ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การเพ่ง "โอทาตกสิณ" http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=35529 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 11 พ.ย. 2010, 10:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | การเพ่ง "โอทาตกสิณ" |
![]() พอดีเรากำลังฝึกเพ่งกสิณ "โอทาตกสิณ" แต่มีข้อสงสัยอยู่นิดนึงว่า เวลาที่เราปฏิบัติกิจในประจำวัน เมื่อมีเวลาว่างจากกิจนั้น ๆ สามารถปฏิบัติได้หรือไม่ เพราะองค์กสิณนั้น ติดตา ติดใจ สามารถระลึกนึกถึงได้ตลอดเวลา หรือจะต้องปฏิบัติด้วยการนั่งเพ่งองค์กสิณที่อยู่ที่บ้านเท่านั้น รบกวนท่านผู้มีประสบการณ์ตรง ชี้แนะด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ![]() |
เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 11 พ.ย. 2010, 14:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การเพ่ง "โอทาตกสิณ" |
ต้องพิจารณาก่อนครับ ถ้ากิจในชีวิตประจำวัน ตาหูจมูกลิ้่นกายใจ ไ่ม่มีอะไรเข้ามากระทบสัมผัสมาก หรือกระทบกระทั้งก็เป็นโสมนัสเวทนาไป ก็พอจะทำได้ ที่จะทำให้อุปจารสมาธิถดถอยก็เพราะทวาร ๖ กระทบรับรู้อารมณ์อื่นๆ เว้นโอทาตํ เป็นอารมณ์ไปเสีย คือติดตาติดใจบ้าง ไม่ติดบ้าง ติดแต่ไม่นานก็ตกภวังค์ มีรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพารมณ์ ธรรมารมณ์อื่น ๆ เข้ามาขึ้นมาูสู่วิถีรับรู้ของใจแทน อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ ก็เกิดยาก เว้นไว้แต่ผู้มีวาสนาบารมีเก่า มีของเก่า กำหนดไม่นาน นิมิตสามอย่างก็ปรากฏ ก็มีบริกรรมนิมิต(อาศัยคำบริกรรม โอทาตํๆ สีขาวๆ จนติดปากลืมตาหลับตาก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้างในกสินที่ทำนิมิตเครืองหมายเอาไว้ แต่เกิดได้ไม่นาน) เป็นแต่เพียงสมาธิหยาบ ๆ ชั่วขณะ ๆ อุคคหนมิต(ทิ้งคำบริกรรม จิตจดจ่อหลับตาลืมตา ก็ไม่มีอารมณ์บัญญัติภายนอกใด ๆ มารบกวน จิตแนบไปกับอารมณ์คือ สันฐานลักษณะ ดวงกสินที่พิจารณาอยู่ด้วยใจ (มโนทวาราวัชชนะจิต) หลับตาลืมตาก็เห็นชัดเจนขึ้นด้วยใจ ในดวงสีขาวของกสิน โดยสภาวะ นิวรณ์กิเลสก็คอย ๆ ถูกครอบงำข่มลงไปโดยลำดับ ) เป็นสมาธิระดับกลาง ๆ จวนจะถึงอุปจารสมาธิตั้งมั่นขึ้ัน ปฏิภาคนิมิต(โดยสภาวะนิวรณ์กิเลสก็ค่อย ๆ ถูกข่มระงับด้วยอำนาจสมาธิ จนจิตรวมและมี นิมิตบัญญัติ สีขาวของโอทาตํกสิน นั้นบริสุทธิผุดผ่อง สว่างกว่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เป็นอารมณ์ ตั้งมั่นด้วยอุปจารสมาธิคือระงับนิวรณ์ลงไปโดยลำดับ สำเร็จด้วยอุปจารสมาธิที่ถึงแล้วตั้ังมั่นแล้ว) แต่ยังไม่ถึงอัปปนาสมาธิ ต่อเมื่อ ประคองจิต ประคองปฏิภาคนิมิตนี้ อยู่ในสถานที่เหมาะสมเช่นที่บ้าน ก็สามารถเข้าออก กำหนดนิมิตต่าง ๆ ด้วยความชำนาญ เมื่อบรรลุถึง อัปปนาสมาธิ ทำโอทาตํ สีขาวให้เป็นอารมณ์นั่นเองเป็นอารมณ์เกิดขึ้น ตัดภวังค์มีองค์ธรรมคือวิตกวิจารปิติสุขเอกัคคตา บรรลุปฐมฌานเป็นอาทิกัมมิกฌานวิถีเป็นผู้ได้ฌานนั้นครั้งแรก โอนโคตรปุถุชนสู่ พรหมบุคคล ที่จะแสดงวิถีต่อไปเป็นวิถีที่เิกิดทางมโนทวาราวัชชนะจิต เบื้องต้นที่พุทธฏีกาแสดงคือหาก ในชีวิตประจำวันเกิดกระทบรับรู้อารมณ์มาก ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจต่อจาก (มโน) (ช)=ชวนะจิตก็จะเสพอารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ โคจรในกามวิถี แล้วพอมีเวลา่ว่างจากกิจ จะมาภาวนาต่อ ก็ต้องอาศัยความเพียรความสัปปายะพอสมควร ถึงจะเกิดอุปจารสมาธิ จนถึงอัปปนาสมาธิได้ เมื่อบรรลุ ฌานจิต มหัคคตจิตแล้วโดยปฐมฌานก็สามารถเอาเป็นบาทฐานเจริญวิปัสสนกรรมฐาน พิจารณากามธาตุ รูปธาตุทั้งปวงนี้ ว่าเป็นสภาพที่ยังต้องปรุงแต่ง ยังต้องเสื่อม เป็นความไม่เที่ยง มีแล้วก็กลับไม่มี เป็นทุกข์บีบคั้นตั้งอยู่ไม่ได้ เป็นอนัตตาไม่ใช่สภาพสัตว์ตัวตนบุคคลเราเขา เพื่อรู้แจ้งอริยสัจธรรม กำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัย แจ้งนิโรธ(คือความดับตัณหาอุปาทาน) ทำมรรค ๘ ให้เจริญตรงสู่พระนิพพานเจริญพร. ความหมายของอักษรย่อ น=ภวังคจลนะ(ภวังค์ไหว),ท=ภวังคุปัจเฉทะ(ตัดกระแสภวังค์),มโน=มโนทวาราวัชชนะ(ติดสินอารมณ์),บริ=บริกรรม,อุป=อุปจาระ,อนุ=อนุโลม,โค=โคตรภู,ฌ= ฌานจิต (ม) (ท) (มโน) (ช) (ช) (ช) (ช) (ช) (ช) (ช) (ต) (ต) (ภ) = กามวิถี บริกรรม อุปจาร อนุโลม (ม) (ท) (มโน) (บริ) (อุป) (อนุ) (โค) (ฌ) (ภ) = อัปปนาโลกียวิถีของมันทบุคคล (ม) (ท) (มโน) (อุป) (อนุ) (โค) (ฌ) (ภ) = อัปปนาโลกียวิถีของติกขบุคคล ![]() Credit image by : http://gallery.palungjit.com/showphoto.php?photo=2224 |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 03 ธ.ค. 2010, 20:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การเพ่ง "โอทาตกสิณ" |
![]() ขอขอบพระคุณในความเมตตาของพระคุณเจ้า โยมจะน้อมนำไปปฏิบัติเจ้าค่ะ หากโยมมีความสงสัยหรือมีปัญหาจากการปฏิบัติ ขอ อนุญาติสอบถามขอคำแนะนำอีกนะเจ้าคะ ตอนนี้โยมนั่งเพ่งทุกวัน ประมาณ 10 นาที เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร แต่ก็ก้าวหน้า ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มเห็นนิมิตรเป็นรูปวงแหวนชัดเจนขึ้นแต่ยังไม่สว่างเหมือนดวงจันทร์เต็มดวง ....จะเพียรต่อไปเจ้าค่ะ ![]() ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |