วิญญาณขันธ์
จิตมีดวงเดียว (เอกจรํ=ดวงเดียวเที่ยวไป) ไม่เป็นกอง แต่ขันธ์เป็นกอง


จิตที่ไม่ได้รับความบริสุทธิ์โลกียจิตนั้น เป็นสังขตะธรรม
เพราะเกิดตายไปตามความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่เข้ามาปรุงแต่งจิตครอบงำอยู่ในขณะนั้น
ส่วนจิตที่ได้รับความบริสุทธิ์หรือโลกุตรจิตนั้น
สังขตะธรรมถูกขจัดออกไปจากจิต เผยให้เห็นความเป็นอสังขตะธรรมที่ได้รับความบริสุทธิ์




Quote Tipitaka:
อสังขตสูตร
[๔๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ

ไม่ปรากฏความเกิด ๑
ไม่ปรากฏความเสื่อม ๑
เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑


ท่านธรรมภูต ยังคงยืนยันว่า จิต เป็นอสังขตธรรม เพราะ
เป็นธาตุรู้ ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ หรืออากาสธาตุได้
เพราะการไม่เปลี่ยนแปลงนี้ จึงเที่ยงไม่มีเกิดดับ จึงเป็นอสังขตด้วย ใช่หรือไม่ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 25 พ.ค. 2010, 17:18, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ธรรมภูต เขียน:
อสังขตธรรม คือสิ่งที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น
เช่นแม่ธาตุทั้งหลายที่ยังไม่ได้ผสมปนกันจนเป็นสังขตธรรมไป
มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ(ธาตุรู้หรือจิต)


จิตคือธาตุรู้ ทรงความรู้ทุกกาลสมัย
ธาตุรู้ยังไงก็เป็นธาตุรู้วันยังค่ำ ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นธาตุดิน น้ำ ลม หรือ ไฟ


จิตคือธาตุรู้ รู้ผิด หรือ รู้ถูก

พระพุทธพจน์ชัดเจนอยู่แล้วว่า จิตมีดวงเดียว ที่เกิดดับตามเจตสิกอยู่นั้น คืออาการของจิต

จิตคือวิญญาณธาตุ(ธาตุรู้) ไม่ใช่วิญญาณขันธ์
จิตมีดวงเดียว (เอกจรํ=ดวงเดียวเที่ยวไป) ไม่เป็นกอง แต่ขันธ์เป็นกอง


จิตที่ไม่ได้รับความบริสุทธิ์โลกียจิตนั้น เป็นสังขตะธรรม
เพราะเกิดตายไปตามความรู้สึกนึกคิดต่างๆที่เข้ามาปรุงแต่งจิตครอบงำอยู่ในขณะนั้น
ส่วนจิตที่ได้รับความบริสุทธิ์หรือโลกุตรจิตนั้น
สังขตะธรรมถูกขจัดออกไปจากจิต เผยให้เห็นความเป็นอสังขตะธรรมที่ได้รับความบริสุทธิ์




Quote Tipitaka:
อสังขตสูตร
[๔๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ

ไม่ปรากฏความเกิด ๑
ไม่ปรากฏความเสื่อม ๑
เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑


ท่านธรรมภูต ยังคงยืนยันว่า จิต เป็นอสังขตธรรม เพราะ
เป็นธาตุรู้ ไม่อาจเปลี่ยนแปลง เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ หรืออากาสธาตุได้
เพราะการไม่เปลี่ยนแปลงนี้ จึงเที่ยงไม่มีเกิดดับ จึงเป็นอสังขตด้วย ใช่หรือไม่ครับ


ไม่ปรากฏความเกิด ๑
จิตมีอยู่ก่อนนานมาแล้ว ต้นปลายไม่ปราฏก

ไม่ปรากฏความเสื่อม ๑
จิตคือธาตุรู้ ไม่เสื่อมไปจากความรู้ ถึงไม่รู้ ก็ยังรู้ว่าไม่รู้ ถึงลืมก็รู้ว่าลืมไปแล้ว

เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑
จิตของเราเป็นสมาธิ สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่แปรปรวนไปตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย

ใช่ครับ แต่ขณะที่ยังเป็นธาตุผสมอยู่ในร่างกายนั้น เพราะหลงยึดถือเอาสกลกายนี้มาเป็นตนของตน

จึงเกิด-ดับเวียนว่ายเข้าไปในภพน้อยใหญ่อันยาวนานนับไม่ถ้วน เพราะไม่รู้เห็นอริยสัจ๔ตามความเป็นจริง

เมื่อได้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์แปด จนจิตบริสุทธิ์บรรลุพระนิพพาน

เป็นวิราคะธรรม ธรรมที่เลิศกว่า สังขตะธรรมและอสังขตะธรรมทั้งหลาย

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 21:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลิ้มธรรม เขียน:
:b35: :b35: :b35: มานะ..คุณเนี่ย เจ๋งจิงๆๆๆ

อ้างคำพูด:
อย่าลืมสิ ที่ผมอธิบายไปนั้น มีพระพุทธพจน์รองรับอยู่นะ

อะไรจะปานนั้น... :b9: :b9: :b9:
(((((((รู้สึกตัวไว้...รู้สึกตัวไว้)))))))
(((((((Wake-up...Wake-up)))))))


คุณลิ้มธรรมครับ

ถ้าคิดว่าจะเข้ามาเหน็บแนมแล้วละก้อ

อย่าเสียเวลาเลยไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องตรงไหนก็แย้งมาได้ ไม่ได้ให้เชื่อ

คนเราจะทำอะไรควรยืนอยู่บนหลักเหตุ ไม่ใช่ทำด้วยความสะใจเท่านั้นนะ

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านธรรมภูต

ถ้าจิต เป็นอสังขตะ เพราะความทรงไว้ซึ่ง รู้ เมื่อรู้อยู่ก็ไม่แปรปรวน ไม่เสื่อมจาก คุณสมบัติของธาตุ และไม่ปรากฏความเกิด เพราะเป็นสิ่งมีมานาน

กามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ อวิชชาธาตุ พยาบาทธาตุ อพยาบาทธาตุ ธาตุทุกชนิด ก็เป็นอสังขตะด้วยเช่นกันหรือเปล่าครับ? เพราะไม่อาจเปลี่ยนเป็นธาตุอื่นได้เช่นกัน ใช่ไม้ครับ?

อวิชชาธาตุ ก็เป็นจิตได้เช่นกัน เพราะทรงไว้ซึ่งความไม่รู้ เมื่อไม่รู้อยู่ก็ไม่แปรปรวน ไม่เสื่อมจากคุณสมบัติของอวิชชาธาตุ และอวิชชาธาตุ ก็ไม่ปรากฏความเกิด เพราะเป็นสิ่งมีมานาน จึงเป็นอสังขตะได้เช่นกัน จิตจึงมีความรู้ และความไม่รู้ ได้เท่าๆ กัน เพราะความเกิดก็ไม่ปรากฏเหมือนกัน ใช่หรือเปล่าครับ?

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 20:09
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ท่านธรรมภูต

ถ้าจิต เป็นอสังขตะ เพราะความทรงไว้ซึ่ง รู้ เมื่อรู้อยู่ก็ไม่แปรปรวน ไม่เสื่อมจาก คุณสมบัติของธาตุ และไม่ปรากฏความเกิด เพราะเป็นสิ่งมีมานาน

กามธาตุ รูปธาตุ อรูปธาตุ อวิชชาธาตุ พยาบาทธาตุ อพยาบาทธาตุ ธาตุทุกชนิด ก็เป็นอสังขตะด้วยเช่นกันหรือเปล่าครับ? เพราะไม่อาจเปลี่ยนเป็นธาตุอื่นได้เช่นกัน ใช่ไม้ครับ?

อวิชชาธาตุ ก็เป็นจิตได้เช่นกัน เพราะทรงไว้ซึ่งความไม่รู้ เมื่อไม่รู้อยู่ก็ไม่แปรปรวน ไม่เสื่อมจากคุณสมบัติของอวิชชาธาตุ และอวิชชาธาตุ ก็ไม่ปรากฏความเกิด เพราะเป็นสิ่งมีมานาน จึงเป็นอสังขตะได้เช่นกัน จิตจึงมีความรู้ และความไม่รู้ ได้เท่าๆ กัน เพราะความเกิดก็ไม่ปรากฏเหมือนกัน ใช่หรือเปล่าครับ?

ธาตุที่คุณกล่าวอ้างอิงมาทั้งหมดนั้น ล้วนป็นธาตุผสมทั้งสิ้น

มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเช่น กามตัณหา+ธาตุรู้=กามธาตุ รูป+ธาตุรู้=รูปธาตุฯลฯ

ธาตุทั้งหลายที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นสังขตะธรรมทั้งสิ้น

อวิชชาไม่มีทางเป็นจิตหรอกนะ เพราะอวิชชาเป็นตัวกิเลสที่เข้าครอบงำจิตในภายหลัง(มีปรากฏการเกิด)

อวิชชาไม่มีคุณสมบัติอย่างที่คุณว่าเลย อวิชชาคือความรู้ผิดไปจากความเป็นจริงของจิต ไม่ใช่จิต

อวิชชาจะเสื่อมไป เมื่อมีวิชชามาแทนที่ เนื่องจากจิตรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว

ถ้าอวิชชาไม่แปรปรวนไป แล้วจะมีใครเล่าบรรลุถึงพระนิพพานได้

ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาแห่งเหตุผล สามารถพิจารณาตริตรองให้เห็นตามได้

ที่พระพุทธองค์ทรงได้ชื่อว่าเป็นศาสดาเอกของโลกนั้น เพราะทรงยืนอยู่บนหลักเหตุผลอย่างยิ่ง

:b39:

.....................................................
ความเพียรมีผล ความพยายามมีผล
เชิญพบปะพูดคุยกับธรรมภูต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 226 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร