วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 02:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2011, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 13:20
โพสต์: 820


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงพ่อปราโมทย์: พระพุทธเจ้าสอนให้รู้กาย พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ใจ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนกำหนดนะ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ “ทุกขัง อริยสัจจัง ปริญญาญัง” ทุกข์เป็นสิ่งควรรู้รอบ ทุกข์เป็นสิ่งที่ควรรู้รอบ รู้รอบ คือ รู้ด้วยสติ รู้ด้วยปัญญา

รู้ด้วยสติ คือ รู้ถึงตัวสภาวะของมัน รู้ด้วยปัญญาก็จะเห็นลักษณะของมัน รู้ด้วยสติก็คือ เห็นสภาวะ เช่น ความโกรธเกิดขึ้น เห็นความโกรธโผล่ขึ้นมา รู้ด้วยปัญญาก็คือ เห็นว่าความโกรธนั้นไม่เที่ยง ความโกรธนั้นเป็นทุกข์ ความโกรธมิใช่ตัวเรา บังคับไม่ได้ ห้ามไม่ได้ รู้ด้วยปัญญาก็คือเห็นไตรลักษณ์นั่นแหละ ถ้ารู้ด้วยสติก็เห็นรูปนาม รู้ด้วยปัญญาเห็นไตรลักษณ์ วิปัสสนาต้องเห็นรูปนามเป็นไตรลักษณ์ เพราะฉะนั้นต้องรู้ด้วยสติและปัญญา

รู้ด้วยสติอย่างเดียวไม่ได้ บางคนไปเดินจงกรมนะ เอาจิตไปจ่อไว้ที่เท้า เท้าเคลื่อนไหวอย่างไรรู้หมดเลย อันนั้นไม่มีปัญญา ถ้ารู้ด้วยปัญญาจะเห็นเลย ตัวที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ตัวที่โกรธ ความโกรธนั้น ไม่ใช่ตัวเรา สภาวธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ว่าสภาวธรรมใดๆ จะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ตาม ล้วนแต่ไม่ใช่ตัวเรา นี่อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามีปัญญา บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ถึงความบริสุทธิ์เป็นอย่างไร ถึงพระอรหันต์นั่นเอง

บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญานะ ปัญญาเกิดจากอะไร ปัญญาเกิดจากมีสติ รู้สภาวะของรูปธรรมนามธรรมที่กำลังปรากฎ แต่ปัญญามีสติรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเงื่อนไขที่สำคัญ ที่ให้เกิดปัญญา คือมีสัมมาสมาธิ

ในพระอภิธรรมถึงสอนว่า สัมมาสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา สัมมาสมาธิมิใช่มิจฉาสมาธิ สมาธิที่พวกเราฝึกอยู่เกือบทั้งหมดคือมิจฉาสมาธิ สมาธิเพ่ง สมาธิจ้อง สมาธิบังคับ สมาธิกำหนด สมาธิเครียดๆแข็งๆ สมาธิเคลิ้มๆ สมาธิลืมเนื้อลืมตัว สิ่งเหล่านี้เป็นมิจฉาสมาธิทั้งสิ้น

หรือสมาธิเข้าไปนอนแช่ รู้ลมหายใจก็ไปนอนอยู่กับลม แช่จิตลงไปแช่กับลม รู้ท้องพองยุบจิตไปแช่อยู่ที่ท้อง รู้เท้า ยกเท้า ย่างเท้า จิตไปแช่อยู่ที่เท้า ขยับมือ จิตไปไหลไปอยู่ในมือ อย่างนี้เป็นมิจฉาสมาธิ

ถ้าสัมมาสมาธิ ใจจะตั้งมั่น สักว่ารู้ สักว่าเห็นอยู่ ใจมันตั้งมั่นเป็นแค่คนดู สติระลึกไป แต่ใจเป็นคนรู้เฉยๆ ใจไม่เข้าไปปรุงแต่งต่อ สติระลึกรู้ ใจไม่ปรุงแต่งต่อนะ ใจเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่อย่างนั้นเอง

พอใจมันไม่ปรุงแต่งต่อ มันจะเห็นความจริง ของสภาวธรรมทั้งปวง ทั้งรูปธรรมนามธรรมที่เกิดขึ้น สภาวะทั้งหลายทั้งปวงไม่มีตัวเราในสภาวะเหล่านั้น ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา จิตใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา จะเห็นซ้ำ ซ้ำ ซ้ำ อย่างนี้นะ เห็นไป วันหนึ่งก็จะแจ้งขึ้นมา


ที่มาhttp://www.dhammada.net/category/trisika/punya/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร