วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 15:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 113 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2010, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


21 กค.53

says: รอบสอง 30/5
ก็รู้เท้าค่ะ กิเลสเพียบเลย ก็เป็นพวกไปมองพฤติกรรมชาวบ้านค่ะ กำหนดรู้หนอค่ะ
มารู้เท้า มีเวทนามดกัด 1 ครั้ง แล้วก็ แสบผิว ร้อนผ่าว เย็นแปลบ นิดๆหน่อยค่ะ

มีความกลัวปรามาส แล้วต่อด้วยภาพปรามาสค่ะแวบหนึ่งรู้แล้วเราข่มไว้มันก้อหายไปไม่ชัด
ก็สำทับรู้หนอๆไปค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้อกขยับค่ะ

walai says: เวลารู้อยู่ในกายได้ตลอดนี่ สุขมากๆ สุขเพราะสมาธิ สุขแบบไม่อยากลุกเลยน่ะ
แต่สมาธิน่ะ เขาตรงเวลา ครบชม.ปั๊บ เขาคลายให้เรารู้ แต่ถ้าอยากนั่งต่อ เขาก็เกิดต่อ

says: หมูจะรู้แค่ว่าเออมันสงบดี ไม่เหนื่อย โอ้ สั่งได้ด้วย

walai says: เปล่าไม่ต้องสั่ง เขาเกิดเอง

says: ค่ะพี่ เวลามีสมาธิแล้วมันไม่เหนื่อยดีค่ะ

walai says:
แต่ถ้าก่อนนั่งน่ะ เดินแค่ 10 นาที สมาธิลากไปกินหมด มันดิ่งอย่างเดียว ไม่รู้เรื่องจนครบชม.น่ะแหละ

says: ค่ะ พี่น้ำสมาธิเยอะ

walai says: สู้รู้ในกายดีกว่า ดิ่งแบบนั้น ไม่ได้เรื่อง

says: เนี่ยยอมรับนะคะว่า พอปฎิบัติ 30/5แล้ว มันก็จะเว้ยน้อยจัง
หรือถ้าทำต้องทำถี่ๆ มันก็จะขี้เกียจ

walai says: ใช่ เพราะหมูไม่เคยชิน
แต่มันได้ผลมากขึ้น เพราะหมูเริ่มรู้ในกายได้ทันมากขึ้น เมื่อก่อนน่ะเคลิ้มท่าเดียว

says: ใช่ค่ะ วัดจากนั่งนี่จะชัดค่ะ

walai says: นั่นแหละ แล้วคิดดูนะ ถ้ารู้ได้ชัดแบบนั้นทั้งชม. มันจะเป็นยังไง

says: ทำไมเราเดินเยอะๆแล้วมานั่ง 5 นาทีก็ยังเคลิ้มละคะพี่

walai says: สมาธิไงคะ ของเก่าที่สะสมมาที่เราไม่อาจจะไปคาดเดาได้

says: นึกว่าเดินเยอะๆ จะช่วย แต่เดิน 30 กลับช่วยมากกว่า

walai says: หมูเพิ่มเดินเป็น 40 ก็ได้นะ

says: อืมมค่ะ งั้นลองปรับเป็น 40 แล้วดูตอนนั่งนะคะ

walai says: แต่ถ้าถามพี่นะ พี่ว่าหมูย่อมรู้ตัวเองดีว่าเดินแค่ไหนถึงจะเหมาะ
นั่นแหละลองดู ดูตอนนั่ง นั่งสำคัญมากๆ ถ้าสามารถรู้อยู่ในกายได้ตลอด
นั่นคือ สติ สัมปชัญญะและสมาธิเขาไปได้ด้วยกันดี

says: ค่ะพี่ สังเกตุว่าถ้า สติ สมาธิ สัมปัญ ดี จะเงียบ ชัดกาย

walai says: ใช่ค่ะ มันจะจับรายละเอียดในกายได้หมด
มันจะรู้อยู่อย่างงั้นเหมือนนั่งดูการทำงานของกายแบบเงียบๆ
แต่ว่ามันจะมีสุขแทรกเป็นระยะๆ แต่พอสภาวะของสติมากขึ้น สมาธิมากขึ้น สุขมันจะหายไปเอง

says: อืมม ค่ะ ไว้เรียนรู้ต่อไป

walai says: ถ้าปัญญาเขาจะเกิด เขาเกิดเอง

says: ค่ะพี่ ก็สังเกตุหลายครั้งแล้วค่ะ ความรู้มันเกิด คาดเดาไม่ได้

walai says: ใช่ค่ะ

says: แล้วก็ทิ้งไป เหมือนลม

walai says: แหมๆๆๆๆๆ นั่นยังไม่ใช่รู้จริง รู้จริงน่ะมันจำ ไม่มีหาย แล้วมันจะมีแต่ทิ้งๆๆๆๆๆ

says: ค่ะมันจำค่ะ แต่สภาวะนั้นมัน หายไปค่ะ ใช่ไหมคะ คือเรารู้ตอนที่เกิดสภาวะ

walai says: หายไปแล้วก็เกิดอีก จนกว่าหมูจะจำสภาวะได้

says: อ่อค่ะใช่ค่ะ

walai says: พอจำได้แล้ว ทีนี้ตัวใหม่มาต่อ เหมือนเรียนหนังสือ
พอจำบทนี้ได้แล้วไม่ต้องเรียน แต่นานๆจะโผล่มาทดสอบที
ความรู้จะแม่นยำมากขึ้น กระชับความมากขึ้น

says: อืมม ค่ะ พี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 01:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


25 กค. 53

says: 60/20 ค่ะ

ก็รู้เท้า แล้วก็คอยกำหนดรู้หนอตลอดค่ะ มันจะเห็นกิเลสแทรกตลอด
ก็เลยกำหนดรู้หนออยู่กะกายไว้

เวลารู้ตัว แล้วจิตหลงไปแวบ แล้วกลับมารู้กายใหม่
หรือบางทีผุดภาพ แวบ แวบ แวบ ระหว่างวันก็กำหนดรู้หนออีก มีเวทนาเหมือนเข็มแทงค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้ท้องขยับค่ะ จิตเคลิ้มแล้วก็มารู้กายอีกค่ะ กลับมามีสติรู้อีก
สลับไปจนจบค่ะแบบนี้

รอบสอง 60/20 ค่ะ

ก็ฟุ้งค่ะรอบนี้ตอนต้น เดินหลายครั้งหน่อยค่อยเข้าที่ก็รู้เท้าค่ะ
มีแปลบๆ ตามเท้าจุดต่างๆเวลาก้าวย่างแล้วหายไปไวๆ มีกิเลส ก็กำหนดรู้หนอ
แล้วก็รู้เท้าสลับๆไปค่ะ

พอมานานั่ง รู้อกขยับแล้วก็เปลี่ยนเป็นรู้กายในภาพรวม +ท้องแผ่วๆ
จับการเคลื่อนไหวไม่ค่อยได้ แต่จับที่กายว่ามีกายอยู่ เงียบ
แล้วก็มีกิเลส กระเพื่อมจะแลบออกไปแล้วเงียบ

walai says: ชื่นใจไหม ได้กลับมาทำแบบเดิม เหมือนเคยชิน

says: นั่นสิคะ เหมือนมันชิน

walai says: เห็นไหม ให้ทำสั้นๆ เหมือนจะชัด แต่ไม่ชิน และเบื่อง่าย

says: อืมม ค่ะใช่ แต่พอเดิน 60 นาทีกลับไม่เบื่อ แปลกจิงๆ

walai says: บอกแล้ว จิตเขาบันทึกไว้หมด นี่แหละ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถึงจะเข้าใจ เรื่องจิตบันทึก

says: อืมม ค่ะ อะไรที่เพิ่งทำมันจะยากสิคะ

walai says: เราให้ค่ามันเอง จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรยากหรือง่าย
เหมือนคนเรียนหนังสือหรือหัดทำอะไรที่ไม่เคยทำ ใหม่ๆยังไม่คล่องเพราะยังไม่ชำนาญ
พอชำนาญแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดา

says: ค่ะพี่ ทำไปเรื่อยๆ

walai says: ใช่ เข้าใจความหมายที่พี่ย้ำนักหนาหรือยังว่า ไม่ต้องหวังผล การหวังผลคือความอยาก
เราจะต้องไปหวังผลทำไม ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นยังไง เรามีหน้าที่คือ
ทำไปเรื่อยๆ ทำตามเหตุของเราเอง ได้แค่ไหน ทำแค่นั้น

says: เขาใจค่ะพี่ แต่บางทีมันไม่ทัน ต้องกำหนดตามกำลัง

walai says: นี่แหละความหมายของคำว่า ทำไปเรื่อยๆ อย่างน้อยมันช่วยทอนกิเลส
ความอยากให้ลดลงไปเรื่อยๆ

สภาวะของแต่ละคน ล้วนมีดีไปคนละแบบ เพราะว่าคนอื่นๆ ล้วนมีสภาวะไม่แตกต่างกับเราเลย
มันคือกิเลสนี่แหละ กิเลสทำให้ดูแตกต่าง

says: อืมมค่ะแล้วแต่ใครสะสมอะไรมา

walai says: ใช่ การเจริญสติจะทำให้เห็นตามความเป็นจริง เห็นเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่าง
ไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนล้วนเห้นเหมือนกันหมด คือ ความไม่เที่ยง ตรงนี้ มันจะแจ้งออกมาจากจิตจริงๆ
แจ้งออกมาแล้ว มันจะไปยึดอะไรอีกไหมล่ะ

says: ค่ะพี่ รู้แต่ว่าอารมณ์มันเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ ถ้าแบบถึงอกถึงใจจิงๆ คงไม่เหลือยึด

walai says: มันไม่ไปยึดอะไรอีกแล้ว ถูกไหม

says: ค่ะพี่ เพราะมันรู้สึกจริงๆว่ายึดไม่ได้มั้งคะ

walai says: เมื่อไม่ยึด มันเลยไม่มีถูกหรือผิด จริงไหม เพราะถูกผิด ก็ยึดไม่ได้
ดีหรือไม่ดีก็ยึดไม่ได้ สภาวะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ถึงบอกไง ต้องแจ้งออกมาจากจิตจริงๆ มันไม่มีคลุมเครือ ถ้ายังไม่เห็นจริงนะ มันจะขึ้นๆลงๆ
ขึ้นๆลงๆตามเหตุที่มี จนกว่ามันจะแจ้งออกมาเอง

แต่เมื่อยังไม่เห็น การปรุงแต่งที่ยังมีอยู่ จึงหลงไปให้ค่าตามอุปทาน
ตามกิเลสของแต่ละคนที่ไปหลงให้ค่ากันเพราะความไม่รู้

says: ค่ะพี่ ยังไม่เห็นค่ะ ก็เป็นแบบพี่บอกค่ะ

walai says: พี่น่ะมีหน้าที่ให้ข้อมูล พวกเราน่ะมีหน้าที่ทำๆๆๆๆ ทำต่อเนื่อง

จนกว่ามันจะเห็นด้วยตัวเอง จนมันแจ้งออกมาจริงๆ วันนั้นแหละจะบอกว่า มันเป็นแบบนี้นี่เอง



says: ค่ะพี่ จะทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ
walai says: ถูกต้อง ทำหน้าที่ของตัวเองไป เวลามันเกิดกิเลสเกิดความอยาก หัดพิจรณามั่งนะ
หัดสอนตัวเอง ฝึกจิตตัวเองว่า จะต้องไปอยากทำไม ในเมื่อรู้ถึงผลที่จะได้รับแล้วนี่


says: จะพยายาม ลองพิจารณาดูค่ะ

walai says: ฝึกไปค่ะ ฝึกไปทีละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ
ไม่ไปกดดันตัวเองว่าทำไมไม่จำหรือไม่รู้สักที เพราะนั่นคือจิตที่กำลังถูกฝึกให้รู้ตามความเป็นจริง

says: ขอบคุณค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2010, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2010, 23:57
โพสต์: 6

ชื่อเล่น: นกเอี้ยง
อายุ: 18

 ข้อมูลส่วนตัว


สติมา ปัญญาเกิด .. ..

.....................................................
สัพเพ ธัมมา นาลัง อะภินิ เวสายะ

" สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันบุคคล ไม่ควรยึดติดถือมั่น "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


29 กค. 53

says: เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/20 ค่ะ
เดินก็มีความทุกข์ค่ะ มันคิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงอดีต ก็ไม่ถึงกะทุกข์หนักค่ะ
มันจางๆ แล้วก็รู้กายไปด้วย ก็กำหนดรู้หนอค่ะ
มีเวทนาแปลบๆเย็นผิว มีมดกัดค่ะ การรู้เท้ายังรู้ได้ค่ะ

พอมานั่ง ก็รู้กายนั่ง ใจก็คิดๆ แล้วก็มารู้กายนั่งอีก

walai says: เรื่องเดิมหรือคะ

says: เรื่องเพื่อนนี่เป็นนานแล้วค่ะพี่ ก่อนปฎิบัติอีก
เพื่อนหมูมีแฟนก็ห่างๆกันไปน่ะค่ะ มันก็ไม่เหมือนเดิม
ยิ่งพอปฎิบัติก็ยิ่งห่างเพราะปกติหมูจะคอยติดต่อเขา
พอหมูปฎิบัติมันก็ไม่ค่อยได้รู้สึก ว่าต้องคอยติดต่อเท่าแต่ก่อน พอมาวันนี้มันก็ตีขึ้นมาค่ะ

walai says: เขาเรียกว่า มีอาลัยอาวรณ์ เรื่องปกติค่ะ
ทำไป เดี๋ยวจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปเอง

มีพบ ย่อมมีจาก พบครั้งใหม่ เจอในสภาพใหม่ เรื่องเก่าๆ ไม่สามารถไประลึกได้
เราเวียนว่ายตายเกิดมานมนานแล้ว ผลัดกันจาก ผลัดกันมาพบ พบก่อน พบหลัง ล้วนมีเหตุ
เรากำลังกระทำที่เรียกว่า ดับเหตุทั้งหมด ไม่ว่าจะพบหรือจาก
จะได้ไม่ต้องมาทุกข์กันอีกต่อไป

says: ค่ะพี่ มันทุกข์จริงๆนะคะ

walai says: ใช่ พี่เข้าใจค่ะ

says: ก่อนหน้านี้ทุกข์มากๆเลยเรื่องนี้ หมูติดเพื่อนน่ะค่ะ

walai says: ความผูกพัน ความอาลัย ผูกพันมาก ทุกข์มาก สุขมาก อยู่ที่การยึดติด
ยึดมากเท่าไหร่ ทุกข์หรือสุข มีเกิดขึ้นตามความคิด ตามที่ยึดมากเท่านั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


1 สค. 53

says: 60/20
ก็รู้เท้าค่ะ รู้เท้า สลับกับจิตออกนอกกายค่ะ กำหนดรู้หนอค่ะ บางทีก็ชัดที่กาย
บางทีก็คลอกะภาพความคิดแล้วรู้เท้าด้วย แล้วก็กำหนดรู้หนอช่วยไปค่ะ มีเวทนาแปลบๆกาย

พอมานั่งก็เหมือนกันค่ะ คือรู้กาย รู้ลมก่อน จับลมสักพัก ก็มาจับท้อง
ตอนจับท้องช่วงแรกจิตมันสะเปะสะปะ ก็เลยบริกรรมพองหนอ ยุบหนอ ก็ชัดขึ้นค่ะ
สักพักก็ปล่อยคำบริกรรม แล้วก็คิดคลอๆกะรู้กาย กำหนดรู้หนอเป็นระยะค่ะ จนจบค่ะ

walai says: ทำไปแบบนี้ก่อน ยังไม่ต้องไปเพิ่มนั่ง ให้จิตมั่นคงไปก่อน

says: ค่ะพี่

walai says: เหตุแต่ละคนไม่เหมือนกัน
อุปสรรคหรือปัญหาในการปฏิบัติแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน

คนที่เจออุปสรรค ส่วนมากล้วนเกิดความอยาก แต่ไม่รู้ว่าอยาก
ความอยากในการปฏิบัตินี่ มันเนียนกว่าความอยากแบบกิเลสทางโลกๆ

says: อืมม ค่ะ เวลาอยากก็ยังมีสติได้ นี่คะหมูสังเกต ว่ามันก็มีสติสัมปัญ ด้วยค่ะ
แล้วก็เห็นความอยากด้วย

walai says: ใช่หมู ถ้าไม่มาเจริญสติ เราจะแยกไม่ได้

says: ค่ะแต่ก่อนเข้าใจว่าอยากแล้วจะขาดสติ เพราะได้ยินมาว่าเวลาอยากไม่มีสติ
แต่หมูเห็นมันมีสติด้วย มีสัมปัญด้วย เห็นว่าเกิดความอยากด้วย

walai says: ค่ะ ถ้าขาดตัวสัมปชัญญะ คือ ความรู้ชัด ตัวนี้นะหมู
มองไม่เห็นหรอกความอยาก

says: แล้วอุปสรรคจากความอยาก คือการที่เราอยากแต่ไม่รู้ว่าอยาก

walai says: การให้ค่าไงหมู แต่ไม่รู้ว่าอยาก เมื่อเจออะไรก็ให้ค่า พอให้ค่าก็กลายเป็นความสงสัย
ทีนี้ต้องหาคำตอบว่าคืออะไร รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา พอได้คำตอบนี้ไปครั้งหนึ่ง
ทีนี้แหละ ความสงสัยย่อมเกิดขึ้นเนืองๆ

says: ค่ะพี่ ...ไม่มีอะไรค่ะ รู้แล้วไปปรุงเพิ่ม

walai says: ปรุงสิ ยิ่งไปเพิ่มความอยากให้กับตัวเอง ยิ่งมีคนมาพูดให้ฟังด้วยความไม่รู้
คือรู้จากตำราแล้วนำมาพูดว่าเป็นโน่นเป็นนี่ กรรมของทั้งสองฝ่าย เหตุใหม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะความไม่รู้
สำหรับหมูน่ะ ดีที่วางไปได้ตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงลำบาก

says: เมื่อคืนอ่านสติปัฎฐานของหลวงพ่อโชดก ที่พี่น้ำแนะนำให้เซื้อเก็บไว้ เกิดกำลังใจดีค่ะ

walai said ตำรานะ พอสภาวะเราได้แค่ไหน เราจะอ่านได้ตามความเข้าใจแค่นั้น
รู้แต่ละครั้งมันจะเปลี่ยนไป อ่านผ่านไปแล้ว พอกลับไปอ่านซ้ำ มันเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะสภาวะจะละเอียดมากขึ้น รู้นั้นๆจะเปลี่ยนไปตามสภาวะ

says: มันก็ บอกไม่ถูกค่ะ แต่ัมันจะรู้ธรรมชาติของจิตมากขึ้นค่ะ

walai says: ค่ะ คือ เข้าใจมากขึ้น

says: ค่ะก็จะทำซ้ำๆไปค่ะจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ

walai says: รู้ด้วยตัวเอง ดีกว่าไปรู้นอกตัว รู้ในตัว

says: ค่ะพี่ ต้องคอยปราม เพราะมันชอบไปมองคนอื่น

walai says: รู้นอกตัวล้วนมีแต่การปรุงแต่งที่เกิดจากอุปทาน

says: ค่ะพี่ เผลอไม่ได้ค่ะจะออกนอกตัว คงสะสมไว้เยอะ ต้องเข้มแข็ง

walai says: เข้าใจนะ พี่เองเคยเป็นมาก่อน ถึงบอกไง เดี๋ยวนี้สบาย
ไม่ต้องไปสนใจใคร ไม่ต้องไปตามใครเหมือนอย่างแต่ก่อน วางหมด ทำตามความเป้นจริงอย่างเดียว
จะบอกว่าสุขจนไม่รู้สุขยังไง เดี๋ยวคนมาอ่านก็ปรุงอีก ติดสุข อุปทานนี่แรงจริงๆ ไปห้ามกันไม่ได้เลย

says: เวลารู้อยู่ข้างในมันสุขขนาดนั้นเลยหรือคะ

walai says: ค่ะ สุขบอกไม่ถูก

says: คงแรงดีนะคะ เพราะพอไปปรุงก็ ไม่เหนื่อยเลย

walai says: มันแค่รู้มากขึ้น ยอมรับตามความเป็นจริง เป็นยังไงยอมรับหมด
มันเลยมีแต่สุข เพราะจิตมันไม่ไปส่งออกนอกพร่ำเพรื่อ

says: ค่ะพี่ เข้าใจการส่งออกนอกพร่ำเพรื่อค่ะ

walai says: นั่งๆ ก็รู้ลมหายใจบ้าง รู้พองยุบบ้าง บางทีเงียบไปเลย แต่ก็กลับมารู้กายได้ต่อ
มันวนๆแบบนี้แหละ แต่ถ้าเวลาทำสมาธินี่ สภาวะสุขจากสมาธิมันละเอียดมาก จับได้ทุกระยะ
ตั้งแต่ความเย็นที่เกิดกลางอก จนแผ่ไปทั่วร่างกาย เรียกว่ารู้สึกเย็นไปตลอดรูขุมขน
ตอนนี้ยังขึ้นๆลงๆนะ บางครั้งมันเหลือแต่สุข ปีติมันจะหายไป
มันคนละอย่างกับข้างนอกน่ะหมู

says: แต่ละตัวเป็นสภาวะที่แยกจากกันชัดเจนสิคะ

walai says: ชัดค่ะ ทำให้เรารู้ว่า สุขอยู่นานแค่ไหน ยังมีมากมั๊ย เพราะปีติที่เกิด เริ่มเบาลงไปแล้ว
ถ้าว่าภาษาปริยัติน่ะ เขาเรียกปีติชนิดนี้ว่า ผรณาปีติ บอกให้รู้นะ ไม่ต้องไปจำ
มันเป็นปีติที่เกิดขึ้นในองค์ฌานหรือในอัปปนาสมาธิ พี่เฉยๆนะ เพียงแต่มีความรู้สึกว่า
เหมือนขึ้นบันไดใหม่ เพราะที่ผ่านๆมามันก้าวกระโดด

says: ค่ะอันนี้เคยได้ยินบ้างแล้วค่ะ โอ้ยสภาวะมดกัด

walai says: สภาวะมดกัด

says: ก็ค่อยๆเก็บรายละเอียดสิคะ ไม่มีอะไรค่ะเมื่อกี้มันมา หายไปละ

walai says: ก็อย่างที่เคยบอกแหละ ถ้าสติ สัมปชัญญะและสมาธิเขามีกำลังมากขึ้น
สิ่งเหล่านั้นจะหายไปเอง แล้วเจอสภาวะอื่นๆต่อ จนกว่าจิตหมูเขาจะยอมรับถึงความไม่เที่ยง
เมื่อใดจิตเห้นแจ้งถึงความไม่เที่ยงจริงๆ สภาวะจะเบาสบายมากขึ้น
เพราะไม่ไปอินังขังขอบกับอะไรอีกแล้ว

says: ค่ะพี่ หมูไม่อะไรกะมันแล้วค่ะ ช่างมัน ตอนนี้โดนตัวอาลัย ทุกข์ดีแท้

walai says: ดีหรือไม่ดีก็รู้ ที่ว่าดีหรือไม่ดี เกิดจากเรายังมีให้ค่าอยู่ ตรงนี้เรื่องธรรมดานะ
แต่จิตมันจะไม่ไปยึดทั้งดีและไม่ดี อีกหน่อยก็หายไป ตัวอาลัย

says: ถ้าหายนี้ ความทุกข์ลดลงแบบ พระเรอเกวียน


walai says: จ้ะ ตามความคิดของเราในขณะนี้

says: แหะๆค่ะพี่ เพราะหมูเจอช่วงนี้่นะคะ ก็เลยรู้สึกแบบนี้

walai says: เข้าใจค่ะ เคยเป็น ยอมรับตามสิ่งที่เป็นน่ะดีแล้ว ดีกว่าไปกดเอาไว้ เพราะอยากดี

says: ทุกข์มากเลย ถ้ากด ถ้าอยากดี

walai says: ตัวนี้แหละ ตัวร้ายที่ละเอียดมาก หากสติไม่ทันนะ เสร็จมัน

says: ค่ะพี่ ก็มีอันเลิกถ้าเป็นมากๆ เพราะมันไม่ดีสักที

walai says: ใช่เลย ทั้งๆที่ เราทำ เราบอกว่า อยากพ้นทุกข์

says: ค่ะพี่

walai says: แต่ที่นี้ ชอบไปให้ค่ากัน แล้วมันจะพ้นทุกข์ไปได้ยังไง จิตมีความอยาก แต่ไม่รู้ว่าอยาก

says: เวลาเราทุกข์ เราเห็นสาเหตุของความทุกข์

walai says: ใช่ค่ะ เราจะเห็นมัน

says: เรารู้ว่ายึดแบบนี้แล้วทุกข์ ทำแบบนี้แล้วไม่ทุกข์ ไม่เกี่ยวกับดีหรือไม่ดี

walai says: เวลาสติทันก็แล้วไป พอสติไม่ทัน เสร็จอีก
พี่ถึงบอกว่าทำไป ทำให้ต่อเนื่อง ทำทุกวัน ถ้าง่วง นอนไปก่อน

says: ใช่ค่ะ

walai says: พักให้เต็มที่ ตื่นมาร่างกายสดชื่น ค่อยทำ

says: แหมพูดเหมือนรู้ทัน ช่วงนี้นอนกลางวันไม่ฝืนตัวเอง เสร็จแล้วมีแรงก็ค่อยมาทำ
เวลาเหนื่อยๆมาก แต่ก่อนจะฝืนเลยค่ะ แล้วฟุ้งระเบิดระเบ้อ

walai says: ฝืนแล้วก็ทุกข์ ทำแบบทุกข์ๆ

says: ค่ะพี่ ใช่เลยค่ะ

walai says: แต่ต้องทำ มองไม่เห้นความอยากว่าทำไมต้องทำ

says: แหม แต่ก่อนนะคะ อุ้ย คนนี้นอน
ทำไมไม่ปฎิบัติ มาวัดเนี่ย มันก็คิดไม่ดี ไม่รู้ว่ามีความอยาก

walai says: จ้ะ เคยเป็น

says: เนี่ยดูดิ เนี่ยต้องขยันเนี่ย ชั้นขยัน

walai says: เราไปให้ค่าเอง

says: ทำไมทุกข์จัง ง่วงจัง สุดท้ายก็นั่งหลับ พอกัน

walai says: นั่นแหละ นอนไปเลย พักให้สบาย

says: มันต้องดูร่างกายด้วย

walai says: พี่น่ะ บางทีง่วงแต่วัน นอนเลย ตื่นมาอีกทีตีสาม ถึงจะทำ
ทำแล้วสบาย มันไม่เที่ยงหรอกสภาวะ จะไปปล้ำกับมันทำไม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2010, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


2 สค.53

says: เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/20 ค่ะ
มันก็ฟุ้งค่ะ แต่รู้เท้าค่ะ มีมดกัด มีเย็นแปลบๆ มีปวดกระดูกขาบ้าง นิ้วบ้าง มาแล้วก็หายไปค่ะ
มีความอยาก วอบๆแวบๆตอนก้าวเท้าค่ะ มีความคิด แต่ก็รู้สัมผัสที่เท้าได้ค่ะ

พอมานั่งก็ เหมือนเดิมค่ะ เหมือนมันพูดๆ รู้ว่ากำลังนั่ง แต่ไม่จับที่กาย
มีมดกัด มีคัน มีเกาบ้าง หมดแล้วค่ะ

30/10 ค่ะ

ก็รู้เท้าค่ะ บางทีก็ชัด มีความคิดแต่รู้เท้าด้วยค่ะ
มีแปลบๆผิวเย็นๆ มีเจ็บๆกายเสียดๆ เป็นจังหวะนานเหมือนกันค่ะ

พอมานั่งก็รู้กายนั่ง รู้ท้อง

walai says: มีคนเจอสภาวะมดกัดแบบหมู ร้องจ๊ากเลย ทำไมมันเจ็บแบบนี้ เข้าหัวใจ
เขาบอกว่า ตอนแรกที่เจอ หาใหญ่ มดที่ไหน จะว่ายุงก็ไม่ใช่ เพราะห้องเขาติดแอร์
ตอนแรกเขาไม่ได้ถาม พอโดนหลายๆครั้ง มันไม่ใช่ครั้งเดียว หาแล้วก็ไม่เจอ เลยมาถาม

says: เบิ้มเหรอคะ หรือคุณใจ กะคุณเพ็ญ

walai says: ใจค่ะ เขาบอกว่ามันกัดเจ็บยิ่งกว่าโดนมดตัวจริงกัด

says: ใช่ ค่ะพี่ว่าไงคะ

walai says: พี่บอกกับเขาว่า มันเป็นเพียงสภาวะ
ถ้าคันก็เกาได้ ให้กำหนดว่ารู้หนอๆๆๆ แต่อย่าลืมตา แล้วสภาวะนี้จะหายไปเอง ไม่มีอะไร

says: พี่น้ำพูดแบบนี้กะหมูตอนเจอครั้งแรก เจอกันถ้วนหน้า ตอนนี้หมูขี้เกียจ

walai says:
เขาถามว่ามีคนเป็นแบบเขาไหม พี่บอกว่ามี พี่ไง เคยเจอมาแล้ว และปัจจุบันคือหมู
แบบเคยเล่าให้เขาฟังเรื่องหมู ตอนที่เอาเสื้อไปให้น่ะ เขาจะเลิกเล่นหวย
เขาบอกว่าตั้งแต่เขามาอธิษฐานแบบที่พี่แนะนำคือ ขอให้มีลูกค้าเยอะๆ เขามีลูกค้าเยอะมากขึ้น

says: เขาเคยถูกไหมคะ

walai says: ถูกมั่ง ไม่ถูกมั่ง

says: ยังมีดวง หมูน่ะไม่มีแม้แต่น้อย

walai says: เขาบอกว่าเข็ดแล้วที่เคยอธิษฐานด้วยความไม่รู้ว่า ขอให้หมดหนี้หมดสิน
ขอให้ได้ใช้หนี้จนหมด ที่เขาเจอสภาวะที่ผ่านมา เขาบอกว่าเข็ดมากๆ
คิดไม่ถึงว่าคำว่าขอให้หมดหนี้ มันหมายถึงแบบนั้น

says: ค่ะพี่ เขาถอนคำอธิษฐานแล้วใช่ไมคะ

walai says: ใช่ค่ะ อธิษฐานใหม่แล้ว พี่บอกว่า ก่อนเปิดร้านหรือหลังทำตอนเช้า
อธิษฐานขอให้มีลูกค้าเยอะๆ ทำก่อนนอน อธิษฐานว่า ขอให้เกิดปัญญาญาณ ขอแค่นี้พอ
แล้วจะสำเร็จ อย่าไปขอให้ร่ำรวย จะรวยหรือจน เกิดจากที่เราทำ ไม่ใช่จากสิ่งอื่นๆมาดลบันดาลให้

says: ค่ะพี่ ถ้าขอให้มีเงินเลี้ยงชีวิตดูแลคนในครอบครัวได้อันนี้ น่าจะได้นะคะ

walai says: เหตุไง จากที่หมูทำ ถ้ารู้จักใช้เงินแบบมีสติ พิจรณาก่อนที่จะซื้ออะไร
เงินย่อมมีเหลือมากขึ้น จะต้องไปขอทำไมคะ

says: มันก้อกังวลอนาคตค่ะ สักวันหนึ่ง... งานเอกชนมันไม่นานค่ะ

walai says: ขอให้มีเงินเลี้ยงชีวิตดูแลคนในครอบครัว ถ้าเราไม่รู้จักใช้จ่าย
ขอให้ตาย มันก็มีไม่ได้หรอก

บททดสอบน่ะหมู ใจนี่ยากยิ่งนัก
ไม่วิ่งไปหาอดีตก็ไปหาอนาคต อยู่กับปัจจุบันได้ยาก ถึงมีทุกข์ได้เนืองๆ

says: ค่ะพี่ ก็ทำบัญชีแล้วก็ตัดรายจ่ายลงค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2010, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


5 สค. 53

says: เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/20 ค่ะ
ก็รู้เท้า มีคิด มีเวทนาเย็นแปลบๆบ้าง ร้อนๆบ้าง เจ็บเหมือนเข็มแทงเนื้อข้างใน
มดกัด มาเรื่อยๆค่ะเวทนา กำหนดรู้หนอ มันไม่นานค่ะก็จะเปลี่ยนๆ

พอมานั่ง ก็รู้กายนั่ง กะง่วงนิดเพลินๆ แต่ยังรู้กาย บางทีก็เพลินมากไป ก็มีรู้ว่ากำลังนั่งชัดขึ้น
แต่ไม่ได้จับกายเคลื่อนไหว รู้แค่กำลังนั่งอยู่ค่ะ มีเวทนาเจ็บๆ

15/5
ก็รู้เท้าค่ะ แล้วก็เวทนาเจ็บนั่นนี่ มีเย็นๆแปลบๆ มีผ่าวๆร้อนนิดหน่อย
ใจก็มีวุ่นแต่ยังรู้เท้าได้ ค่อนข้างชัดค่ะ

พอมานั่งก็รู้กายค่ะ รู้ท้องขยับบ้าง เวทนาแปลบๆเย็นบ้าง
ส่วนใหญ่จะเป็นเวทนายิบย่อยค่ะ จนจบค่ะ

walai says: เข้าใจนะ เดี๋ยวนี้มันบอกไม่ถูกนะ
จะว่าเหนื่อยก็ไม่ใช่ แต่เบื่อๆมากกว่า สุขก็ทำให้เบื่อได้นะ
ความทุกข์ ทำให้เห็นความไม่เที่ยง ความสุข ทำให้เห็นความเบื่อหน่าย

says: ไม่เคยเห็นใครเบื่อความสุขเลย

walai says: พี่เบื่อนะ

says: เบื่อความสุข ปกติเบื่อคือความทุกข์

walai says: ก็ความทุกข์จะไปเอามาจากไหนล่ะ เมื่อเข้าใจมันแล้ว มันก็ไม่มี
ถึงจะมีในบางครั้ง มันก็หายไปไว กระทบมา เราก็รู้ละ เหตุมันมี
มันก็เลยมีแต่ให้อภัยเขา แล้วจะไปหาทุกข์ที่ไหนล่ะ

walai says: คนที่พี่ทำงานทีมเดียวกับเขา ถามว่า พี่วางแผนทำงานกับบริษัทนี้ไว้กี่ปี
จริงๆแล้วเขาไม่อยากได้บริษัทนี้ เขาอยากให้พี่ไปทำที่อยุธยากับเขามากกว่า

พี่บอกกับเขาว่า อนาคตไม่ได้คิด เอาปัจจุบันดีกว่า
พี่ไม่ชอบการกำหนดวางแผน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำแบบนี้สบายใจกว่า

says: มันก็เป็นแบบนั้นนะคะ แต่คนส่วนใหญ่ชอบคิดล่วงหน้า เผลอไม่ได้
หมูก็ไหลไปไหลมา แล้วก็ทุกข์กะเงา

walai says: เข้าใจค่ะ สักวันหมูจะเลิกวางแผน แล้วมาอยู่กับปัจจุบัน จะได้หมดทุกข์เสียที
แล้วทีนี้หมูจะได้รู้จักสักทีว่า ความสุขก้ทำให้เบื่อได้เหมือนกัน

says: คิดไม่ออกจิงๆเลยเกิดมาเพิ่งเคยได้ยินคนเบื่อความสุขง่ะ

walai says: เบื่อก็ให้รู้ว่าเบื่อ ก็ดูมันไปตามความรู้สึกที่มีอยู่
สุขทางโลก พอเต็มที่แล้วมันเบื่อ ก็ไม่รู้จะไปเอาอะไรมาทุกข์นะหมู

มันรู้แล้ว มันก็ไม่ไปทุกข์ เหตุของใคร ของมัน เมื่อก่อนที่ทุกข์มาก เพราะยังไม่รู้
เมื่อยังไม่รู้ก็ยึด ยึดมาก ทุกข์มาก เมื่อรู้ทันมันก็ดับได้ไว

ตอบกระทู้นี่ก็ดีนะ ทำให้เห็นจุดที่ยังบกพร่อง อ้าว ยังมีนี่หว่า ไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน มันก็หยุดได้ไวมากขึ้น
เขาไม่ใช่คนที่มาปฏิบัติหรือมาถามเรา แล้วพี่จะรู้มั๊ย ถามมาก็ตอบไป โดนจนได้
เพราะตอบไปไม่ถูกใจเขา เหตุมันมี

says: ค่ะ จับตรงไหนก็โดน บทจะโดน ก็จริงอย่างพี่น้ำพูดนะคะพี่ หมูมานั่งทบทวนนะคะ
ที่พี่บอกว่า เราเคยสร้างเหตุกะใคร คนๆนั้นจะมีผลต่อความรู้สึกเรา
ทั้งได้ทำเพราะคิดร้ายอะไร วกกลับมาโดนซะ

walai says: ใช่เลยย นั่นแหละ ทุกอย่าง ส่งผลหมด
ไม่ว่าจะเจตนหรือไม่เจตนา จะรู้หรือไม่รู้ ว่าเคยทำหรือไม่ ที่ไหน อย่างไร โดนหมด

says: ก็ไวดีนะคะ นึกได้ตอนเดินๆเมื่อวาน หมูก็ต้องทำใจไป

walai says: ค่ะ สติมันจะทำให้ระลึกได้ สัมปชัญญะ มันทำให้เห็นชัด รู้ชัด
ชีวิตพี่มีความสุขแล้วหมู ถึงจะเบื่อมันในตอนนี้ แต่อนาคตเราไม่รู้ ก็สุขไปทั้งเบื่อๆนี่แหละ
สภาวะมาสอนตลอดเวลา บางทีนะ บอกตามตรง ไม่อยากออกจากสมาธิ อยากอยู่ในสมาธิแบบนั้น
เบื่อสภาวะนอกตัว ถึงจะสุข แต่ก็เบื่อ

นี่แหละ พอสมาธิพี่มีกำลังมากขึ้น มันจะเป็นแบบนี้
ทั้งวัน จิตมันจะเข้าสมาธิอย่างเดียว ข้างนอกมันจะไม่เอาอะไร
มันจะรู้ท้องพองยุบได้สักพัก แล้วมันจะดับหมด ทีนี้สบาย

พี่ถึงบอกไง อยากให้ทุกคนได้สัมผัสแบบที่พี่ได้สัมผัส
สุขจริงๆภายในมันเป็นแบบนี้ สุขข้างนอกน่ะ ให้สุขบรมสุขยังไงก็น่าเบื่อ สุขข้างในไม่เคยเบื่อเลย
มันไม่ใช่สุขอิ่มเอิบแบบที่พี่เคยเล่าให้ฟัง สภาวะสุขตรงนี้ มันละเอียดกว่าเดิม ไม่ใช่ความอิ่มเอิบ
แต่มันอธิบายไม่ได้ จะนั่งกี่ชม.ก็ได้ อยู่ในท่าที่เราคิดว่าสบายที่สุด ตอนนี้พี่ชอบนั่งเก้าอี้
คือ พี่จะสอดขาเข้าไปใต้โต๊ะ แล้ววางขาพาดกับขอบราวเหล็กใต้โต๊ะ และเอนตัว มันจะเหมือนกึ่งนอน
นั่งท่านี้นะ จับพองยุบไปเรื่อยๆ ดูลมไปเรื่อยๆ แป๊บเดียว ดับสนิท

says: กลับไปเป็นเหมือนเดิมเลย

walai says: ใช่จ้ะ นี่แหละที่พักจิตชั้นยอด พี่ถึงบอกหมูไง ไม่ต้องไปกังวลเรื่องสมาธิ ปรับอินทรีย์ไว้
ให้มันผ่านตรงนี้ไปได้เถอะ ดูตามความเป็นจริง อย่าปฏิเสธ

ys: ก็จะพยายามทำต่อไปค่ะ

walai says: นั่นแหละทำไป มันไม่มีอะไรจริงๆ แค่ทำ แต่อย่าไปอยากได้

says: ยังไงดีละ มันยากที่จะไปถึงจุดเข้ากระแส
หมูว่ามันต้องอาศัยบารมี เหตุที่เคยทำมาแต่ก็จะสะสมไปเรื่อยๆ

walai says: ทุกอย่างล้วนส่งผล ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปคาดเดา คาดเดาแล้วจิตยุ่งเหยิง
ฝึกให้จิตสามารถรู้อยู่กับกายให้ได้ตลอด รู้อยู่ในกายได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี

says: ค่ะพี่ใช่ค่ะ แต่ก่อนอยากได้เหลือเกิน ตอนนี้ไม่กล้าคิด

walai says: นั่นแหละ ธุลีในดวงตา อยากมากเท่าไหร่ กิเลสบดบังดวงตามากขึ้น
ปัญญาจะเห็นตามความเป็นจริงย่อมไม่เกิด เมื่อปัญญายังไม่เกิด ย่อมมองไม่เห็นธุลีในจิต

says: ค่ะพี่

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


13 สค.53

60/25 และ 30/10 การให้ค่า การยอมรับตามความเป็นจริง

says: นึกว่าจะไม่เจอพี่ ค่อยยังชั่วค่ะ

walai says:
เมื่อวานง่วงน่ะ เลยนอนแต่วัน หลับไปหลายรอบ หลับตั้งแต่กลับมาจากวัด ตอนหกโมงเย็น
แล้วมาตื่นตอนสองทุ่มกว่า กะว่าจะรอหมู หลับไปอีก ตื่นมาสามทุ่มกว่า เลยนอนยาวไปเลย
ตื่นอีกทีตีสองครึ่ง เลยขึ้นไปทำกรรมฐาน เสร็จตีห้า เลยหลับไปอีก ตื่นอีกที่เกือบเจ็ดโมง

says: ค่ะหมูเดาแล้วค่ะว่าพี่หลับ เลยไม่โทรไป กลัวจะไปปลุก แล้วทิ้งเป็นข้อความไว้ที่หน้าจอ
เพราะเห็นสภาวะพี่ ช่วงนี้จะหลับเร็วน่ะค่ะ แล้วนี่พี่น้ำ ง่วงไหมคะนี่

walai says: วันนี้ ยังไม่ เพราะเมื่อเย็นได้สมาธิมาเยอะ

says: ค่ะพี่ คือถ้าพี่เหนื่อยหมูก้อจะ บันทึกไว้ที่บล็อกเหมือนเดิม น่ะค่ะ

walai says: ถ้าไม่เจอพี่ ก็บันทึกไว้ละกันค่ะ สภาวะพี่ช่วงนี้ไม่แน่นอน
พี่ไม่ได้ไปสนใจว่าทำไม แค่ทำตามอย่างเดียว ง่วงก็นอน เลยไปแบบสบายๆ
กำลังของสมาธิก็ไม่แน่นอน มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ช่างหัว ทำตามสภาวะแล้วสบายดี

says: เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/25
หลักๆก็ฟุ้ง คิดโน่นนี่ แต่ยังรู้เท้า และก็มีเวทนา
พวกเย็นแปลบๆแสบผิวชัดมากค่ะ แล้วก็มีมดกัดค่ะไม่เยอะ

พอมานั่งรู้ท้องค่ะ แล้วก็ฟุ้งด้วยค่ะท้องก็รู้ค่ะ
ฟุ้งก็ฟุ้งค่ะ หลังๆก็กำหนดคิดหรอ รู้หนอค่ะ ก็ฟุ้งน้อยลงค่ะ

30/10 ค่ะ
ก็รู้เท้า ฟุ้งซ่าน มีเย็นๆแปลบๆ
พอมานั่งก็ รู้ท้องค่ะ คิดๆ แต่ยังรู้ว่ากำลังนั่ง

walai says: จะเจอทำข้อสอบแบบไม่รู้ตัวตลอดนะ

says: ค่ะพี่ ก็โดนค่ะ มีคนตัดต่อรูปหมูไปโพสล้อเลียน

walai says: เข้าใจค่ะ วางได้ไว ผ่านได้ไว วางไม่ได้ ย่ำไปเรื่อยๆ ได้ทำก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ
ยอมรับในสิ่งที่เรามีและเรายังเป็นอยู่ ยอมรับไม่ปฏิเสธ
ส่วนใครจะคิดอะไรยังไง เรื่องของคนอื่นๆเขา นั่นเหตุของเขา พยายามอยู่กับปัจจุบันให้ทัน
คิดมาก ให้เดินจงกรม เดินมากๆ จิตจะสงบลงไปได้บ้าง ดีกว่านั่งฟุ้ง

says: ค่ะพี่ เวลาทุกข์แล้วเดินจงกรมนี่ ช่วยได้เยอะค่ะ
ถึงจะต้องใช้เวลาแต่หลังๆ มันจะเริ่ม สงบขึ้น

walai says: ใช่ค่ะ มันจะสงบจากกิเลสไปชั่วคราว ก็ยังดีกว่าไปครุ่นคิดอยู่กับมันจนไม่สงบ

says: ค่ะพี่ ขอบคุณมากๆค่ะพี่ หมูคิดถึงพี่นำบ่อยๆช่วงนี้

walai says เรื่องปกติ ถ้าคนไหนเราเห็นว่าเราสามารถพูดคุยกับเขาได้อิสระ
ย่อมคิดถึงคนๆนั้นเป็นธรรมดาค่ะ วันใด เรามีสติ สัมปชัญญะเป้นที่พึ่งพาของตัวเองได้มากขึ้น
เราจะคิดถึงนอกตัวน้อยลงค่ะ

says: ค่ะ คือดีใจที่ได้มาเรียนกะพี่น่ะค่ะ

walai says: ค่ะ เรามีเหตุร่วมกัน ทุกๆสภาวะ นั่นคือ ข้อสอบ

says: อ้อ นึกขึ้นได้เลย พอพี่พูดแบบนี้ หมูเจอความอยาก 2 รอบ
แต่หมูลืมไปแล้ว มันคงไม่ชัด ก็ใช้กำหนดเอาอะค่ะเดี๋ยวก็เปลี่ยนอีก

walai says: มันไม่เที่ยงค่ะ ถ้าเป็นอกุศลให้กำหนด ถ้าไม่ใช่อกุศลให้รู้ว่ามันมี ไม่ต้องไปปฏิเสธมัน

says: ค่ะพี่ จะทำแบบนั้นค่ะ ก็เวลา บางทีดูได้ ก็ดูไป
บางทีหลงไป ก็กำหนด คิดไม่ออกก็กำหนดไว้ก่อน

walai says: ไม่ยอมรับตามความเป็นจริง อย่าหวังเลยว่าจะเห็นสภาวะตามความเป็นจริงได้น่ะค่ะ

says: ยอมรับตามความเป็นจริง ถึงจะไม่ชอบก็ยอมรับมันว่ามันมีอยู่ นี่ก็ถือว่าไม่ปฎิเสธนะคะ
รู้ว่าไม่ชอบ รู้ว่ามี

walai says: ใช่ค่ะ รู้ว่ามันยังมี แต่ไม่ปฏิเสธมัน

says: ค่ะพี่ งั้นก็ค่ะ ถือว่ายังอยู่ในขั้นยอมรับค่ะ ถึงบางทีจะทนไม่ด้ายทนไม่ได้

walai says: นั่นแหละ แรกๆต้องทั้งอดทนอดกลั้น
แต่ผลของการเจริญสติ จะทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้น
แล้วสิ่งที่มีอยู่นั้น จลดน้อยลงไปเองตามกำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิที่เกิดขึ้น
ทำให้ตอกย้ำสภาวะชัดเจนมากขึ้น เมื่อสภาวะชัดเจนมากขึ้น ปัญญาจะเกิดเขาเกิดเอง

ชอบใจ ไม่ชอบใจ ให้แค่รู้ รู้ได้แค่ไหนก็แค่นั้นตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ
ทำตามความเป็นจริงของสภาวะไป ไม่ต้องไปให้ค่ากับสภาวะ

says: ค่ะพี่ ตอนนี้หมูก็มีหน้าที่ทำให้ต่อเนื่อง แล้วก้ไม่ปฎิเสธ จะพยายามไปเรื่อยๆ
ไหนๆก็อุตส่าห์ได้รู้จักเส้นทางนี้แล้ว

walai says: ทุกๆการให้ค่า หรือ ความสงสัยจากการให้ค่า สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นกิเลส
ถามมาก สนองกิเลสมาก ละเลยกับการอยู่กับปัจจุบัน จิตไปจดจ่อกับเรื่องราวในอดีต

says:ค่ะ มันก็ยังให้ค่าตามปกติ แต่พอรู้ว่าให้ค่าแล้ว ก็กำหนดรู้ไปเพราะสติไม่ทัน
บางครั้งทันก็ รู้แล้วก็หายไปเอง ที่ต้องทำต่อเนื่องเพราะแบบนี้นะคะ ไม่งั้นลืม

walai says: เมื่อรู้ผลถึงการให้ค่า ต้องอาศัยกับการหมั่นสำทับสภาวะลงไปว่ามันไม่เที่ยง
จะได้ไม่สงสัย เสียเวลาอยู่กับการคิดหาคำตอบ

says: ค่ะพี่ ความสงสัยนี่ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีเหมือนแรกๆ แต่จะเป็นพวก ให้ค่าว่าไม่ดีแล้วหลง ค่ะ
ก็กำหนดรู้แล้วก็คิดว่ามันเด๋วก็เปลี่ยนอีก

walai says: ใช่ มันจะเปลี่ยนตลอดเวลา ตามความคิดของเราน่ะแหละ

says: ค่ะ เวลาทำกิจกรรมก็พยายามรู้ตัว อย่างพิมพ์ หรือคุยโทรศัพท์ มักจะเผลตอนกิน จุดบอด

walai says: ของชอบ เรื่องปกติค่ะ ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย
พี่ก็ยังเป็น ไม่เคยคิดปฏิเสธเลย ไม่เห็นจะต้องไปสร้างภาพทำไม เปลือกสกปรกจะเอาไปทำไมกัน
คิดดูนะ ถ้ายังปล่อยข้างนอกให้สกปรก ยังสร้างภาพจอมปลอม หลอกทั้งตัวเองและผู้อื่น

ข้างในล่ะจะโสโครกขนาดไหน แล้วแบบนี้ เมื่อไหร่ จึงจะเห็นตามความเป็นจริงได้ ในเมื่อข้างนอก
ก็สกปรก ข้างในก็โสโครก ที่พี่ใช้คำว่าสกปรกสำหรับสภาวะภายนอก เพราะมันเห็นกันแบบหยาบๆ
ส่วนสภาวะภายใน ใช้คำว่า โสโครก เพราะมันละเอียดกว่ากัน

says: มันก็ ร้ายจิงๆค่ะ หมูยังเห็นไม่หมด แต่เท่าที่เห็นข้างในของตัวเองนี่ก็รับไม่ค่อยได้
หมักหมมมานาน ตัวน่าเกลียดๆ ทั้งนั้น

walai says: ทำต่อไปค่ะ แล้วที่ซุกๆเอาไว้ในส่วนลึกๆน่ะ จะเสนอหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ
มาคอยตอกย้ำเราว่า ยังมีอีกนะ เราก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไป
เพราะไม่มีใครที่ไหนมาช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง

says: ค่ะพี่ กิเลสใครกิเลสมัน

walai says: ใช่เลย ส่งจิตออกนอกน้อยลงเมื่อไหร่ จะทำให้เห็นในกายและจิตของเราชัดเจนมากขึ้น
ทีนี้ก็จะเริ่มเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น

says: ฝึกอยู่ค่ะ ตั้งกะลืมตา เผลอไม่ได้ อาบๆน้ำอยู่ น่าน ไปเพ่งโทษเขาซะงั้น

walai says: เข้าใจค่ะ เคยเป็นมาก่อน รดน้ำ 1 ขัน แหกปากด่าชาวบ้านในใจไปไม่รู้กี่คำ
ยิ่งอาบฝักบัวนี่ ไม่ต้องพูดถึง

says: ไหลเรื่อยๆเพลินๆ อุ้ยด่าไปหลายคนแล้ว

walai says: ใช่เลย นั่นแหละ ความไม่รู้ ของการสร้างเหตุใหม่ทั้งนั้น

says: แล้วก็ ชิปเป๋ง รู้หนอๆๆ

walai says: ทีนี้พอเจอผล ทั้งเหตุเก่าและเหตุใหม่ สติล่ะทันไหม ไม่ทันก็โทษไปก่อน
โทษคนอื่นๆ เพราะเขา เพราะแก เพราะเธอ แต่เพราะช้านมันไม่มี มีแต่โทษนอกตัวไว้ก่อน

says: ค่ะ พอโทษปุ๊ปก็รู้สึกผิดอีก จิตหมองอีก เริ่มใหม่อีก

walai says: พอรู้แล้ว ร้องโอ้โหเลย พอโดนเข้ากับตัว ขี้มูกโป่ง
นี่แหละ สภาวะเขามาสอนตลอดเวลา เพียงแต่เราจะรู้หรือยัง

says: ใช่ค่ะ ตอนที่จิตดีๆ แหมไม่กลัวกิเลส พอมาที ป้อแป้ ๆๆ

walai says: จิตดีๆ นั่นแหละตัวกิเลสเลย ให้ค่าว่าจิตดี เลยห้าวหาญ เพราะคิดว่าดี

says: นั่นเลยค่ะๆๆๆ คือจิตสบายๆเหมือนจะเข้มแข็ง เลยห้าวหาญจิงๆด้วย
พอกระทบจิ๊ดเดียว ไอ้ตัวเข้มแข็งมันหายไปไหวฟะ

walai says: กิเลสมันเนียน บอกแล้ว โดนๆๆๆซะแล้ว ร้องเป็นเพลงไม่ออก

says: มันทุเรศทุเทศคือแค่จิ๊ดเดียว ก็สะเทือนแล้วดันกระหยิ่มตอนแรก
หมูก็เนทุกข์จากการยึดถือนะคะเรื่องเดิมๆมาซ้ำๆตั้งหลายรอบ

walai says: มันไม่เที่ยงไงหมู ทางโน้นบ้าง ทางนี้บ้าง ทดสอบตลอดเวลา

says: เห็นความทุกข์ แต่มันยังทุกข์ จากที่เห็นแล้วไปทุรยทุราย ก็เห็นแล้ว รู้ว่าทุกข์
ก็ด่าว่ากี่ครั้งแล้วทำมยังทุกข์ซ้ำๆฟะ ทั้งที่ๆที่รู้นะเนี่ย ว่ามันไม่ควรต้องทุกข์ แต่จิตมันก็ทุกข์

walai says: ทุกอย่างล้วนเกิดจากความคิดที่เราไปให้ค่าเอาเอง ตามอุปทานต่อสิ่งที่มากระทบนั้นๆ

says: จะฝึกต่อไปค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walai says: คุณจะไม่มีวันเห็นตามความเป็นจริงได้ ถ้าตราบใดยังวิ่งหากิเลสเพื่อสนอง
ความต้องการของตัวเอง หัดรู้และดูในกายและจิตของตัวเองให้มากๆ อย่าเที่ยววิ่งพร่านหาแต่กิเลส
เพื่อสนองกิเลสของตัวเองให้มากนัก ได้แต่บอกแค่นี้แหละ ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องของคุณ

แดนสุข คือ จุดหมาย says: ขอบคุณครับพี่

walai พี่น่ะผ่านมาหมดแล้ว ถึงได้กล้าพูดแบบนี้

กระต่ายขนฟ พี่เคยวิ่งหานอกตัวเหรอคะ

walai เคยสิ เมื่อก่อนไง วิ่งพร่านทั่วบอร์ด

ถึงไม่ใช่งูพิษ หมุเห็นบันทึกพี่ มีแต่ ทำๆๆๆ

walai ของเก่าไงหมู เมื่อก่อนนี้น่ะ โอ๊ยยย วิ่งหากิเลสสนองกิเลสตัวเอง แต่ตอนนนั้นยังดูไม่ออก
แต่ไม่เคยเล่นหลายชื่อนะในบอร์ดน่ะ ใช้ชื่อเดียวมาตลอด คือ เจออะไร ถูกหรือผิดตามความคิด
ของใครก็เล่นกันไปตามนั้น โดนบทเรียนมาจากห้องสนทนาธรรม ตอนนั้นเล่นหลายชื่อ
พอเขาดูไอพีได้ อายเป็นบ้าเลย ตั้งแต่นั้นมา เลิกเลย ไม่เล่นหลายชื่ออีกเลย
พอเขาถามมา เลยคิดถึงต้อนนั้นเลย

รู้มั๊ย ทำไมถึงใช้หลายชื่อ

say ที่หมูจะหนีตัวเองโดยใช้ชื่ออื่น ของพี่ไม่รู้อะค่ะ แต่ของหมูไม่อยากให้อิมเมจถูกทำลาย

walai ตอนนั้นพี่เพิ่งเข้ามาบอร์ดนี้ใหม่ๆ เข้าห้องสนทนาธรรมก่อน
แบบสนุกน่ะ คุยกับใครไม่รู้เยอะแยะไปหมด ทีนี้มันมีความคิดที่หลากหลายในตัวเอง ก็เปลี่ยนชื่อสิ
ความคิดอันนี้ใช้ชื่อนี้ ความคิดอื่นๆใช้ชื่ออื่นๆสนุกไปเลย แต่ตอนโดนจับได้นี่ไม่สนุกเลย อายเขา
เลยรู้ว่า ใช้หลายชื่อเพราะอะไร เพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ ความคิดนี่มัน ไม่เหมือนกันเหรอคะ แต่ละชื่อ มาจากคนๆเดียวกันอะค่ะ

walai จากพี่นี่แหละคนเดียว แต่ความคิดมันเยอะ มันสนุกไง คุยกับใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักซักคนเดียว
จนกระทั่งมารู้จักสภาวะของกิเลส เลยรู้ว่า ที่เล่นๆผ่านๆมานั้น กิเลสทั้งนั้นเลย ผิดพลาดไปก็เยอะนะ
แต่ความผิดพลาดก็ทำให้เราเห็นตัวเองชัดมากขึ้น นี่ดีแค่ตัวหนังสือ วิบากน่ะมี
แต่มันไม่แรงเท่ากับทางโลกจริงๆ ตรงนั้นน่ากลัวกว่า แต่ถ้าไม่ทำเลย จะดีที่สุด
เพราะนั่นคือ การทำตามความเป็นจริง คือ ใช้ชื่อไหนชื่อนั้นชื่อเดียว ซื่อสัตย์กับตัวเอง

ถึงไม่ใช่งูพิษ ค่ะพี่ แบบนี้ก็แฟร์ดี คือมันซื่อสัตย์กะตัวเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ :b8: ขอเข้าในบ้านหน่อยนะครับ คือ แอบเลาะๆกำแพงชะเง้อมองนานแล้ว คือๆว่า

อยากจะถามว่า ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานตรงไหนครับ ยกตัวอย่างให้พอเห็นเค้าว่า ปฏิบัติตามแนวนั้น

หน่อยเถอะครับ :b20: :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สวัสดีครับ :b8: ขอเข้าในบ้านหน่อยนะครับ คือ แอบเลาะๆกำแพงชะเง้อมองนานแล้ว คือๆว่า

อยากจะถามว่า ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานตรงไหนครับ ยกตัวอย่างให้พอเห็นเค้าว่า ปฏิบัติตามแนวนั้น

หน่อยเถอะครับ :b20: :b8:



ถามจริงๆ ทำมั่งหรือเปล่าล่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 03:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


15 สค. 53

says: เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/25 ค่ะ
รู้เท้า แล้วก็ฟุ้งค่ะ ยังรู้เท้าได้
มีร้อนผ่าว มีเย็นแปลบ มีมดกัดบ้างนิดหน่อย

พอมานั่ง รู้ท้องขยับค่ะ มีคิดโน่นนั่น แต่ยังรู้ท้องขยับไปด้วยค่ะ
จบแล้วค่ะ หลังๆก็จะไม่ฟุ้งมากค่ะ ตอนนั่งใกล้ๆจบน่ะค่ะ

walai says: ค่ะ ยิ่งรู้อยู่กับกายได้มากเท่าไหร่ ความคิดที่เกิดขึ้นจะไม่ฟุ้ง ลองสังเกตุดูได้

says: ค่ะคือมันจะคิดของมัน แต่จะไม่กระจัดกระจาย งึมๆงำ ไม่รู้อะไร

walai says: ใช่ มันจะคิดๆๆๆนะ แต่เป็นแบบเฉพาะ อธิบายไม่ถูก เราแค่ดู

says: อืมมม ค่ะแล้วก็รู้ท้องไปด้วย

walai says: ใช่ ยิ่งสมาธิแนบแน่นมากขึ้น หมูจะสัมผัสกายได้มากขึ้น กายที่เคลื่อนไหว ไม่ใช่แค่ท้อง

says: ค่ะพี่ วันนี้จะชัดที่ท้องตรวท้องน้อย กะสะดือ แต่บางวันจะแค่รู้ว่ามีกายนั่ง

walai says: แล้วแต่กำลังของสมาธิ เราดูเรื่องความคิดได้ ความคิดจะเปลี่ยนไป ทางโลกจะน้อยลง
แต่บอกไม่ได้ ว่ามันคิดอะไร ถ้าตรงไหนชัด มันจะจำได้เอง

says: มันไม่ได้คิดทางโลก อืมๆค่ะ มันเหมือนเป็นอาการ คิดๆของมัน

walai says: แบบนั้นแหละ มันคิดๆ แต่ไม่มีความชอบหรือชังของเราลงไปมีส่วนร่วม
สภาวะจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แค่รู้ ไม่ต้องไปจดจ้องหรือเอาใจใส่อะไร
ถ้าจดจ้อง จะกลายเป็นเพี้ยนไปทันที กิเลสมันจ้องอยู่ ดูตามความเป็นจริง

says: ค่ะพี่ จะจำไว้ค่ะ

walai says: ทำต่อป่ะคะ

says: ไม่ละค่ะ วันนี้ 3 รอบค่ะ รอบแรก 60/25 อันนี้เหนื่อยมาก รอบสองสติแตก

walai says: ได้อ่านแล้ว แล้วแต่กำลังของสมาธิ พี่ถึงให้หมูปรับอินทรีย์มาตลอดเพราะเหตุนี้แหละ
ปรับไปเรื่อยๆให้เข้ากับสภาวะที่เป็นอยู่ ไม่งั้นนะ หมูผ่านนิมิตสีม่วงมาไม่ได้หรอก

says: หมูงงว่าตอนนั้นน่ะค่ะ ที่ไม่ค่อยมีสติพี่ให้ลดนั่งเหลือ 5 นาที หมูยังเคลิ้มเลย
แล้วพี่ก็ใเพิ่มเลย เป็น 20 ทำไมอยู่ๆเพิ่มเป็น 20 ได้ละคะ หมูสังเกตตัวเอง มันยังเคลิ้มๆอยู่เลย

walai says: กลับไปย้อนอ่านสภาวะดูสิ ไล่อ่านดู

says: ได้ค่ะ ไว้จะลองไปทบทวนดูก่อนแล้วกันค่ะ

walai says: สิ่งที่พี่ถามกับหมูคือ ต้องดูสภาวะ ซึ่งพี่อธิบายไม่ได้
เพราะบางสภาวะ หมูต้องใช้สมาธิช่วย บางสภาวะ สมาธิไม่ต้องมาก
เหนื่อยมาก ฟุ้งมาก ต้องใช้สมาธิช่วย

เคลิ้มก็ไม่เป็นไร เพราะยังกลับมารู้ที่กายได้บ้างเป็นระยะ
คือ มันต้องดูหลายๆครั้ง จนกว่าจะแน่ใจน่ะ เพราะ 20 นาที หมูก็เคลิ้ม 5 นาที หมูก็เคลิ้ม

ในเมื่อทำหลายๆครั้งแล้ว ยังอยู่สภาวะนั้น จึงให้ทำ20 นาที อีกอย่างหมูเหนื่อยด้วย ฟุ้งด้วย เวลาฟุ้ง
อันนี้พี่ไปอ่านเจอในวิสุทธิมรรค เพิ่งรู้นะวิธีที่พี่ใช้กับหมูมีเขียนไว้ ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม
คำสอนของพระพุทธเจ้า พี่อ่านแล้ว ไม่ได้รู้สึกฟูหรือปลื้มใจอะไร คือ ดูจิตตัวเองไปด้วยน่ะ

says: ขนาดหมูฟังยังใจฟ่องๆเลย

walai says: พี่ดูจิตตัวเองตลอดนะ เวลาเจอสิ่งที่พี่สอนหมูแล้วมีในพระไตรปิฏกเขียนไว้
แต่พี่ไม่รู้ เพราะไม่ได้ศึกษาลงไปลึก มีเขียนไว้ในเรื่อง การข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม
สภาวะนี้พี่เอามาจากการปรับอินทรีย์ของตัวพี่เองในสมัยก่อนน่ะ แล้วปัจจุบันก็ยังใช้อยู่

เวลาฟุ้งมากๆนี่ ทำสมาธิดีที่สุด เพราะอะไร เพราะเรามีสมาธิเป็นทุนอยู่แล้ว
อันนี้เลยทำได้ง่าย หมูเองก็มีสมาธิเป็นทุนอยู่แล้ว

says: จากการทำทุกวันๆ มันก็เลยสะสมสิคะ

walai says: เพราะจากที่หมูเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นเอง เวลาทุกข์ใจ
หรือไม่สบายใจ จิตมันจะหลบเข้าสมาธิ พอออกมาจากสมาธิแล้วสบาย พี่เองก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก

says: จำได้ว่าเล่าแค่ว่าหลับไปเลย อันนั้นคือสมาธิเหรอคะ

walai says: ค่ะ เวลาหลับ หมูต้องดูสภาวะ คนที่ทุกข์จริงๆ หลับไม่ลงหรอก

says: อ่อ ของหมูเหมือนมันปิดสวิท์ แต่ต้องทุกข์แบบ ไม่ตืนเลย คือหนักมากๆๆๆๆๆๆ สู้ไม่ไหวแล้วน่ะค่ะ

walai says: นั่นแหละ คำพูดนี่แหละ ปิดสวิทช์ เรานึกจะปิดสวิทช์ตอนไหนๆก็ได้ที่ใจต้องการ
ไม่อยากฟังใครพูดด้วยก็ปิดสวิทช์ได้

says: ของหมู 2 ครั้ง ค่ะในชีวิต ถ้าจำไม่ผิดนะคะ แต่ควบคุมอย่างพี่ไม่ได้ค่ะ ของหมูออกแนวหนีโลก

walai says: ของพี่ทำได้ตลอด ทำได้มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่อยากรับรู้อะไร ปิดสวิทช์ได้ทันที
เหมือนคนหลับลึกไปเลย พอมาปฏิบัติ สภาวะของพี่ถึงได้ก้าวกระโดด

says: ค่ะพี่ นิมตรสีม่วง นั่น เพราะสมาธิมากไปเลยไปติดที่นั่นสิคะ อันนี้ก็ละมารู้กายเอา

walai says: สติไงหมู สติมันไม่มากพอ มันเลยมารู้ที่กายไม่ได้

says: ใช่ค่ะ ไม่มีแรงพอ ตอนรอบ สอง ของวันนี้

walai says: มันไปจ้องที่นิมิตแทน

says: ใช่ค่ะพี่ เล่นเอาตาลายเลย ตอนรอบสองของวันนี้ ที่สติแตก

walai says: พี่น่ะ เมื่อก่อน นิมิตนี่สุดๆ ก็ต้องบอกว่าตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว นับว่ากุศลของพี่ไง

says: เพราะคิดเรื่องเพื่อน พอกรวดน้ำแล้วสมาธิมา เห็นความแตกต่างชัดเลย
ค่ะพี่ นิมิตรพี่ ข้ามได้ไงเนี่ย ครูก็ไม่มี

walai says: กุศลนะ พี่ถึงเชื่อมั่นในพระธรรมคำสอนแบบเต็มที่ โดยไม่ต้องให้ใครมายืนยันว่า
พระธรรมนี้มีอยู่จริง

says: เพราะเห็นเลยเชื่อ

walai says: ใช่ ปฏิบัตินี่แหละ

says: พอเชื่อก็เพียรโดยไม่ต้องบอกเลย

walai says: ก็ดูอย่างเรื่องการข่มจิตสิ ไม่มีใครสอนนะ จิตมันบอกเอง ฟุ้งนัก เอาสมาธิสิ

says: ค่ะพี่ สมัยก่อนพี่ทำไงคะ ตอนที่ยังไม่รู้

walai says: อันนี้ตอนหลังนะ เมื่อก่อนยังไม่รู้ นี่มารู้เองทีหลัง ตอนสภาวะเขาเปลี่ยน
แล้วตัวรู้เขาเกิดเองน่ะ

says: ค่ะพี่ สมัยก่อนเห็นพี่ทำเยอะ จะนั่งมากกว่าเดิน ตอนอ่านบันทึกนะคะ แรกๆโน่น

walai says: ที่ว่าฟุ้งๆ พอจิตเป็นสมาธิ ความคิดจะคิดๆ แต่มันไม่ฟุ้งเหมือนตอนที่ยังไม่ได้เป็นสมาธิ
อันนั้นพี่ติดสมาธินะทำแล้วสบาย ของเก่าน่ะ

says: สวดมนต์เก่งเด้วย ตอนนี้ไม่ชอบแทนนะคะ

walai says: ปัญญาถึงไม่เกิดไง จะว่าไม่เกิดก็ไม่ใช่ เกิดนะ แต่ช้า ไม่เหมือนในปัจจุบันนี่
แตกต่างจากกันมากๆเลย ใช่ ไม่ชอบสวดมนตื เพราะสวดแล้วหลับ สมาธิพี่มากไป

ต่างกับเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนต้องสวดมนต์ ต้องกราบพระก่อนปฏิบัติ
ตอนนนี้ไม่เคยทำ ขืนทำนะ หลับก่อนที่จะปฏิบัติ ทำเสร็จแล้วถึงจะกราบพระ
พี่ไม่เคยสวดมนตก่อนปฏิบัติมาเป็นปีกว่าแล้วนะ

says: ค่ะ หมุสวดเริ่มต้นก่อนนิดหน่อย แล้วค่อยทำ ตามที่พี่เคยแนะนำน่ะค่ะ มันก็เป็นอุบายให้สบายใจดี

walai says: ถึงบอกไง สภาวะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่สภาวะ ของใครของมัน
ช่างทำเล็บน่ะ เมื่อก่อนทำกรรมฐานไม่ได้เลย เพราะสวดมนต์แล้วหลับ
เขาบอกว่า เขาเคยไปปฏิบัติที่วัดหลวงพ่อจรัญ

says: โห สมาธิเยอะเหมือนกันสิคะ

walai says: เยอะสิ เขานิมิตเยอะมาก นี่ดีขึ้น ตั้งแต่มาเจริญสติ น่าจะเดือนแล้วนะ
พี่บอกกับเขาว่า ในเมื่อสวดแล้วหลับ ไม่ต้องสวด ให้เดินจงกรมแล้วนั่งต่อได้เลย ถ้าอยากสวด
ไว้สวดตอนว่างๆตอนไหนก็ได้ ก่อนปฏิบัติไม่ต้องสวด เขาเลยทำกรรมฐานได้มาจนทุกวันนี้
นี่เขาได้แนะนำแม่ค้าที่ตลาดมา

says: คนสมาธิแรงๆทั้งนั้น

walai says: ใช่ แต่ละคนที่มาหาพี่มีแต่ติดนิมิต สมาธิแรง พี่เลยแนะนำได้แบบสบายๆ

says: ค่ะพี่ แล้วแม่ค้าเป็นไงคะ

walai says: แม่ค้า ขายของกว่าจะเลิกเที่ยงคืน แต่ทางวัดที่เขาไปปฏิบัติมา บอกว่า ต้องเดิน 1 ชม.
นั่ง 1 ชม. เขาเลยไม่ทำ ไหนจะต้องสวดมนต์ก่อนอีก นี่สวดมนต์ก็หลับอีกเหมือนกัน

says: หมูก็เคย สวดๆไปแล้วหลับตา สุดท้าย หลับผล่อย ไว้พรุ่งน้แล้วกัน ชั้นค่อยทำ

walai says: ช่างทำเล็บเลยบอกว่า ทำแบบเขาสิ ไม่ต้องสวดมนต์ ให้เดินไม่ต้องจับเวลา กี่รอบก็ได้
แล้วนั่งเลย นั่งแค่คิดว่าพอ แล้วให้แผ่เมตตา กรวดน้ำ แม่ค้าถามว่า ทำไมมันทำง่ายอะไรขนาดนั้น
แล้วมันจะได้ผลเหรอ ช่างทำเล็บก็บอกว่า ได้สิ ไม่ได้แล้วเขาจะพูดแบบนี้ได้ไง เพราะเขาทำอยู่ทุกวัน
ทำได้วันละหลายรอบ ว่างจากลูกค้าก็ทำ บางทีนะ เขาเดินแค่รอบเดียวแล้วนั่งเลย
เขาบอกว่าแค่นี้เขาก็เบาไปทั้งตัว

ส่วนช่างเสริมสวยน่ะ ถ้าเครียด เขาจะทำแบบที่พี่บอก เดินจงกรม แล้วนั่งต่อ เขาบอกว่า เขาจะเดิน
มากกว่า พอมานั่งแล้วจิตเขาเป็นสมาธิดี งานเขาเลยเเยอะ ลูกค้าเยอะ

says: ค่ะพี่ มันช่วยได้เยอะเลยเดิน

walai says: เขาทำแบบที่บอกคือ เช้ามาอธิษฐานขอให้ได้ลูกค้า ขอให้ได้งาน กลางคืน
ขอให้เกิดปัญญาญาณ ไม่ต้องไปขอยืดยาว เขาบอกว่า ตอนนี้เชื่อแบบสนิทใจ
เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่มั่นใจ เพราะคิดว่า ทำแค่นี้เองนะ มันจะไปได้อะไร ตอนนี้เชื่อจนหมดใจ
พี่เลยไม่ต้องมาเหนื่อยมากเหมือนเมื่อก่อนไงหมู

เขาเริ่มพึ่งพาตัวเองได้ เขาจะเริ่มพึ่งพาเราน้อยลง เหลือไว้แค่คอยให้พี่พูดให้กำลังใจเขา
เรื่องปฏิบัตินี่ทำเอง ไม่ต้องบอกแล้ว และมดกัดน่ะ เขาบอกว่ามันหายเอง ทำน้อยกว่าหมูอีก
เห็นป่ะ เราเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ มันแล้วแต่เหตุของแต่ละคน ทำมาก ทำน้อย ไม่ใช่ตัววัดผล

says: อืมม ค่ะพี่ แต่ก็เห็นสภาวะเหมือนกัน

walai says: บางคนทำมาก ตามเหตุที่ทำมา บางคนทำน้อย ตามเหตุที่ทำมา
ปล่อยวางได้ไว สภาวะจบได้ไว ช่างเสริมสวยเขาเริ่มเห็นเหตุแต่ละเหตุด้วยตัวเอง
เขาเลยปล่อยวางได้ไว จากเมื่อก่อน พี่ต้องบอกกับเขาก่อนในเรื่องเหตุ

says: มันก็อยู่ที่คนว่ายึดถือมากแค่ไหน จริงๆ

walai says: ใช่

says: จิตหมูมันดื้อยังกะ อะไรดี

walai says: แล้วแต่เหตุที่ทำมาน่ะหมู เราเอามาเทียบกันไม่ได้หรอก
ช่างเสริมสวยเขาเห้นเหตุได้ไว เห้นด้วยตัวเอง แล้วความศรัทธามันเกิด ประกอบกับเจอสภาวะแบบต่อตา

เช่น คนที่มาว่าๆเขา ต่อมาคนที่ว่าเขาก็โดนคนอื่นว่า แล้วมาเล่าให้เขาฟัง แบบคนที่าโดนน่ะไม่รู้เรื่อง
เพราะเขาไม่ได้มาปฏิบัติ แล้ว สิ่งที่ช่างเสริมสวยเขาเจอด้วยตัวเองหลายๆคร้ง เวลานั่งสมาธิน่ะ
เขาบอกว่า มันแปลกมากๆ มันจะมาชี้ๆให้เขาเห้นว่าแต่ละอย่างที่เกิดกับเขานั้น เหตุมาจากอะไร
เขาเลยเชื่อหมดใจเพราะเหตุนี้แหละ พวกนี้ สมาธิเขาเยอะ
ฐานสมาธิดี มีส่วนขับเคลื่อนไปได้ดี พอมาเจริญสตินะ

says: เจอแบบนี้เข้าก็ต้องศรัทธาแน่ๆเลยค่ะ เพราะมันมาบอก ว่าเกิดจากอะไร

walai says: ใช่ แล้วมันไม่แค่นั้น เขาดูของคนอื่นๆได้ คนที่เขารู้จักน่ะ เขาบอกว่า
เหมือนอย่างที่พี่บอกเลย พอดูตัวเองได้ เราจะรู้ของคนอื่นๆได้ ว่าเหตุของแต่ละคนเกิดจากอะไร
เขาบอกว่ามันรู้นะ เดี๋ยวนี้นะ สามีเขาจากที่เคยมานั่งเฝ้า ไม่ค่อยยอมไปขับรถแท็กซี่ เลิกนั่งเฝ้าแล้ว
ออกไปขับรถตลอด เขาบอกว่า ตัวเขาเปลี่ยนไปเยอะมากๆ

แล้วเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยสนใจสามี วันๆเอาแต่เมาท์เรื่องชาวบ้าน สามีเลยมาเฝ้า
ตอนนี้จะมาเฝ้าอะไรล่ะ งานซักรีดเขามีเพียบเลย ยืนรีดผ้าทั้งวัน

says: ค่ะพี่ ยังงี้อีกไม่นานหนี้หมด

walai says: ตอนนี้แม่ค้าขายของก็แบบเดียวกัน ขายของไม่ดี
มาถามเขาว่าทำยังไง เขาก็สอนแบบที่เขาทำ แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามว่า ทำแค่นี้เองนะ
แล้วมันจะได้ผลจริงๆหรือ อเมซิ่งนะหมู เรื่องพวกนี้

says: พวกเขาปรู๊ดปราดจริงๆ คงสะสมมามิใช่น้อย

walai says: ก็สอนเดินจงกรม นั่งที่ร้านเสริมสวยน่ะแหละ เขามีห้องว่างข้างๆ
ตอนแรกสอนกันริมถนนเลย ช่างทำเล็บเลยตะโกนว่าทำไมมาสอนกันที่ร้าน สอนวันแรกได้เรื่องเลยนะ

แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว เป็นม่าย สามีตายไปสิบกว่าปี คืนนั้น เขากลับไปทำที่บ้าน แล้วพอนอนหลับ เขาฝัน
ฝันถึงสามีที่ตายไปสิบกว่าปี ซึ่งสิบกว่าปีมานี่ ตั้งแต่สามีตายไป เขาไม่เคยฝันเห็นเลย แต่คืนนั้นเขาฝัน

เขาบอกว่า สามีเขาหน้าตาเหมือนเดิม แล้วบอกกับเขาว่า พี่ก็ยังอยู่ที่นี่แหละ อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ไปไหน
ดีใจที่ได้เจอกันอีก แล้วก็กอดกัน เดินควงแขนไปที่ไหนไม่รู้เขาไม่รู้จัก เขาบอกว่าเวลากอด
เหมือนกอดกับคนจริงๆ ทีนี้ก็ดังล่ะสิ ปากต่อปาก แถวนั้น พวกแม่ค้าก็เริ่มตั้งกลุ่มคุยกันเรื่องปฏิบัติ

says: ช่างทำเล็บ กับช่างทำผม ก็จะกลายเป็นพี่เลี้ยงเลย ดีจังค่ะพี่ เป็นเรื่องที่ดีมาก

walai says: ตอนนี้ ช่างเสริมสวยบอกว่า เขาสบายมากขึ้น ที่ว่าเคยทุกข์ๆ เขาไม่ไปทุกข์กับมัน
เขายอมรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเจออะไร ไม่ดต้เถียง ถือว่าชดใช้ไป พี่ถามว่าดีไหมล่ะ
ใช้หนี้โดยไม่ต้องใช้เงิน แถมได้เงิน บุญก็ได้ ครอบครัวก็มีความสุข

says: ค่ะ สุขภาพจิตดีขึ้น มีเงินแล้วใช้ไม่เป็น ก็ทุกข์น่าดู


walai says: นี่แหละหมู ชีวิตมนุษย์ ได้แค่นี้ ยิ่งกว่าถูกหวย
อ้อ เขาเลิกเล่นหวยไปเอง ไม่ต้องไปตั้งใจจะเลิก มันเป็นเอง เขาบอกว่ายังไม่เลิกแบบสนิทนะ
แต่คือ ดีกว่าเมื่อก่อน จากที่ไม่เคยทำบัญชี เดี๋ยวนี้เขาทำบัญชี เขาบอกว่า หนี้เริ่มหมดทีละเปาะ

says: ค่อยยังชั่วนะคะ คราวนี้จะได้หมดซะที

walai says: ใช่เลย แถมได้ครอบครัวที่มีความสุข ลูกๆเขาน่ารักนะ มีสองคน
เขาเรียกว่าสัญญาเก่ามันมีมาเยอะ มาทำใหม่ มันก็ไปกระตุ้นของเก่าที่มีอยู่
เหมือนสมาธิ แต่ละคนที่เคยทำมา มีของเก่าอยู่ เพียงแต่ นำออกมาใช้เป็นไหม
คนที่มีนิมิตนะ หรือเจอแต่ผีน่ะ พวกนี้ฐานสมาธิดีทั้งนั้น ถ้าเจริญสติดีๆ สภาวะพลิกทันที
ผ่านนิมิตไปได้ จะเห็นตามความเป็นจริงได้ไวมากขึ้น เพราะฐานสมาธิดีอยู่แล้ว แค่เอาสติใส่ลงไป
ตัวสัมปชัญญะเกิด ปัญญาย่อมเกิดขึ้น เพราะรู้ชัดในกาย

says: นิมิตไม่ได้มีทุกคนเหรอคะ

walai says: ไม่หรอกค่ะ ของเก่า เหตุที่ทำมาน่ะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน
สังเกตุสิ บางคนนิมิตมาก บ่างคนน้อย คนที่ไม่มีก็มี
พวกติดนิมิต นี่ต้องอาศัยการปรับอินทรีย์ ใเดินจงกรมให้มาก

says: งืมค่ะๆ ส่วนใหญ่ที่อ่านมีแต่คนมีนิมิตรเยอะๆ

walai says: แล้วสังเกตุนิมิต พร้อมๆกับใช้กำหนดรู้หนอด้วย ตรงนี้สำคัญนะ
หมูจำได้ไหม ตอนนิมิตสีม่วงน่ะ ที่พี่ให้ใช้รู้หนอกำกับ 3 ครั้ง หายใจยาวๆ ไม่ต้องรอให้นิมิตหายน่ะ
ซึ่งแตกต่างจากที่หมูเคยได้รับคำแนะนำมาว่า ต้องกำหนดจนกว่าจะหายไป ซึ่งหมูยิ่งกำหนด ยิ่งไม่หาย

says: ค่ะยิ่งวิ่งเข้ามาเลย ตาลายเลย

walai says: สงสัยมั่งไหมว่าทำไม รู้หนอ กับเห็นหนอ แตกต่างกันยังไง

says: ส่วนใหญ่หมูใช้รู้หนอน่ะค่ะพี่ เลยไม่ทราบนะค่ะ อะไรๆก็รู้หนอไปหมด
ยกเว้นคิตอนนั้นก็จะคิดหนอเป็นปัจจุบัน

walai says: ตอนนั้น ก่อนที่จะเจอพี่ เขาให้หมูใช้เห็นหนอไม่ใช่เหรอ

says: อ่อถ้าพูดถึงคนแนะนำคนแรก ใช่ค่ะ เขาให้กำหนดตามอาการ

walai says: นั่นแหละ ยิ่งกำหนดเห็นหนอ นิมิตยิ่งชัด

says: ใช่ค่ะ เพราะเราไปมองมัน

walai says: ที่พี่ใช้รู้หนอ เพราะได้มาจากตัวเอง
เมื่อก่อนพี่ก็ถูกสอนมาแบบนั้น กำหนดตามอาการที่เกิด ยิ่งกำหนด มันยิ่งเกิดชัด
ปวดหนอๆๆๆ นี่แทบจะชักเลย

says: แล้วทำไมอยู่ๆ เปลี่ยนเองละคะ ทดลองเหรอคะ

walai says: ก็ลองปรับเปลี่ยนเอง จากการอ่านหนังสือกฏแห่งกรรมของหลวงพ่อ มีกำหนดที่ลิ้นปี่มั่ง
กำหนดปักไปที่เหนือสะดือมั่ง แล้วตรงเหนือสะดือนี่หลวงพ่อให้ใช้รู้หนอ ท่านไม่ได้ให้กำหนดตามอาการ
พี่ก็เลยลองใช้รู้หนอในการกำหนดอาการอื่นๆด้วย คือ ไม่กำหนดเอาตามอาการที่เกิดขึ้น มันแตกต่างกัน
แต่จะว่าไป ไม่ทำด้วยตัวเอง แยกสภาวะไม่ถูก ว่าทำแบบไหนแล้วได้ผล

says: ค่ะพี่ หมูจะคิดไม่ทันน่ะค่ะ เลยรู้หนอไปเลย อะไรก็รู้ไปก่อน
หลังๆนี้ เจ้านิมิตรสีม่วงมานี่หมูไม่ได้ กำหนดรู้หนอแล้วนะคะ หมูแค่รู้ว่ามันเกิดแล้วรู้กายต่อไป

walai says: พี่น่ะ เมื่อก่อนจะมีสภาวะชอบคิด คิดแหลกลาน
กำหนดคิดหนอๆๆๆๆ แหมๆๆๆ มันยิ่งคิดระเบิดระเบ้อ

says: ค่ะพี่ จนหมูรู้สึกว่าก็คิดตลดวเลา ก็คิดตลอดเวลา มิต้องกำหนดตลอดเหรอ

walai says: นิมิตสีม่วง ก็ไม่แตกต่างจากโอภาสหรอก มันเป็นเรื่องกำลังของสมาธิ
พอเข้าใจมันแล้ว มันไม่หายไปไหนหรอก แต่มันรู้กายได้ แต่ตอนที่ยังไม่รู้น่ะ มันรู้กายไม่ได้

says: ค่ะ พอเรารู้กายได้ จิตเราก็จะไม่จ้องมัน แล้วมันก็เปลี่ยนไปเอง
หายไปเองเหมือนสภาวะอื่นๆ ตอนนี้หมูใช้คิดหนอเป็นแล้ว แต่ก่อนไม่เป็นไม่รู้ต้องกำหนดตอนไหน

walai says: ใช่ รู้ว่ามันมี แต่ก็รู้อยู่กับกายได้ ใช่ มันหายไปเอง
จำได้ไหม ที่หมุเคยถามว่า แล้วรู้หนอจะหายไปไหม

says: จำไม่ได้ค่ะ

walai says: ตอนที่พี่บอกว่า ให้หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอลงไป 3 ครั้ง
หายไม่หายไม่ต้องไปสนใจ ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เกิดนิมิต หมูถามว่า แล้วการกำหนดรู้หนอนี่
จะหายไปไหม หรือต้องใช้ตลอดเวลา

พี่ตอบว่า เมื่อวันใด กำลังของสติ สัมปชัญญะมากพอ รู้หนอจะหายไปเอง มันจะแค่รู้

says: ใช่ค่ะพี่พูดแบบนี้บ่อยๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยถามแบบนั้น
แต่พี่น้ำจะพูดเรื่องการกำหนดบ่อย เพราะแรกๆหมูยังกังวลกลัวเพ่งบ้าง กลัวอะไรบ้าง

walai says: จำได้ หมูถามว่า แล้วมันจะไม่เป็นการไปเพ่งหรือ
เพราะตอนนั้นหมูไปจำอะไรมามากมาย เลยทำให้กลัวไปหมด กลัวเป็นสมถะมั่งล่ะ

says: ใช่ค่ะ ตอนนี้สมถะเหรอ เอาเลย มาสิ มันช่วยทั้งนั้นละ

walai says: แล้วช่วงนั้นนะ ศัพท์แสงนี่เยอะเหลือเกิน ช่วงนั้นหมูวิชาเกินเยอะ
ประกอบกับ ไปเจอกับการกำหนดตรงอาการด้วย

says: หนูก็งงตัวเอง ก็ฟังแทบจะทุกวันเลย
ตอนนี้การกำหนดคิดหนอคอนนั่งสมาธิ จะช่วงดึงสติไว้ ตอนหมูเคลิ้มน่ะค่ะ
พอเริ่มเป๋ มีกำลังสติ แล้ว แต่สัมปันไม่พอ

กำหนดแล้ว มันจะมีกำลังของสัมปัญมากขึ้นหมูสังเกตุนะคะ
เหมือนมันตั้งลำใหม่ต่ออีกแปป ไปอีกกำหนดอีก คอยประคองไว้น่ะค่ะ

walai says: ใช่ ขาดสมาธิจะรู้ชัดในกายหรือรู้ชัดในสภาวะไม่ได้
ตัวรู้ชัดคือตัวสัมปชัญญะ แรกๆ เราต้องใช้สตินำหน้าสัมปชัญญะ ในการฝึกเจริญสติ
เมื่อสัมปชัญญะเกิด ขณะนั้นๆ สมาธิย่อมเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วย ไม่งั้นตัวสัมชัญญะจะเกิดไม่ได้

สภาวะคือ รู้ชัดในกาย หรือรู้ชัดในการกระทำ แรกๆสติมาก่อน เมื่อกำหนดรู้
สมาธิจึงเกิดขึ้นพร้อมๆกับตัวสัมปชัญญะ ทำให้เรารู้ชัดในกาย
ยิ่งจิตเราสามารถรู้ชัดในกายได้มากเท่าไหร่ นั่นคือความมั่นคงหรือความตั้งมั่นของสมาธิ

จิตที่เป็นเอกภาพ หาก สัมปชัญญะไม่เกิด สภาวะนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ สัมมาสมาธิ
เพราะระหว่างที่ตัวสัมปชัญญะเกิด จิตจะจดจ่อรู้อยู่ในกายได้ชัด
สภาวะขณะนั้นๆ เรียกว่า สงัดจากวัตถุกามและกิเลสกาม
เขาเรียกว่า จิตวิเวก

says: ค่ะพี่ ตอนนั้นมันก็รู้กาย ไม่ไปออกนอก สนใจแต่ข้างใน

walai says: จะรู้อยู่กายในได้ชัดเจน การรู้อยู่ในกายได้ต่อเนื่อง
ขึ้นอยู่กับความแนบแน่น กำลังของสมาธิด้วย

says:โอ้โห นี่มันผุดขึ้นมาเหรอคะพี่ คำอธิบายแบบนี้

walai says: เปล่าค่ะ พอดีพี่กำลังเขียนเรื่องฌาน แล้วพี่ต้องไล่ไปทีละสภาวะ
ก็เพิ่งมารู้ว่า แต่ละสภาวะมีคำเรียก แล้วตรงกับสภาวะที่เกิดขึ้นทุกอย่าง แม้แต่คำว่า จิตเอกัคคตา

says: ค่ะพี่ ละเอียดยิบเลย อันนี้คือเล่มโตๆ คะ

walai says: ใช่ค่ะ เล่มใหญ่ๆที่พระอาจารย์มหาสมปองท่านให้มาน่ะแหละ

says: ได้ประโยชน์เต็มที่เลย

walai says: ใช่ พี่เลยเขียนเรื่องสภาวะของฌานได้ง่ายมากขึ้น
เพียงแต่ในตำราจะสลับที่ไปมา พี่แค่มาจัดเรียงตามสภาวะใหม่เท่านั้นเอง

says: ค่ะพี่ดีจัง เห็นแล้วมาอ่าน ทำให้เข้าใจ จ
ริงท่านก็ผ่านมากะตัวเองจนแม่นแล้ว ก็เลยเอามาถ่ายทอด

walai says: ต้องรู้โดยสภาวะแล้ว ต้องแม่นสภาวะด้วย จึงจะอ่านเข้าใจ
เมื่อก่อน สภาวะพี่ก้าวกระโดด พี่เลยไม่สามารถเขียนเรื่องฌานได้
อธิบายแบบหยาบๆได้ แต่เขียนรายละเอียดไม่ได้

แต่ตั้งแต่หลังสูญเสียสมาธิไปหมดน่ะ นับตั้งแต่นั้นมา เรื่องสมาธิเหมือนนับหนึ่งใหม่ จากคนที่ไม่มีเลย
จนกระทั่งมาสภาวะปัจจุบัน ของเคยทำนะหมู มันจะรู้เฉพาะตัว มันทำได้เฉพาะตัว
ฌานน่ะ สมาธิอาจจะเสื่อมได้จริงอยู่ ต่สามารถสร้างกลับขึ้นมาใหม่ได้
ตัวสภาวะเขาจะสอนเองว่าให้ทำยังไง พี่ใช้เพ่งลมหายใจนะ ตอนนั้นพี่ทำสมาธิ
โดยใช้รูปนามแบบเมื่อก่อนไม่ได้ พี่ทำสมาธิแบบเมื่อก่อนไม่ได้

says: ตอนนี้ด้วยเหรอคะ ต้องเพ่งลมก่อนเหรอคะ

walai says: ไม่แล้ว ตอนนี้ปกติ แต่ถ้าเพ่งลมหายใจ จิตจะเป็นสมาธิได้ไว
ตอนนั้น เคยสงสัย ถามพระอาจารย์ปรีชาว่า ทำไมลมหายใจพี่แปลกๆ
อันนี้ตอนก่อนเสียสมาธิไป มันถูกฝึกล่วงหน้าเลยนะ จิตเขารู้ล่วงหน้า ก่อนที่เราจะรู้ซะอีกว่า
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เวลาทำสมาธิ จะหายใจเหมือนคนสำลัก
เคยเห็นไหม เวลาเขาสตาร์ทรถใหม่ๆแล้วเครื่องมันสำลักน่ะ

says: ค่ะพี่เคยค่ะ

walai says: นั่นแหละแบบนั้น พี่พยายามหายใจยาวๆช่วย มันก็ยังหายใจพิกลแบบั้น
พี่ไม่รู้ว่านั่นคือการเพ่งลมหายใจ พระอาจารย์ปรีชาบอกว่า มันก็เหมือนคนหัดขับรถใหม่ๆ
มันยังไม่ชำนาญ พอต่อไป ลมหายใจเขาจะปรับเอง แต่ท่านก็ไม่บอกนะว่ามันคืออะไร

says: มันจะกระฉึกกระฉักสิคะ

walai says: ใช่ เหมือนสำลัก ตลกจะตายหายใจกระฉอกๆ สะดุดๆแปลกๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ดูพองยุบ มันก็จะกลับมาจับที่ลมแทน ลมสำลักแบบนั้นน่ะแหละ
แต่เวลาเป็นสมาธิเขาจะหายไปเอง อันนี้ยอมรับเลย
สภาวะนี้ ทำให้พี่รู้จักกสิณลม โดยไม่ต้องไปเพ่งดูลมข้างนอก แต่มาเพ่งลมหายใจแทน

says: พี่น้ำ สะสมมาเยอะ จริงๆ เคยฟังหลวงพ่อเทศน์ท่านบอกว่าบางคนหวังได้ฌานก่อน
แล้วค่อยเจริญปัญญา ท่านบอกบางคนทำทั้งชาติยังไม่ได้เลย

walai says: พี่เคยอ่านเจอนะ เรื่องของพระอาจารย์หลายๆท่านน่ะ เรื่องจิตรวม
พี่ก็งงๆนะเมื่อก่อน เอ๋ ทำไมเราไม่เหมือนล่ะ ทำไมของเราเกิดเอ๊าเกิดเอา ไม่ต้องทำอะไรก็เกิดเอง
กินข้าวคาปาก ยังเกิดได้เลย

says: อ่อค่ะ หมูเคยอ่าน บางท่านต้องนั่งยันรุ่งเลย ต้องให้จิตรวมให้ได้
พี่คะไอ้จิตหมูที่มันสะบัดแล้ววูบลงไป แล้ววาบขึ้นมามาใหม่
นั่นคือจิตรวปะคะ ตอนเด็กๆ ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ

walai says: ภาษานี่จริงๆ ถ้าพี่ไม่รู้จักสภาวะ คงอธิบายไม่ได้ นั่นแหละ จิตมันรวม

says: ภาษาหมู หมูไม่รู้ว่ามันคืออะไรอะค่ะเลยเรียกตามอาการมันเกิด

walai says: กำลังของสมาธิน่ะ อเมซิ่งมากๆ
สภาวะยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ กำลังของสมาธิยิ่งแนบแน่นและยิ่งมากขึ้นเท่านั้น สติจึงสำคัญมากไง
เราจึงต้องมาเจริญสติ เพื่อจะได้นำกำลังของสมาธิออกมาใช้ได้ถูกทาง
เอาเป็นว่า ต่อไป หมูรู้ชัดที่กายได้มากเท่าไหร่ หมูจะรู้จัก รายละเอียดสภาวะของสมาธิมากขึ้นเท่านั้น

says: จะได้รู้ว่าหนังสือที่ท่านเขียน ก็แกะมาจากสภาวะล้วนๆเลย สุดแต่ใครจะเห็นจากการปฎิบัติ

walai says: พี่ถึงบอกหมูไง ถ้ามีโอกาส ให้ไปทำบุญกับท่าน แล้วเก็บหนังสือเล่มนั้นเอาไว้
เวลามาพูดเทียบสภาวะ จะได้ตรงกับพระไตรปิฏก เท่ากับเราได้ช่วยสืบทอดเอาไว้ ไม่มากก็น้อย
ตามแต่เหตุ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะเราทำตามเหตุ ไม่ใช่ทำตามความอยาก

says: ค่ะพี่ ไว้ถ้ามีโอกาส จะทำตามที่แนะนำค่ะ

walai says: ทำตามเหตุแล้วสบาย ทำตามสภาวะ อย่างวันนี้นะ สภาวะห่วยมากๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ พี่หาคำตอบละว่าทำไม
มันฟุ้ง จิตมันเป็นสมาธิ แต่แผ่วมากๆ มันไม่แนบแน่นเหมือนทุกๆครั้ง

says: ครั้งนี้ไม่หาคำตอบใช่ไหมคะ

walai says: ไม่ร๊อก มันเล่นเราแบบนี้ หนามยอกต้องเอาหนามบ่งสิ ฟุ้งเหรอ สบายมากๆ

says: นั่งนานๆ

walai says: พี่ก็เลยยืนเย็บผ้า ยืนเย็บกระเป๋าใส่กระติกน้ำแข็ง ยืนไปหนึ่งชม.กว่าๆ
เวลาเย็บผ้าน่ะ จิตก็เป็นสมาธินะ ทำเป็นเล่นไป หลังจากเย็บผ้า เบื่อยืนแล้ว ก็เลยเดินไปนั่งที่โซฟา
นั่งจับพองยุบ แค่แป๊บเดียว มันก็ดับไปเอง ดับไปชม.เกือบครึ่ง

says: ตัวเอง จำได้ไหมคะ หมูเคยถามพี่น้ำว่า ในดับมีอะไร

walai says: มันจะมีอะไร มันดับเหมือนเราปิดสวิทช์ไฟ
หลังจากนั้นก็เดินจงกรมใหม่ ก็เป็นแบบเดิมอีก ทีนี้เลยยืนเขียนหนังสือ
เขียนเรื่องฌานนี่แหละ มันใช้เวลาเยอะในการไล่สภาวะ เพิ่งเขียนได้ฌานเดียว

ก็เดินจงกรมไปด้วย สลับกับยืนเขียน แล้วลองไปนั่งต่อที่พื้น เจอสภาวะเดิม จิตมันฟุ้ง
มันคิดๆๆๆๆๆๆๆ งืมๆงัมๆ ไม่รู้คิดอะไรนักหนา พี่รำคาญ ถ้ารำคาญนี่คือฟุ้ง
เพราะถ้าเป็นสมาธิ ความคิดจะเป็นระเบียบ

says: งึมงัมๆนี่สำหรับหมู ถือว่าสบายแล้วค่ะพี่ ถ้าไม่งึมงัมนี่ ออกมาเป็นโน่น นี่เลย

walai says: โห นี่มันเหมือนคนบ่นให้ฟังน่ะ แล้วฟังไม่ออกว่าบ่นเรื่องอะไร ฟังแล้วรำคาญ

says: ใช่ค่ะๆๆๆ แบบนั่นค่ะ ไม่รู้มันพูดอะไร แต่มาสนใจท้อง

walai says: แต่ถ้าหมูไม่รำคาญ นั่นคือ สมาธิดี แล้วมันจะรู้กายไปด้วย

says: อ่อ ไม่รำคาญค่ะ ละเอียดจิงๆ

walai says: พี่เลยลุกไปนั่งที่โซฟาแทน ปล่อยให้มันดับเหมือนเดิม ดับไปรอบนี้ 1 ชม. ตรงเป๊ะ
เฉยๆนะ ไม่ให้ค่า ว่าทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ จากวันก่อนๆ ดีสุดๆ ทำได้ทั้งวัน สมาธิแนบแน่นตลอด
นี่แหละ สภาวะเขามาทดสอบ ยังยึดอยู่ไหม ถ้ายึดอยู่ต้องให้ค่ามากมาย ต้องหาทางแก้ไข

พี่เลยรู้จักกับคำว่า ข่มจิตในสมัยในควรข่มในวันนี้แหละ สภาวะเอาความฟุ้งมาเล่นงาน พี่เอาสมาธิเข้ารับ
ถ้าไม่มีสมาธินะ คงจะทุกข์เหมือนเมื่อก่อน

จำได้มะ ตอนพี่เดิน 4 ชม. นั่งได้แค่ 5 นาที ทำให้พี่รู้จักกับสภาวะฟุ้งซ่าน
พี่เลยแยกสภาวะฟุ้งกับฟุ้งซ่านได้

says: ค่ะพี่ ที่พี่บอกเดินนานมาก นั่งก็ยังฟุ้ง ฟุ้ง กะฟุ้งซ่าน

walai says: มันซ่านสมชื่อ จะดับในสมาธิก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นไม่มีสักกะแอะ
ทำให้เข้าใจคนที่สมาธิน้อยๆ เข้าใจเลย ที่มีคนพูดว่า สมาธิแค่ช้างกระดิกหู งูแล่บลิ้น แค่นี้
เขาก็พอใจแล้ว นั่นคือ สภาวะของคนสมาธิน้อย

says: ค่ะ แต่ก่อนก็แบบนั้นค่ะ หมูคิดๆๆๆๆ ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิเลย
หรืออีกทีก็เคลิ้มหลับไปเลย

walai says: นั่นแหละ สมาธิทั้งนั้น แต่สติไม่ทัน เลยไม่รู้จักวิธีนำมาใช้

says: เพิ่งรู้ตอนมาเรียนกะพี่นี่แหละค่ะ ว่าคือสมาธิ นึกว่าขี้เกียจ
วันนี้ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณมากค่ะพี่

walai says: ไม่เป็นไรค่ะ บอกแล้ว ถ้าสภาวะพอที่จะพูดให้ฟังได้ พี่ก็จะพูดเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 16 ส.ค. 2010, 04:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2010, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สวัสดีครับ :b8: ขอเข้าในบ้านหน่อยนะครับ คือ แอบเลาะๆกำแพงชะเง้อมองนานแล้ว คือๆว่า

อยากจะถามว่า ปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานตรงไหนครับ ยกตัวอย่างให้พอเห็นเค้าว่า ปฏิบัติตามแนวนั้น

หน่อยเถอะครับ :b20: :b8:



ถามจริงๆ ทำมั่งหรือเปล่าล่ะ


ทำไงล่ะ บอกมั่งฮี้ จะได้หัดทำมั่ง :b8: :b20: :b1: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2010, 01:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


25 สค. 53


says: อ้าว พี่คะไหงเข้ามาได้อะคะ

walai says: ไม่รู้สินะ ลองเข้าดู พอดีเพิ่งทำกรรมฐานเสร็จ
เดี๋ยวนี้เฉยๆกับมันแล้ว เข้าได้ก็เข้า เข้าไม่ได้ก็แค่รู้ มันไม่เหมือนเมื่อก่อน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เช็คว่าเป็นเพราะอะไร จากเน็ตหรือจากอะไร ตอนนี้แค่รู้
แล้วขึ้นไปรีดชุดทำงาน รีดเสร็จทำกรรมฐานต่อ ก็ลงมา
พี่ได้อ่านที่หมูเขียนไว้แล้ว บททดสอบ

says: อ่า พี่น้ำ คอมพี่แปลกๆ จัง

walai says: ไม่รู้สินะ ตอนนี้พี่เจออะไรแปลกๆเยอะ

says: ค่ะพี่ เจออะไรหรือคะ

walai says: เหมือนสภาวะมาสอนนะ ให้พี่ปล่อยวางไปเรื่อยๆ ก็แปลกดี
เดี๋ยวนี้นิมิตพี่ไม่ค่อยมี แต่ดันไปเกิดกับคนที่มาปฏิบัติกับพี่แทน แต่ละคนนิมิตถึงพี่แบบแปลกๆ
อย่างคนล่าสุดที่พี่เพิ่งแนะนำไป เขานิมิตว่าเขาไปสวรรค์ แล้วเห็นพี่แต่งชุดแบบภิกษุณี
โกนหัวหมดนะ เขาเลยมาขออนุโมทนาบุญกับพี่

ส่วนอีกคนก็ บอกว่าเวลาทำสมาธิไม่ได้มันฟุ้ง เขาจะตั้งจิตระลึกถึงพี่
แล้วหลังจากนั้นเขาจะได้ยินเสียงพี่สอนเขาว่าให้กำหนดลมหายใจยังไง ทำให้เขาเป็นสมาธิ
แล้วสมาธินี้ดีกว่าที่เขาทำเอง มีอีกนะ ปากพระร่วง

says: ค่ะพี่ แปลกจังนะคะ

walai says: ตอนนี้ใครๆกลัวพี่ พี่ก็ว่าพี่ไม่รู้อะไรนา แต่ทำไมที่พูดไปมัน
กลับกลายเป็นความจริงไปหมด แปลกมากๆตรงนี้

says: พี่พูดอะไรแล้วเป็นจริงอีกหรือคะ

walai says:
เขาบอกว่าสิ่งที่พี่พูดมาล่วงหน้า มันเป็นจริงหมด เลยทำให้เขากลัวพี่กัน
นี่มีการนัดกัน จะซื้อมาลัยมาไหว้พี่กัน พี่บอกว่าไม่ต้องๆ แหมมม จะให้พี่เป็นศาลพระภูมิรึไง

says: เขาเคารพไงคะ

walai says: เขามีศรัทธามาก เมื่อเขาศรัทธามาก ผลเลยเห็นไว
เหตุอยู่ที่เขาทำกันเอง ยิ่งเชื่อมาก ยิ่งเจอไว เดี๋ยวนี้เขาเลยระวังคำพูดกันแจ

says: ดีกับตัวเขาเอง

walai says:
ตอนนี้แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเริ่มส่งเสียงโวยวาย หลังจากที่แรกๆบอกว่าปฏิบัติแล้วดีมากๆ สบาย
สองคนนี่เขาแอบหัวเราะกัน ตอนที่เห็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวโดยวาย เขาบอกว่าเริ่มแล้วๆๆ
เห็นไหมหมู สภาวะน่ะ ไม่แตกต่างกันเลย พอเขาเจอมาแล้ว เขาจะเข้าใจคนอื่นๆ

says: ค่ะพี่ ตอนนี้หมูก็โดนอัดรอบด้านเลย มันก็ชาๆ นะคะ ยังไงไม่รู้

walai says: ตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน หมูชอบไหลไปเอง หมูแค่มีหน้าที่เจริญสติ ทำต่อเนื่อง
ทำหน้าที่การงานของตัวเองไม่ให้บกพร่อง ใครเขาติอะไรมาตรงไหนก็ต้องปรับปรุงตัวเอง
อย่าไปโต้เถียง แล้วทำความเพียรต่อไป

say ขอบคุณค่ะพี่ จะทำตามคำแนะนำ ค่ะ เท่าที่จะมีสติเต็มที่

walai says:
สภาวะเขามาสอน ทำให้เราพูดน้อยลง เมื่อพูดน้อยลง ย่อมทำให้เหตุเกิดขึ้นน้อยลง
ให้เราดูตัวเอง ไม่ใช่ไปดูคนอื่นๆ ใครจะเป็นอะไรยังไงนั่นเขา ไม่ใช่เรา
หน้าที่เราคือรู้อยู่ในกายและจิต การเจริญสติ ทำให้เรามีสติมากขึ้นเรื่อยๆ
ชีวิตเราดีขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าไม่ไปก่อเหตุใหม่กับใครๆ

คือใครว่ามา ยอมรับไป ไม่โต้เถียง แล้วกลับมาพิจรณาตัวเอง
ถ้าไม่มีจุดให้เขาว่า เขาคงมาว่าเราไม่ได้หรอก เหมือนสภาวะที่พี่ผ่านมาที่โดนที่ทำงาน

พี่ไม่โต้ตอบ แต่มาปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้อยู่ตรงกลาง เขาเลยทำอะไรพี่ไม่ได้
ตอนนี้เขายังพยายามหาทางโน้นทางนี้เล่นพี่อีก พี่แค่รู้ แล้วกลับมาดูตัวเองว่ามีตรงไหนที่ยังบกพร่องอยู่ยิ่งเราทำได้ดีมากเท่าไหร่ นั่นคือสติเรามากขึ้นเท่านั้น มันจะละเอียดมากขึ้น

จำไว้ว่า ทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่เรากระทำไว้ทั้งสิ้น
อย่าไปโทษคนอื่นๆ อย่าไปโทษนอกตัว การทำแบบนั้น เป็นการก่อภพชาติไม่จบไม่สิ้น

says: หมูจะพยายามค่ะ

walai says: ระวังความคิดของตัวเองให้ดี ความคิดเรานี่แหละที่ก่อทั้งทุกข์และสุขให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
ไม่ใช่ใครคนไหนหรืออะไรมาทำให้เกิดขึ้น ตัวเราเองทั้งนั้นเลย

says: ค่ะพี่ ความคิด

walai says: เวลาทุกข์ ทำได้ง่ายมากๆ หันกลับไปมองคนที่เขาแย่กว่าเราสิ
หมูน่ะ นอนห้องแอร์ กินอะไรก็ได้ที่อยากกิน เงินเดือนก็อยู่ที่ว่ารู้จักใช้ไหม ถ้ารู้จักใช้
เงินเดือนมันก็เยอะ แต่ถ้าไม่รู้จักใช้ เงินมันก็น้อย

says: ค่ะ หมูคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะตอนที่คิดว่าตัวเองเจอรอบด้าน
ก็ช่วยให้เบาบางไปได้เยอะ เผลอใหม่ก้อมาใหม่ ต้องคอยระวัง

walai says: พี่น่ะตัดรายจ่ายลงไปอีกหลายๆอย่าง ตอนนี้ไม่ขับมอไซค์ไปทำงานแล้ว
รถรับส่งบริษัทติดแอร์ด้วย ผ่านหน้าบ้านทุกวัน ประหยัดค่าใช้จ่ายไปตกเดือนละพัน

says: เยอะนะคะ

walai says: โทรฯ พี่ก็ไปขอเปลี่ยนเป็นเติมเงิน จากรายเดือน
พี่เพิ่งรู้นะว่า พี่ทิ้งค่าโทรฯไปฟรีๆเดือนละเกือบแปดร้อย

says: อ้าว พี่เหมาจ่าย 800 เหรอคะ

walai says: พี่มีเน็ต มีเบอร์บ้าน ตรงนั้นมีโบนัสไว้ใช้โทรฯฟรีกับเครือข่ายเดียวกัน

says: อ่ออออออออออ All togather bonus

walai says: ใช่

says: ถึงเป็นเติมเงินก็ยังเอามาใช้ได้นะคะพี่

walai says: พี่ไม่ค่อยได้ใช้โทรฯ เพราะไม่รู้ไง ทิ้งมานาน

says: ค่ะพี่มันสะสมให้ถึงสิ้นปีค่ะ แต่พี่ก็ไม่ได้จะโทรหาใคร

walai says: ของพี่ เท่ากับเริ่มต้นใหม่ ไม่มีสะสมหรอก

says: ค่ะเพราะเปลี่ยนจากรายเดือนมาเป็นแบบเติมเงิน

walai says: มันมีหลายสิ่งหลายอย่าง แปลกดี อย่างเรื่องตรงนี้นะ เชื่อไหม
พี่เคยนิมิตมาล่วงหน้าจนลืมไป เพราะมันนานแล้ว

says: เรื่องอะไรหรือคะ

walai says: หลายๆเรื่อง ทำต่อไป อดทน อดกลั้น

says: ค่ะพี่ อดทน อดกลั้น จะพยายามต่อไปค่ะ

walai says: เราเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ตอนนี้ถึงเวลาต้องชดใช้แล้ว
อย่าไปโวยวายให้จิตมันตก เสียเวลาภาวนา

says: ค่ะพี่ น้ำ จะพยายามกำหนดรู้ไว้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะพี่ ช่วงนี้ต้องใช้ความอดทนเยอะ จะกลับมาอ่านทวนเวลาท้อค่ะ

walai says: โมทนาค่ะ อดทนได้ ย่อมผ่านได้
ผ่านกิเลสตัวเองมันยากยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง แต่ไม่มีอะไรที่จะสู้ความเพียรไปได้หรอกค่ะ
ตอนนี้กำลังสร้างเหตุดี ทะยอยใช้ ดีกว่าทีเดียวนะคะ แบบนั้นรับรองสติแตก

says: แบบนั้น แย่แน่ๆเลยค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2010, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


โมทนาสาธุครับ

เทพบุตร

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 113 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร