วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 198 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 14  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาเรียกติดตาข่ายปริยัติ

มิน่า หลายครั้งที่เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเข้าไปสาธุในกระทู้

แล้วกล่าวว่าสาธุที่เชื่อในพระไตรปิฎกเถระวาทอะไรทำนองนี้

แสดงเหมือนตนบรรลุรู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมแล้ว

แท้จริงแล้ว

เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเป็นอาจาริยวาท

เชื่อผีสางเทวดา แดนนิพพาน

ไม่เชื่อลองใครบอกว่าเทวดาไม่มีจริงซิ

เดี๋ยวพี่แก่ลากไส้เป็นกรัสือยาวออกมาให้เห็นกัน

แต่ผมไม่ได้บอกว่าเทวดามีหรือไม่มีนะ

เพราะเทวด สวรรค์ก็เหมือนมนุษย์

เป็นอิทัปปัจจยตา

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ไม่เชื่อลองใครบอกว่าเทวดาไม่มีจริงซิ

เดี๋ยวพี่แก่ลากไส้เป็นกระสือยาวออกมาให้เห็นกัน



รูปภาพ


ผีกระสือ

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=283

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก



มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี



ข้าแต่พระแม่เจ้า ถ้า
พระแม่เจ้าชอบใจจะปรินิพพานอันเกษมอย่างยิ่งไซร้ ถึงดิฉันทั้ง
หลายก็จักนิพพานทั้งหมด ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0
:b42: :b42: :b42:
:b44: :b44: :b44:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณ mes เขียน
แต่ผมไม่ได้บอกว่าเทวดามีหรือไม่มีนะ

เพราะเทวด สวรรค์ก็เหมือนมนุษย์

เป็นอิทัปปัจจยตา
เขาเรียกติดตาข่ายปริยัติ

มิน่า หลายครั้งที่เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเข้าไปสาธุในกระทู้

แล้วกล่าวว่าสาธุที่เชื่อในพระไตรปิฎกเถระวาทอะไรทำนองนี้

แสดงเหมือนตนบรรลุรู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมแล้ว

แท้จริงแล้ว

เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเป็นอาจาริยวาท

เชื่อผีสางเทวดา แดนนิพพาน

ไม่เชื่อลองใครบอกว่าเทวดาไม่มีจริงซิ

เดี๋ยวพี่แก่ลากไส้เป็นกรัสือยาวออกมาให้เห็นกัน

แต่ผมไม่ได้บอกว่าเทวดามีหรือไม่มีนะ

เพราะเทวด สวรรค์ก็เหมือนมนุษย์

เป็นอิทัปปัจจยตา


คุณ mes ครับ หากมีใครมากล่าวตู่ พระพุทธเจ้า, พระธรรม ว่า ในเรื่อง เทวดา, โอปปาติกะ, ภพภูมิต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ พระพุทธเจ้าเอออวยกับศาสนาพราหมณ์ ซึ่งคนโง่ในสมัยนั้นมีจำนวนมาก เรื่องราว เทวดา,สวรรค์, นรก โอปปาติกะทั้งหลาย จึงปรากฏมากมายในพระไตรปิฏก

การจะไปสอนว่า เทวดาคือมนุษย์จำพวกหนึ่ง แบบท่านพุทธทาส คงไม่ได้

คุณ mes คงจะเชื่อตามอาจารย์ใหญ่ของคุณเป็นแน่ เหมือนผู้ที่เชื่อตามทิฏฐิ ท่านพุทธทาส ดังนี้


อ้างคำพูด:
นรก - สวรรค์
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16994

ท่านคิดอย่างไรกับเรื่อง สวรรค์ นรก ในแง่ที่ว่า สวรรค์นั้นอยู่บนฟ้ามีวิมานที่สวยงาม มีนางฟ้า ส่วนนรก อยู่ใต้ดิน เป็นที่ที่น่ากลัว มีกะทะทองแดง ต้นงิ้ว ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องของวัตถุ

กับ สวรรค์ นรก ในแง่ที่ว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ซึ่งเป็นเรื่องของอายตนะทั้ง 6 ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ มันอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้น ที่นั่น

ผมได้อ่านบทความของท่านพุทธทาส เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมว่า สวรรค์ อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ น่าจะเป็นแก่นหรือสาระสำคัญในแง่ของศาสนาพุทธที่แท้จริง

ใครสนใจบทความของท่านพุทธทาส สามารถหาอ่านได้ที่
http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/heaven92.html

--------------------------------



ท่านทั้งหลาย นี้คือตัวอย่าง การไม่เคารพยำเกรงในพระพุทธเจ้า (กล่าวตู่พระพุทธองค์ว่าทรงเอออวยกับศาสนาพราหมณ์) กล่าวตู่พระธรรม คือ พระไตรปิฏก มากมายเชื่อถือไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากการไปเอออวยกับศาสนาอื่น และถ่ายทอดมาแบบผิด โดยอรรถกถา, พระสงฆ์, พระโบราณาจารย์ของเถรวาท ที่ไม่เข้าใจในพระธรรมอย่างถ่องแท้ เช่น ท่านพุทธทาส ( เป็นการกล่าวตู่พระสงฆ์ )

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 06:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เฉลิมศักดิ์ เขียน:
บางสำนักก็ยึดเอานิมิต จากการทำสมาธิ ว่าเป็น วิปัสสนาญาณบ้าง เป็นนิพพานบ้าง แล้วกลับมาบิดเบือนพระสัทธรรม ว่าตนเองได้นั่งสมาธิติดต่อพระพุทธเจ้าได้ และพระพุทธเจ้าได้ยืนยันว่าแนวทางที่ตนเองค้นพบจากสมาธิ ถูกต้องที่สุด (ขาดความยำเกรงในพระพุทธ ๑ ในสัทธรรมปฏิรูป )



อ้างคำพูด:
คุณหลับอยู่ เขียน
คุณเหลิมจะหมายถึงหลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษีลิงดำหรือไม่ครับ
หากใช่ คุณเหลิม คนละเบอร์กัน(ไม่ต้องไปเทียบเลย) เศษ ฝุ่นละอองเท้าของท่านยังมีค่ามากกว่าคุณเหลิมเยอะ


ศึกษา เกี่ยวกับเรื่อง พระนิพพาน จาก พระไตรปิฏก , อรรถกถา , อภิธัมมัตถสังคหะ เทียบเคียงกับคำสอนของ อัตตโนมติ หลวงพ่อต่าง ๆ ดูครับ

พระนิพพาน เถรวาท
http://larndham.org/index.php?showtopic ... r=1&st=76&

------------------------------------------

อ้างคำพูด:
อ้างอิงโดย คุณหลับอยู่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี

ข้าแต่พระแม่เจ้า ถ้า
พระแม่เจ้าชอบใจจะปรินิพพานอันเกษมอย่างยิ่งไซร้ ถึงดิฉันทั้ง
หลายก็จักนิพพานทั้งหมด ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0



แล้วยังไงครับ คุณหลับอยู่ คุณจะสรุปตามอัตตโนมติของอาจารย์คุณว่า นิพพานเป็นอัตตา เป็นดินแดนที่นั่งสมาธิไปถึงได้ใช่ไหมครับ ?

อ้างคำพูด:
คุณ mes เขียน
เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเป็นอาจาริยวาท

เชื่อผีสางเทวดา แดนนิพพาน


คุณ mes ครับ ในเรื่อง ดินแดนพระนิพพาน ตามคำสอนของหลวงปู่ หลวงพ่อรุ่นหลัง ที่ขัดแย้งกับพระสัทธรรม ผมไม่ได้เชื่อถือตามนั้นนะครับ

อ้างคำพูด:
หลับอยู่ เขียน:
ความโง่ของ คุณเฉลิมศักดิ์ ที่โชว์ว่า ตน บรรลุแล้ว


ยังไม่ บรรลุธรรม ครับ ตอนนี้เพียงอาศัย ขณิกสมาธิฝึกกำหนดรูป นาม อยู่ครับ

แต่คนโง่ ปัญญาทึบ มากด้วยตัณหา อย่างผม การจะไปนั่งหลับตาทำอานาปานสมาธิ ให้เกิดฌาน แล้วค่อยยกองค์ฌานขึ้นสู่วิปัสสนา แบบผู้มีปัญญา บารมีมาก คงไม่ได้ครับ

จริตของผม เหมาะกับ การกำหนด รูป อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ที่เป็นของหยาบ ครับ ปัญญาทึบแบบนี้ ไปดูลมหายใจที่ละเอียดคงไม่ได้ครับ

ดังที่ผมนำหลักฐานในเรื่อง จริตกับการปฏิบัติธรรมมาแสดงในกระทู้ คุณ mes



31670.จริตผู้ปฏิบัติธรรม กับมิจฉาทิฐิของเฉลิมศักดิ์
viewtopic.php?f=2&t=31670

ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสติปัฏฐานว่ามี ๔ ไม่หย่อนไม่ยิ่ง.
ตอบว่า ก็เพราะจะทรงให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เวไนยสัตว์.
แท้จริง ในจำพวกเวไนยสัตว์ที่เป็นตัณหาจริต ทิฏฐิจริต ผู้เป็นสมถยานิก (ผู้มีสมถะเป็นยาน) และวิปัสสนายานิก (ผู้มีวิปัสสนาเป็นยาน) ที่เป็นไปโดยส่วนทั้งสอง คือ ปัญญาอ่อน และปัญญากล้า
กายานุปัสสนาสติปัฏฐานมีอารมณ์หยาบเป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีตัณหาจริต มีปัญญาอ่อน. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานมีอารมณ์ละเอียด เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีตัณหาจริต มีปัญญากล้า. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานที่มีอารมณ์ไม่แยกออกมากนัก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีทิฏฐิจริต มีปัญญาอ่อน. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานที่มีอารมณ์แยกออกมาก เป็นทางหมดจด สำหรับเวไนยสัตว์ผู้มีทิฏฐิจริต มีปัญญากล้า.

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 06:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
ท่านทั้งหลาย นี้คือตัวอย่าง การไม่เคารพยำเกรงในพระพุทธเจ้า (กล่าวตู่พระพุทธองค์ว่าทรงเอออวยกับศาสนาพราหมณ์) กล่าวตู่พระธรรม คือ พระไตรปิฏก มากมายเชื่อถือไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากการไปเอออวยกับศาสนาอื่น และถ่ายทอดมาแบบผิด โดยอรรถกถา, พระสงฆ์, พระโบราณาจารย์ของเถรวาท ที่ไม่เข้าใจในพระธรรมอย่างถ่องแท้ เช่น ท่านพุทธทาส ( เป็นการกล่าวตู่พระสงฆ์ )


เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเอย

จิตใจเจ้าชังมืดดำอำมหิตผิดมนุษย์

ไหว้หกทิศ บูชาไฟ พระพุทธเจ้าก็เอออวย

ประยุกต์ใช้

ที่ยกเอาคำกล่าวของท่านพุทธทาสก็มีการใส่ไข่

คนนับถือศาสนาพุทธฝ่ายเถราวาทเขาถือเป็นบาป

เหลิมสัทธรรมปฏิรูปนี่เลวสุดๆ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 06:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
แต่คนโง่ ปัญญาทึบ มากด้วยตัณหา อย่างผม การจะไปนั่งหลับตาทำอานาปานสมาธิ ให้เกิดฌาน แล้วค่อยยกองค์ฌานขึ้นสู่วิปัสสนา แบบผู้มีปัญญา บารมีมาก คงไม่ได้ครับ


ตั้งตัวเป็นพระพุทธเจ้า

อะไรที่ตังเองทำไม่ได้ก็บอกผิด

กล้าได้อย่างไร

ใช้สมองส่วนไหนคิด

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว



เหลิมสัทธรรมปฏิรูป


ตอบคำถามนี้มาก่อน

ฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ

ใช่ หรือ ไม่

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 10 มิ.ย. 2010, 06:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ mes เขียน
เหลิมสัทธรรมปฏิรูป


ตอบคำถามนี้มาก่อน

ฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ

ใช่ หรือ ไม่

เหลิมสัทธรรมปฏิรูป


ตอบคำถามนี้มาก่อน

ฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ

ใช่ หรือ ไม่

คุณ MES ครับ คุณตรงประเด็น เคยยกพระพุทธพจน์ เกี่ยวกัย ฌาน ว่า ฌานคู่ควรแก่ผู้มีปัญญา เพื่อสนับสนุนทิฏฐิของตน ในเรื่อง การเจริญวิปัสสนาต้องอาศัยสมาธิขั้นสูง จนได้ฌานเท่านั้น

แต่คำว่า ฌาน ตามความหมาย ในพระไตรปิฏก อรรถกถา ท่านหมายถึงดังนี้


viewtopic.php?f=2&t=21062

คำว่า ฌาน ก็มักจะนึกถึงรูป รูปาวจรจิต แท้จริงคำว่า ฌาน แปลว่า การเพ่งอารมณ์ และการเพ่งอารมณ์ก็มี ๒ ประการ ในนัยแห่งอัฏฐสาลินี อรรถกถา แสดงว่า

ฌานนฺติ ทุวิธํ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ = คำว่า ฌาน นั้นมี ๒ อย่างคือ อารัมมณูปนิชฌาน อย่างหนึ่ง ลักขณูปนิชฌาน อีกอย่างหนึ่ง
ตตฺถ อฏฺฐ สมาปตฺติโย ปฐวีกสิณาทิอารมฺมณํ อุปนิชฺฌานยนฺตีติ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ สงฺขยํ คตา = ในฌาน ๒ อย่างนั้น สมาบัติ ๘ จัดเข้าในอารัมมณูปนิชฌาน เพราะเข้าไปเพ่งอารมณ์ มีปฐวีกสิณ เป็นต้น
วิปสฺสนามคฺคผลานิ ปน ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม = แต่ว่าวิปัสสนาญาณ มัคคญาณ ผลญาณทั้ง ๓ นี้ ชื่อว่าลักขณูปนิชฌาน
ตตฺถ วิปสฺสนา อนิจฺจาทิลกฺขณสฺส อุปนิชฺฌานโต ลกฺขณูปนิชฺฌานํ = ในญาณทั้ง ๓ นั้น วิปัสสนาญาณ ได้ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะเข้าไปกำหนดรู้แจ้งไตรลักษณ์ มีอนิจจลักษณะ เป็นต้น
วิปสฺสนาย กตกิจฺจสฺส มคฺเคน อิชฺฌนโต มคฺโค ลกฺขณูปนิชฺฌานํ = มัคคญาณ ได้ชื่อว่า ลักขณูปนิชญาณ เพราะเป็นผู้ทำให้กิจที่รู้แจ้งไตรลักษณ์ของวิปัสสนาญาณ สำเร็จลง
ผลํ ปน นิโรธสจฺจํ ตถลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ นาม = ส่วนผลญาณ ได้ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะเข้าไปรู้แจ้งลักษณะอันแท้จริงของนิโรธสัจจะ

ความแตกต่างกันระหว่างฌานทั้ง ๒

กล่าวโดยอารมณ์ อารัมมณูปนิชฌาน มีสมถกัมมัฏฐาน เช่น ปฐวีกสิณซึ่งเป็นบัญญัติเป็นต้น เป็นอารมณ์ ส่วนลักขณูปนิชฌาน นั้น คือวิปัสสนาญาณ มีรูปนาม ไตรลักษณ์ สังขตธรรม เป็นอารมณ์ มัคคญาณ ผลญาณ มีอสังขตธรรม คือนิพพานเป็นอารมณ์
กล่าวโดยองค์ธรรม อารัมมณูปนิชฌาน มีวิตก วิจาร ปีติ เวทนา เอกัคคตา และที่ประกอบกับมหัคคคตฌานทั้ง ๙ เป็นองค์ธรรม ( รูปฌาน ๕ + อรูปฌาน ๔ ) ส่วนลักขณูปนิชฌาน ก็มีวิตก วิจาร ปีติ เวทนา เอกัคคตา ที่ประกอบกับมหากุศลจิต มัคคจิต ผลจิต เป็นองค์ธรรม

ผู้บรรลุ ๒ พวก
ผู้บรรลุมรรค ผล นิพพาน นั้นมีอยู่ ๒ จำพวกด้วยกัน คือ สุกขวิปัสสกจำพวกหนึ่ง และฌานลาภีบุคคลอีกจำพวกหนึ่ง
สุกขวิปัสสกบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญวิปัสสนาญาณ จนบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ไม่ได้บำเพ็ญสมาธิจนบรรลุฌานมาก่อน
ฌานลาภีบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญสมถภาวนาจนได้ฌาน แล้วเจริญวิปัสสนาภาวนาบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ฌานลาภีบุคคล มีวิธีเจริญวิปัสสนา ๓ วิธี คือ
๑. ปาทกฌานวาท
๒. สัมมสิตฌานวาท
๓. ปุคคลัชฌาสยวาท


-------------------------------------

อ้างคำพูด:
ฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ


ถ้าเป็น การทำสมาธิขั้นสูงให้ได้ เช่น รูปฌาน อรูปฌาน ก็ใช่ครับ

แต่หากเป็น ลักขณูปนิชฌาน คงไม่ใช่การนั่งหลับตาเฉย ครับ เป็นการเจริญวิปัสสนา ครับ

คุณ mes ต้องชี้ชัด ๆ ว่า ฌาน ที่ว่า คือ ฌาน อะไร เพราะมี 2 แบบครับ

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 12:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
อ้างคำพูด:
เฉลิมศักดิ์ เขียน:
บางสำนักก็ยึดเอานิมิต จากการทำสมาธิ ว่าเป็น วิปัสสนาญาณบ้าง เป็นนิพพานบ้าง แล้วกลับมาบิดเบือนพระสัทธรรม ว่าตนเองได้นั่งสมาธิติดต่อพระพุทธเจ้าได้ และพระพุทธเจ้าได้ยืนยันว่าแนวทางที่ตนเองค้นพบจากสมาธิ ถูกต้องที่สุด (ขาดความยำเกรงในพระพุทธ ๑ ในสัทธรรมปฏิรูป )



อ้างคำพูด:
คุณหลับอยู่ เขียน
คุณเหลิมจะหมายถึงหลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษีลิงดำหรือไม่ครับ
หากใช่ คุณเหลิม คนละเบอร์กัน(ไม่ต้องไปเทียบเลย) เศษ ฝุ่นละอองเท้าของท่านยังมีค่ามากกว่าคุณเหลิมเยอะ


ศึกษา เกี่ยวกับเรื่อง พระนิพพาน จาก พระไตรปิฏก , อรรถกถา , อภิธัมมัตถสังคหะ เทียบเคียงกับคำสอนของ อัตตโนมติ หลวงพ่อต่าง ๆ ดูครับ

พระนิพพาน เถรวาท
http://larndham.org/index.php?showtopic ... r=1&st=76&

------------------------------------------

อ้างคำพูด:
อ้างอิงโดย คุณหลับอยู่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี

ข้าแต่พระแม่เจ้า ถ้า
พระแม่เจ้าชอบใจจะปรินิพพานอันเกษมอย่างยิ่งไซร้ ถึงดิฉันทั้ง
หลายก็จักนิพพานทั้งหมด ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0



แล้วยังไงครับ คุณหลับอยู่ คุณจะสรุปตามอัตตโนมติของอาจารย์คุณว่า นิพพานเป็นอัตตา เป็นดินแดนที่นั่งสมาธิไปถึงได้ใช่ไหมครับ ?
ไอ้โง่เฉลิมศักดิ์ ข้าไม่เคยบอกว่านิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตาและหลวงพ่อสดหลวงปู่มั่นก็ไม่เคยมีบันทึกไว้ว่าเป็นอัตตา[color=#FF0000][b]เพราะเฉลิมศักดิ์ โง่ไง ตัณหาเพียบปฏิเสธฌาณ [/b][/color] :b32:
อ้างคำพูด:
คุณ mes เขียน
เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเป็นอาจาริยวาท

เชื่อผีสางเทวดา แดนนิพพาน


คุณ mes ครับ ในเรื่อง ดินแดนพระนิพพาน ตามคำสอนของหลวงปู่ หลวงพ่อรุ่นหลัง ที่ขัดแย้งกับพระสัทธรรม ผมไม่ได้เชื่อถือตามนั้นนะครับ

เพราะเฉลิมศักดิ์ โง่ไง ตัณหาเพียบปฏิเสธฌาณ
อ้างคำพูด:
หลับอยู่ เขียน:
ความโง่ของ คุณเฉลิมศักดิ์ ที่โชว์ว่า ตน บรรลุแล้ว


ยังไม่ บรรลุธรรม ครับ ตอนนี้เพียงอาศัย ขณิกสมาธิฝึกกำหนดรูป นาม อยู่ครับ
เพราะเฉลิมศักดิ์ โง่ไง ตัณหาเพียบปฏิเสธฌาณ
แต่คนโง่ ปัญญาทึบ มากด้วยตัณหา อย่างผม การจะไปนั่งหลับตาทำอานาปานสมาธิ ให้เกิดฌาน แล้วค่อยยกองค์ฌานขึ้นสู่วิปัสสนา แบบผู้มีปัญญา บารมีมาก คงไม่ได้ครับ

ไม่มีปัญญาไง มีแต่ปัญญาทรามก็คือโง่อวดภูมิไง ตัวทำลายศาสนา เลวเล่นมากี่ปีแล้วล่ะ


จริตของผม เหมาะกับ การกำหนด รูป อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ที่เป็นของหยาบ ครับ ปัญญาทึบแบบนี้ ไปดูลมหายใจที่ละเอียดคงไม่ได้ครับ
ก็คือโง่ไง
ดังที่ผมนำหลักฐานในเรื่อง จริตกับการปฏิบัติธรรมมาแสดงในกระทู้ คุณ mes



[/color]

เฉลิมศักดิ์ โง่ แล้วมาตีฝีปากอีก :b32:ปัญญาไม่ทึบอย่างเดียว ปัญญาทรามด้วย


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 10 มิ.ย. 2010, 12:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


อ่านคำสอนของพระอรหันต์แท้ๆดีกว่า (ย้อนเอ็งกลับ)

ไอ้อรรถกถาจอมปลอมลวงโลก บิดเบือนเฉลิมศักดิ์ มิจฉาทิฐิเต็มเปี่ยม ควรแล้วที่ข้าจะข่มเอ็ง :b13:

จอมแถไหลลื่น เฉลิมศักดิ์ หากว่างและอุปกรณ์เน๊ตเอื้ออำนวยข้าจะตามข่มเอ็งอีก (ตอนนี้เล่นแบบหยอดเหรียญว่ะ)


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 10 มิ.ย. 2010, 12:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
อ้างคำพูด:
อ้างอิงโดย คุณหลับอยู่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี

ข้าแต่พระแม่เจ้า ถ้า
พระแม่เจ้าชอบใจจะปรินิพพานอันเกษมอย่างยิ่งไซร้ ถึงดิฉันทั้ง
หลายก็จักนิพพานทั้งหมด ในกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะทรงพระ-
อนุญาต ดิฉันทั้งหลายได้ออกจากเรือนพร้อมด้วยพระแม่เจ้า เมื่อ
ดิฉันทั้งหลายออกจากภพนี้ไปสู่บุรีคือนิพพานอันอุดม ดิฉันทั้งหลาย
ก็จักไปพร้อมกับพระแม่เจ้าเหมือนกัน

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0



แล้วยังไงครับ คุณหลับอยู่ คุณจะสรุปตามอัตตโนมติของอาจารย์คุณว่า นิพพานเป็นอัตตา เป็นดินแดนที่นั่งสมาธิไปถึงได้ใช่ไหมครับ ?

[/color]


โง่เอ๋ยอ่านก็ยังไม่แตก เหยียบหัวเอ็งคงไปได้มั๊งเหลิม :b32: :b32: :b32:


เอ็งคือบุคคลที่ควรข่มว่ะ เหลิม :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 10 มิ.ย. 2010, 12:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก



มหาปชาบดีโคตมีเถริยาปทานที่ ๗
ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี


การเห็นสำนักนางภิกษุณีของดิฉันนี้ เป็นการเห็นครั้งสุดท้ายในที่ใด
ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอัน
ไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก
ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน พระโอรสของพระสุคตเจ้า
ทั้งหลายที่ยังไม่ปราศจากราคะ

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๔๔๗๑ - ๔๘๘๗. หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๑๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0



เดี๋ยวเดียรถีย์เหลิมก็มาเถียงคำไม่ตกฟาก ยัดข้อหา อัตตา อนัตตา มาอีก ไอ้เลว
เอ็งมันยังอีกนานๆๆๆๆๆๆ ว่ะเหลิม :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เฉลิมศักดิ์ เขียน:
ถ้าเป็น การทำสมาธิขั้นสูงให้ได้ เช่น รูปฌาน อรูปฌาน ก็ใช่ครับ แต่หากเป็น ลักขณูปนิชฌาน คงไม่ใช่การนั่งหลับตาเฉย ครับ เป็นการเจริญวิปัสสนา ครับ

คุณ mes ต้องชี้ชัด ๆ ว่า ฌาน ที่ว่า คือ ฌาน อะไร เพราะมี 2 แบบครับ


ก๊อปมาให้ดู


อ้างคำพูด:
ฌานแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

อารัมมณูปนิชฌาน การเพ่งอารมณ์ ได้แก่ สมาบัติ 8 คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 4
ลักขณูปนิชฌาน การเพ่งลักษณะ ได้แก่ วิปัสสนา มรรค ผล
วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะพินิจสังขารโดยไตรลักษณ์
มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะยังกิจแห่งวิปัสสนานั้นให้สำเร็จ
ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เพราะเพ่งนิพพาน อันมีลักษณะเป็น สุญญตะ อนิมิตตะ และอัปปณิหิตะ อย่างหนึ่ง และเพราะเห็นลักษณะอันเป็นสัจจภาวะของนิพพาน อย่างหนึ่ง
[แก้] ฌาน 2 ประเภท
แต่โดยทั่วไป เมื่อกล่าวถึงประเภทของฌาน มักแบ่งฌานออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ

รูปฌาน 4 ฌานมีรูปธรรมเป็นอารมณ์ ฌานที่เป็นรูปาวจร
อรูปฌาน 4 ฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ ฌานที่เป็นอรูปาวจร
เมื่อกล่าวสั้นๆ ว่า " ฌาน 4" จะหมายถึง รูปฌาน 4 และเมื่อกล่าวสั้นๆ ว่า "ฌาน 8" จะหมายถึง รูปฌาน 4 กับ อรูปฌาน 4

สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเพ่งจนได้ฌาน ได้มีการรวบรวมไว้เป็น กรรมฐาน 40 สิ่งที่ขวางกั้นจิต ไม่ให้เกิดฌาน คือ นิวรณ์ 5

[แก้] ฌานสมาบัติ
สมาบัติ เป็นภาวะสงบประณีตซึ่งพึ่งเข้าถึง มีหลายอย่าง เช่น ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ เป็นต้น สมาบัติที่กล่าวถึงบ่อยคือ ฌานสมาบัติ กล่าวคือ สมาบัติ 8 อันได้แก่ ฌาน 8 (รูปฌาน 4 กับ อรูปฌาน 4)

ในบางกรณี รูปฌาน 4 อาจถูกจำแนกใหม่ในรูปแบบของ ปัญจมฌาน เป็นการจำแนกตามแบบพระอภิธรรม เรียกว่า ปัญจกนัย การจำแนกตามแบบพระสูตร เรียกว่า จตุกนัย

ที่ต้องจำแนกเป็นปัญจมฌาน เนื่องจากฌานลาภี(ผู้ได้ฌาน)มี 2 ประเภท คือ ติกขบุคคล (ผู้รู้เร็ว) และ มันทบุคคล (ผู้รู้ช้า)

อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9 หมายถึง สมาบัติ 8 กับ นิโรธสมาบัติ

[แก้] อ้างอิง

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2010, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดไม่ถึงว่าหลงสนทนากับคนบ้า

เหลิมสัทธรรมปฏิรูปเอย

ถ้ารูปฌาน อรูปฌานคือการนั่งหลับตาเฉย

ป่านนี้มิเหาะเหินเดินอากาศ หรือ สำเร็จนิพพานกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว


เจ้าข้าเอย

รูปฌาน อรูปฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ

มาดูเร็ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 198 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 14  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร