ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=36559 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | wincha [ 02 ก.พ. 2011, 10:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้ สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓ http://www.dhammada.net/page/8/ |
เจ้าของ: | อายะ [ 01 มี.ค. 2011, 09:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
wincha เขียน: หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้ สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา กิเลส เกิดขึ้นก็ต้องฝีน ต้องข่ม ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลตามมันไป แล้วตีความเข้าข้างตัวเองว่า มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง ฯ ต้องใช้ สติ ข่มกิเลสซิครับ โดยใช้คำภาวนาจากกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง เช่น พุทโธ เมตตา อสุภะ พยายามผูกจิตไว้กับอารมกรรมฐาน ถ้ารอให้กิเลสเกิด แล้วตามดูกิเลส หรือจะเรียกว่าดูจิตก็แล้วแต่ เด๋วก็ได้ไปทำผิดศีลผิดธรรมจนได้เพราะมันเอาไม่ทัน ประคองจิตให้อยู่ในอารมณ์กรรมฐานซะ กิเลสก็จะเข้าได้ยากนะครับ อ้างคำพูด: สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา หรงพ่อน่าจะสอนให้ญาติโยมเขาพยายาม ระงับ ข่ม กิเลส มิใช่ตามกิเลสนะครับ หรงพ่อ |
เจ้าของ: | student [ 02 มี.ค. 2011, 17:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
นักธรรมต้องตีความให้แจ้ง ความถูกต้องของอภิธรรมคือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนตกอยู่ในกฎของพระไตรลักษณ์ เราไม่สามารถผืนความแก่ความเปลี่ยนแปลงรูปได้แต่เราฝืนนามได้ด้วยปัญญา ไม่ว่าโทษะ โมหะจะเกิดขึ้น เราควรจะเป็นคนที่อดทน อดกลั้นให้ถึงที่สุดอย่าระบายออกทางทวารทั้ง5 |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 04 มี.ค. 2011, 01:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
น้ำใส ด้วย ตาดีด้วย แล้วก็ตามจริตด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องเห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจ ตัดกิเลสใช่มั้ยครับ |
เจ้าของ: | mes [ 27 มี.ค. 2011, 08:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
wincha เขียน: หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้ สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓ http://www.dhammada.net/page/8/ ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้มาสั่งสอน แจ่มแจ้ง ละเอียด ลึกซึ้ง กว้างขวาง เป็นจริงที่สุดแล้ว ใครก็ไม่ต้องยกเรื่องนี้มาอธิบายทับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ที่ยกตัวอย่างมาก็ไม่เห็นจะลึกซึ้ง สร้างความเข้าใจได้ดีแต่อย่างไร สู้ให้พระพุทธธรรมอยู่อย่างบริสุทธิ์เช่นเดิมจะดีกว่า เตี้ยแล้วอย่าสอดตาเห็นทำตัวสูงรู้เรื่องนอกกำแพงที่สูงกว่าตาตน |
เจ้าของ: | toichi [ 19 มี.ค. 2012, 22:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สิ่งทั้งหลายมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุดับมันก็ดับไป |
อายะ เขียน: wincha เขียน: หลวงพ่อปราโมทย์ : หรือพวกเราสังเกตให้ดี ช่วงไหนราคะมากนะ อีกช่วงหนึ่งโทสะจะแรง ลองดูสิจริงหรือเปล่า? มันจะเหวี่ยงเหมือนลูกตุ้นนาฬิกานะ ถ้าเหวี่ยงซ้ายแรงก็เหวี่ยงขวาแรง กลับข้างแรง นี่มันคือความไม่แน่นอน แปรปรวน การที่สิ่งทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปนี่ เราบังคับไม่ได้จริงนะ คำว่าบังคับไม่ได้คือคำว่า “อนัตตา” การที่ทุกอย่างมันเคลื่อนไหว มันเปลี่ยนแปลงนะ มันเป็น “อนิจจัง” มันทนอยู่กับที่ไม่ได้เรียกว่า “ทุกขัง” มันถูกบีบคั้นอยู่กับที่ไม่ได้ แล้วมันบังคับไม่ได้ สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา กิเลส เกิดขึ้นก็ต้องฝีน ต้องข่ม ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลตามมันไป แล้วตีความเข้าข้างตัวเองว่า มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง ฯ ต้องใช้ สติ ข่มกิเลสซิครับ โดยใช้คำภาวนาจากกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง เช่น พุทโธ เมตตา อสุภะ พยายามผูกจิตไว้กับอารมกรรมฐาน ถ้ารอให้กิเลสเกิด แล้วตามดูกิเลส หรือจะเรียกว่าดูจิตก็แล้วแต่ เด๋วก็ได้ไปทำผิดศีลผิดธรรมจนได้เพราะมันเอาไม่ทัน ประคองจิตให้อยู่ในอารมณ์กรรมฐานซะ กิเลสก็จะเข้าได้ยากนะครับ อ้างคำพูด: สิ่งทั้งหลายนะ จะมีอยู่ก็เพราะเหตุ ถ้าเหตุมันดับไป มันก็ดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ ถ้าเหตุดับตัวมันก็ดับ เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่มีใครบังคับได้ นี้เรียกว่าอนัตตา หรงพ่อน่าจะสอนให้ญาติโยมเขาพยายาม ระงับ ข่ม กิเลส มิใช่ตามกิเลสนะครับ หรงพ่อ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |