ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
“ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” ลำดับอานาปานสติ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=38374 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | jinny95 [ 02 มิ.ย. 2011, 10:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” ลำดับอานาปานสติ |
ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่าชาติสุดท้าย “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” ลำดับอานาปานสติ 1. เวลาเรานั่ง ถ้าเรายังสังเกตลมไม่ได้ก็ให้ตั้งใจว่า “เราจะหายใจเข้า เราจะหายใจออก” (คือ เราจะเป็นผู้หายใจ ไม่ใช่ปล่อยให้มันหายใจเองโดยธรรมชาติ) ตั้งสติทำดังนี้ทุกครั้งที่หายใจ แล้วเราก็จะจับลมได้ 2. การกั้นจิตให้รู้อยู่ในตัว ไม่ใช่หมายความว่า ให้กั้นโดยกักขัง ได้แก่ การสะกดจิต สะกดลม กลั้นลม จนเกิดความอึดอัดขาดความอิสระ อย่ากลั้นลม หรือสกัดลมไว้ ต้องปล่อยให้จิตอยู่เฉยๆ ให้มีอิสระตามสภาพของมัน เพียงแต่คอยกันจิตไว้ให้อยู่คนละทางกับอารมณ์เท่านั้น ถ้าไปสะกดจิตสะกดลมเข้าแล้วก็จะทำให้ร่างกายอึดอัดทำการงานไม่สะดวก อาจทำให้ปวดให้เมื่อยบ้าง ทำให้ขัดยอกบ้าง หรือทำให้มึนชาเป็นเหน็บก็ได้ ฉะนั้น จึงต้องปล่อยให้จิตอยู่โดยธรรมดาของมันเอง คอยระวังแต่ไม่ให้วอกแวกหรือยื่นออกไปในสัญญาอารมณ์ภายนอกอย่างเดียวเท่า นั้น 3. การกั้นจิตไม่ให้ยื่นออกไปหาสัญญา หรือกั้นสัญญาไม่ให้ยื่นเข้ามาถึงจิตนี้ก็เหมือนกับเราปิดประตูหน้าต่างบ้าน ของเรา ไม่ให้แมว สุนัขหรือผู้ร้ายเข้ามาในบ้าน ได้แก่ การปิดทวารทั้ง 6 เสีย คือ 1.จักขุทวาร รูปต่างๆ ที่รับจากทางตา 2.โสตทวาร เสียงทั้งหลายที่ได้ยินจากทางหู 3.ฆานทวาร กลิ่นทั้งหมดที่ได้รับจากทางจมูก 4.ชิวหาทวาร รสทุกชนิดที่ได้รับจากทางลิ้น 5.มโนทวาร อารมณ์ต่างๆ ที่กระทบทางใจ 6.กายทวาร สิ่งสัมผัสต่างๆ ที่กระทบทางกาย สัญญาที่เกิดจากทวารทั้ง 6 นี้ ทั้งดีและไม่ดี ทั้งเก่าและใหม่ ต้องตัดทิ้งให้หมด 4. “สัญญา” คือ ทูต หรือสื่อ แห่งความชั่วร้าย เพราะเป็นผู้นำมาแห่งความทุกข์เดือดร้อน ถ้าเราคบมันไว้ก็เท่ากับเราเป็นใจให้ผู้ร้ายมาปล้นบ้านของเราเอง ทรัพย์สมบัติของเรา ก็มีแต่จะพินาศหมดไปไม่มีอะไรเหลือติดตัว 5. นิวรณ์ต่างๆ เกิดจากสัญญา อดีตบ้าง อนาคตบ้าง ถ้าจะเปรียบก็จะเหมือนกับต้นหญ้าต่างๆ ที่ขึ้นอยู่ในนาหรือที่ดินของเรา มีแต่จะแย่งอาหารต้นไม้อื่นและทำให้พื้นดินรก หาประโยชน์อันใดมิได้ จะมีประโยชน์ก็แต่สัตว์ เช่น วัว ควาย ช้าง ม้า เคี้ยวกินเป็นอาหารนั้น เพราะเป็นธรรมชาติของมันจะต้องกิน ถ้าใครปล่อยให้ที่ดินของตนรกไปด้วยหญ้าแล้ว พืชผลที่เกิดจากที่ดินนั้นก็ย่อมงอกงามเจริญขึ้นมาไม่ได้ ฉันใดก็ดี ถ้าเราไม่มีสัญญาอารมณ์ออกจากใจแล้ว เราก็จะไม่สามารถทำดวงจิตของเราให้ผ่องใสบริสุทธิ์ได้ สัญญาเป็นอาหารของคนโง่ ที่เห็นว่าเป็นของเอร็ดอร่อย แต่นักปราชญ์บัณฑิตท่านจะไม่ยอมบริโภคเลย 6. นิวรณ์ 5 ที่เปรียบเหมือนกับต้นหญ้านั้นย่อมมีลักษณะอาหารต่างๆ กัน กามฉันทะ ก็ได้แก่ใจที่กำหนัดยินดีและเพลิดเพลินไปในอารมณ์ พยาปาทะ ใจที่ไม่ชอบ มีโกรธ มีเกลียด มีชัง เป็นต้น ถีนมิทธะ ใจที่เหงาหงอย ง่วงซึม หดหู่ ไม่เบิกบาน อุทธัจจกุกกุจจะ ใจที่หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน รำคาญ วิจิกิจฉา ใจที่ลังเลสงสัยในศีลธรรมในข้อปฏิบัติของตน ทั้งหมดนี้ “อุทธัจจกุกกุจจะ” ดูเหมือนจะเป็นหญ้าที่มีพิษร้ายแรงกว่าอย่างอื่นทั้งหมด เพราะมีทั้งหงุดหงิดฟุ้งซ่าน และรำคาญใจ เป็นหญ้าประเภทมีหนามและใบของมันก็คมด้วย ถ้าใครถูกเข้าก็ต้องมีพิษแปลบปลาบและแสบร้อนไปทั้งตัว ฉะนั้น จงพากันทำลายมันเสีย อย่าให้มันมีขึ้นได้ในพื้นที่นาของเราเลย 7. อานาปานสติภาวนา เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ให้เป็นหลักปฏิบัติ สำหรับขับไล่และปราบนิวรณ์ต่างๆ เหล่านี้ให้หมดสิ้นไป คือ การภาวนาที่ใช้สติกำหนดอยู่กับลมหายใจ วิตก ได้แก่ การกำหนดลม วิจาร ได้แก่ การขยายลม วิตกวิจาร เป็น กาเย กายานุปัสสนาสติปัฏฐานด้วย คือ พิจารณาลมในกองธาตุ หรือพิจารณากายในกาย วิตกเปรียบกับไถ วิจารเปรียบกับคราด ถ้าเราเพียงใช้ไถกับคราดบนที่นาของเราเสมอๆ แล้ว หญ้าทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้นได้ พืชพันธุ์ที่หว่านไว้ก็จะเกิดผลงอกงามไพบูลย์ พื้นที่นาซึ่งเปรียบเหมือนกับร่างกายของเรา คือ ธาตุ 4 ก็สงบ ธาตุดินก็ไม่กำเริบ ธาตุน้ำก็ไม่เสีย ธาตุไฟก็ไม่อ่อน ธาตุลมก็ไม่กล้า ทุกๆ ธาตุก็ตั้งอยู่ปรกติ ไม่มีความยิ่งหย่อน มีความเสมอภาคกัน หมดทุกๆ ส่วน ร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีอาการเจ็บไข้ อากาศก็โล่ง ใจก็โปร่ง ปราศจากนิวรณ์ 8. เมื่อเราปราบพื้นที่ของเราราบเรียบแล้ว ต่อไปนี้พืชมหากุศล คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณก็จะผุดขึ้นในดวงจิตดวงใจของเรา ยกจิตขึ้นสู่ลมหายใจ ก็จะเกิดความปีติ ความอิ่มใจ อิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ ความรักความพอใจชอบใจในข้อปฏิบัติของตน วิริยะ ความพากเพียรบากบั่นไม่ทอดทิ้งในข้อปฏิบัติของตน วิมังสา ความพิจารณาใคร่ครวญในข้อปฏิบัติของตนก็ย่อมเจริญขึ้นเป็นลำดับ อิทธิบาทนี้เปรียบเหมือนกับขาตู้หรือขาโต๊ะ 4 ขาที่ยันไว้ให้วัตถุนั้นตั้งตรงไม่คลอนแคลน เป็นอำนาจอันหนึ่งที่จะพยุงตัวเราให้แข็งแรงและก้าวไปสู่ที่สูงได้ จะเปรียบอีกอย่างหนึ่งก็เหมือนกับเครื่องยา 4 สิ่งที่ประกอบกันขึ้นแล้วก็กลายเป็นยาอายุวัฒนะอย่างวิเศษขนานหนึ่ง ซึ่งใครกินแล้วไม่ตาย มีอายุยืน ถ้าใครอยากตายก็ไม่ต้องกิน ถ้าใครไม่อยากตายก็กินให้มากๆ ยิ่งกินได้มาก โรคที่เกาะกินใจของเราก็จะหายเร็ว คือ กิเลสมันตาย ฉะนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นโรคมากก็ควรกินยาขนาดนี้เสีย 9. การตัดสัญญาต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าให้เราตัดความคิด เราไม่ได้ตัดความคิดนึกให้หายไป เป็นแต่น้อมความนึกคิดมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ เช่น มานึกตรวจตรองในข้อกัมมัฏฐานบทใดบทหนึ่ง ถ้าเราให้จิตของเราทำงานอย่างนี้ เราก็จะไม่มีทุกข์และไม่เกิดโทษขึ้นแก่ใจและตัวเราเอง 10. ปกติจิตของเราก็ทำงานอยู่เสมอ แต่งานนั้นไม่เป็นเรื่องเป็นราว เป็นเรื่องวุ่นวาย ยุ่งๆ เหลวไหล ไม่มีสารประโยชน์ เราจึงต้องหางานที่มีสารประโยชน์มาให้จิตทำ คือ หาเรื่องดีๆ ไม่มีโทษ เรื่องที่เราทำนี้คือ อานาปานสติ ได้แก่ การตั้งใจกำหนดจริงของเราเอง หรือกำหนดลมหายใจของเราเอง เราจะงดเว้นงานอื่นทั้งหมด ตั้งหน้าทำงานนี้อย่างเดียว นี่เป็นจุดมุ่งหมายของการทำสมาธิ (เทศน์อบรมสมาธิ วันที่ 30 ก.ค. 2499) อ้างคำพูด: หมายเหตุ - ในโอกาสวันถวายเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะศิษย์วัดภูสังโฆ ได้จัดทำหนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า “ชาติสุดท้าย” แจกเป็นที่ระลึก ก่อนหน้านี้คณะผู้จัดทำได้เคยจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วนำถวายหลวงตามหาบัว ครั้งยังดำรงขันธ์อยู่มาก่อนแล้ว เนื่องจากการพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้หนังสือมีจำนวนจำกัด ทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์จึงได้ขออนุญาต พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เจ้าอาวาสวัดภูสังโฆ นำรายละเอียดของหนังสือมาเผยแผ่ซึ่งท่านได้แจ้งว่า ให้พิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ ทางกองบรรณาธิการจึงจะนำเสนอต้นฉบับตามเดิม โดยเพิ่มเนื้อหาที่เป็นเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละรูปเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง แล้วนำเสนอต่อเนื่องไปคราวละสัปดาห์จนกว่าจะสิ้นความหลักในหนังสือ มีรายละเอียดดังนี้ คัดลอกเนื้อหามาจาก http://www.posttoday.com/%E0%B8%98%E0%B ... 2%E0%B8%A3 |
เจ้าของ: | Supatorn [ 23 ส.ค. 2011, 09:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” ลำดับอานาปานสติ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |