วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 20:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เฉลิมศักดิ์มีทิฏฐิว่า

การจะบรรลุธรรมต้องปริยัติอรรถกถา, พระอภิธัมมัตถสังคหะ

เพื่อเป็นแผนที่ไปสู่การบรรลุธรรม

ในความถูกต้องนั้น

อรรถกถา, พระอภิธัมมัตถสังคหะ เป็นบัญญัติ หรือแค่บันทึก เป็นเรื่องของภาษา เป็นเรื่องสมมุติบัญญัติ

ไม่สามารถใช่สำหรับเข้าสู่สภาวะธรรมได้

การบรรลุธรรมนั้นเป็นสภาวะต้องปฏิบัติเท่านั้น

ไม่สามารถใช่วิธีท่องจำพระสูตร พระอภิธัมมัตถสังคหะ หรืออถรรกถาธรรม ได้

สัญญาหรือความจำไม่สามารถนำสู่ความหลุดพ้น

ต้องใช้ปัญญาเท่านั้น

ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยสมาธิ หรือฌาน

การจะบรรลุธรรมหลุดพ้นต้องปฏิบัติอย่างจริงจังอย่างเช่นการเดินตามแผนทีอริยมรรคที่มีองค์แปดตามหลักสติปัฏฐานสี่ ที่ใช้อานาปานสติ

ที่ท่านพุทธท่าสสอนไว้ว่า

http://www.buddhadasa.com/shortbook/anapanasati.html

การที่เหลิมจะเชื่อว่าฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆนั้นผิด

และเหลิมเชื่อตามหลักวิปัสสนาจารย์ของเหลิมที่สอนว่า

วิปัสสนาคือการนึกคิดเอานั้นไม่ถูกต้อง

สติ สมาธิ ปัญญาต้องอยู่ร่วมกันจึงจะสมังคีธรรม

การที่เหลิมเข้าใจว่า

อ่านพระสูตร พระอภิธัมมัตถสังคหะ อรรถกถา แล้วจะบรรลธรรมหลุดพ้นเลยอย่างทุกวันนี้จึงไม่ถูกต้อง

การปริยัตินั้นดีอยู่แล้ว

เหลิมต้องฝึกปฏิบัติจากแนวของท่านพุทธทาสด้วยจึงบังเกิดผลสำเร็จได้

สาธุ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ในที่สุดเหลิมก็ยอมรับว่า

แนวทางของท่านพุทธทาสถูกต้องที่สุด

ไม่คัดค้านแล้ว

เพราะหาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้อีกต่อไป

ซึ่งเป็นการถูกต้องแล้ว

สาธุ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2010, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เหลิมเข้าไปศึกษาบทความท่านพุทธทาสทั้งหมดได้ที่

http://www.buddhadasa.com/index_article.html


แล้วเหลิมจะได้ปรับทิฏฐิเสียใหม่ให้ถูกต้อง

ให้รู้จักธรรมะที่นำไปสู่การหลุดพ้นที่แท้จริงตามคำสอนท่านพุทธทาส

ไม่ต้องหลงงมงายกับการปฏิบัติธรรมผิดๆกับวิปัสสนาจารย์ที่สอนแนวทางสัทธรรมปฏิรูปอีกต้องไป

จะได้มีสัมมาทิฐิ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะฯลฯ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2010, 05:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร

[๕๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่
ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อ
ใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด
ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรม-
*ชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก
ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น
เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ บรรทัดที่ ๕๘๔๖ - ๕๘๘๘. หน้าที่ ๒๔๖ - ๒๔๗.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=531

---------------------------------------------------------------
๗. อาณิสูตร
[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า
ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา
โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก
มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา
แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี
อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก
ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ
ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว
อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน
ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา
กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ
ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง
จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
จบสูตรที่ ๗

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ บรรทัดที่ ๗๐๔๖ - ๗๐๖๖. หน้าที่ ๓๐๒.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=672

-------------------------------------------------------------------
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/

ผู้กล่าวตู่พระตถาคต


"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้ ย่อมกล่าวตู่ (หาความ) ตถาคต คือบุคคลผู้คิดประทุษร้าย มีโทสะในภายใน ๑ ผู้มีศรัทธา กล่าวตู่ ด้วยถือเอาความหมายผิด (๑๐) ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๒ ประเภทเหล่านี้แล ย่อมกล่าวตู่ตถาคต."

ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๐/๗๖

------------------------------------------------------

อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฏในพวกเรา ดังนี้."

พรหมชาลสูตร ๙/๓
-----------------------------------------


อ้างคำพูด:
mes เขียน

เหลิมเข้าไปศึกษาบทความท่านพุทธทาสทั้งหมดได้ที่

http://www.buddhadasa.com/index_article.html

แล้วเหลิมจะได้ปรับทิฏฐิเสียใหม่ให้ถูกต้อง

ให้รู้จักธรรมะที่นำไปสู่การหลุดพ้นที่แท้จริงตามคำสอนท่านพุทธทาส

ไม่ต้องหลงงมงายกับการปฏิบัติธรรมผิดๆกับวิปัสสนาจารย์ที่สอนแนวทางสัทธรรมปฏิรูปอีกต้องไป

จะได้มีสัมมาทิฐิ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะฯลฯ



เห็นคุณ mes ยกย่องนับถือ อัตตโนมติของอาจารย์เป็นใหญ่แล้ว นึกถึงพระสูตรข้างบน เมื่อหมู่สัตว์เลวลง อัตตโนมติของบรรดาอาจารย์ทั้งหลาย จะมีมากขึ้น มีการปลอมปนพระธรรมวินัยมากขึ้น

นิกายต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย

ธาตุอันตรธานปริวัตต์(พระบรมสารีริกธาตุสูญไปจากโลก)
อันตรธาน ๕ ประการ จากหนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ
http://larndham.net/index.php?act=ST&f=2&t=24207

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2010, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เฉลิมสักดิ์ เขียน:
เห็นคุณ mes ยกย่องนับถือ อัตตโนมติของอาจารย์เป็นใหญ่แล้ว นึกถึงพระสูตรข้างบน เมื่อหมู่สัตว์เลวลง อัตตโนมติของบรรดาอาจารย์ทั้งหลาย จะมีมากขึ้น มีการปลอมปนพระธรรมวินัยมากขึ้น

นิกายต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย

ธาตุอันตรธานปริวัตต์(พระบรมสารีริกธาตุสูญไปจากโลก)
อันตรธาน ๕ ประการ จากหนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ
http://larndham.net/index.php?act=ST&f=2&t=24207


เห็นด้วยกับเหลิมอย่างยิ่ง

หลักฐานคือการสอนเรื่องวิปัสสนาที่แนะว่าเป็นการนึกคิดเอาของอาจารย์ที่เหลิมชอบอ้างถึงชื่ออะไรน่ะ

และเชื่อกันขนาดเห็นว่าฌานคือการนั่งหลับตาเฉยๆ

เป็นตัวอย่างที่น่ากลัวอันตรายจะเกิดกับศาสนาพุทธเรา

เหลิมกล่าวได้ถูกต้องแล้ว

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 05:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


อรรถกถา พระอภิธรรมปิฏก

ว่าด้วยวิบัติ ๓ ประเภท
อนึ่ง ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระวินัย เป็นผู้มีความสำคัญว่าไม่มีโทษใน
ผัสสะที่มีใจครองเป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว โดยความเสมอ
ด้วยสัมผัสมีเครื่องลาดและเครื่องนุ่งห่ม มีสัมผัสเป็นสุขเป็นต้นที่ทรงอนุญาต
แล้ว เหมือนคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมอันพระผู้มีพระภาค-
เจ้าแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายอันกระทำอันตรายที่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสแล้วนี้ ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่ได้*(วินย. ๒. ๖๖๒
/๔๓๑) ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นผู้ทุศีล.
ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระสูตร ไม่รู้คำอธิบาย เหมือนในประโยคมีอาทิว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้
ย่อมถือเอาผิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า บุคคลมีอัตตาอัน
ถือเอาผิด ย่อมกล่าวตู่เราด้วย ย่อมขุด (ทำลาย) ซึ่งตนด้วย และย่อมประสบ
สิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ.
ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระอภิธรรมจะวิจารธรรมเกินไป ย่อมคิดแม้สิ่งที่
ไม่ควรคิด (อจินไตย) ต่อจากนั้น ก็จะถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต สมกับพระ
ดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ เหล่านี้
บุคคลไม่ควรคิด ซึ่งเมื่อคิดอยู่ ก็พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความ
คับแค้น*(องฺ จตุกฺก. ๒๑. ๗๗/๑๐๔) ดังนี้.
ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระไตรปิฎกนี้ ย่อมถึงความวิบัติอันต่างด้วยความ
เป็นผู้ทุศีล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้ โดยลำดับ
ด้วยประการฉะนี้.
-------------------------------

จริงอยู่ ได้ยินว่า ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมเท่านั้น ชื่อว่า พระธรรมกถึก
นอกจากนี้แม้กล่าวธรรม ก็ไม่ใช่เป็นพระธรรมกถึก เพราะเหตุไร เพราะว่า
ภิกษุผู้ไม่ทรงพระอภิธรรมเหล่านั้นเมื่อกล่าวธรรม ย่อมกล่าวลำดับกรรม ลำดับ
วิบาก กำหนดรูปอรูป ลำดับธรรมให้สับสน ส่วนภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมย่อม
ไม่ให้ลำดับธรรมสับสน เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรม จะกล่าวธรรม
หรือมิได้กล่าวก็ตาม แต่ในเวลาที่เธอถูกถามปัญหาแล้วก็จักกล่าวแก้ปัญหานั้น
ได้ พระศาสดาทรงหมายถึงคำนี้ว่า ภิกษุผู้ทรงพระอภิธรรมนี้เท่านั้น ชื่อว่า
เป็นพระธรรมกถึกอย่างยิ่ง ดังนี้ จึงทรงประทานสาธุการแล้ว ตรัสว่า
โมคคัลลานะกล่าวดีแล้ว ดังนี้.
ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร
บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ชื่อว่า ย่อมให้การประหารในชินจักรนี้
ย่อมคัดค้านพระสัพพัญญุตญาณ ย่อมหมิ่นเวสารัชชญาณของพระศาสดา
ย่อมขัดแย้งบริษัทผู้ต้องการฟัง ย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกร
วัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม
ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคน
กินเดนเลี้ยงชีพเถิด ดังนี้.


---------------------------------------------------------

แต่การไปกล่าวตู่พระอภิธรรม โดยอาศัย อัตตโนมติของอาจารย์บางท่าน อาจจะนำไปสู่ความวิบัติในทิฏฐิ มาสู่ผู้นั้นได้

คุณ mes ฝากพิจารณาให้ดีนะครับ กับคำสอนอาจารย์ใหญ่ของคุณ

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่การไปกล่าวตู่พระอภิธรรม โดยอาศัย อัตตโนมติของอาจารย์บางท่าน อาจจะนำไปสู่ความวิบัติในทิฏฐิ มาสู่ผู้นั้นได้

คุณ mes ฝากพิจารณาให้ดีนะครับ กับคำสอนอาจารย์ใหญ่ของคุณ



การไปยึดติดพระอภิธรรม โดยอาศัย อัตตโนมติของอาจารย์บางท่านอบ่างไม่มนสิการ อาจจะนำไปสู่ความวิบัติในทิฏฐิ มาสู่ผู้นั้นได้เช่นกัน

เหลิม ฝากพิจารณาให้ดีนะครับ กับคำสอนอาจารย์ใหญ่ของคุณ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่าง ทิฏฐิอาจารย์ใหญ่ ของคุณ mes ที่วิบัติในทิฏฐิ ตามนัยของอรรถกถา

วิจารณ์พุทธวิสัย ที่มาของพระอภิธรรม
http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 30962.html

วิจารณ์พระไตรปิฏก
http://www.buddhadasa.org/html/life-wor ... r6-04.html

อัตตโนมติอื่น ๆ
http://www.buddhadasa.com/index_subj.html

อภิธรรมคืออะไร โดยอาจารย์คุณ mes

ทีนี้จะพูดเรื่อยๆ ไปตามที่เห็นว่าสมควรจะพูด ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์ขนาดนี้ ?จะชอบไหม ว่าทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันอย่างอิสระเช่นนี้? ในข้อนี้จะขอพูดไว้ทีเดียวหมดเลย สำหรับใช้ได้ทุกๆคราวทุกๆเรื่องว่า ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันขนาดนี้
ข้อหนึ่ง ก็เพราะว่าพระไตรปิฏกทีแรกจำกันมาด้วยปาก ฟังด้วยหู บอกกันด้วยปากเรื่อยมาเป็นเวลาตั้ง ๔๐๐- ๕๐๐ ปี จึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ มันอาจจะมีผิดเพี้ยนหลงลืมโดยไม่เจตนาในชั่ว ๔๐๐ - ๕๐๐ ปีนี้ ฉะนั้นเราจึงต้องกล้าวิจารณ์
อีกข้อหนึ่งแม้เป็นตัวหนังสือแล้ว มันก็ตั้ง ๒๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วเมื่อ พศ. ๕๐๐ มาถึงเดี๋ยวนี้มัน ๒๐๐๐ ปีแล้ว ฉะนั้นมันอาจจะมีอะไรสูญหาย หรือเพิ่มเข้ามาชดเชยหรือว่าเพิ่มเติมเข้าไปโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้มันอาจจะมี แม้แต่คัดลอกผิดมันก็มี ฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์
ทีนี้การกล้าวิจารณ์นี้ไม่ใช่เราอวดดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้โดยกาลามสูตร อย่าเชื่อแม้แต่เพราะเหตุว่าสมณะองค์นี้เป็นครูของข้าพเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง อย่าเชื่อเพราะมันมีในพระไตรปิฏก, อย่าเชื่อเพราะมันน่าเชื่อ,อย่าเชื่อเพราะมันมีเหตุผลทางตรรก ทาง Logic ทางปรัชญา เป็นต้น ให้เชื่อเมื่อมันปรากฏแก่ใจแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง พระพุทธเจ้าทรงเปิดให้อย่างอิสระถึงที่สุดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์ แม้แต่วิจารณ์พระพุทธเจ้าเอง นี่พูดอย่างนี้บาปหรือไม่บาปก็ไปคิดเอาเองเถอะ บางคนคิดว่าพูดจาบจ้วงพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งว่าอย่างนั้น
!
!
ทีนี้ที่น่าคิด : สุตตันตปิฏกมีหลักฐานเรื่องที่พูด ; เรื่องคนฟังอะไรเสร็จหมด แล้วก็ไม่ขู่ใครๆว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก ในตัวสุตตันตปิฏกเองก็ไม่ได้ขู่ว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก. พระอรรถกถาจารย์ของสุตตันตปิฏกทั้งหลายก็ไม่ขู่ใครว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก แต่อภิธรรมปิฏกนี้ประหลาดมีการขู่โดยใครก็ตามใจ กระทั่งเดี๋ยวนี้ว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก ทำไมของดีวิเศษจะต้องมาขู่กันอย่างนี้ นี่ก็ช่วยเอาไปคิดดูด้วย เมื่ออภิธรรมปิฏกมีปาฏิหาริย์ถึงอย่างนี้แล้ว ว่าพระพุทธเจ้าไปเทศน์บนดาวดึงส์ก็เชื่อแล้ว ทำไมจะต้องเอามาขู่ว่า ถ้าไม่เชื่อจะต้องตกนรกอีกล่ะ มันขัดขวางกันอย่างยิ่ง

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 06:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
ตัวอย่าง ทิฏฐิอาจารย์ใหญ่ ของคุณ mes ที่วิบัติในทิฏฐิ ตามนัยของอรรถกถา

วิจารณ์พุทธวิสัย ที่มาของพระอภิธรรม
http://topicstock.pantip.com/religious/ ... 30962.html

วิจารณ์พระไตรปิฏก
http://www.buddhadasa.org/html/life-wor ... r6-04.html

อัตตโนมติอื่น ๆ
http://www.buddhadasa.com/index_subj.html

อภิธรรมคืออะไร โดยอาจารย์คุณ mes

ทีนี้จะพูดเรื่อยๆ ไปตามที่เห็นว่าสมควรจะพูด ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์ขนาดนี้ ?จะชอบไหม ว่าทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันอย่างอิสระเช่นนี้? ในข้อนี้จะขอพูดไว้ทีเดียวหมดเลย สำหรับใช้ได้ทุกๆคราวทุกๆเรื่องว่า ทำไมเราจึงกล้าวิจารณ์กันขนาดนี้
ข้อหนึ่ง ก็เพราะว่าพระไตรปิฏกทีแรกจำกันมาด้วยปาก ฟังด้วยหู บอกกันด้วยปากเรื่อยมาเป็นเวลาตั้ง ๔๐๐- ๕๐๐ ปี จึงได้เขียนเป็นตัวหนังสือ มันอาจจะมีผิดเพี้ยนหลงลืมโดยไม่เจตนาในชั่ว ๔๐๐ - ๕๐๐ ปีนี้ ฉะนั้นเราจึงต้องกล้าวิจารณ์
อีกข้อหนึ่งแม้เป็นตัวหนังสือแล้ว มันก็ตั้ง ๒๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่เขียนเป็นตัวหนังสือแล้วเมื่อ พศ. ๕๐๐ มาถึงเดี๋ยวนี้มัน ๒๐๐๐ ปีแล้ว ฉะนั้นมันอาจจะมีอะไรสูญหาย หรือเพิ่มเข้ามาชดเชยหรือว่าเพิ่มเติมเข้าไปโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้มันอาจจะมี แม้แต่คัดลอกผิดมันก็มี ฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์
ทีนี้การกล้าวิจารณ์นี้ไม่ใช่เราอวดดี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้โดยกาลามสูตร อย่าเชื่อแม้แต่เพราะเหตุว่าสมณะองค์นี้เป็นครูของข้าพเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง อย่าเชื่อเพราะมันมีในพระไตรปิฏก, อย่าเชื่อเพราะมันน่าเชื่อ,อย่าเชื่อเพราะมันมีเหตุผลทางตรรก ทาง Logic ทางปรัชญา เป็นต้น ให้เชื่อเมื่อมันปรากฏแก่ใจแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง พระพุทธเจ้าทรงเปิดให้อย่างอิสระถึงที่สุดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์ แม้แต่วิจารณ์พระพุทธเจ้าเอง นี่พูดอย่างนี้บาปหรือไม่บาปก็ไปคิดเอาเองเถอะ บางคนคิดว่าพูดจาบจ้วงพระพุทธเจ้า แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านสั่งว่าอย่างนั้น
!
!
ทีนี้ที่น่าคิด : สุตตันตปิฏกมีหลักฐานเรื่องที่พูด ; เรื่องคนฟังอะไรเสร็จหมด แล้วก็ไม่ขู่ใครๆว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก ในตัวสุตตันตปิฏกเองก็ไม่ได้ขู่ว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก. พระอรรถกถาจารย์ของสุตตันตปิฏกทั้งหลายก็ไม่ขู่ใครว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก แต่อภิธรรมปิฏกนี้ประหลาดมีการขู่โดยใครก็ตามใจ กระทั่งเดี๋ยวนี้ว่าถ้าไม่เชื่อจะตกนรก ทำไมของดีวิเศษจะต้องมาขู่กันอย่างนี้ นี่ก็ช่วยเอาไปคิดดูด้วย เมื่ออภิธรรมปิฏกมีปาฏิหาริย์ถึงอย่างนี้แล้ว ว่าพระพุทธเจ้าไปเทศน์บนดาวดึงส์ก็เชื่อแล้ว ทำไมจะต้องเอามาขู่ว่า ถ้าไม่เชื่อจะต้องตกนรกอีกล่ะ มันขัดขวางกันอย่างยิ่ง



ท่านพุทธทาสเป็นมนุษย์ที่แท้

เป็นผู้กล้า

กล้าพูดความจริง

กล้าแสดงสัจจธรรม

สัจจธรรมที่พุทธศาสนิกชนถูกขู่มานาน

สาธุ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2010, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เหลิมมาม่ะ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2010, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 05:07
โพสต์: 372


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพุทธทาสเป็นมนุษย์ที่แท้

เป็นผู้กล้า

กล้าพูดความจริง

กล้าแสดงสัจจธรรม

สัจจธรรมที่พุทธศาสนิกชนถูกขู่มานาน


ผมกลับเห็นว่าท่านนำความวิบัติในทิฏฐิมาสู่ ผู้หลงเชื่อตามท่าน


อรรถกถา พระอภิธรรมปิฏก

ว่าด้วยวิบัติ ๓ ประเภท

อนึ่ง ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระวินัย เป็นผู้มีความสำคัญว่าไม่มีโทษใน
ผัสสะที่มีใจครองเป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว โดยความเสมอ
ด้วยสัมผัสมีเครื่องลาดและเครื่องนุ่งห่ม มีสัมผัสเป็นสุขเป็นต้นที่ทรงอนุญาต
แล้ว เหมือนคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมอันพระผู้มีพระภาค-
เจ้าแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายอันกระทำอันตรายที่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสแล้วนี้ ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่ได้*(วินย. ๒. ๖๖๒
/๔๓๑) ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นผู้ทุศีล.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระสูตร ไม่รู้คำอธิบาย เหมือนในประโยคมีอาทิว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้
ย่อมถือเอาผิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า บุคคลมีอัตตาอัน
ถือเอาผิด ย่อมกล่าวตู่เราด้วย ย่อมขุด (ทำลาย) ซึ่งตนด้วย และย่อมประสบ
สิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระอภิธรรมจะวิจารธรรมเกินไป ย่อมคิดแม้สิ่งที่
ไม่ควรคิด (อจินไตย) ต่อจากนั้น ก็จะถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต สมกับพระ
ดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ เหล่านี้
บุคคลไม่ควรคิด ซึ่งเมื่อคิดอยู่ ก็พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความ
คับแค้น*(องฺ จตุกฺก. ๒๑. ๗๗/๑๐๔) ดังนี้
.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระไตรปิฎกนี้ ย่อมถึงความวิบัติอันต่างด้วยความ
เป็นผู้ทุศีล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้ โดยลำดับ
ด้วยประการฉะนี้.

.....................................................
สมถะ (ฌาน, สมาธิ) ที่เป็นบาทของวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049

ผู้บรรลุธรรม จากสมถะ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21062

การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201

ควรศึกษาอัตตโนมติ ของท่านพุทธทาสหรือไม่ ?
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17187


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2010, 06:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


chalermsak เขียน:
ท่านพุทธทาสเป็นมนุษย์ที่แท้

เป็นผู้กล้า

กล้าพูดความจริง

กล้าแสดงสัจจธรรม

สัจจธรรมที่พุทธศาสนิกชนถูกขู่มานาน


ผมกลับเห็นว่าท่านนำความวิบัติในทิฏฐิมาสู่ ผู้หลงเชื่อตามท่าน


อรรถกถา พระอภิธรรมปิฏก

ว่าด้วยวิบัติ ๓ ประเภท

อนึ่ง ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระวินัย เป็นผู้มีความสำคัญว่าไม่มีโทษใน
ผัสสะที่มีใจครองเป็นต้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว โดยความเสมอ
ด้วยสัมผัสมีเครื่องลาดและเครื่องนุ่งห่ม มีสัมผัสเป็นสุขเป็นต้นที่ทรงอนุญาต
แล้ว เหมือนคำที่พระอริฏฐะกล่าวว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมอันพระผู้มีพระภาค-
เจ้าแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายอันกระทำอันตรายที่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าตรัสแล้วนี้ ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่ได้*(วินย. ๒. ๖๖๒
/๔๓๑) ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นผู้ทุศีล.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระสูตร ไม่รู้คำอธิบาย เหมือนในประโยคมีอาทิว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้มีอยู่ มีปรากฏอยู่ในโลก ดังนี้
ย่อมถือเอาผิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายเอาตรัสไว้ว่า บุคคลมีอัตตาอัน
ถือเอาผิด ย่อมกล่าวตู่เราด้วย ย่อมขุด (ทำลาย) ซึ่งตนด้วย และย่อมประสบ
สิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย ดังนี้ ต่อจากนั้น เธอก็ถึงความเป็นมิจฉาทิฏฐิ.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระอภิธรรมจะวิจารธรรมเกินไป ย่อมคิดแม้สิ่งที่
ไม่ควรคิด (อจินไตย) ต่อจากนั้น ก็จะถึงความฟุ้งซ่านแห่งจิต สมกับพระ
ดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ เหล่านี้
บุคคลไม่ควรคิด ซึ่งเมื่อคิดอยู่ ก็พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า แห่งความ
คับแค้น*(องฺ จตุกฺก. ๒๑. ๗๗/๑๐๔) ดังนี้
.

ภิกษุผู้ปฏิบัติผิดในพระไตรปิฎกนี้ ย่อมถึงความวิบัติอันต่างด้วยความ
เป็นผู้ทุศีล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ และความฟุ้งซ่านแห่งจิตนี้ โดยลำดับ
ด้วยประการฉะนี้.


บอกแล้วว่าเป็นคำพูดของอรรถกถาจารย์

เป็นทิฏฐิวิบัติ

ไมใช่พุทธพจน์

เหลิมแอบอ้างยกมากล่าวตู่เป็นพระธรรมของตถาคตไม่ได้

แอบอ้างเห็นๆ

เหลิมมีปัญญาทำได้แค่นีหรือ

หลอกคนได้แค่นี้หรือ

เหลิมผู้ละความโกรธ

เหลิมสตรอเบอรี55555555555555555

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2010, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เราถือศาสนาอะไรกันแน่

ศาสนา โบสถ์วิหาร การวัดวา
ศาสนา คือพระธรรม คำสั่งสอน
ศาสนา ประพฤติธรรม ตามขั้นตอน
ศาสนา พาสัตว์จร จวบนิพพาน

ศาสนา เนื้องอก พอกพระธรรม
ศาสนา น้ำครำ ของเป็ดห่าน
ศาสนา ภูตผี พานิชการ
ศาสนา วิตถาร กวนบ้านเมือง

ศาสนา ใหม่ใหม่ ร้ายกว่าเก่า
ศาสนา ของพวกเจ้า โจรผ้าเหลือง
ศาสนา ปัจจุบัน พันการเมือง
ศาสนา มลังเมลือง เมืองคนเย็นฯ

พุทธทาสภิกขุ





เรียนปรัชญา


เรียนอะไร ถ้าเรียน อย่างปรัชญา

ที่เทียบกับ คำว่า ฟิโลโซฟี่

เรียนจนตาย ก็ไม่ได้ พบวิธี

ที่อาจขยี้ ทุกข์ดับ ไปกับกร



เพราะมันเรียน เพื่อมิให้ รู้อะไร

ชัดลงไป ตามที่ธรรม- ชาติสอน

มัวแต่โยก โย้ไป ให้สั่นคลอน

สร้างคำถาม ป้อนต้อน รอบรอบวง



ไม่อาจจะ มีวิมุตติ เป็นจุดจบ

ยิ่งเรียนยิ่ง ไม่ครบ ตามประสงค์

เป็นเฮโรอีน สำหรับปราชญ์ ที่อาจอง

อยู่ในกรง ปรัชญา น่าเอ็นดูฯ





เรียนแบบคันถธุระ


คันถธุระ คือเรียนร่ำ พระคัมภีร์

ที่ร้อยกรอง กันเต็มที่ ยุคทีหลัง

เป็นมัดมัด ตู้-ตู้ ดูมากจัง

เรียนจนคลั่ง เคลิ้มไคล้ ไปก็มี



ภาวนาว่า นางฟ้า ปิฎกไตร

จงผูกใจ ข้าฯไว้ ให้ถนัดถนี่

จะตายไป กี่ชาติ กี่ภพมี

ขอสมรส ด้วยวาณี ตลอดไป



เป็นการสืบ ศาสนา ปริยัติ

จะได้มี ปฏิบัติ ที่แจ่มใส

แต่ดูดู คล้ายจะมุด คุดอยู่ใน

ไม่อยากได้ พระนิพพาน สักท่านเดียวฯ



เรียนวิปัสสนา


เรียนวิปัสสนา เพิ่งมีมา ต่อภายหลัง

ไม่เคยฟัง ในบาลี ที่ตถา

ไม่แยกเป็น คันถะ วิปัสสนา

มีแต่ว่า ตั้งหน้า บำเพ็ญธรรม



เพราะทนอยู่ ไม่ได้ ในกองทุกข์

จึงได้ลุก จากเรือนอยู่ สู่เนกขัม

จัดชีวิต เหมาะแท้ แก่กิจกรรม

เพื่อกระทำ ให้แจ้ง แห่งนิพพาน



ในบัดนี้ มีสำนัก วิปัสสนา

เกิดขึ้นมา เป็นพิเศษ เขตสถาน

ดูเอาจริง ยิ่งกว่าครั้ง พุทธกาล

ขอให้ท่าน จริง, ดี มีวิปัสสนาฯ

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร