ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=31662 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | enlighted [ 13 พ.ค. 2010, 16:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
varinne เขียน: 1) ถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ หากเป็นพระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 7 วัน แล้วตาย (นิพพาน) |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 พ.ค. 2010, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
enlighted เขียน: varinne เขียน: 1) ถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ หากเป็นพระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 7 วัน แล้วตาย (นิพพาน) แล้วท่านว่าไงล่ะ ![]() |
เจ้าของ: | sirisuk [ 13 พ.ค. 2010, 17:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน | ||
enlighted เขียน: varinne เขียน: 1) ถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ หากเป็นพระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 7 วัน แล้วตาย (นิพพาน) ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | enlighted [ 13 พ.ค. 2010, 17:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
อิอิ สัปดาห์นึงมีเจ็ดวัน วันอาทิตย์ เป็นมิตรจากวันจันทร์ วันอังคารเพื่อนกัน กะวันพุธ พฤหัส เป็นพี่วันศุกร์ วันเสารซาหนุก ไม่ไปโรงเรียน เย่ เล่ม ๗ จุลวรรค ภาค ๒ มี ๘ ขันธกะว่าด้วยข้อบัญญัติปลีกย่อย เรื่องเสนาสนะ สังฆเภท วัตรต่างๆ การงดสวดปาฏิโมกข์ เรื่องภิกษุณี เรื่องสังคายนาครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ปฐมสังคยานา พระอรหันต์ก็อยู่ เกินเจ็ดวันแล้ว |
เจ้าของ: | สุทธจิตต์ [ 13 พ.ค. 2010, 17:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
ต้องให้พระอรหันต์มาตอบแล้วแหล่ะจ๊ะ คำถามแบบนี้ พระพุทธองค์ทรงไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ แม้แต่ธรรมะที่พระองค์ทรงค้นพบ ทั้งตัวของพระองค์เองด้วย เพียงแต่พระองค์เอามาบอกกล่าว แล้วลองปฎิบัติดูจะรู้เองว่าดีรึไม่ดีแค่ไหน ปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเคยได้ยินกันบ่อยไหม เราเป็นปุถุชนไปสงสัยในวิสัยของพระอรหันต์แล้วยังอยากรู้คำตอบอีก ทั้งๆที่ยังไม่ก้าวพ้นวิสัยแม้พระโสดาบันเลย เราอยู่ในวิสัยของปุถุชน มันมีธรรมที่สมควรแก่เราอยู่แล้ว ที่เราสมควรปฎิบัติเพื่อความเป็นพระอริยะในอนาคตกาลต่อไป ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลจะช้ารึเร็ว เพราะแต่ละบุคคลมีความเพียรต่างกัน สติปัญญาต่างกัน ควรปฎิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม แล้วซักวันข้อสงสัยของท่านๆก็จะกระจ่างทั้งหมด ด้วยตัวของท่านเองแหล่ะ อยากรู้เร็วท่านก็รู้อยู่แล้วควรทำเช่นไร ![]() |
เจ้าของ: | sirisuk [ 13 พ.ค. 2010, 17:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
![]() ![]() พระอรหันต์ไหนๆ ก็เป็นมนุษย์ทั้งนั้น แล้วทำไมต้องตาย งง งง งง....จารย์ตั้งคำถามผิดละป่าว... ![]() |
เจ้าของ: | enlighted [ 13 พ.ค. 2010, 18:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
sirisuk เขียน: :b10: ![]() พระอรหันต์ไหนๆ ก็เป็นมนุษย์ทั้งนั้น แล้วทำไมต้องตาย งง งง งง....จารย์ตั้งคำถามผิดละป่าว... ![]() เอามาจากสาววารินทร์ อ่ะคร๊าบ |
เจ้าของ: | enlighted [ 13 พ.ค. 2010, 18:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
สุทธจิตต์ เขียน: ต้องให้พระอรหันต์มาตอบแล้วแหล่ะจ๊ะ คำถามแบบนี้ พระพุทธองค์ทรงไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ แม้แต่ธรรมะที่พระองค์ทรงค้นพบ ทั้งตัวของพระองค์เองด้วย เพียงแต่พระองค์เอามาบอกกล่าว แล้วลองปฎิบัติดูจะรู้เองว่าดีรึไม่ดีแค่ไหน ปฎิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเคยได้ยินกันบ่อยไหม เราเป็นปุถุชนไปสงสัยในวิสัยของพระอรหันต์แล้วยังอยากรู้คำตอบอีก ทั้งๆที่ยังไม่ก้าวพ้นวิสัยแม้พระโสดาบันเลย เราอยู่ในวิสัยของปุถุชน มันมีธรรมที่สมควรแก่เราอยู่แล้ว ที่เราสมควรปฎิบัติเพื่อความเป็นพระอริยะในอนาคตกาลต่อไป ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลจะช้ารึเร็ว เพราะแต่ละบุคคลมีความเพียรต่างกัน สติปัญญาต่างกัน ควรปฎิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม แล้วซักวันข้อสงสัยของท่านๆก็จะกระจ่างทั้งหมด ด้วยตัวของท่านเองแหล่ะ อยากรู้เร็วท่านก็รู้อยู่แล้วควรทำเช่นไร ![]() อิอิ ท่าทางจะเป้นพวกสาวก กาลามะสูตร น๊าคร๊าบบ อิอิ กาลามะสูตร พระพุทธเจ้าตรัสจบปุ๊ป กาลามะชน เชื่อพระพุทธเจ้า ปั๊ป ขอถวายตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา เลิกเชื่อกาลามะสูตรทันที เปรี้ยง อิอิ |
เจ้าของ: | สุทธจิตต์ [ 13 พ.ค. 2010, 20:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
โดยส่วนตัวแล้วนะ คิดว่าผู้ที่มาทางนี้ คือทางธรรมของพระพุทธเจ้าเช่นนี้ จะคิดเห็นแตกต่างกันไปต่างๆนาๆก็ช่าง แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยนะ คนส่วนมาก ไม่มีโอกาสได้มาสัมผัสรับรู้ พวกเราๆท่านๆ ถึงรู้แต่ทำได้มั้งไม่ได้มั้ง ก็ถือว่ายังได้มารับรู้ และมีโอกาสที่จะได้ปฎิบัติและท้ายที่สุดต้องปฎิบัติได้แน่นอน ![]() |
เจ้าของ: | noohmairu [ 13 พ.ค. 2010, 21:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
สุทธจิตต์ เขียน: โดยส่วนตัวแล้วนะ คิดว่าผู้ที่มาทางนี้ คือทางธรรมของพระพุทธเจ้าเช่นนี้ จะคิดเห็นแตกต่างกันไปต่างๆนาๆก็ช่าง แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยนะ คนส่วนมาก ไม่มีโอกาสได้มาสัมผัสรับรู้ พวกเราๆท่านๆ ถึงรู้แต่ทำได้มั้งไม่ได้มั้ง ก็ถือว่ายังได้มารับรู้ และมีโอกาสที่จะได้ปฎิบัติและท้ายที่สุดต้องปฎิบัติได้แน่นอน ![]() อิอิ ได้หมด ทิ้งหมด ละจ้าๆ อนุโมทนาสาธุจ้า ![]() |
เจ้าของ: | บัวสีน้ำเงิน [ 14 พ.ค. 2010, 13:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
น่าจะตั้งคำถามผิด จริงๆคงต้องการถามว่า ฆราวาสที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 7 วันจริงหรือ สำหรับตัวเอง ขอตอบว่ายังไม่เชื่อในความคิดแบบนี้ คงต้องขอเวลาพิสูจน์ด้วยตัวเองน่ะ |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 14 พ.ค. 2010, 14:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน มันไร้สาระสิ้นดี พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตอนที่ตรัสรู้ แล้วทำไมอยู่มาได้จนถงอายุ 80 ปีล่ะ |
เจ้าของ: | คิดดี ทำดี พูดดี [ 14 พ.ค. 2010, 14:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
enlighted เขียน: varinne เขียน: 1) ถ้ายังเป็นมนุษย์อยู่ หากเป็นพระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกิน 7 วัน แล้วตาย (นิพพาน) ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | รตน [ 14 พ.ค. 2010, 14:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
คืออย่างนี้ พระอรหันต์ที่เป็นฆราวาสผู้ครองเรือนจะอยู่ได้เจ็ดวัน เช่น พระสุทโธทนะพุทธบิดา ส่วนพระอรหันต์ที่เป็นบรรชิตคือผู้ไม่ครองเรือนหรือผู้ไม่ครองเรือนจะอยู่ได้ตามคาบขันธ์ เช่น พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก พระอรหันตสาวิกา ในประเทศไทย ก็มี หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ฯลฯ ปัจจุบันก็มี หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปัณโณ เป็นต้น |
เจ้าของ: | พงพัน [ 14 พ.ค. 2010, 14:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริงๆหรือ พระอรหันต์ จะดำรงชีวิตได้ไม่เกินเจ็ดวัน |
ความเชื่อที่ว่าพระอรหันต์ที่อยู่ในเพศฆราวาสจะต้องตายภายใน 7 วัน เหตุเกิดจากเรื่อง2 เรื่อง 1. เรื่องของพระนางเขมาเถรี พระพุทธเข้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาต่อไปว่า “คนที่กำนัดด้วยราคะปล่อยใจไปตามกระแสตัณหาเป็นเหมือนแมงมุมติดใยตัวเอง ส่วนคนฉลาดตัดกระแสตัณหานั้นได้แล้วเป็นผู้ไม่มีอาลัยละทุกข์ทั้งปวงได้ เมื่อพระนางสดับพระธรรมเทศนานี้จบลงก็ทรงบรรลุอรหัตผล เป็นพระอรหันต์ทั้งที่ยังไม่ได้อุปสมบท ตามปกติผู้บรรลุอรหัตผล ทั้งยังเป็นคฤหัสถ์อยู่จะต้องอุปสมบทครองเพศเป็นบรรพชิดมิฉะนั้นจะต้องนิพพานในไม่ช้า พระพุทธเจ้าทรงถามพระเจ้าพิมพิสารว่ามหาบพิตรต้องการให้พระนางเขมาอุปสมบทหรือนิพพานถ้าไม่บวชก็จะดับขันธ์นิพพานในคืนนั้นถ้าบวชอยู่ในเพศบรรชิตก็จะมีอายุยืนยาวต่อไปจนตลอดอายุขัย พระเจ้าพิมพิสารทูลตอบว่าให้นางอุปสมบทเถิดอย่าให้นางนิพพานในขณะนี้เลย พระพุทธเจ้าจึงประทานการอุปสมบทให้พระนางเขมาเป็นภิกษุณี เมื่ออุปสมบทแล้วพระนางเขมาเป็นผู้ฉลาดสามารถแตกฉานในพระธรรมวินัย เพราะเป็นผู้มีปัญญามากพระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งให้พระเขมาเถรีเป็นอัครสาวิกาเบื้องขวา เป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้มีปัญญามาก 2. เรื่องในตำนานมิลินทปัญหา ถามถึงความเป็นพระอรหันต์แห่งคฤหัสถ์ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า “ข้าแต่พระนาคเสนมีคำกล่าวไว้ว่าคฤหัสถ์ผู้สำเร็จอรหันต์แล้วย่อมมีคติ๒ประการคือ บรรพชาในวันนั้น๑ ปรินิพพานในวันนั้น๑ ไม่อาจเลยวันนั้นไปได้” ดังนี้ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าถ้าในวันนั้นไม่ได้อาจารย์หรืออุปัชฌาย์หรือบารตจีวรผู้สำเร็จอรหันต์แล้วนั้นจะบรรพชาเองหรือเลยวันนั้นไปหรือมีพระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์องค์ใดองค์หนึ่งมาให้บรรพชาจะได้หรือไม่หรือต้องปรินิพพานไป?” พระนาคเสนตอบว่า “ขอถวายพระพรพระอรหันต์นั้นบรรพชาเองไม่ได้ถ้าบรรพชาเองก็ชื่อว่า“ไถยสังวาส” (ลักเพศคือปลอมบวช) และเลยวันนั้นไปก็ไม้ได้จะมีพระอรหันต์องค์อื่นมาหรือไม่มีก็ตามก็ต้องปรินิพพานในวันนั้น” “ข้าแต่พระนาคเสนถ้าอย่างนั้นความเป็นพระอรหันต์ก็ทำให้สิ้นชีวิตน่ะชิ” “ขอถวายพระพรคฤหัสถ์ถึงสำเร็จอรหันต์แล้วก็ต้องบรรพชาหรือปรินิพพานในวันนั้นเพราะเพศคฤหัสถ์ไม่มีกำลังพอ ขอถวายพระพรธรรมดาโภชนาหารย่อมรักษาอายุรักษาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายไว้แต่ว่าโภชนาหารนั้นย่อมทำให้สิ้นชีวิตได้ด้วยไฟย่อยอาหารไม่พอย่อมทำให้สิ้นชีวิตนั้นไม่ใช่เป็นโทษแห่งอาหารนั้นเป็นโทษแห่งไฟย่อยอาหารไม่พอฉันใด การที่คฤหัสถ์ผู้เสำเร็จพระอรหันต์แล้วต้องบรรพชาหรือปรินิพพานในวันนั้นข้อนั้นไม่ใช่เป็นโทษแห่งความเป็นพระอรหันต์เป็นโทษแห่งเพศคฤหัสถ์มีกำลังไม่พอฉันนั้น อีกประการหนึ่งเหมือนกับบุคคลยกเอาก้อนหินหนักๆวางบนฟ้อนหญ้าเล็กๆฟ้อนหญ้าเล็กๆนั้นก็ต้องจมลงไปเพราะกำลังไม่พอฉันใดข้อนี้ก็มีอุปมาฉันนั้น อีกอย่างหนึ่งเหมือนบุรุษผู้มีบุญน้อยเมื่อได้ราชสมบัติอันใหญ่แล้วก็ไม่อาจรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ฉันใดคฤหัสถ์ผู้ได้สำเร็จพระอรหันต์แล้วก็ไม่อาจรับรองความเป็นอรหันต์ไว้ได้ฉันนั้นเพราะฉะนั้นจึงต้องบรรพชาหรือปรินิพพานในวันนั้นขอถวายพระพร” “ถูกต้องดีแล้วพระนาคเสน” ลองพิจารณาเรื่องของพระนางเขมาเถรี ต้องเข้าใจก่อนว่าพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น ท่านเป็นคนฉลาดในการหาอุบาย คำพูดคำจาทุกคำล้วนแต่แฝงไปด้วยอุบายอันชาญฉลาดทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวพระพุทธองค์เหมือนเรื่องที่ตรัสกับพระอานนท์ว่า ..."อานนท์เธอพิจาณาความตายวันละกี่ครั้ง" ...."7-8 ครั้งพระพุทธเจ้าข้า"......" น้อยมากอานนท์เธอเป็นผู้ประมาทความตายต้องพิจารณาให้ได้อยู่ทุกลมหายใจ "......อันนี้ แล้วแต่ระดับสติปัญญาของแต่ละคนว่าจะพิจารณาคำพูดนี้ของพระพุทธองค์ยังไง ...เพราะคงไม่มีพระโสดาบันที่ไหนหายใจเข้า-ออกก็มีแต่คำว่า ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย หรอก เพราะฉะนั้น "ความตาย” ที่พระพุทธองค์หมายถึงนั้นคือ ให้พิจารณาความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปของทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่ถูกรู้และตัวผู้เข้าไปรู้ก็ต้องเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป เช่นกัน ความตายที่ว่าคือไม่มีสิ่งใดคงอยู่แน่นอนเป็นอนิจจัง เพราะฉะนั้นทุกช่วงเวลาที่เราหายใจเข้า-ออกย่อมมีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น กำลังตั้งอยู่ และกำลังดับไปเป็นธรรมดา จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลาย.....นี่ต่างหาก พระพุทธองค์สอนไตรลักษณ์ให้แก่พระอานนท์ต่างหาก เพราะฉะนั้นให้คิดพิจารณากันเอาคำที่ว่า“มหาบพิตรต้องการให้พระนางเขมาอุปสมบทหรือนิพพานถ้าไม่บวชก็จะดับขันธ์นิพพานในคืนนั้นถ้าบวชอยู่ในเพศบรรชิตก็จะมีอายุยืนยาวต่อไปจนตลอดอายุขัย” พระพุทธเจ้าหมายความว่ายังไง ........และอีกอย่างพระนางปรารถนาจะเป็นอัครสาวิกาอยู่แล้วด้วย.. ...พระเจ้าพิมพิสารตอนนั้นท่านเป็นพระโสดาบัน ถ้าพระเจ้าพิมพิสารได้อรหันต์พร้อมกับนางเขมาเถรีวันนั้น รับรองว่าพระพุทธองค์จะไม่กล่าวประโยคดังบทข้างต้นแน่ๆ .... ข้อคิดที่น่าพิจารณาคือ “พระโสดาบันนั้นยังมีกิเลสคือความผูกพันธ์อยู่มากยังไม่อยากทำใจจากคนรักไปไหนเหมือนที่พระอานนท์ไม่อยากให้พระพุทธเจ้าจากไปพระพุทธเจ้าไปอยู่ไหนพระอานนท์ก็อยากจะไปอยู่ด้วย .....คนรักของพระโสดาบันไปอยู่ในเพศไหน พระโสดาบันก็อยากจะตามไปอยู่ในเพศนั้นด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุที่ยังตัดอาลัยไม่ได้ ... แต่โสดาบันก็ยังไม่ฉลาดในคำพูดและอุบายของพระอรหันต์เท่านั้นเอง...” ลองพิจาณาเรื่องของพระนาคเสนกับพระเจ้ามิลินท์ กับเรื่องนี้ก็เหมือนกันเป็นเรื่องแต่งภายหลังจากสังคายนาพระไตรปิฎก แต่หนักกว่าที่พระเจ้ามิลินท์ไม่ได้นับถือพุทธศาสนามาก่อน แถมเป็นชาวกรีก การหาอุบายเพื่อให้เข้าใจยิ่งยากยิ่งลำบาก บางอย่างที่ท่านรู้จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายโดยละเอียด และถ้าสภาพความเป็นอรหันต์เป็นดังที่ท่านนาคเสนเปรียบเทียบจริง ก็ควรจะดับขันธ์ตายลงตั้งแต่ตอนที่ได้ความเป็นอรหันต์ ”เหมือนกับบุคคลยกเอาก้อนหินหนักๆวางบนฟ้อนหญ้าเล็กๆฟ้อนหญ้าเล็กๆนั้นก็ต้องจมลงไปเพราะกำลังไม่พอฉันใดข้อนี้ก็มีอุปมาฉันนั้น.” .........ฟ้อนหญ้าเล็กๆมันไม่รอให้ตัวเองจมอยู่เป็นวัน เป็นคืน หรือ 7 วัน 7 คืนหรอก ถ้าคนจะตายเพราะได้วิมุติ มันก็ควรจะตายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะฉะนั้น คำตอบมันเหมือนปฏิกิริยาเคมีทางธรรมชาติ น้ำไม่สามารถเข้ากับน้ำมันฉันใด น้ำที่กลิ้งบนใบบัวไม่ซึมลงใบบัวฉันใด .....ขันธ์กับจิตของพระอรหันต์ก็ฉันนั้น.....ต่างอันต่างอยู่ ต่างอันต่างจริง จิตไม่ติดขันธ์ ขันธ์ไม่ติดจิต ...แต่ก็ยังคงมีอยู่ เหมือนน้ำกับน้ำมันที่เข้ากันไม่ได้ แต่ก็ไม่มีฝ่ายไหนทำลายซึ่งกันและกัน ยังคงอยู่เพื่อรอวันดับตามธรรมชาติ เมื่อน้ำระเหยออกไปก่อนน้ำมันจึงระเหยตามโดยธรรมชาติ.......เมื่อขันธ์ของพระอรหันต์ถูกทำลายด้วยความแก่ เจ็บ ตาย ไปก่อน จิตจึงเสวยความเป็นนิพพานอย่างแท้จริง เป็นธรรมชาติและสัจธรรมความจริงของผู้ได้วิมุติเช่นกัน......ไม่เกี่ยวกับเพศและเครื่องแต่งกาย..... ซึ่งแม้ชีวิตฆราวาสจะอึดอัดสำหรับภาวะความเป็นอรหันต์ แต่กว่าจะถึง "อรหันต์" ได้ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวกับเรื่อง "อึดอัดคับแคบ" ในเรือนในสังคมในกายในใจมาแล้วทั้งสิ้น........ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |