| ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
| ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=34647 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
| เจ้าของ: | phaya_chalawan [ 24 ก.ย. 2010, 10:45 ] |
| หัวข้อกระทู้: | ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน |
ผู้ใดพอทราบความแตกต่างดังกล่าว ข้าพเจ้านั่งสมาธิโดยใช้ลมหายใจเป็นวิหารธรรม สับสนว่าตัวเองกำลังมีสมาธิ หรือเกิดนิมิต หรือเป็นสัญญาเก่า ๆ หรือเพราะตัวเองนั่งหลับจนฝันไป ขอให้เจริญในธรรมครับ |
|
| เจ้าของ: | phaya_chalawan [ 24 ก.ย. 2010, 11:24 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน |
จากที่เคยตั้งกระทู้ถามเรื่อง เลิกทำอานาปนสติแล้ว ลมหายใจมันติด ๆ ขัด ๆ จะแก้ไขอย่างไร หลังจากได้คำตอบจากท่านผู้รู้ และศึกษาเพิ่มเติมแล้ว ตอนนี้ไม่มีอาการเช่นนั้นแล้วครับ ผมได้ใช้วิธีการ ตามรู้ลมหายใจ แทน กล่าวคือ เมื่อลมหายใจออก ก็รู้ว่าออก เมื่อลมหายใจเข้า ก็รู้ว่าเข้า รู้สึกว่าไม่มีอาการหนัก ๆ ของลมหายใจครับ แต่กลับมีปัญหาตามกระทู้นี้แหละครับ ยังแยกแยะไม่ออก |
|
| เจ้าของ: | bbby [ 24 ก.ย. 2010, 12:35 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน |
อ้างคำพูด: ผู้ใดพอทราบความแตกต่างดังกล่าว ข้าพเจ้านั่งสมาธิโดยใช้ลมหายใจเป็นวิหารธรรม สับสนว่าตัวเองกำลังมีสมาธิ หรือเกิดนิมิต หรือเป็นสัญญาเก่า ๆ หรือเพราะตัวเองนั่งหลับจนฝันไป ขอให้เจริญในธรรมครับ เราไม่ใช่ผู้รู้น่ะค่ะ แต่จะคุยด้วยค่ะ บางครั้งเราก็เป็นค่ะ บางครั้งนอนสวดมนต์อยู่ แต่เห็นตัวเองไปยืนดูต้นไม้ แล้วก็คิดว่า เราเดินไปดูต้นไม้ตอนไหน ก็งงๆ แต่ไม่บ่อยน่ะค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 26 ก.ย. 2010, 01:43 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน |
ถ้าสมาธิดี จะร้ตัวเองว่าฝันหรือเกิดนิมิตร หรือร้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ให้อยู่กับภาวนาไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งไปคาดคิดว่าเปนอะไร สมาธิเกิดขึ้นได้เพราะเราปล่อยวางความคิดและอารมณ์ที่ปรุงแต่ง ไปแล้ว ให้ทำต่อสมาธิถึงจะเกิด ถ้าทำไม่ปะติดปะต่อสมาธิจะยังไม่เกิดและอาจให้ฟุ้งซ่านกว่าตอน ไม่ทำสมาธิเสียอีก |
|
| เจ้าของ: | ประยุทธ์ [ 28 ก.ย. 2010, 05:55 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: ความแตกต่างระหว่าง สมาธิ นิมิต สัญญาเก่า ๆ และความฝัน |
การกำหนดลมหายใจเป็นอารมณ์นั้น ต้องใช้สติในการตามดูมากกว่าการกำหนดแบบตามดูการยุบพองของท้อง เพราะลมหายใจถ้าตามดูแล้วมันละเอียดขึ้นทำให้ตามดูได้ยากขึ้นและเกิดความเพลินในอารมณ์ มีอุบายในการแก้คือให้กำหนดตามดูแบบรูปนาม ลมที่เข้าออกคือรูป การกระทบของลมคือนาม ( จิต ) การรู้ว่าเข้าสั้นออกสั้น เข้ายาวออกยาวคือนาม( เจตสิก ) เมื่อเรากำหนดโดยแยบคายแล้วจะเห็นการขาดไปของลมเข้าออก และความต่างกันของลมเข้าออกในแต่ละครั้ง ทำให้แยกออกมาในลักษณะของการเกิดขึ้นการดับไปของรูปนามได้ เมื่อเห็นการเกิดดับของรูปนามแล้วก็ทำอุบายโดยแยบคายต่อไปว่า ลมนี้มีความผันแปรไม่สามารถคงที่ ( อนิจจลักษณะ ) ที่สุดแห่งกองลมที่เข้าออกแต่ละครั้งย่อมมีความเกิดดับไปตลอดเวลา ( ทุกขลักษณะ ) เราสามารถนำเอามาเป็นของเราได้ไหมบังคับได้ไหมว่าหายใจเข้าและตั้งอยู่สัก ๑๐ นาทีแล้วค่อยออกก็ไม่ได้ เราบังคับลมตามใจเราไม่ได้แสดงว่านี่ไม่ไช่ของเราไม่ว่าการกะทบของลมเราก็ไม่สามารถบังคับได้ตลอดเวลา ( อนัตตลักษณะ ) เมื่อกำหนดได้อย่างนี้แล้วเราก็เอามาเปียบเทียบกับอายตนะ ๖ จากคำว่าอนัตตา ว่ารูปที่เราเห็นนี้เราเห็นหรือเจตสิกปรุงแต่ง ผมแนะนำให้เท่านี้นะครับถ้าทำโดยแยบคายตัดรูปนามไห้ออกจากกัน รับรู้อารมณ์ต่างที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไปโดยการใช้สติที่ฝึกมาดีแล้ว เราจะเข้าใจในสภาพธรรมต่างๆได้ จะเข้าใจในอริยสัจ ๔ โดยแยบคายได้ ๔คำแนะนำผมผิดพาดประการใดขออภัยนะครับ แต่ให้เข้าใจอยู่ว่า อุบายในการทำสมาธิเพื่อเจริญวิปัสนาเป็นอุบายของแต่ละบุคคล และต้องเดินตามคำสอนของอาจารย์ใหญ่คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีจุดหมายสูงสุดคือการละทั้งรูปนามที่เป็นอารมณ์ เพื่อเข้าสู่ความเห็นนิพพาน และทำให้แจ้งในนิพพาน สาธุครับ
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|