วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 13:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 104 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กามโภคี เขียน:
เกิดความสงสัยว่า
หลังจากจิตที่ทรงฌานได้แล้ว จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดปัญญา

อยากรู้วิธีปฏิบัติ ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์ เช่น

ดูกรจุนทะ พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรอาวุโส เมื่อพวกเราประกอบตนให้ติดเนื่องในความสุข ๔ ประการเหล่านี้แลอยู่ ผล ๔ ประการอานิสงส์ ๔ ประการ อันพวกเราพึงหวังได้

อยากรู้ว่า ทำอย่างไรผล ๔ ประการอานิสงส์ ๔ ประการ จึงเกิดขึ้นได้

คงไม่แค่ทำฌานแล้วมรรคผลจะตามมาเอง
คงไม่แค่ทำฌานแล้วปัญญาจะเกิดขึ้มาเอง

เพราะก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ มีคนมากมายที่สามารถทำฌานได้ แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้น

ก็น่าจะสรุปได้ว่า หลังจากฌานแล้วย่อมมีวิธีการปฏิบัติต่อยอดไปอีกแน่นอน

อยากรู้ตรงนั้นละครับ


สวัสดี กามโภคี
สบายดีไหม...

คำถามท่านก็แปลกดี
ลองเล่ามาสิว่า จิตท่านกามโภคี ทรงฌานแบบไหน
ท่านกามโภคี ได้ปัญญา แบบไหนถึงทรงฌานที่ท่าน ได้ทรงฌานนั้นได้
และ ท่านกามโภคี ต้องการปัญญาแบบไหน ที่จะต่อจากการทรงฌานที่จิตท่านกามโภคี ได้มา

ค่อยๆ เล่า นะครับ ยาวหน่อยไม่เป็นไร เพื่อเป็นธรรมทาน วิทยาทาน แก่ผู้อ่านครับ


สวัสดีครับคุณเช่นนั้น

คำถามแบบผมไม่แปลกหรอกครับ เพียงแต่ ส่วนมากไม่ค่อยถาม ทั้งที่น่าจะถาม เพราะเป็นวิธีการปฏิบัติ
โดยตรง

ปัญหาที่ผมถามไปนั้น จุดประสงค์ได้บอกไปแล้วว่าเพราะอะไร

ผมถามเพื่อหาคนที่ปฏิบัติจริงๆ เพราะคนที่ปฏิบัติจริงๆ จะตอบได้ถูก ส่วนคนที่ไม่ปฏิบัติจริงๆจัง ตอบ
อย่างไรก็ไม่ถูกครับ เพราะอ่านมากกว่าทำ ตัวอย่างเช่น โยนิโส มนสิการ

ส่วนคำตอบที่ผมบอกว่าใช่ หรือนิยมด้วย อาจจะไม่ถูกกับสิ่งที่หลายคน "อ่าน" หรือ "ฟัง" มา แล้ว
ไม่เคยได้นั่งปฏิบัติแบบจริงๆจังๆ กลับมานั่งตีความเอาเอง

การที่จะเล่าเรื่องจิตที่ทรงฌานนั้น ไม่ควรที่จะมาเล่ากันง่ายๆ บ่อยๆ แม้ว่าจะใช้คำว่าธรรมทานหรือ
วิทยาทานนะครับ ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้เล่าให้ฟังกันพร่ำเพรื่อ ข้อนี้ของดครับ

มีอีกเยอะครับ ปัญหาที่จะลองว่าปฏิบัติจริงหรือเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:

การที่จะเล่าเรื่องจิตที่ทรงฌานนั้น ไม่ควรที่จะมาเล่ากันง่ายๆ บ่อยๆ แม้ว่าจะใช้คำว่าธรรมทานหรือ
วิทยาทานนะครับ ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้เล่าให้ฟังกันพร่ำเพรื่อ ข้อนี้ของดครับ

มีอีกเยอะครับ ปัญหาที่จะลองว่าปฏิบัติจริงหรือเปล่า


นั่นล่ะสิครับ ขนาดคุณกามโภคี ยังออกตัวของดไม่ตอบ
คุณกามโภคี จะตั้งกระทู้ขึ้นมาทำไมล่ะครับ

huh

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
นั่นล่ะสิครับ ขนาดคุณกามโภคี ยังออกตัวของดไม่ตอบ
คุณกามโภคี จะตั้งกระทู้ขึ้นมาทำไมล่ะครับ
huh


ตั้งมาให้คนอื่นตอบไงครับ ไม่ใช่ตั้งให้คนอื่นเข้ามาถามผมอีกที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
นั่นล่ะสิครับ ขนาดคุณกามโภคี ยังออกตัวของดไม่ตอบ
คุณกามโภคี จะตั้งกระทู้ขึ้นมาทำไมล่ะครับ
huh


ตั้งมาให้คนอื่นตอบไงครับ ไม่ใช่ตั้งให้คนอื่นเข้ามาถามผมอีกที


คุณกามโภคี จะชี้ผิดชี้ถูกหรือครับ
ในเมื่อครูอาจารย์ท่านยังไม่เล่าให้ฟังพร่ำเพรื่อ
ท่านจะให้ผู้อืนเล่าให้ฟังพร่ำเพรื่อ หรือครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อความข้างล่างนี้ ผมแจ้งไปแล้วนะครับ

กามโภคี เขียน:
ส่วนคำตอบที่ผมบอกว่าใช่ หรือนิยมด้วย [color=#FF0000]อาจจะไม่ถูกกับสิ่งที่หลายคน "อ่าน" หรือ "ฟัง" มา แล้ว
ไม่เคยได้นั่งปฏิบัติแบบจริงๆจังๆ กลับมานั่งตีความเอาเอง[/color]


ประเด็นเรื่องชี้ผิดชี้ถูก ไม่ใช่ประเด็นของผม หรือไม่ใช่ว่าผมจะสามารถบอกว่าของใครผิดใครถูก ไม่ใช่
หน้าที่ เพียงสนทนา มุ่งที่จะฝึกตนสอนตน ไม่ใช่มุ่งที่จะมาให้คนอื่นสนเท่ห์ในกิริยาชี้ผิดชี้ถูก

เช่นนั้น เขียน:
คุณกามโภคี จะชี้ผิดชี้ถูกหรือครับ
ในเมื่อครูอาจารย์ท่านยังไม่เล่าให้ฟังพร่ำเพรื่อ
ท่านจะให้ผู้อืนเล่าให้ฟังพร่ำเพรื่อ หรือครับ


ครูบาอาจารย์ไม่เล่าสภาวะโดยพร่ำเพรื่อครับ ถูกต้อง
กระทู้ที่ผมตั้ง ก็ถามวิธีปฏิบัติ ไม่ได้ถามสภาวะเลย

แต่ที่คุณถาม

เช่นนั้น เขียน:
ลองเล่ามาสิว่า จิตท่านกามโภคี ทรงฌานแบบไหน
ท่านกามโภคี ได้ปัญญา แบบไหนถึงทรงฌานที่ท่าน ได้ทรงฌานนั้นได้
และ ท่านกามโภคี ต้องการปัญญาแบบไหน ที่จะต่อจากการทรงฌานที่จิตท่านกามโภคี


พิจารณาครับ ว่าคุณเป็นคนถามเอง ไม่ใช่ผม

ส่วนผม ถามถึงวิธีปฏิบัติ และ คำตอบที่ผมนิยม ก็มีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ และ ตรงกับที่ครู
อาจารย์ท่านแนะนำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 18:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 23:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
เกิดความสงสัยว่า
หลังจากจิตที่ทรงฌานได้แล้ว จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดปัญญา
อยากรู้วิธีปฏิบัติ ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์ ....

ส่วนผม ถามถึงวิธีปฏิบัติ และ คำตอบที่ผมนิยม ก็มีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ และ ตรงกับที่ครู
อาจารย์ท่านแนะนำ


ถามสิ่งที่คุณกามโภคีปฏิบัติ คุณกามโภคีก็งดตอบ
และ คุณกามโภคี บอกแต่แรกว่า อยากรู้วิธีปฏิบัติ ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์
คุณกามโภคี ก็บอกมาภายหลังว่า คำตอบที่ผมนิยม ก็มีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ และตรงกับที่ครูอาจารย์ท่านแนะนำ

:b32: :b32: :b9: :b9:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 06:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ถามสิ่งที่คุณกามโภคีปฏิบัติ คุณกามโภคีก็งดตอบ


การจะตอบหรือไม่ตอบ ไม่สามารถบังคับกันได้ แต่ละท่านมีเหตุผลที่จะตอบหรือไม่ตอบ
ถ้าจำเป็นต้องตอบกันทุกท่าน กระทู้ที่ผมตั้ง ใครเข้ามาอ่าน ก็ต้องตอบกันทุกคน
คุณเช่นนั้นเอง ผมเคยถาม ไม่ใช่ครั้งเดียว หลายครั้ง คุณก็ไม่เคยตอบถึงวิธีการที่คุณปฏิบัติอยู่
ให้ผมได้รู้เลย ผมอ่านหลายๆกระทู้ บางครั้งผู้ร่วมสนทนาถามท่านเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ท่านดำเนินอยู่
ท่านก็ไม่เคยตอบ ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่ผมจะต้องตอบในสิ่งที่ท่านถาม

เช่นนั้น เขียน:
และ คุณกามโภคี บอกแต่แรกว่า อยากรู้วิธีปฏิบัติ ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์
คุณกามโภคี ก็บอกมาภายหลังว่า คำตอบที่ผมนิยม ก็มีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ และตรงกับที่ครูอาจารย์ท่านแนะนำ
:b32: :b32: :b9: :b9:


คำว่าอยากรู้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่รู้แล้วมาถาม อาจถามเพื่อจุดประสงค์อื่นก็ได้
อุปมาเหมือนครูสอนคณิตศาสตร์ รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เพราะมีเหตุผลต่างๆ ก็มาถาม
หรือคนเคยไป กทม. มาแล้ว เวลาจะไปอีก ก็อาจมาถามได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:

การจะตอบหรือไม่ตอบ ไม่สามารถบังคับกันได้ แต่ละท่านมีเหตุผลที่จะตอบหรือไม่ตอบ
ถ้าจำเป็นต้องตอบกันทุกท่าน กระทู้ที่ผมตั้ง ใครเข้ามาอ่าน ก็ต้องตอบกันทุกคน

คำว่าอยากรู้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่รู้แล้วมาถาม อาจถามเพื่อจุดประสงค์อื่นก็ได้
อุปมาเหมือนครูสอนคณิตศาสตร์ รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เพราะมีเหตุผลต่างๆ ก็มาถาม
หรือคนเคยไป กทม. มาแล้ว เวลาจะไปอีก ก็อาจมาถามได้


กระทู้ที่คุณกามโภคีตั้ง ...ก็ตั้งลอยๆ ไว้....เผื่อมีผู้หลวมตัวมาให้คุณกามโภคีแสดงภูมิ :b17:

การถามเพื่อจุดประสงค์อื่น โดยไม่แสดงการปฏิบัติที่เคยทำมาก่อนของคุณกามโภคี ก็แสดงว่า หมกเม็ด :b4:

:b11: :b13:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 12:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

กระทู้ที่คุณกามโภคีตั้ง ...ก็ตั้งลอยๆ ไว้....เผื่อมีผู้หลวมตัวมาให้คุณกามโภคีแสดงภูมิ :b17:


ชอบพูดคล้ายตำหนิคนอื่น

ระวังสุภาษิตโบราณเข้าตัวนะครับ


เช่นนั้น เขียน:
การถามเพื่อจุดประสงค์อื่น โดยไม่แสดงการปฏิบัติที่เคยทำมาก่อนของคุณกามโภคี ก็แสดงว่า หมกเม็ด :b4:

:b11: :b13:


การที่ผู้ถามไม่บอกถึงการปฏิบัติของเขา มองอย่างไรก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะกล่าวว่าเขาหมกเม็ด

คุณก็ไม่เคยตอบผมเมื่อผมถามถึงวิธีปฏิบัติของคุณ จริงไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:

เกิดความสงสัยว่า
หลังจากจิตที่ทรงฌานได้แล้ว จะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดปัญญา
อยากรู้วิธีปฏิบัติ ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์

ชอบพูดคล้ายตำหนิคนอื่น
ระวังสุภาษิตโบราณเข้าตัวนะครับ

การที่ผู้ถามไม่บอกถึงการปฏิบัติของเขา มองอย่างไรก็ไม่มีเหตุผลพอที่จะกล่าวว่าเขาหมกเม็ด
คุณก็ไม่เคยตอบผมเมื่อผมถามถึงวิธีปฏิบัติของคุณ จริงไหม



ในเมื่อคุณกามโภคี ไม่อยากรู้แบบคัมภีร์
ใยต้อง บอกว่า คำตอบที่คุณกามโภคีนิยม ก็มีอยู่ในคัมภีร์ ต่างๆ และตรงกับครูอาจารย์ท่านแนะนำ

คุณกามโภคี ต้องการแสดงอะไร?

กระทู้นี้เช่นนั้น อ่านแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ปฏิเสธด้วยว่า "คล้ายตำหนิ" ...แต่กระทู้นี้เป็นกระทู้หมกเม็ด แน่นอน

เช่นนั้น เคยบอกคุณกามโภคีแล้ว เช่นนั้นปฏิบัติตามพระไตรปิฏก ความจำท่านคงเลอะเลือนกระมัง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 13:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เคยบอกคุณกามโภคีแล้ว เช่นนั้นปฏิบัติตามพระไตรปิฏก ความจำท่านคงเลอะเลือนกระมัง


ที่ว่าตามพระไตรปิฎก ส่วนไหนละครับ
ที่ตอบมา กว้างไปหรือเปล่า

ถ้าทุกคนตอบลักษณะแบบคุณ เช่น

สภาวะฌานของผม เหมือนในพระไตรปิฎก

แบบนี้คุณจะเข้าใจไหมครับ

ที่ผมอ้างมา ทำตัวแดงไว้ นี่ก็ลักษณะคุณตำหนิคนอื่น

ตำหนิตนเองเถิดครับ

ถ้าปฏิบัติตามพระไตรปิฎก ก็เพ่งโทษ ติเตียนตนเองเถิดครับ เพราะเที่ยวตำหนิติเตียนคนอื่น
ก็ไม่ได้ให้คุณดีขึ้นหรอกครับ

อตฺตนา โจทยตฺตานํ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กามโภคี เขียน:
ที่ว่าตามพระไตรปิฎก ส่วนไหนละครับ
ที่ตอบมา กว้างไปหรือเปล่า

ถ้าทุกคนตอบลักษณะแบบคุณ เช่น

สภาวะฌานของผม เหมือนในพระไตรปิฎก

แบบนี้คุณจะเข้าใจไหมครับ



ถ้าการปฏิบัติของคุณกามโภคี เหมือนในพระไตรปิฏก เช่นนั้นก็เข้าใจครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2011, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2011, 11:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณกามโภคี ขอร่วมแชร์ประสบการณ์ปฏิบัติเกี่ยวกับ ฌานที่เป็นบาทของวิปัสสนา และวิปัสสนาที่ทำให้เกิดฌาน
ฌานที่เป็นบาทของวิปัสสนา คือทำสมถะจนได้ฌาน (อารัมมณูปนิชฌาน) และใช้องค์ฌานเป็นเครื่องรู้สุ่วิปัสสนา ปัญหาหนึ่งที่ฌานจากสมถะจะยกขึ้นวิปัสสนาได้ยากเนื่องจากขณะทำสมถะต้องทำจิตให้แนบแน่นกับสมาธิ(เกาะยึด) การเกาะยึดจะทำให้เกิดอุปาทานหนาแน่น ซึ่งทำให้ไม่เห็นไตรลักษณ์ จึงต้องลดกำลังสมาธิลงสู่อุปจารฌาน และหากเป็นฌานที่เกิดจากกสิณที่แนบแน่นกว่าอานาปานก็อาจต้องลดถึงขณิกสมาธิ จึงรู้กาย เวทนา จิต และธรรมต่อไป

ข้อเด่นของสมาธิที่มาจากสมถะ คือหากสามารถยกขึ้นวิปัสสนาได้ จะผ่านวิปัสสนาญาณ อย่างรวดเร็ว แต่มีข้อด้อยคือยกขึ้นสุ่วิปัสสนาได้ยาก เนื่องจากติดอุปนิสัยการเพ่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของวิปัสสนา

วิปัสสนาที่ทำให้เกิดฌาน(ลักขณูปณิชฌาน) คือการปฎิบัติจึงมุ่งเน้นพิจารณารูปนามตามความเป็นจริง
สิ่งสำคัญคือการวางใจที่เป็นธรรมชาติ สบายๆ โดยไม่เอาตัวตนเข้าไปสร้างเงื่อนใขกับสภาวธรรมเหมือนสมถะ หากจะใช้ลมหายใจเป็นเครื่องรู้ก็ต้องไม่ควบคุม รู้เท่าที่รู้ ไมใช่รู้เพราะอยากจะรู้ ไม่ต้องกำหนดตำแหน่ง เพราะอย่างไรก็ตามก็ต้องที่จมูก หรือที่ท้องอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อรู้ลมหายใจเข้าออกด้วยความเป็นกลางแล้ว จะมีการคลายสังขารของรูปนามเป็นความคิด ฟุ้งซ่าน ความอึดอัด ความร้อน ซึ่งเป็นนักปฏิบัติมักปฏิเสธเพราะคิดว่ามาจากภายนอก ที่จริงมาจากภายในที่เราได้สะสมของเสียไว้ หากพื้นที่ของกายและจิตมีแต่ของเสีย กายและจิตจะสะอาดได้อย่างไร เมื่อการปฎิบัติตรงตามหลักแล้ว จึงเป็นสัมมาสมาธิโดยมีความสมดุลของสัมปชัญญะและสมาธิ สภาวธรรมความเปลียนแปลงหรือความเกิดดับที่เกิดขึ้นจะคลายสังขารตั้งแต่หยาบที่สุดคือนิวรณ์ จนกระทั่งละเอียดยิ่งขึ้น จิตจะเริ่มสงบระงับจากขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิจิตจะเริ่มรวมตัวดิ่งลง จนกระทั่งถึงระดับหนึ่งจะเกิดความเกิดดับที่เร็วมากซึ่งแตกต่างจากที่เคยพบ 2-3 ขณะ จิตเคลื่อนสู่สมาธิ(ปฐมฌาน)ที่มีความแนบแน่นตำแหน่งเหนือสะดือ จิตทรงตัวอยู่องค์ธรรมที่ประกอบได้แก่ วิตก วิจาร ปิติ สุข และเอกัตคตา ผู้ปฏิบัติพึงระลึกรู้ในองค์ธรรมคือ ปิติ สุข ซึงสมาธิระดับนี้ปิติจะมีกำลังมากกว่าสุขและเอกัตคตา :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 104 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร