สาธุ เห็นด้วยคะ เพราะถ้าไม่ประมาณตน
อาจจะเป็นการทำลายสัจจะของตนเอง เมื่อทำไม่ได้ตามที่ตั้งสัจจะไว้

หากหลวงตาฯ หรือท่านอื่นๆ ก็ประมาณตนเช่นกัน อย่างนี้ก็ไม่ถือว่า อัตตกิลมมัตถานุโยค ใช่ไหมค่ะ
และตามประวัติ พระโสณะ ท่านเดินจรงกรมพร้อมกับพิจารณาธรรมไปจนไม่รู้เวล่ำเวลาจนฝ่าเท้าท่านแตกโดยไม่รู้ตัวต่างหาก

ขอบคุณครับคุณอนัตตา ฯ ที่ตอบคำถาม

ขอเรียนถามคุณต้อยตีวิดบ้างนะครับ ไหนๆก็เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกันแล้ว คำถามเดียวกับที่ถามคุณอนัตตา ฯ กับคุณอายะนั่นแหละครับ

เกินก็ไม่เป็นไรครับ เอาง่ายๆสั้นได้ไหมครับว่า ทำยังไงจึงจะนิพพาน

ขอบคุณนะค่ะที่ให้เกียรติถาม

ขอตอบว่าไม่ทราบคะ เพราะไม่เคยไป ไม่ได้บรรลุธรรมขั้นอรหันตผล
หากไม่เคยไป ไม่ได้เป็นพระอริยะขั้นอรหันต์ผล แล้วตอบว่า เป็นอย่างนั่น เป็นอย่างนี่
เป็นอัตตา เป็นอนัตตา โดยเอาตำราเอาคำภีร์มาอ้าง หรืออุปมาเอาเอง ก็ยังไม่ใช่ของจริงหรอกคะ
เรื่องนี้เป็น "ปัจจัตตัง" รู้เฉพาะตน

ถ้าจะโต้กันเรื่อง "นิพพาน" ละก็ เหมือนตาบอดโต้กันเรื่อง "สี" แหละคะ
ไม่มีใครยอมใคร

แหม ไม่ได้บอกว่าไห้ยอมสะหน่อย เพียงต้องการทราบความเห็นเท่านั้นว่าเห็นกันยังไง เห็นมีชาว

พุทธชอบยกขึ้นพูดขึ้นถามกัน แม้แต่พระก็ชอบพูดนะครับนะ

ต้อยตีวิด ก็ต้องขอผ่านละคะ

ไม่ถามหรือครับว่า พระอะไรชอบพูดเรื่องนิพพานเรื่องพระอรหันต์

มีพุทธพจน์ตรัสเรียกฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆว่าเป็นตทังคนิพพานบ้าง

ทิฏฐธรรมนิพพานบ้าง สันทิฏฐิกนิพพานบ้าง เช่น ข้อความในบาลีว่า


“ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็

ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยอ้อม ฯลฯ ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดย

ประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมด

สิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพานโดยตรง”

ผู้ที่มองเห็นขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาแล้ว หมดความสะดุ้งอยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่า เป็น

ตทังคนิพพาน...

...........

ตทังคนิพพาน- นิพพานด้วยธรรมคู่ปรับ หรือนิพพานชั่วคราว

ทิฏฐธรรมนิพพาน- นิพพานเห็นทันตา

สันทิฏฐิกนิพพาน - นิพพานที่ผู้บรรลุจะเห็นได้เอง

ไม่ละคะ ยังไงท่านก็ศีลมากกว่าเรา เรามีแต่ขาดทุน
ไปวิจารณ์ท่าน ถ้าท่านพูดไม่จริงเราก็เสมอตัว
ถ้าท่านพูดจริงเราก็นรกแหง๋มๆ

ตำราหากใช้เป็น ก็ทำให้รู้เห็นว่าใครพูดผิดพูดถูกหลักการของพุทธศาสนา (ทั้งหลักปริยัติ ปฏิบัติ

ปฏิเวธ) อาจเห็นเลยอีกว่า สิ่งที่เขาและท่านเหล่านั้นทำ (ปฏิบัติ) แล้วเป็นอย่างนั้นๆ แล้วที่ว่าตนเป็น

ยังงั้นๆ เป็นจริงหรือเท็จหรือเป็นอะไร

ยังไม่ได้ไม่ถึงถึงนิพพานกะเขาหรอก เพราะยังมีกิเลสมีความเศร้าหมองอยู่ แต่เมื่อพิจารณาข้อความ

บาลีนั่นแล้ว ก็เห็นว่า การขจัดกิเลสาสวะให้เบาบางลงจนถึงหมดสิ้นไปนั่นแหละนิพพานแล้ว

ได้ข้อสรุปแนวทางนิพพาน 4 แนว สี่มุมมองจากความเห็นของคนๆ 4 คน คนอ่านก็มีทางเลือก 4

ทาง ถูกใจแนวไหนเชิญตามอัธยาศัยครับ

เป็นที่สิ้นสุดแห่งกองทุกข์ ที่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ดับสิ้น

นึกว่าคุณอายะลืมไปแล้วนะครับเนี่ย

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ดับสิ้น

ต้องตายก่อนใช่ไหมครับ ถึงจะนิพพานหรือไงครับ